Reincarnation Of The Strongest Sword God 2846

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2846 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2846 สำนักงานใหญ่หลักสภาสิบแปดปีกที่น่ากลัว

ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน และท้องฟ้าก็มืดลงไปเรื่อยๆ ….

มันควรจะเป็นเวลาที่พนักงานออฟฟิศจำนวนนับไม่ถ้วนต้องกลับบ้าน อันเนื่องมาจากการเลิกงาน แต่ในเวลานี้ไฟของอาคารสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกกับยังคงสว่างอยู่ และเมื่อเทียบกับอาคารอื่นๆรอบๆแล้ว ผู้คนที่เข้าและออกที่นี่ก็ดูจะมีชีวิตชีวามากกว่าด้วย

และในขณะนี้แม้แต่ที่ทางเข้าด้านหน้าอาคาร มันก็ยังคงมีชายและหญิงจำนวนมากต่อแถวเพื่อรอลงชื่อสมัครเข้ารับการทดสอบพื้นฐานเพื่อเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางเข้าด้านหน้าอาคารของสภาสิบแปดปีกที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มันก็ได้มีผู้คนหลายสิบคนที่อยู่ในชุดที่แตกต่างกันปรากฎตัวขึ้น โดยตอนนี้คนทั้งหมดนี้ก็ได้พยายามตรวจสอบทุกอย่างเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกอย่างเงียบๆ และพวกเขาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องราวของสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกมากๆ

“นี่คือสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ชายหนุ่มที่มีฝ้ากระบนใบหน้ามองไปยังชาย และหญิงจำนวนมากที่รอเข้ารับการทดสอบพื้นฐานเพื่อเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกด้วยสายตาเหยียดหยาม “ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าผู้บัญชาการคิดอะไรอยู่ ทำไมผู้บัญชาการถึงได้เลือกจะส่งเรามาที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกเพื่อเรียนรู้และฝึกฝนสักพักกัน …. ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain นั้นจัดว่าแข็งแกร่งมากแน่นอน ….”

“แต่คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือเก่งกาจกว่านั้นของสภาสิบแปดปีกนั้นดูเหมือนจะมีไม่มากนัก อีกทั้งพวกหน้าใหม่หลายคนที่รอสมัครเข้ารับการทดสอบพื้นฐานเพื่อเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกหลายคนนั้นก็ดูอ่อนแอมากๆ และไม่น่าจะผ่านชั้นสามของหอคอยทดสอบของ Divine Colosseum ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เรากับต้องการฝึกกับสภาสิบแปดปีกเนี่ยนะ ?”

สำหรับคำพูดของชายหนุ่มคนนี้นั้น มันไม่มีใครในหมู่พวกเดียวกันกับเขาเลยที่คัดค้าน และมันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม

เหล่าผู้ที่เข้าร่วมทีมนักผจญภัยนั้นล้วนเป็นพวกที่ไม่ชอบถูกควบคุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์ ในขณะเดียวกันพวกเขาส่วนใหญ่ก็ล้วนดูถูกสมาชิกของกิลต่างๆ เพราะพวกเขาถือว่าสมาชิกของกิลต่างๆนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้จากการได้รับการป้อนทรัพยากรเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เหมือนกับพวกเขาเลยที่ต้องใช้ทั้งความพยายาม และความตั้งใจอย่างมากในทุกๆด้านกว่าจะฝึกจนขึ้นมาแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับได้ ….

และพวกเขาก็ถือว่าด้วยความสามารถทั้งหมดของพวกเขานั้น หากพวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมกับกิลใหญ่ๆ พวกเขาก็น่าจะได้เป็นสมาชิกระดับสูงหรือสูงกว่านั้นแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่กับซุเปอร์กิล …. ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เองมันจึงทำให้พวกเขาคิดว่าการเข้ามาฝึกที่สภาสิบแปดปีกนั้นมันเป็นเรื่องเสียเวลา ….

เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่มีฝ้ากระบนใบหน้ามองพูดแบบนี้ ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำคนทั้งหมดนี้เข้ามาก็หันไปมองชายหนุ่มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “คุณก็รู้นะว่านี่มันเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการน่ะเทียนตง !!! ถ้าคุณไม่คิดจะทำตามคุณก็ออกจากทีมนักผจญภัยของเราไปได้เลย ฉันอนุญาติ !!!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคนผู้นี้ ชายหนุ่มที่มีฝ้ากระบนใบหน้าที่ชื่อเทียนตงก็ไม่กล้ากล่าวบ่นหรือแสดงท่าทีต่อต้านใดๆอีกต่อไป ตรงกันข้ามเขากับดูสงบลงไปราวกับถูกปิดสวิทซ์เลย แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้ แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กล้าจะโต้เถียงใดๆกับชายวัยกลางคนผู้นี้เลย

ขณะที่คนอื่นๆที่มาด้วยกันนั้นก็ได้แต่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ และไม่กล้าจะแสดงความคิดเห็นใดๆ

เพราะชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่ของพวกเขาเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมนักผจญภัยของพวกเขาเท่าด้วย ซึ่งแม้แต่จี้ลั่วหรง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของพวกเขาก็ยังแทบจะไม่สามารถต่อกรกับชายคนนี้ได้เลย

ในทวีปด้านตะวันตก ผู้เล่นหลายคนนั้นเรียกเขาว่าปีศาจสีเลือด !!!

ซึ่งที่ผู้เล่นหลายคนในทวีปด้านตะวันตกเรียกชายวัยกลางคนว่าปีศาจสีเลือดนั่นเป็น เพราะมันมีครั้งหนึ่งที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ได้ลงทุนฝ่าแผนที่ที่ถูกปิดผนึกโดยกองทัพนับหมื่นของกิลชั้นยอดเพื่อไปช่วยพรรคพวกของตัวเอง ซึ่งในระหว่างทางนั้นชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ได้ต่อสู้และตีฝ่าไปเรื่อยๆจนนำพรรคพวกของเขาหนีออกมาได้ และเขายังได้มอบความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับกองทัพนับหมื่นของกิลชั้นยอด โดยที่ทั้งกองทัพไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยด้วย

และผลจากเรื่องนี้เองมันก็ทำให้ต่อมานั้นชีวิตในการล่าในแผนที่ต่างๆของพวกเขาทั้งหมดที่เป็นสมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่นั้นง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว

สำหรับตัวตนในโลกแห่งความจริงของชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าปีศาจสีเลือดผู้นี้นั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเขาเป็นอดีตบอร์ดี้การ์ดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ และจนถึงตอนนี้มันก็ยังคงมีบริษัท และองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆมากมายที่ต้องการจะว่าจ้างเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจใดๆ และเลือกจะอุทิศเวลาทั้งหมดของตัวเองตอนนี้ให้กับ God domain ซึ่งการที่เขาได้จับพลัดจับผลูมาเข้าร่วมทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่นั้นมันก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วในตอนที่เขาเข้าร่วมทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่นั้น ทีมนักผจญภัยยังคงจัดว่าอ่อนแอมากๆ ….

เมื่อเห็นว่าสมาชิกในทีมนักผจญภัยทั้งหมดของเขาเงียบลงไปแล้ว ปีศาจสีเลือดก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพาทั้งหมดเดินตรงไปที่ล๊อบบี้ชั้นหนึ่งทันที

ซึ่งเมื่อทั้งหมดเข้ามาถึงที่ล๊อบบี้ชั้นหนึ่ง มันก็ได้มีหญิงสาวสวยในชุดกีฬาที่ไว้ไว้ผมบ๊อบเดินเข้ามาหาพวกเขา โดยสัญลักษณ์แกนหลักที่ปักอยู่ที่เสื้อของเธอนั้นก็แสดงให้เห็นถึงฐานะของเธอในสภาสิบแปดปีก

ปีศาจสีเลือดอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหญิงสาวผู้นี้อย่างพินิจพิเคราะห์ว่า หากเขาต่อสู้กับเธอนั้นเขาจะมีโอกาสชนะกี่เปอเซ็นต์ และผลลัพธ์จากการคำณวนที่ได้ออกมามันก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ เพราะเขาคิดว่าเขาน่าจะมีโอกาสเอาชนะเธอได้ราวสี่สิบถึงห้าสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งนั่นมันก็เกิดจากความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาเพียงอย่างเดียวเลย ….

“เธอคือผู้บัญชาการกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก ไฟเออร์แดนซ์รึปล่าว ?”

เมื่อมองไปที่หญิงสาวสวยตรงหน้านั้น ปีศาจสีเลือดก็คิดคำอธิบายออกเพียงแค่อย่างเดียวสำหรับเรื่องนี้ ไม่งั้นเขาคงจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมหญิงสาวสวยตรงหน้าของเขาถึงมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ….

“พวกคุณคือสมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่ใช่ไหม ?” เทอเทิ้ลโดฟ หญิงสาวสวยที่เหล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่กำลังวิเคราะห์กล่าวขึ้น ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “เรียกฉันว่าเทอเทิ้ลโดฟก็ได้ ฉันได้ยินหัวหน้ากิลพูดถึงพวกคุณมาแล้ว และเนื่องจากพวกคุณได้มาถึงที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกแล้ว ดังนั้นฉันก็จะขอให้คุณคิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของคุณแล้วกัน ห้องในชั้นบนถูกจัดไว้สำหรับพวกคุณทุกคนแล้ว พวกคุณสามารถเข้าไปพักผ่อนได้ทุกเมื่อ”

เมื่อพูดจบเทอเทิ้ลโดฟก็ได้นำปีศาจสีเลือดและคนของเขาเดินตรงไปขึ้นลิฟต์ที่บริเวณเล้าจ์

“เทอเทิ้ลโดฟ ?”

ปีศาจสีเลือดและสมาชิกทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่คนอื่นๆนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเทอเทิ้ลโดฟด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจสีเลือด ก่อนที่จะมาที่นี่นั้น พวกเขาได้ทำการตรวจสอบสภาสิบแปดปีกมาอย่างละเอียดแล้ว และในบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือเก่งกาจกว่านั้นของกิลนั้น มันไม่ได้มีชื่อของเทอเทิ้ลโดฟเลย

“แรงกดดันทางจิตที่เธอแผ่ออกมานั้นหาได้ยากมากๆ แม้แต่ในหมู่พวกขั้นสี่ก็ตาม นี่เธอเป็นหนึ่งในไพ่ลับของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เทียนตงพึมพำอย่างประหลาดใจ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มาก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วปีศาจสีเลือด รองผู้บัญชาการของเขานั้นก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ อย่างไรก็ตามที่เขาประหลาดใจนั่นมันเป็นเพราะว่า หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือเก่งกาจกว่านั้นของสภาสิบแปดปีกเลย ….

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์นั้น มันก็ได้มีชายสองคนเดินสวนพวกเขาออกมาจากลิฟต์

โดยทั้งสองคนนั้นก็สวมชุดกีฬาเช่นเดียวกับเทอเทิ้ลโดฟ และมีสัญลักษณ์ของแกนหลักของสภาสิบแปดปีกปักอยู่ที่เสื้อเช่นกัน …. ซึ่งเมื่อชายสองคนนี้เดินออกมาจากลิฟต์นั้น มันก็ทำให้สมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักลงไป …. ในขณะที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งหมดก็มีเหงื่อไหลเย็นออกมา

เพราะว่าชายสองคนที่ออกมาจากลิฟท์นั้นแผ่ออร่าที่เหมือนกับสัตว์อสูรที่ดุร้ายและแข็งแกร่งมากๆออกมา แถมเท่าที่ดูนั้นสมรรถภาพร่างกายของพวกเขาก็น่าจะอยู่เหนือกว่าปีศาจสีเลือดด้วยซ้ำ ….
อีกทั้งการปรากฎตัวของชายสองคนนี้นั้นก็ไม่ได้ทำให้เหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆประหลาดใจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม พวกเขาทั้งหมดนั้นดูคุ้นเคยกับชายสองคนนี้มากๆ และพวกเขาต่างก็พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนิทชิดเชื้อ

“นี่พวกคนในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกเป็นอะไรกันไปหมด ?” เทียนตงเหลือบไปมองสมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่อยู่รอบตัวเขา และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “นี่พวกเขาไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่คนเหล่านี้แผ่ออกมาเลยงั้นหรอ ?”

แรงกดดันที่คนเหล่านี้แผ่ออกมานั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับถูกสิงโตตัวหนึ่งจ้องมอง และรอจะจัดการพวกเขาเสมอ

ซึ่งหากคนทั่วไปมาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เป็นเวลานานนั้น พวกเขาก็อาจจะเป็นบ้าได้เลย แต่เหล่าคนจากสภาสิบแปดปีกทั้งหมดกับดูไม่มีปฎิกิริยาใดๆเลย

เมื่อมองไปที่ชายสองคนนี้ ปีศาจสีเลือดก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามเทอเทิ้ลโดฟว่า “มิสเทอเทิ้ลโดฟ ผู้ชายสองคนที่พึ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่เป็นใครกัน ?”

ปีศาจสีเลือดนั้นมั่นใจเลยว่าหากชายสองคนนี้ร่วมมือกันต่อสู้กับเขา เขาจะไม่สามารถต้านทานได้แน่นอน ….

“พวกเขาคือฟลายอิ้งชาโด้ว และชาโด้วซอร์ด” เทอเทิ้ลโดฟกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ช่วงนี้นั้นพวกเขาพัฒนาไปอย่างเชื่องช้ามากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกพี่สาวไฟเออร์แดนซ์สั่งให้มาฝึกเพิ่มเติมกับปรมาจารย์เหล่ยเปาอีกวันละสองรอบทุกวันเป็นเวลาหลายชั่วโทง ไม่งั้นพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาติให้ล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain”

“พัฒนาไปอย่างเชื่องช้า ?!” เมื่อเทียนตงได้ยินดังนี้เขาก็รู้สึกพูดไม่ออก

อวด !!!

ถูกต้อง !!! นี่มันต้องเป็นการอวดแน่นอน !!!

ชายสองคนที่มีพลังเทียบเท่าหรือเหนือกว่าปีศาจสีเลือดถูกบอกว่าพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า และต้องมาฝึกเพิ่มเติม …. นี่มันบ้าชัดๆ !!!

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ปีศาจสีเลือด เทียนตง และสมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่คนอื่นๆได้เข้าไปในห้องฝึกของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ได้พบว่าสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นเสมือนค่ายที่รวบรวมเหล่าสัตว์ประหลาดเอาไว้อย่างแท้จริง

แถมพวกเขายังได้เห็นการฝึกแบบสองรุมหนึ่งด้วย ซึ่งฝ่ายสองนั้นก็คือชาโด้วซอร์ด และฟลายอิ้งชาโด้วที่เข้าไปรุมต่อสู้กับหญิงสาวสวยอีกคนหนึ่งในชุดเสื้อและกางเกงสีแดงเข้ม หากแต่ว่าชาโด้วซอร์ด และฟลายอิ้งชาโด้วนั้นไม่สามารถจะทำอะไรกับหญิงสาวผู้นี้ได้เลย ก่อนที่พวกเขาจะแพ้ไปแบบหมดรูป ….

ในขณะที่สมาชิกของทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่กำลังเริ่มฝึกกันที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้เดินทางกลับมาถึงที่ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนในเวลากลางคืน ….

ซึ่งหลังจากกลับมาถึงนั้น มู่ฉินก็ได้เลือกจะรีบกลับไปยังที่พักของเธออย่างรวดเร็วเพื่อไปรายงานถึงสถานการณ์ของสงครามโลกที่กำลังจะมาถึงให้กิลของเธอได้รับรู้ และเตรียมตัว ….

สำหรับจี้ลั่วหรง เธอได้เลือกจะตรงมาที่บ้านทั่วไปที่ซือเฟิงอาศัยอยู่ ….

ซึ่งนี่มันก็ทำให้จี้ลั่วหรงได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดนั่นก็คือ หญิงสาวสองคนที่อาศัยอยู่กับซือเฟิงที่ดูแข็งแกร่งมากๆ และความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นก็แทบจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่สาวของเธอเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสวี่ยเหวินโหรวที่ความแข็งแกร่งของเธอนั้นดูเหมือนกับเทพธิดาสงครามที่ได้จุติลงมายังโลกเลย ความแข็งแกร่ง และมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วของทั้งสองคนนั้นมันทำให้จี้ลั่วหรงประหลาดใจมากจริงๆ และต่อหน้าสองคนนี้ เธอก็ดูจะเป็นเพียงแค่เด็กประถมเท่านั้น

ขณะเดียวกันที่ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน บริเวณร้านอาหารไม่ไกลจากเขตที่พักของซือเฟิง :

อี้กุ้ยที่ยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มที่รูปร่างกำยำกล่าวรายงานอย่างเคารพว่า “มิสเตอร์หวัง จากที่ฉันสืบมานั้น ซือเฟิง และเหล่าหญิงสาวตัวเล็กๆได้อาศัยอยู่ที่บริเวณที่อยู่เขตนั้น แต่ตอนนี้พวกเขานั้นอยู่ในบ้านของตัวเอง มันจึงอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะลงมือ เราน่าจะต้องเลื่อนเวลาออกไปสักหน่อยก่อน ….”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ในเวลากลางคืนแบบนี้ฉันสามารถจะหลบหลีกหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้าไปได้สบายๆอยู่แล้ว แถมนี่มันก็เป็นแค่การสอนบทเรียนให้กับสุดยอดปรมาจารย์ฮั่วจินด้วย มันไม่ได้มีอะไรเลย ….” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่มีชื่อว่าหวังซวนหมิงกล่าวอย่างสบายๆ

“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คงต้องขอรบกวนคุณหน่อยแล้ว ….” อี้กุ้ยกล่าวอย่างไม่ได้คิดสงสัยใดๆ

สำหรับอี้กุ้ยงานนี้อาจจะเป็นงานยาก แต่มันไม่ใช่สำหรับหวังซวนหมิงเลย ซึ่งหากซือเฟิงอาศัยอยู่ในเขตวิลล่าสถานการณ์มันก็อาจจะแตกต่างออกไปจากนี้ อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นอาศัยอยู่แค่ในเขตบ้านทั่วไปเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีมากนัก ….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด