Reincarnation Of The Strongest Sword God 2776

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2776 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2776 การดวลกันระหว่างดาบกับโล่

“รอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของคุณ ?”

ไลอ้อนฮาร์ทตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง

แม้แต่วินเชเซอร์ และคริมสันบีโลว์เองก็ตกอยู่ในความงุนงงเป็นเวลานาน ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าซือเฟิงเพียงแค่ต้องการจะเล่นสนุกกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์

ตอนนี้เมื่อมองไปที่ซือเฟิง วินเชเซอร์ก็ได้กล่าวว่า “คุณแน่ใจหรอที่จะทำการทดสอบแบบนี้ ? นี่คุณรู้ไหมว่าผู้บัญชาการของเรามีอีกฉายาหนึ่งในเมืองอุกกาบาตว่ายังไง ?”

ในตอนแรกวินเชเซอร์คิดว่าซือเฟิงจะทำการทดสอบในแบบที่ยากมากๆ เพื่อให้เงื่อนไขและข้อตกลงทั้งหมดเป็นโมฆะ กระนั้นการทดสอบของซือเฟิงกับเป็นแค่การให้ไลอ้อนฮาร์ทรอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของเขาให้ได้

การทดสอบนี้มันเรียบง่ายและง่ายมากๆ

นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสี่ แม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายที่มีเลเวลสูงๆก็ยังไม่สามารถจะฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีเดียว และทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้ใช้พลังป้องกันที่น่ากลัวของไลอ้อนฮาร์ทนี่แหละเป็นแกนหลักให้พวกเขาพัฒนามาได้จนถึงระดับปัจจุบัน

มันจะจัดเป็นเรื่องตลก และบ้าชัดๆที่จะบอกว่าผู้เล่นขั้นสี่สามารถจะฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีเดียว

ครู่หนึ่งวินเชเซอร์เริ่มสงสัยแล้วว่า ซือเฟิงนั้นคิดว่าฉายาที่ไลอ้อนฮาร์ทได้รับมาเป็นเรื่องที่มันดูเว่อเกินความจริงรึปล่าว ? ….

“แน่นอน ฉันแน่ใจ” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อมาถึงตรงนี้ แม้แต่ยู่หลัวก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงแบบแปลกๆ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมซือเฟิงถึงเลือกตั้งบททดสอบที่ดูไร้ความหมายแบบนี้

เธอรู้ว่าซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากๆ และเขาก็แสดงให้เห็นมาแล้วในตอนที่เขาทำให้พวกหัวหน้าปีศาจมากกว่าสิบตัวปลิวกระเด็นไปในการโจมตีเดียว อย่างไรก็ตามไลอ้อนฮาร์ทนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆเช่นกัน ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้นั้น มันล้วนเกิดจากความสามารถและการต่อสู้ที่ผ่านมาของเขาทั้งหมด ….

วินเชเซอร์และคริมสันบีโลว์หันไปมองไลอ้อนฮาร์ท แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าไลอ้อนฮาร์ทคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่การทดสอบของซือเฟิงมันก็จัดว่าไม่ได้เป็นปัญหาใดเลยสำหรับพวกเขา หากให้เปรียบเทียบ มันก็เหมือนกับบัตรผ่านฟรีมากกว่า

ในขณะเดียวกันตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการเป็นพันธมิตรกันในระยะยาว ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็จะสามารถเข้าควบคุมเมืองอุกกาบาตได้อย่างสมบูรณ์ ในความเป็นจริงมันก็จะใช้เวลาไม่นานด้วย ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มตั้งสาขาของพวกเขาในเมือง NPC อื่นๆได้

และแม้ว่ากองกำลังของผู้เล่นในเมืองอื่นๆจะต่อต้านการเข้าไปของสกายแฟร์ แต่พวกเขาก็จะมีปัญหาในการจะทำแบบนั้นแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญอย่างแท้จริงในการต่อสู้ระหว่างกองกำลังก็คือผู้เล่นขั้นสี่ เรื่องที่ว่าผู้เล่นขั้นสี่สามารถจัดการผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากได้ด้วยตัวคนเดียวนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะทำหลายสิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามทำไม่ได้

นี่คือความแตกต่างของขั้น และชนชั้นสิ่งมีชีวิต

“ไม่มีปัญหา ฉันยอมรับเงื่อนไขการทดสอบของคุณ” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว หลังจากครุ่นคิด และสังเกตซือเฟิงสักพักแล้ว เขาก็แน่ใจว่าซือเฟิงไม่ได้ล้อเล่น “อย่างไรก็ตามเราจะทดสอบกันที่นี่งั้นหรอ ?”

ในความคิดของไลอ้อนฮาร์ท ซือเฟิงอาจจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอาชีพอัศวินเลือดของเขา ในฐานะที่มันเป็นหนึ่งในมรดกโบราณพิเศษหายากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain มันได้นำเสนอกิลที่เหนือกว่ามรดกขั้นสูงสุดทั่วไปมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาได้สวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่สามชิ้น ซึ่งก็คือ Bulwark of Holy Blood เกราะเวทย์วอย และแหวนกำแพงลม

แม้ว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสองชิ้นของเขาจะเป็นโล่ และเกราะ แต่มันก็ทำให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีเต็มกำลังของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายมี HP ที่สูง และพลังป้องกันที่เหนือกว่าเขา เขาก็จะสามารถโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้แล้ว หากมีพลังเพียงพอ แถมตอนนี้เขาก็ยังมีแหวนกำแพงลมที่ทำให้ความสามารถในการป้องกันของเขาสูงขึ้นไปอีก

“ที่นี่คงจะไม่ได้หรอก เราจะต้องเช่าห้องต่อสู้ขั้นสูง” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว

“ในกรณีนี้ งั้นไปที่โรงแรมสกายแฟร์ของเราดีกว่า เรามีห้องต่อสู้พิเศษอยู่ ที่นั่นมันน่าจะทำให้เราสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเราออกมาได้อย่างเต็มที่” ไลอ้อน
ฮาร์ทกล่าวแนะนำ

ห้องต่อสู้พิเศษ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของไลอ้อนฮาร์ท เขาไม่เคยคิดเลยว่าห้องต่อสู้พิเศษจะมีอยู่แล้วใน God domain ยุคโบราณ ห้องต่อสู้พิเศษนั้นมีความเหนือกว่าห้องต่อสู้ขั้นสูงมากๆ และมันก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้ฝึกสกิลและเวทย์ อย่างไรก็ตามห้องต่อสู้พิเศษนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับมาในระยะนี้ของเกม

“งั้นเราก็ไปที่โรงแรมสกายแฟร์กัน !!!”

ซือเฟิงตอบตกลง หลังจากนั้นเขาและยู่หลัวก็เดินตามกลุ่มของไลอ้อนฮาร์ทไปที่โรงแรมสกายแฟร์ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมูลไปเพียงหนึ่งช่วงตึก

ทันทีที่ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในโรงแรมสกายแฟร์ ยู่หลัวนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย โรงแรมสกายแฟร์นั้นไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆก็จะสามารถเข้ามาพักผ่อนได้ นอกจากสมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และสมาชิกที่เป็นพันธมิตรที่ได้รับส่วนลดห้าสิบเปอเซ็นต์ คนอื่นๆที่มาเข้าพักที่นี่จะถูกเรียกเก็บเต็มราคา โดยห้องธรรมดาที่สุดของที่นี่ก็มีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สี่ร้อยชิ้นต่อวันแล้ว

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตอนันต์แบบตัวเธอเองก็ยังไม่กล้าจะเข้ามาพักที่นี่ หากไม่ได้มีเหตุจำเป็น ในตอนที่เธอจำเป็นต้องตรวจสอบทฤษฎีและเทคนิคบางอย่างเท่านั้นเธอจึงจะเข้ามาพักที่นี่

สำหรับซือเฟิง เขารู้สึกราวกับว่าเขาพึ่งจะเดินเข้ามาในสนามฝึกอันศักสิทธิ์ ความหนาแน่นของมานาที่นี่นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ มันหนาแน่นกว่าแม้กระทั่งโรงแรมอิสระของเมืองป่าหิน ในความเป็นจริงตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงธาตุเวทย์เพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์เลย หากเทียบกับโรงแรมเดิมที่เขาเคยพักอยู่

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจว่าจะสามารถทำธุรกรรมเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ได้สามล้านชิ้นต่อสัปดาห์ ในเวลานี้ซือเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมไลอ้อนฮาร์ทถึงมั่นใจในความสามารถของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มากนัก

ในขณะเดียวกันการมาถึงของซือเฟิง และยู่หลัว มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้บริหารของโรงแรมสกายแฟร์

“ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายที่ชื่อแบล๊คเฟรมนั่นต้องการจะทดสอบผู้บัญชาการของเรา”

“อะไรนะ ?! ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่เขาคิดว่าผู้บัญชาการเป็นคนที่เขาจะสามารถทดสอบได้งั้นหรอ ? ต่อให้ผู้บัญชาการยืนอยู่เฉยๆ และไม่ทำอะไร เขาก็จะไม่สามารถทำให้ผู้บัญชาการาดเจ็บได้แม้แต่น้อยแน่นอน !!!”

“มันไม่ใช่การ PvP ต่อสู้แบบทั่วไป เขาแค่ต้องการให้ผู้บัญชาการรอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของเขาให้ได้เท่านั้น”

“ดูเหมือนว่าคนๆนี้น่าจะพยายามแสดงความแข็งแกร่งให้กับทีมนักผจญภัยของเราเห็น และเขาก็คงกังวลว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะผู้บัญชาการของเราได้ เขาจึงได้ตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมา เพราะท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำให้ผู้บัญชาการบาดเจ็บได้ แต่เขาก็ยังจะสามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ได้”

เมื่อผู้บริหารของโรงแรมสกกายแฟร์หลายสิบคนเห็นซือเฟิง พวกเขาก็ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเบาๆทันที พวกเขารู้สึกว่าที่ซือเฟิงต้องการจะทำแบบนี้นั่นเป็นเพราะเขาต้องการจะแสดงความสามารถของตัวเองออกมาให้ตัวเองได้รับความเคารพ แต่เขาก็ยังกังวลว่าตัวเองจะดูโง่เกินไป ….

อย่างไรก็ตามในความคิดของพวกเขา การกระทำของซือเฟิงมันก็จัดว่าไร้จุดหมายมากๆ เพราะท้ายที่สุดในตอนที่ไลอ้อนฮาร์ทดวลกับผู้เล่นคนอื่นๆ เขาแทบจะไม่เคยต้องใช้ความแข็งแกร่งเต็มที่เพื่อให้ได้รับชัยชนะมาเลย

แม้แต่วินเชเซอร์ที่มาถึงขั้นสี่แล้วก็แทบจะทำอะไรกับไลอ้อนฮาร์ทไม่ได้ และแม้ว่าในท้ายที่สุดวินเชเซอร์จะได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับไลอ้อนฮาร์ท แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะนั่นก็คือการลากการต่อสู้ออกไป และดักโจมตีลด HP ไลอ้อนฮาร์ทไปเรื่อยๆจนเวลาหมดลง สำหรับการจะทำให้ HP ของไลอ้อนฮาร์ทหมดไปนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย ….

หลังจากนั้นไม่นานเหล่าผู้บริหารทั้งหมดของโรงแรมก็ได้เข้ามานั่งกันจนเต็มความจุผู้ชมของห้องต่อสู้พิเศษ ผู้บริหารบางคนถึงกับละทิ้งงานของตัวเองมาเพื่อดูการทดสอบในครั้งนี้เลย เพราะท้ายที่สุดไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่เคยได้ต่อสู้เลย นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาต่อสู้กับวินเชเซอร์ในตอนที่พึ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขั้นสี่ และในตอนนี้ไลอ้อนฮาร์ทไม่เพียงแต่จะได้รับสกิลมรดกขั้นสี่สกิลใหม่มา แต่เขายังได้รับแหวนกำแพงลมที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่เน้นการป้องกันมาด้วย

ณ จุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการของพวกเขานั้นเกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

ในขณะที่เหล่าผู้บริหารของสกายแฟร์กำลังรอให้การดวลเริ่มขึ้น ซือเฟิงและไลอ้อนฮาร์ทก็ได้มายืนอยู่ตรงกลางห้องที่เป็นสนามประลองแล้ว และ ณ จุดนี้นักสู้ทั้งสองก็ได้ปรับเงื่อนไขทั้งหมดเรียบร้อย และเตรียมพร้อมจะเริ่มกันได้ทุกเมื่อแล้ว

“ฉันพร้อมแล้ว คุณสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อที่ต้องการเลย” ไลอ้อนฮาร์ทพูด ในขณะที่เขายกโล่ และดาบยาวของเขาขึ้น จากนั้นอักษรรูนสีแดงเข้มที่ถูกสลักไว้ที่โล่และดาบยาวก็เริ่มรวบรวมมานาโดยรอบเข้ามาหาเขา ….

ในตอนนี้ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้หยุดปกปิดข้อมูลของตัวเอง และโชว์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขามี HP สิบหกล้านหกแสนซึ่งถือว่าสูงมากๆแม้แต่ในหมู่อาชีพสายป้องกันขั้นสี่ก็ตาม

ไลอ้อนฮาร์ท์นั้นจงใจจะทำแบบนี้ เพราะว่าเขาอยากให้ซือเฟิงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา

เขามี HP สิบหกล้านหกแสน ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ยู่หลัวอ้าปากค้าง เมื่อเธอได้เห็น HP ของไลอ้อนฮาร์ท

ในฐานะที่เป็นผู้เล่นอาชีพสายป้องกัน ไลอ้อนฮาร์ทก็มีพลังป้องกันที่สูงอย่างไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว และนี่ก็ยังไม่นับรวม HP ที่เขาพึ่งแสดงออกมา และสกิลของเขาอีก เขามันสัตว์ประหลาดเดินได้ชัดๆ
เมื่อได้เห็นดังนี้ ยู่หลัวก็คิดแล้วว่ามันไม่มีทางที่ซือเฟิงจะสามารถฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีครั้งเดียวแน่นอน แม้ว่าฝ่ายหลังจะไม่ได้ทำการป้องกันใดๆเลยก็ตาม และมันก็จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้าซือเฟิงสามารถลด HP ของไลอ้อน
ฮาร์ทลงไปได้สักหนึ่งในสามในการโจมตีเดียว

“น่าทึ่งจริงๆ !! อาชีพสายป้องกันขั้นสี่นั้นส่วนใหญ่จะมี HP อยู่แค่เก้าล้านเท่านั้นโดยเฉลี่ย แต่คุณกับมีมากกว่านั้นเกือบสองเท่า” ซือเฟิงกล่าวด้วยความชื่นชม

“มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก มันเป็นเพราะมรดกของฉันนั่นแหละ …”

ไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคำชื่นชมของซือเฟิง ในทางตรงกันข้าม เขาต้องการจะใช้โอกาสนี้ทำให้ซือเฟิงตระหนักถึงศักยภาพของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์แพ้ซือเฟิงมาแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขารู้ถึงการมีอยู่ของคริมสันบีโลว์ และวินด์เชเซอร์

“เมื่อคุณพร้อมแล้ว งั้นฉันก็จะเริ่มเลย !!!” ซือเฟิงนั้นเข้าใจดีว่าไลอ้อนฮาร์ทกำลังคิดอะไรอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไลอ้อนฮาร์ทไม่ได้ตระหนักถึงเป้าหมายของซือเฟิงเลย

“เข้ามา !!!” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางยกโล่ของเขาขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

หลังจากนั้นไม่เพียงแต่ออร่าของไลอ้อนฮาร์ทจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แต่มันยังมีบาเรียสีแดงเลือดจางๆปรากฎขึ้นรอบตัวเขาด้วย

“อึก !!! ผู้บัญชาการกำลังเอาจริง !!! เขาได้เลือกจะใช้ความสามารถทุกอย่างที่เขามี รวมไปถึงร่างมานาของเขาทันทีเลย ….” รองผู้บัญชาการของสกายแฟร์คนหนึ่ง ที่เป็นชิลวอริเออร์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสองกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เกราะเลือด !

นี่คือสกิลมรดกขั้นสี่ที่ไลอ้อนฮาร์ทได้รับมา หลังจากที่เขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์

แม้ว่าบาเรียนี้จะดูบอบบางมาก แต่มันก็สามารถจะดูดซับความเสียหายได้มากถึงห้าล้าน ยิ่งไปกว่านั้นบาเรียยังจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทุกๆสี่สิบวินาที กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าล้มเหลวที่จะสร้างความเสียหายให้ไลอ้อนฮาร์ทได้ห้าล้านภายในสี่สิบวินาที มันก็จะไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้จนกว่าสกิลนี้จะหมดผลไปเองเลย ในตอนที่ดวลกับวินเชเซอร์ เมื่อไลอ้อนฮาร์ทใช้สกิลนี้ วินเชเซอร์ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามก่อนที่สมาชิกของสกายแฟร์จะทันได้ชื่นชมกับความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการของพวกเขา พวกเขาก็ได้เห็นซือเฟิงชัก Abyssal Blade ออกจากฝัก หลังจากนั้นทุกคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามานาในห้องนั้นสั่นสะท้าน และถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ !!

ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ ซือเฟิงก็ได้ยก Abyssal Blade ของเขาขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง และมองไปที่ไลอ้อนฮาร์ท จากนั้นมานาภายในห้องต่อสู้พิเศษก็เริ่มเดือดขึ้น ปรากฎการณ์นี้มันทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นทุกคนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่เข้าแผดเผาร่างกายของพวกเขา

“นี่ … มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!” เมื่อวินเชเซอร์สัมผัสได้ถึงมานาที่อยู่รอบตัวเขา เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เพราะท้ายที่สุดห้องต่อสู้พิเศษนั้นมันมีขนาดใหญ่มาก และมันก็มีพื้นที่ที่มีรัศมีหนึ่งพันหลา ซึ่งมากพอจะให้ผู้เล่นขั้นสี่ได้ต่อสู้กันอย่างเต็มที่

แต่ถึงกระนั้นซือเฟิงก็ทำให้มานาในห้องต่อสู้พิเศษทั้งหมดเดือดได้โดยเพียงแค่เริ่มขยับตัว

เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย !!

ในเวลานี้ไลอ้อนฮาร์ทก็จ้องมองซือเฟิงในแบบที่เปลี่ยนไปเช่นกัน หากแค่การขยับตัวของซือเฟิงยังทำให้เกิดปรากฎการณ์แบบนี้ได้ ความแข็งแกร่งของซือเฟิงก็จะต้องมากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกมาก

อย่างไรก็ตามก่อนที่ไลอ้อนฮาร์ทจะทันได้ดำเนินการใดๆเพิ่มเติม การไหลของเวลาในห้องต่อสู้พิเศษก็ดูเหมือนจะช้าลง และสิ่งเดียวที่ดูจะสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นปกติก็คือ ดาบของซือเฟิง

ดาบที่สอง โฮลี่ดีวอร์ !!

เมื่อซือเฟิงสะบัดดาบของเขาเข้าใส่ไลอ้อนฮาร์ท มันก็บังเกิดแรงกดดันที่เข้าปกคลุมไปทั่วห้อง

หลังจากนั้นพื้นที่ภายในห้องบางส่วนก็ลุกเป็นไฟ ราวกับว่ามันไม่สามารถจะทนต่อแรงกดดันที่น่ากลัวและรุนแรงของเปลวไฟที่เกิดนี้ได้ และเปลวไฟนี้ มันก็ดูเหมือนจะสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย

ไม่ดีแล้ว !!

กำแพงเลือดศักสิทธิ์ !!!

Four Saints’ Descent !!!

เมื่อได้เห็นเปลวไฟที่ดูน่ากลัวนี้กำลังพุ่งเข้ามา ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลป้องกันของเขาอย่างกำแพงเลือดศักสิทธิ์ ก่อนที่เขาจะกระแทกโล่ของเขาลงบนพื้น และเปิดใช้งานสกิลมรดกป้องกันขั้นสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทันที

ช่วงเวลาต่อมา วงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า Bulwark of Holy Blood หลังจากนั้นมันก็ตามมาด้วยโล่ของไลอ้อนฮาร์ทที่เริ่มกลายเป็นสีแดงเลือดและค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงราวสิบเมตร ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับกำแพงเหล็กเลย แถมอักษรรูนสีแดงยังค่อยๆเข้าปกคลุมไปทั่วตัวของไลอ้อน
ฮาร์ทด้วย ….

และในเวลาที่ไลอ้อนฮาร์ทเปิดใช้งานสกิล Four Saints’ Descent เปลวไฟขนาดยักษ์ก็ได้เข้ามากลืนกินเขาแล้ว

ตู้ม !!

พร้อมกับที่มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้น สนามประลองภายในห้องต่อสู้พิเศษก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าอันมืดมิด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด