Reincarnation Of The Strongest Sword God 2852

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2852 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

**ขออธิบายนิดนึง เวลาสามวันในการทดสอบที่ว่าที่ซือเฟิงมีอะ คือมันต้องเริ่มซ่อมแซม กับสร้างสะพานขึ้นมาให้ได้แค่นั้น ซึ่งถ้าทำไม่ได้จะล้มเหลว แต่หากทำสำเร็จ มันก็จะได้รับเวลาพิเศษเพิ่มหนึ่งวันในความก้าวหน้าแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการต่อเวลาออกไป

ตอนที่ 2850 แอดใช้คำพูดกำกวมไปนิดนึง ขออภัย

ตอนที่ 2852 ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นห้า

สำหรับสะพานหักตรงหน้าของซือเฟิงที่เหลือน้อยกว่าครึ่งเมตรนั้น แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้ตั้งใจที่จะรักษามันไว้ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากร่างมานาระดับอีปิคของเขานั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพไปได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นการควบคุมมานา และองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ของเขาจึงได้รับการปรับปรุงอย่างมาก

ซึ่งนี่มันทำให้ความเร็วในการพังทลายลงของสะพานนั้นลดลงไปมากในชั่วอึดใจ โดยมันแตกต่างจากการที่ซือเฟิงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักก่อนหน้านี้เลย

“ร่างมานาระดับอีปิคที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้วนี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ !!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าผู้เล่นในชีวิตที่ผ่านมาของฉันที่สามารถปลดล๊อคร่างมานาไปได้ถึงระดับนี้ล้วนบอกตรงกันว่ามันสามารถจะทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับมังกรในเลเวลเดียวกันได้สบายๆ …”ซือเฟิงพึมพำอย่างประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังบริเวณสะพานหักตรงหน้าของตัวเอง

ในเวลานี้นั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจระดมมานา และชี้นำองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ภายในมานา แต่สะพานตอนนี้ก็มีเสถียรภาพด้วยตัวมันเองจากพลังที่ร่างมานาของเขาแผ่ออกมาแล้ว และเท่าที่ซือเฟิงคาดเดา หากเขาระเบิดพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา พร้อมทั้งใช้โดเมนมานานั้น มันก็จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

เมื่อพูดถึงตรงนี้นั้น ไม่ต้องพูดถึงมังกรในเลเวล และขั้นเดียวกันเลย แม้แต่ครึ่งก้าวราชันปีศาจ เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถต่อกรด้วยได้อย่างสูสี

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้หันมาโฟกัสกับสิ่งที่เขาต้องทำต่ออย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นก็คือการระดมมานา และชี้นำองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์โดยรอบให้อัดฉีดให้เข้าไปในสะพานหักนี้

และเมื่อซือเฟิงทำแบบนี้นั้น การพังทลายทั้งหมดก็หยุดลงทันที แถมสะพานนี้ยังดูเหมือนจะได้ชีวิตใหม่ และดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งขึ้นมากด้วย

ตอนนี้ซือเฟิงสามารถบอกได้เลยว่าแม้ว่าสะพานจะต้องเจอกับการโจมตีของพวกขั้นสี่ แต่มันก็จะไม่ได้รับความเสียหายมากนักแน่นอน

“สุดยอด !! แน่นอนเลยว่านี่คือวิธีการใช้มานาที่แท้จริง !!!”
ในอดีตเขาจัดการกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่อยู่ภายนอกด้วยการพยายามใช้องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ภายในร่างกายของตัวเองเพื่อควบคุม และบังคับมัน แต่อย่างไรก็ตามการทำแบบนี้นั้นมันให้ประสิทธิภาพที่ต่ำมาก และเขาจะนับว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว หากเขาสามารถจัดการกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้สักสิบเปอ
เซ็นต์จากทั้งหมด

เนื่องจากองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่เขาสามารถจัดการจนได้ผลดีๆนั้น มันมีเพียงแต่องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่มีคุณสมบัติเดียวกับตัวเขาเองเท่านั้น ขณะที่องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์อื่นๆล้วนถูกบังคับใช้ทั้งหมด และเอฟเฟคของมันก็อาจกล่าวได้ว่าแย่มาก ซึ่งไม่เพียงแต่จะยากที่จะจัดการ แต่มันยังจะให้ผลตรงกันข้ามด้วย

แต่ตอนนี้ซือเฟิงนั้นสามารถจะรวบรวมและใช้พลังขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ทั้งภายใน และภายนอกร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนี่มันทำให้เขาสามารถจะจัดการองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้เกือบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ โดยนี่มันนับเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เลย

หลังจากที่ซือเฟิงทำให้สะพานหักนี้กลับมามีความเสถียรอย่างสมบูรณ์ และหยุดพังทลายแล้ว ซือเฟิงก็ได้หันมาสนใจกับโครงสร้างเวทย์มนต์ของสะพานหัก

ตอนนี้ซือเฟิงนั้นเข้าใจถึงวิธีในการจะรักษาเสถียรภาพ และหยุดการพังทลายของสะพานอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมันนับเป็นความท้าทายขั้นต่ำสุด แต่หากซือเฟิงต้องการจะผ่านการทดสอบนี้ไปให้ได้จริงๆ เขาจำเป็นจะต้องซ่อมแซม และสร้างสะพานหักที่พังทลายลงไปนี้ขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเองเพื่อก้าวต่อไป ไม่งั้นซือเฟิงก็จะไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ นอกจากต้องเฝ้ามองผืนดินตรงหน้าที่อยู่ไกลออกไปแบบเงียบๆ และรอให้เวลาการทดสอบหมดลง

“นี่คือ …”

เมื่อซือเฟิงทำการตรวจสอบสะพานหักนี้อีกครั้ง เขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ….

ก่อนหน้านี้เขามัวแต่มุ่งเน้นไปที่การหาวิธีในการรักษาเสถียรภาพ และหยุดการพังทลายของสะพานที่หัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตและวิเคราะห์สะพานหักอย่างชัดเจนเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อร่างมานาของเขาได้ปลดล๊อคศักยภาพถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์นั้นมันก็ได้รับการปรับปรุงเชิงคุณภาพอย่างมาก
ตอนนี้เมื่อซือเฟิงสังเกต และวิเคราะห์สะพานนี้อย่างใกล้ชิด เขาก็รู้สึกได้เลยว่าเขาเห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน

ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนกับตอนที่เขาได้เข้าไปใช้ร่างครึ่งก้าวราชันปีศาจ ตอนนี้เขามองเห็นกฎการทำงานของธาตุเวทย์มนต์ และโครงสร้างของเวทย์มนต์ต่างๆชัดเจนมาก

“สมกับเป็นการทดสอบของเผ่ามังกรจริงๆ โครงสร้างเวทย์มนต์ทั้งหมดของสะพานนี้มันน่าทึ่งมากๆ !!!” ซือเฟิงอุทานออกมา และยิ่งเขาสังเกตและวิเคราะห์สะพานนี้แบบละเอียดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น “สะพานแห่งนี้นั้นมันมีการใช้ลักษณะเฉพาะ และกฎการทำงานของธาตุเวทย์มนต์เกือบทั้งหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อมแซมมันขึ้นมาใหม่ หากผู้ที่ต้องทำหน้าที่นี้ไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องพวกนี้มากพอ”

ใน God domain มันเป็นเรื่องยากมากจริงๆสำหรับผู้เล่นที่จะทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ให้ได้มากพอ เพราะท้ายที่สุดแม้แต่ในคริสตัลคำแนะนำมรดก และมรดก มันก็ยังบอกและอธิบายรายละเอียดของธาตุเวทย์มนต์แค่บางธาตุเท่านั้น ….

แต่ตอนนี้สะพานหักตรงหน้าของซือเฟิงกับแสดงการใช้ธาตุเวทย์มนต์เกือบทั้งหมดไว้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนี่มันมีค่ามากกว่าคำอธิบาย หรือการคิดแบบทั่วไปมากๆ

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมองเห็นทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน ….

เนื่องจากสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ทั่วไปนั้นไม่มีทางเลยที่จะมองเห็นองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องลักษณะเฉพาะ และกฎการทำงานของมันอีก สำหรับเผ่ามังกรที่พวกเขาทำได้นั้น เพราะพวกเขามีคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตที่สูงมาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง ซึ่งสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่นไม่สามารถจะเลียนแบบได้

และในเรื่องนี้สำหรับผู้เล่นขั้นสี่นั้น มันก็จัดว่าเป็นการได้พบเจอกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าที่ยากจะหาได้เลย

เนื่องจากสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ ปัญหาใหญ่ที่สุดที่พวกเขาต้องเจอในการจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้านั้นก็คือ การสร้างร่างมานาขึ้นใหม่ ซึ่งหากผู้เล่นต้องการจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ พวกเขาจะต้องมีความเข้าใจในองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ รวมไปถึงลักษณะเฉพาะ และกฎการทำงานของมันในระดับที่สูงมาก เพราะการจะสร้างร่างมานาขึ้นใหม่นั้น มันจำเป็นต้องใช้ความรู้ในเรื่องพวกนี้สูงมาก

และการซ่อมแซมกับการสร้างสะพานหักตรงหน้านี้ มันก็นับเป็นวิธีการฝึกเพื่อเรื่องนี้ที่ดีมากๆอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็ได้เริ่มลงมือลองซ่อมแซม และสร้างสะพานหักขึ้นมาใหม่ด้วยความตื่นเต้น

และแม้ว่าในหลายๆครั้งนั้นความพยายามของซือเฟิงจะยังคงจัดว่าล้มเหลว แถมไม่ได้ให้ผลมากนัก แต่เรื่องนี้มันก็ยังทำให้ซือเฟิงตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆอยู่ดี

เนื่องจากในความล้มเหลวแต่ละครั้งนั้นมันทำให้ซือเฟิงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย และเขาก็ได้นำประสบการณ์จากตอนที่เขาล้มเหลวมาปรับใช้จนสามารถควบคุมทุกๆอย่างได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลังจากผ่านไปสองวันเต็ม ในที่สุดซือเฟิงก็สามารถที่จะซ่อมแซม และสร้างสะพานขึ้นมาได้ใหม่ครึ่งเมตร

“ทำได้แล้ว !! ในที่สุดฉันก็ทำได้ !!!”

ซือเฟิงมองไปยังบริเวณสะพานตรงหน้าของเขาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่าสะพานที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะไม่ได้ดูดีแบบสะพานแต่เดิมของผีมังกร แต่มันก็สามารถจะทำให้คนๆหนึ่งยืนอยู่บนสะพานได้สบายๆ โดยที่ไม่ตกลงไปสู่ความมืดเบื้องล่าง

และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือในที่สุดเขาก็มาถึงเกณฑ์ที่จะสามารถใช้ และจัดการองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว
โดยในตอนนี้ เขาก็คิดว่าเขาคงใช้เวลาอีกไม่นาน เขาก็น่าจะสามารถสร้างร่างมานาใหม่ของเขาขึ้นมาได้ ….

แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มันพึ่งเริ่ม และเขาจำเป็นที่จะต้องทำการทดสอบนี้ให้สำเร็จเพื่อรับเอามังกรเงินศักสิทธิ์มาเป็นคู่หูให้ได้

เมื่อคิดได้ดังนี้ซือเฟิงก็ได้เริ่มสร้างสะพานต่อ โดยเขาได้เล็งที่จะสร้างให้มันเชื่อมต่อไปยังผืนดินที่อยู่ไกลออกไป

ในตอนเริ่มต้นเพื่อที่จะซ่อมแซม และสร้างสะพานหักนี้ขึ้นมาใหม่ ซือเฟิงได้ใช้เวลาไปถึงสองวันเต็ม อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อซือเฟิงเข้าใจรากฐานของมันแล้ว ซือเฟิงจึงสามารถสร้างสะพานขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้นมากๆ และทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้นั้น ความเข้าใจในเรื่องทั้งหมดนี้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสะพานของเขาก็ยังมีความปรา
ณีตมากขึ้นเรื่อยๆด้วย

หลังจากใช้เวลาไปอีกเกือบหนึ่งวัน ซือเฟิงก็สามารถจะสร้างสะพานขึ้นมาใหม่ได้ราวห้าร้อยเมตร ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาได้รับเวลาพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งวันสำหรับความก้าวหน้าของเขา

“ระยะทางโดยประมาณเบื้องต้นจากจุดเริ่มต้นไปยังผืนดินที่อยู่ไกลออกไปนั้นคือยี่สิบกิโลเมตร ขณะที่หนึ่งในสามของระยะทางนี้ก็คือประมาณเจ็ดพันเมตร ส่วนตัวฉันนั้นสามารถสร้างสะพานได้ราวห้าเมตรต่อวัน ดังนั้นฉันน่าจะทำการทดสอบนี้ให้เสร็จสิ้นได้ในครึ่งเดือน” ซือเฟิงมองไปยังผืนดินที่อยู่ไกลออกไปอย่างเต็มไปด้วยความหวัง

แม้ว่าการทดสอบนี้มันจะใช้เวลานานกว่าที่เขาคาดไว้มาก แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เขาจะได้รับจากการทดสอบนี้ มันก็นับเป็นสิ่งที่คุ้มค่า

หลังจากซือเฟิงพักไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้เริ่มสร้างสะพานต่ออีกครั้ง ….

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังทำการสร้างสะพานขึ้นมาใหม่นั้น ในอีกแปดวันต่อมา รอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกก็ปรากฎขึ้นที่ทวีปด้านตะวันออกของ God domain
ซึ่งเมื่อรอยแยกนี้ปรากฎขึ้นนั้น อักษรรูนศักสิทธิ์จำนวนมากก็ได้แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง และกลายไปเป็นแสงดาวนับไม่ถ้วน

“ในที่สุดมันก็เริ่มต้นขึ้นแล้วงั้นหรอ ?”

ร่างๆหนึ่งที่เฝ้าดูฉากนี้อยู่กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ก่อนที่ร่างๆนี้จะหันหลัง และรีบจากไป

ซึ่งในขณะที่ร่างๆนี้หายไป มันก็มีร่างนับสิบร่างโผล่ออกมาจากรอยแยกมิตินี้ โดยแต่ละร่างนั้นแผ่ออร่าที่ทรงพลัง และดูโบราณมากๆออกมา ซึ่งมันดูไม่ได้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบเลย

“ฮ่าๆๆ !!! ในที่สุดกิลเราก็สามารถเปิดมันขึ้นมาได้แล้ว !!!”

“นี่คือโลกอื่นงั้นหรอ ? ทำไมสภาพแวดล้อมที่นี่มันมีความเข้มข้นของมานาต่ำจัง ?”

“แต่ยังไงซะที่นี่ก็คือโลกอื่นที่เป็นโลกขนาดใหญ่ของ God domain นั่นแหละน่า !! พวกเรารีบกลับไปแจ้งหัวหน้ากิลในเรื่องนี้ดีกว่า กิลของเราจะได้เตรียมตัวรับสถานการณ์ทั้งหมด และสามารถจะใช้ประโยชน์จากโลกนี้ได้ก่อนกิลอื่นๆ !!!!”

ชายวัยกลางคนที่มีความแข็งแกร่งเทียนเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็นผู้นำทีมพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเริ่มจัดการออกคำสั่ง และแบ่งทีม โดยเขาได้จัดให้ทีมสามคนเดินทางกลับไปยังโลกที่เขาจากมาเพื่อแจ้งข่าวเรื่องนี้ และก็ให้คนอื่นๆที่เหลือรีบมุ่งหน้าไปยังทางออกของสถานที่ที่พวกเขาอยู่เพื่อไปตรวจสอบโลกนี้ทันที

ซึ่งในขณะที่คนเหล่านี้เริ่มเคลื่อนไหวนั้น ซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปในพื้นที่พิเศษก็หน้าซีดมากๆ ….

“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าการซ่อมแซม และสร้างสะพานใหม่นั้นมันจะใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากกว่าที่คิดไว้มาก ในตอนนี้หลังจากผ่านไปแปดวันนั้น ฉันก็ยังไปได้ไม่ถึงระยะสามพันสี่ร้อยเมตรด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้ามตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันนั้นมันแทบจะหมดลงไปแล้ว”

ซือเฟิงมองไปที่ผืนดินที่อยู่ไกลออกไปด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ….

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผีมังกรนั่นถึงเลิกเฝ้าดูเขา มันเป็นเพราะว่าผีมังกรนั้นคิดว่าเขาจะไม่มีวันผ่านการทดสอบได้นี่เอง ….

เดิมทีเขาคิดว่าเขาน่าจะสามารถสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้ราวห้าร้อยเมตรต่อวัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งเขาไปไกลเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสามารถสร้างได้น้อยลงเท่านั้น และจนถึงตอนนี้เขาสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้ไม่ถึงสามร้อยเมตรต่อวันด้วย

ซึ่งสิ่งนี้มันก็เกิดมาจากแรงกดดันทางจิตที่ยิ่งซือเฟิงมีความก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น โดยสิ่งนี้นั้นมันทำให้ซือเฟิงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับสมองของเขาถูกเจาะด้วยเข็มหลายพันเล่ม และความเจ็บปวดนี้แหละก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้งานของเขาช้าลง

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงไม่คิดที่จะยอมแพ้ เพราะท้ายที่สุดแล้วภายในนี้นั้นมันทำให้เขาได้รับการปรับปรุงในหลายๆด้านอย่างต่อเนื่อง

ถ้าเป็นไปได้ ซือเฟิงอยากจะอยู่ต่ออีกสักสองถึงสามเดือนด้วยซ้ำ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่มันเป็นการทดสอบ อย่างไรก็ตามเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดในเรื่องนี้จริงๆ เนื่องจากที่นี่มันมอบผลประโยชน์ให้กับเขาอย่างมหาศาลมากๆ

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกสามวัน ในขณะที่ซือเฟิงนั้นได้กัดฟันและพยายามสร้างสะพานต่อเรื่อยๆ

ตอนนี้แม้จะรู้สึกเจ็บปวดมากๆ แต่เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะไปต่อ

และหลังจากไปสี่วัน ใบหน้าของซือเฟิงก็ซีดขาวราวกับหิมะ …. พร้อมกันนั้นสติของเขาก็เริ่มเลือนลางแล้ว โดยเมื่อมันเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ซือเฟิงก็เริ่มรู้สึกแล้วว่านี่มันอาจจะเป็นจุดจบของการทดสอบในครั้งนี้ของเขา ….

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้อีกหนึ่งเมตรเรียบร้อย และคิดว่าตัวเองกำลังจะหมดสติไปนั้น เสียงแจ้งเตือนของระบบที่เย็นชาก็ดังขึ้นมาที่หูของเขา

ระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วย ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นได้มาถึงขั้นห้าแล้ว !!! และศักยภาพร่างมานาของผู้เล่นก็ถูกปลดล๊อคไปได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ในตอนนี้ผู้เล่นมีโอกาสที่จะได้รับพรจากโลกเพื่อสร้างทะเลจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่ ผู้เล่นเต็มใจจะรับพรจากโลกเลยไหม ? (หากไม่มีการตอบกลับเป็นเวลาสามนาที จะถือว่าเป็นการยกเลิกและไม่รับโดยอัตโนมัติ)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด