Reincarnation Of The Strongest Sword God 2782

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2782 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2782 ซือเฟิงผู้ร่ำรวย

“ราคาสูงกว่าตลาดสองเท่างั้นหรอ ?”

เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

จากข้อมูลที่เขาได้ยินมาจากเครุย ราคาซื้อขายของคะแนนสะสมมันน่าจะสูงกว่าราคาตลาดไม่เกิน 1.5 เท่า และนั่นมันก็เป็นช่วงที่การแข่งขันอยู่ในจุดดุเดือดที่สุด ดังนั้นการมาเสนอราคาที่สูงกว่าราคาตลาดด้วย และในเวลาแบบนี้ด้วย มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลย

แม้ว่าหากจะคิดรวมเรื่องข่าวที่ว่าบริษัทกรีนก๊อดจะให้ยี่สิบอันดับแรกแลกเปลี่ยนไอเทมได้จำนวนหนึ่งจากชั้นกลาง ราคามันก็ยังดูสูงเกินจริงอยู่นิดหน่อย ….

สำหรับเขาตอนแรกที่เขายังไม่ได้รู้ข้อมูลของสามอันดับแรกนั้น เขาก็คิดว่าเขาน่าจะขึ้นไปติดสามอันดับแรกได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามหลังจากได้รู้ข้อมูลของผู้ที่ติดสามอันดับแรกแล้ว เขาก็เลิกคิดถึงการขึ้นไปติดสามอันดับแรกเลย ….

เพราะมันเป็นไปได้สำหรับทั้งสามคนนี้ที่จะได้รับคะแนนสะสมมาเป็นล้านแต้ม หากพวกเขาเริ่มเอาจริง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเขาต้องการจะสู้เพื่อสามอันดับแรก เขาจะต้องมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยหนึ่งแสนชิ้น

ซึ่งเขาจะไปหาคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากขนาดนี้มาจากไหนกัน ?

แม้ว่าจะรวบรวมมหาอำนาจจำนวนนับโหลเข้าด้วยกัน หรือซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้ากิล แต่คนๆหนึ่งก็ยังจะไม่สามารถนำคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากขนาดนี้ออกมาใช้ได้แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง ….

ดังนั้นเขาจึงสามารถจะแข่งขันชิงสามอันดับแรกได้หลังจากที่สภาสิบแปดปีกเติบโตไปมากกว่านี้แล้วเท่านั้น สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ เขาไม่มีโอกาสแล้ว ….

แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในยุคโบราณของ God domain ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่า God domain ยุคปัจจุบัน แต่คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ มันก็ยังคงจัดว่าเป็นของหายากและล้ำค่ามากๆซึ่งมีอยู่ไม่มากนักใน God domain

และเท่าที่เขารู้ทวีปดวงตาก็รับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ในราคาที่สูงเสียดฟ้าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรต่างๆในชีวิตจริงเช่นกัน และตราบใดที่คนๆหนึ่งมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มากเพียงพอ คนๆนั้นก็จะสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ใจกลางทวีปดวงดาวได้โดยตรง และคนๆนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรไปอีกเลยตลอดชีวิต ดังนั้นการต่อสู้ภายใน God domain ยุคโบราณเพื่อแย่งชิงสิ่งนี้ มันจึงมีความดุเดือดและรุนแรงมากเช่นกัน

ตอนนี้เมื่อเขาได้เข้ามาที่ Upper Zone นั้น ความเข้าใจทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับ God domain มันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันภายในเกม และการแข่งขันระหว่างผู้เล่น และการแข่งขันระหว่างกิล รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆทั้งในโลกแห่งเกมและความจริง

ดังนั้นเขาเมื่อคิดถึงปัจจัยนี้ทั้งหมด เขาจึงรู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างบ้าคลั่งใน God domain ยุคโบราณตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่อาจจะเอาชนะสามอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมได้แน่นอน

เป้าหมายในปัจจุบันของเขานั้นตราบใดที่เขาสามารถขึ้นไปติดยี่สิบอันดับแรก และแลกเปลี่ยนสิ่งที่เขาต้องการมาจากชั้นกลางได้ เขาก็พึงพอใจแล้ว

“ใช่แล้ว ในราคาที่สูงกว่าตลาดสองเท่า หัวหน้ากิลซือน่าจะเห็นถึงความจริงใจของนายน้อยหานดีจากเรื่องนี้” จั้วหลิงฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “ราคานี้มันจะมีไม่ถึงห้าคนหรอกในชั้นพื้นฐานที่จะสามารถเสนอให้กับคุณได้ !!!”

ในฐานะหนึ่งในบริษัทยักษ์นานาชาติของจีน บริษัทไฟฟ์สเตทนั้นมีรากฐานที่ลึกยิ่งกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไปมากๆ และด้วยความที่บริษัทมีทายาทที่เป็นอัจฉริยะอย่างหานอี้เฟิง มันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่จะเข้าสู่ชั้นกลางได้ บริษัทอยู่เหนือกว่าบริษัทอื่นๆทั่วไปอย่างมาก

ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ราคาสองเท่าก็ไม่เลว แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่ข้อเดียว”

หากมีคนมาติดต่อขอซื้อคะแนนสะสมในราคาสองเท่าแบบนี้ คนทั่วไปจะต้องตื่นเต้นมากๆแล้ว เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้พวกเขาสามารถได้รับสินค้าต่างๆของบริษัทกรีนก๊อดมาเพิ่มขึ้นอีก และมันก็จะเป็นผลดีอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ขาดแคลนทรัพยากร

“เงื่อนไข ? เงื่อนไขอะไร ?” จั้วหลิงฉิวขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในความคิดของเขาราคาที่เสนอไปมันก็จัดว่ามากพอแล้ว เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าซือเฟิงจะมีเงื่อนไขด้วย

“ฉันต้องการโพชั่นแห่งชีวิตและโพชั่นแฟนธ่อม หรือไม่ก็สินค้าที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างจำกัดในพื้นที่ชั้นกลางเป็นการแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมครั้งนี้” ซือเฟิงกล่าวตรงๆ “และฉันไม่ขอรับการแลกเปลี่ยนการทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นแบบอื่น”

สำหรับเขาคะแนนการค้าห้าล้านแต้ม มันก็เพียงพอที่จะให้เขาอยู่ไปได้พักหนึ่งในชั้นพื้นฐานโดยไม่ต้องคิดอะไรแล้ว การมีคะแนนการค้ามากขึ้น มันไม่ได้มีความหมายสำหรับเขา มีเพียงแค่พวกของที่เขากล่าวไปเท่านั้นที่มีค่ากับเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโพชั่นแห่งชีวิต และโพชั่นแฟนธ่อม ทั้งสองสิ่งนี้นั้นแทบจะไม่สามารถหาได้เลยในโลกภายนอก และแม้ว่าเขาจะทำการแลกเปลี่ยนมัน แต่เขาก็แลกเปลี่ยนได้แค่ปีละห้าขวดเท่านั้น ซึ่งจำนวนนี้มันไม่เพียงพอเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาต้องให้อควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวได้ใช้มันด้วย

“เงื่อนไขนี้มันมากเกินไป คุณก็น่าจะรู้ว่ามูลค่าของสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เกี่ยวกับคะแนนการค้าเลย !!! และคะแนนสะสมนั้นก็สามารถจะแลกเปลี่ยนได้เรื่อยๆทุกเมื่อที่ต้องการด้วย !!!” จั้วหลิงฉิวกล่าวปฎิเสธทันที “ยิ่งไปกว่านั้น มันจะไม่มีใครในชั้นพื้นฐานที่จะสามารถตอบสนองต่อเงื่อนไขแบบนี้ของคุณได้แน่นอน”

ไม่ว่าจะเป็นโพชั่นแห่งชีวิต หรือโพชั่นแฟนธ่อม พวกมันก็ล้วนเป็นของล้ำค่า ไม่ต้องพูดถึงสินค้าที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างจำกัดในชั้นกลางเลย ซึ่งมันจะไม่มีใครเอามาแลกเปลี่ยนแบบนี้แน่นอน

“งั้นเอาแบบนี้ …. ฉันจะแลกเปลี่ยนมันตามราคาตลาด โอเคไหม ?” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด

ท้ายที่สุดแล้วคะแนนการค้าในตอนนี้มันไม่จำเป็นสำหรับเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องลองพยายามเจรจาหาเงื่อนไขอื่นๆที่จะทำให้เขาได้รับประโยชน์ และยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่ายดู

“คุณ …” จั้วหลิงฉิวพูดไม่ออก ตอนนี้เขารู้สึกว่าซือเฟิงไม่ได้เข้าใจที่เขาพูดไปเลย ….

อย่างไรก็ตามก่อนที่จั้วหลิงฉิวจะทันได้ตอบกลับเสียงที่คุ้นหูก็ได้ดังมาเข้าหูของจั้วหลิงฉิวและซือเฟิง

“แม้แต่ราคาตามตลาดมันก็เป็นไปไม่ได้ …. และด้วยอำนาจของฉัน ฉันสามารถทำข้อเสนอราคาสองเท่านี้ได้เท่านั้น นี่คือที่สุดของฉันแล้ว …” หานอี้เฟิงกล่าวจากนาฬิกาควอนตัมของจั้วหลิงฉิวที่เขาได้ให้จั้วหลิงฉิวโทรค้างไว้ “และฉันก็เชื่อว่าในชั้นพื้นฐานนี้จะไม่มีใครที่สามารถเสนอราคาสูงไปกว่าฉันได้แล้วเช่นกัน”

“อืมมม …” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างยอมรับ เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะข้อเสนอแต่เดิมมันก็จัดว่าดีมากแล้ว

แม้ว่าสินค้าพวกนี้ใน Upper Zone จะปักป้ายไว้อยู่แล้วว่าสามารถมาแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่จำนวนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้มันก็น้อยมาก และหากคนๆหนึ่งต้องการจะได้รับเพิ่ม คนๆนั้นก็จะต้องยอมจ่ายมากขึ้น และถึงแม้จะจ่ายมากขึ้น บางครั้งก็ยังจะหาสินค้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่งั้นเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่คงจะไม่ปล่อยให้เด็กๆทั่วไปในตระกูลดิ้นรนด้วยตัวเองแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็เป็นอันตกลงตามนี้แล้วกัน อย่างไรก็ตาม ฉันจะขอกลับที่จุดเริ่มต้นของเราสักหน่อย …” หานอี้เฟิงกล่าว “การทำธุรกรรมแต่ละครั้งของเราจะต้องมีคะแนนสะสมเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นแต้ม ต่ำกว่านั้น ฉันไม่เอา ….”

“โอเค” ซือเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจความคิดของหานอี้เฟิงดี

การมีคะแนนสะสมแค่หลายพันคะแนนนั้นก็จะไม่ได้รับความสนใจจากหานอี้เฟิงแน่นอน สำหรับคะแนนสะสมห้าหมื่นแต้มที่เขามีตอนนี้ มันก็จะมีผลน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดหากสามอันดับแรกเอาจริง พวกเขาจะสามารถรับเอาคะแนนสะสมมาเป็นล้านได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหานอี้เฟิงจึงได้ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ให้ซือเฟิงไปสะสมคะแนนเพิ่มเติมแล้วค่อยมาทำธุรกรรมกับเขา
“เอาล่ะ เมื่อคุณพร้อมขายเมื่อไหร่ ก็ติดต่อฉันมาแล้วกัน …” หานอี้เฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะวางสายจากนาฬิกาควอนตัมของจั้วหลิงฉิวไป

เมื่อหานอี้เฟิงวางสายไป จั้วหลิงฉิวก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันที ปล่อยให้แต่ซือเฟิงยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว

เมื่อจั้วหลิงฉิวเดินกลับมาหาหานอี้เฟิงอีกครั้งเขาก็มีสีหน้าลังเล ….

“พูดมา มีอะไร ?” หานอี้เฟิงกล่าวพลางเหลือบไปมองจั้วหลิงฉิว

“นายน้อย การที่นายน้อยทำแบบนี้ ฉันกลัวจริงๆว่าว่าเราจะเจอกับสถานการณ์ลำบาก เมื่อขอซื้อคะแนนสะสมจากคนอื่นๆในอนาคต” จั้วหลิงฉิวกล่าวอย่างกังวล “แถม หากนายน้อยทำธุรกรรมจำนวนมากแบบนี้แล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจจะส่งผลไปถึงรากฐานของบริษัทที่จะใช้ดูแลเด็กๆของพวกเราในอนาคต”

“หื้ม ?” หานอี้เฟิงยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของจั้วหลิงฉิว “ถ้าเราไม่สามารถก้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ บริษัทไฟฟ์สเตทของเราก็จะยังคงเป็นแค่มดในสายตาของพวกที่อยู่สูงกว่า และถ้าตอนนี้เราไม่สู้เพื่อสิ่งนี้ เราจะไปสู้ตอนไหน ? และทางตระกูลก็ได้สัญญาแล้วว่าจะทุ่มเทสนับสนุนฉันทั้งหมด ซึ่งถ้าฉันไม่สู้เพื่อสิ่งนี้ จะให้ฉันสู้เพื่ออะไร ?”

“แต่ฉันกลัวว่าคะแนนสะสมจากซือเฟิงจะไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก” จั้วหลิงฉิวกล่าว

เมื่อเทียบกับสามอันดับแรกที่มีสิทจะได้รับคะแนนสะสมนับล้านทันทีหากเอาจริง คะแนนจากซือเฟิงมันดูเล็กน้อยไปเลย

“แน่นอน ฉันรู้เรื่องนี้ และการขอซื้อคะแนนจากซือเฟิงมันก็เป็นเพียงหนึ่งในช่องทางเล็กๆของฉันเพื่อปูทางไปสู่การได้รับคะแนนสะสมจำนวนมากเท่านั้นแหละ” หานอี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “พวกเหล่าผู้อาวุโส และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทบางส่วนได้ให้สัญญาบางอย่างกับฉันมาแล้ว ซึ่งฉันเชื่อว่ามันไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับฉันที่จะได้รับเพิ่มเติมมาอีกเจ็ดถึงแปดแสนคะแนน และหากฉันทำงานที่ได้รับมอบจากบริษัทกรีนก๊อดได้สำเร็จ รวมกับคะแนนที่รับซื้อเรื่อยๆ ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะสามารถขึ้นไปติดสามอันดับแรกได้ !!!”

เขาตั้งเป้าไว้แล้วว่ายังไงซะในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมครั้งนี้ เขาก็จะต้องติดสามอันดับแรกให้ได้

หลังจากหานอี้เฟิง และจั้วหลิงฉิวออกจากบริเวณนี้ไป ซือเฟิงก็ได้ตรงไปที่เค้าเตอร์แลกเปลี่ยนสินค้า

และในท้ายที่สุดหลังจากต่อแถวรอนานกว่าสิบนาที เขาก็ได้เลือกจะแลกเปลี่ยนโพชั่นแฟนธ่อม และโพชั่นแห่งชีวิต และโพชั่นเพิ่มพลังอย่างละห้าขวด ซึ่งมีราคารวมเป็นคะแนนการค้าเจ็ดหมื่นห้าพันแต้ม

ซึ่งในโลกภายนอกนั้นมันจะมีมูลค่าเท่ากับเจ็ดร้อยห้าสิบล้านเครดิต

สำหรับโพชั่นเพิ่มพลังนั้นเป็นโพชั่นที่มีคนแลกเปลี่ยนน้อยที่สุดใน Upper Zone เนื่องจากโพชั่นเพิ่มพลังนั้นมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือช่วยเสริมสร้างร่างกายทางกายภาพ ไม่มีผลอื่นใดนอกจากนี้

แต่ใน Upper Zone นั้น แม้ว่าคนๆหนึ่งจะไม่ออกกำลังใดๆ สมรรถภาพทางกายของคนๆนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ และหากออกกำลังทุกวัน สมรรถภาพทางกายก็จะเรียกว่าดีขึ้นจนน่าประหลาดใจเลย ดังนั้นการแลกเปลี่ยนโพชั่นเพิ่มพลังซึ่งมีราคาเป็นคะแนนการค้าห้าพันแต้มต่อขวดนั้นดูไม่จำเป็นเลย

อย่างไรก็ตามในมุมมองของซือเฟิง ยิ่งมีร่างกายทางกายภาพที่แข็งแกร่งและดีขึ้นมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งช่วยให้กิจกรรมทางสมองพัฒนาขึ้นเท่านั้น

ในหลายๆครั้งที่เขาไม่สามารถจะปรับปรุงต่อไปได้ มันก็เป็นเพราะสมรรถภาพทางกายของเขาอ่อนแอเกินไป หากเขามีสมรรถภาพทางกาย และร่างกายทางกายภาพที่แข็งแกร่งแบบหานอี้เฟิง เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวอะไรเลย

ดังนั้นการใช้คะแนนการค้าสองหมื่นห้าพันแต้มเพื่อแลกกับโพชั่นเพิ่มพลังห้าขวดจึงไม่ใช่เรื่องขาดทุน แถมตอนนี้เขาก็เป็นคนรวยในชั้นพื้นฐานด้วย

“มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปรับอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวแล้ว …”

ซือเฟิงตรวจสอบเวลา ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งออกจากหอคอยกรีนก๊อดเพื่อไปที่ทางเข้า Upper Zone
หลังจากวิ่งมาราวสองชั่วโมง ซือเฟิงก็ได้เห็นประตูทางเข้าขนาดใหญ่ และที่มุมหนึ่งมันก็มีรถจอดอยู่ โดยคนในรถเมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงพวกเขาก็เดินลงมาทันที ซึ่งคนในรถนั้นมีสี่คนโดยสองจากสี่คนนั้นก็คือเหลียงจิง และปรมาจารย์เหล่ยเปา ส่วนอีกสองก็คืออควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว

ที่เหลียงจิงนำปรมาจารย์เหล่ยเปามาด้วยแบบนี้ เพราะเธอต้องการให้เขามาช่วยเธอคุ้มกันรองหัวหน้ากิลทั้งสองด้วย เนื่องจากตอนนี้สภาสิบแปดปีกถูกจับตามองจากมหาอำนาจมากมาย และมันมีสิทสูงมากที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

“นี่คือ Upper Zone งั้นหรอ ?”

เมื่อมองไปที่ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยกำแพงเหล็ก เหลียงจิงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เหลียงจิง แม้แต่เหล่ยเปาเองก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า Upper Zone ในตำนานจะมีลักษณะแบบนี้

แน่นอนว่าเหตุผลที่มากกว่านั้นก็คิอ Upper Zone นั้นจัดว่าลึกลับมากๆสำหรับคนภายนอกทุกคน และในโลกภายนอกมันก็ลือกันว่า หากไม่ได้รับเชิญจริงๆ แม้แต่ทางเข้าของ Upper Zone ก็จะไม่มีสิทเข้ามา ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่เลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด