Reincarnation Of The Strongest Sword God 2666

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2666 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2666 อัพเกรดวิญญาณ และโดเมนธรรมชาติ

สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ออฟฟิศหัวหน้ากิล :

ซือเฟิงลืมตาขึ้นบนเก้าอี้ของเขา ในขณะที่จิตใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย

เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาเปิดใช้งานวงเวทย์หลักของวงเวทย์วิญญาณสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาวงเวทย์วิญญาณก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆจนไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย ซึ่งมันก็ราวกับว่าวงเวทย์วิญญาณนั้นไม่เคยมีอยู่ในจิตใจของเขามาก่อน

“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? สรุปฉันทำสำเร็จหรือล้มเหลว ?”

หลังจากยืนยันว่าไม่มีวงเวทย์วิญญาณอยู่แล้ว ซือเฟิงก็ได้ลองพยายามขยับร่างกายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่พบการเปลี่ยนแปลงหรือความรู้สึกไม่สบายในร่างกายของเขาเลย ซึ่งมันราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตา

จากสิ่งที่เขาเข้าใจเกี่ยวกับวงเวทย์วิญญาณ ตราบใดที่ผู้เล่นเปิดใช้งานวงเวทย์วิญญาณสำเร็จ วิญญาณของพวกเขาก็จะได้รับการอัพเกรด และความสามารถตามธรรมชาติของตัวละครในเกมก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทางกลับกัน หากผู้เล่นล้มเหลวในการเปิดใช้งานวงเวทย์วิญญาณ วิญญาณของพวกเขาก็จะถูกกลืนกิน และความสามารถตามธรรมชาติของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมาก ซึ่งมันจะช่วยลดโอกาสในการปรับปรุงต่อไปเกือบทั้งหมด

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากับไม่รู้สึกแตกต่างจากก่อนที่เขาพยายามจะเปิดใช้งานวงเวทย์วิญญาณเลย ทั้งร่างและจิตใจของเขาตอนนี้มันอยู่ในสภาพปกติ ไม่ได้รู้สึกกระฉับกระเฉงหรือเฉื่อยชา

“สรุปวงเวทย์วิญญาณนั่นเป็นแค่เรื่องหลอกลวงงั้นหรอ ?”

หลังจากไตร่ตรองมาระยะหนึ่งแล้ว ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะหาข้อสรุปใดได้นอกจากเรื่องนี้ หรือไม่ก็แทนที่มันจะเป็นวงเวทย์วิญญาณที่แท้จริง มันอาจจะเป็นเพียงตราประทับที่ค่อนข้างพิเศษกว่าปกตินิดหน่อยก็ได้ มันไม่มีคำอธิบายใดที่สมเหตุสมผลกว่านี้
แน่นอนว่ามันก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเช่นกันคือข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมาเกี่ยวกับวงเวทย์วิญญาณในอดีตนั้นเป็นเรื่องเท็จ วงเวทย์วิญญาณอาจจะไม่มีความสามารถในการอัพเกรดวิญญาณของผู้เล่นเลย และทุกคนที่เคยได้สัมผัสกับมันก็ล้วนจินตนาการไปเองเท่านั้น

ณ จุดนี้ ซือเฟิงไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจออกมา

หากเป็นแบบนี้จริงๆ มันก็คงจะนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่มากๆของเขาในครั้งนี้

เขาได้ใช้คริสตัลเทพเจ้าหนึ่งชิ้นเพื่อทำการรีเซ็ตคูลดาวน์ของหัวใจแห่งออกัสตัสที่ได้รับความเสียหาย และก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเหลือในการพัฒนาของแกนหลักส่วนใหญ่ในกิล เขาก็ได้ใช้คริสตัลเทพเจ้าที่มีไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งเขาก็ได้เก็บไว้ชิ้นเดียวเพื่อไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆ และตอนนี้เขาก็ได้ใช้มันไปแล้ว ….

ในระหว่างที่ความรู้สึกหดหู่กำลังเข้ากลืนกินจิตใจของซือเฟิงเต็มไปหมด ยู่หลานก็เคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

“หัวหน้ากิล เมลานโครอิคสไมล์และคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว นอกจากนี้ NPC พิการมากกว่าสามร้อยคนก็ได้เข้ามาถึงลานในสถานที่พักกิลแล้วเช่นกัน ตอนนี้เราสามารถเริ่มทุกอย่างได้ตลอดเวลา” ยู่หลานกล่าวกับซือเฟิงที่มีใบหน้าหดหู่

“เอาล่ะ ให้ NPC เหล่านั้นไปรออยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สองก่อน แล้วก็ให้เมลานโครอิคสไมล์ไปเตรียมการเช่นกัน เพราะฉันก็ต้องการเวลาเตรียมการด้านตัวเองนิดหน่อยด้วย ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า

“ฉันจะแจ้งให้พวกเขาทราบทันที” ยู่กล่าวก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไป

หลังจากที่เธอออกไป ซือเฟิงก็ได้นำคริสตัลความทรงจำที่ได้รับจากนักบุญแห่งดาบคริมสันอายมอบให้เขาออกมา เนื่องจากพลังงานแห่งนิรันดร์จากหัวใจแห่งออกัสตัสที่ได้รับความเสียหายนั้นยังคงมีผลอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้วางแผนจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้มรดกของเอลโวลต์

ใน God domain คริสตัลเทพเจ้านั้นหายากยิ่งกว่าอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคด้วยซ้ำ การจะได้เจอกับมันนั้นแทบจะเรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับโชคอย่างมาก

ตอนนี้เขาได้เสียคริสตัลเทพเจ้าไปเพื่อรีเซ็ทคูลดาวน์หัวใจแห่งออกัสตัสที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจึงจะไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปแม้แต่วินาทีเดียว ไม่งั้นเขาจะต้องรอสามเดือนก่อนที่จะเปิดใช้งานหัวใจแห่งออกัสตัสที่ได้รับความเสียหายได้อีกครั้ง นอกซะจากว่าเขาจะได้รับคริสตัลเทพเจ้ามาเพิ่มอีกชิ้น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ซือเฟิงพยายามจะฉีดมานาของเขาเข้าไปในคริสตัลความทรงจำ หมอกสีขาวก็ก่อตัวขึ้นรอบๆคริสตัลซึ่งมันทำให้เขาตกตะลึง

“นี่ …. มานาที่เป็นรูปธรรม ? เป็นไปได้ยังไง ?”

มานานั้นจับต้องไม่ได้ ผู้เล่นสามารถใช้เพียงประสาทสัมผัสและจินตนาการในการควบคุมมัน ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็สามารถควบคุมมานาได้แบบง่ายๆเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการจะทำแบบที่ซือเฟิงทำให้ได้ตอนนี้นั้นมันยากเกินกว่าความสามารถของผู้เล่นขั้นสี่ในชีวิตที่ผ่านมาส่วนใหญ่ของเขาด้วยซ้ำ

และโดยปกติผู้เล่นจะทำแบบที่ซือเฟิงทำได้ก็หลังจากที่พวกเขากลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงหรือสูงกว่าแล้วเท่านั้น

ขณะเดียวกันตอนนี้ซือเฟิงพึ่งจะบรรลุมาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลาง แต่มานาที่เป็นรูปธรรมนี้มันก็เหมือนการบ่งชี้ว่าเขาได้กลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงแล้ว เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

ปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูง!!

แม้ว่าอาชีพนักเวทย์แบบนี้จะเป็นเพียงอาชีพรองใน God domain แต่มาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงก็ล้วนเป็นขอบเขตที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนต้องการจะเข้าให้ถึง

เพราะที่มาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูง ผู้เล่นจะสามารถพึ่งพาความตั้งใจของพวกเขาในการจัดการกับมานารอบๆตัวเขาโดยใช้มานาราวกับมันเป็นส่วนเสริมของร่างกายได้ พวกเขาสามารถจะมีโดเมนธรรมชาติเป็นของตัวเองได้ !!

ขณะเดียวกันผู้เล่นขั้นสามที่สามารถไปถึงมาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงได้ก็จะจัดว่าเป็นอมตะเลยในหมู่สิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่ ดังนั้นเราก็น่าจะสามารถจินตนการกันได้อย่างง่ายๆเลยว่าอาชีพของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงนั้นทรงพลังมากขนาดไหน

“นี่เป็นเอฟเฟคของวงเวทย์วิญญาณงั้นหรอ ?” นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่ซือเฟิงสามารถคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้ หลังจากครุ่นคิดแล้ว

การจัดการมานาที่ไม่มีตัวตนนั้นมันเป็นงานที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้เล่นต้องใช้เวลามากในการปรับความคิดก่อนที่จะทำได้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาสามารถควบคุมมานาได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะยังไม่ได้ปรับความคิดใดๆ ซึ่งมันราวกับว่าจิตใจของเขาทำให้กระบวนการนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติสำหรับเขา

“มหัศจรรย์มาก !!! มหัศจรรย์จริงๆ !!! มันสุดยอดมากๆ !!! การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของฉันมันท้าทายสวรรค์ฺอย่างแท้จริง !!!” ซือเฟิงเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ในขณะที่เขาควบคุมโดเมนมานาธรรมชาติที่ก่อตัวขึ้นรอบตัวเขา

ปัจจุบันเขาสามารถควบคุมมานาทั้งหมดในรัศมีสามสิบหหลาได้อย่างอิสระราวกับมันเป็นแขนขา ข้างหนึ่งของเขา และด้วยความคิด เขาก็สามารถสั่งให้มานาโดยรอบโจมตีใครบางคนได้ ยิ่งไกว่านั้นการโจมตีนี้จะมีพลังที่จุดสูงสุดของขั้นสาม เมื่อเขาใช้แค่มานาโดยรอบ และถ้าเขาใช้เวทย์ AOE ที่ทรงพลังของเขา พลังที่เขาจะแสดงออกมาได้ มันก็จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาก

หลังจากช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นชั่วครู่ ซือเฟิงก็สงบตัวเอง ก่อนที่เขาจะนำคริสตัลความทรงจำของเอลโวลต์เก็บกลับเข้าไป จากนั้นเขาก็หยิบสมุดบันทึกที่ขาดรุ่งริ่ง
ออกมาจากกระเป๋าของเขา

“เดิมทีฉันคิดว่า ฉันจะเรียนรู้เนื้อหาของสิ่งนี้ได้ก็ต่อเมื่อไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้น ฉันไม่เคยคิดฝันเลยว่า ฉันจะได้เรียนรู้มันอย่างรวดเร็วแบบนี้ …. Faux Saint Devourer มันช่วยฉันได้มากจริงๆ …” ซือเฟิงพึมพำพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปที่สมุดบันทึกในมือของเขา

สมุดบันทึกที่เขาถือนั้น มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสมุดบันทึกมานา (แบบแปลนมานาพิเศษนั่นแหละ ) ที่เขาได้รับมาจากช่างตีเหล็กระดับพระเจ้าอัลบา เกรย์ และแม้ว่าเขาจะมีสมุดนี้แค่เล่มเดียว แต่มูลค่าของมันก็สามารถจะเทียบเคียงกับไอเทมระดับตำนานได้อย่างง่ายดาย

นี่เป็นเพราะเทคนิคมานาช่างตีเหล็กในนี้ที่ถูกบันทึกไว้นั้นมันสามารถจะใช้เป็นรากฐานของอาณาจักรหนึ่งได้เลย

และแน่นอนว่าการจะเรียนรู้เทคนิคนี้ก็เป็นเรื่องยากอย่างมาก เพราะประการแรก ผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้เทคนิคนี้จะต้องมาถึงมาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูง

ข้อกำหนดนี้เป็นเพราะเทคนิคมานาช่างตีเหล็กของอัลบา เกรย์ นั้นแตกต่างจากเทคนิคมานาช่างตีเหล็กแบบดั้งเดิมมากๆ เพราะเทคนิคมานาของอัลบา เกรย์นั้นไม่ได้เน้นไปที่การจัดลำดับความสำคัญของวัสดุ แต่เน้นไปที่การให้ความสำคัญกับมานา ขณะที่วัสดุมีความสำคัญรองลงมาแทน ซึ่งเทคนิคมานาช่างตีเหล็กของอัลบา เกรย์ นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นเทคโนโลยีโบราณที่หายสาบสูญไปก็ได้

ซือเฟิงเริ่มจัดการใช้มานารอบตัวของเขาทันทีเพื่อทำลายผนึกมานาบนสมุดบันทึก

ซึ่งในขั้นตอนนี้ทั้งหมด มันก็จะต้องทำอย่างประณีตมากๆ เพราะหากใช้กำลังที่ดุร้าย มันก็มีสิทที่เนื้อหาในสมุดบันทึกจะถูกทำลายไปอย่างถาวร และในขั้นตอนนี้นั้น ผู้ที่จะทำได้มันก็มีแค่ผู้ที่สามารถจัดการมานาได้อย่างอิสระ กับมีโดเมนธรรมชาติเป็นของตัวเองเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมซือเฟิงถึงทิ้งสมุดบันทึกนี้ไว้ในกระเป๋าของเขาตลอดเวลา

หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลาสองชั่วโมง ซือเฟิงก็สามารถจัดการทำลายผนึกมานาทั้งหมดของวงเวทย์ในสมุดบันทึกมานาช่างตีเหล็กได้

ทันใดนั้นมานาทั้งหมดก็เข้ามารวมตัวกันที่สมุดบันทึกมานา ก่อนที่สมุดบันทึกมานาจะค่อยสลายกลายเป็นไอมานา และไหลเข้าสู่สมองของซือเฟิง ซึ่งมันทำใหเกิดเขาได้เห็นภาพและรับรู้ถึงข้อมูลจำนวนมหาศาล

และในตอนนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกราวกับว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด

จำนวนข้อมูลที่อยู่ในสมุดบันทึกนี้นั้นเทียบได้กับข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเลย ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงขั้นสี่แล้ว เขาคงหมดสติไปอย่างแน่นอน
การถ่ายโอนข้อมูลดำเนินไปเป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาที ก่อนที่สมุดบันทึกมานาจะกลับมาเป็นรูปร่าง และผนึกมานาก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง …. สำหรับซือเฟิงตอนนี้หน้าของเขาซีดมากๆ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวนั่งลง แต่ดวงตาของเขากับเปล่งประกายไปด้วยความสุขและตื่นเต้น

ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้หายจากอาการทั้งหมดนี้ ยู่หลานก็โทรติดต่อเขาเข้ามา

“หัวหน้ากิล เราพึ่งได้รับข่าวมาว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint กำลังข้ามพรหมแดนของอาณาจักรสตาร์มูนมา และจากการประมาณการคร่าวๆถึงจำนวนของพวกมัน ก็น่าจะมีมากกว่าสี่ล้าน และเราก็ได้เห็นสมาชิกของมือแห่งนักบุญอยู่ท่ามกลางมอน
สเตอร์เหล่านี้ด้วย” ยู่หลานรายงานอย่างใจจดใจจ่อ

“ในที่สุดพวกนั้นก็มากันแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงยิ้มบางๆออกมา เมื่อได้รับรายงานจากยู่หลาน “ให้เมลานโครอิคสไมล์และคนอื่นๆเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นให้พร้อม ฉันจะตรงไปที่นั่นทันที !!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด