Reincarnation Of The Strongest Sword God 2875

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2875 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2875 ความบ้าคลั่งอีกหนึ่งครั้งของสภาสิบแปดปีก

“นี่สภาสิบแปดปีกมาที่นี่เพื่อโจมตีเมืองงั้นหรอ ?”

“บ้าแล้ว !! สภาสิบแปดปีกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !! ที่นี่คือเมืองหินโบราณนะ พวกเขากล้าดียังไงกัน ?!”

เมื่อได้ยินคำประกาศของซือเฟิงนั้น ผู้เล่นในเมืองหินโบราณก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง และพวกเขาก็คิดว่าสภาสิบแปดปีกพูดเรื่องตลกด้วยซ้ำ

เมืองหินโบราณนั้นได้รับการเสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องโดยมือแห่งนักบุญ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการป้องกันของเมืองนั้นแข็งแกร่งกว่าเมืองกิลอื่นๆในระดับเดียวกันอย่างมาก โดยความแข็งแกร่งของโครงสร้างการป้องกันของเมืองหินโบราณนั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ซุเปอร์กิลต่างๆอิจฉาได้เลย และนี่ก็ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าเมืองหินโบราณนั้นมีกองกำลังสายความมืดจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆโดยรอบนับโหลประจำการอยู่

แถมนอกเหนือจากกิลสายความมืดแล้ว มันยังมีกองกำลัง NPC สายความมืดอีกมากมายประจำการอยู่ที่นี่ โดยกองกำลังเหล่านี้ก็ได้ใช้จ่ายเงินไปอย่างมหาศาลเพื่อสร้างสำนักงานใหญ่หลักของตัวเองขึ้นในเมืองหินโบราณ

ซึ่งการที่เลือกจะเข้าโจมตีเมืองหินโบราณนั้นมันก็หมายความว่าผู้เข้าโจมตีจะต้องเป็นศัตรูกับกองกำลังสายความมืดทั้งหมดนี้

กองกำลังของกิลสายความมืด และกองกำลัง NPC สายความมืดนั้นล้วนแล้วแต่มีผู้เล่นขั้นสี่อยู่สองถึงสามคน หรือบางกองกำลังอาจมีมากกว่านั้นด้วย นอกจากนี้แล้วมันยังมีกองกำลังร่วมของผู้เล่นและ NPC ที่มีชื่อว่า God’s Vestige ที่พึ่งจะเข้าประจำการเป็นทหารของเมืองหินโบราณด้วย โดยกองกำลังนี้นั้นก็มีพวกขั้นสี่อยู่เกือบสองร้อยคน

ซึ่งจำนวนพวกขั้นสี่ที่มากมายขนาดนี้นั้นมันเพียงพอจะใช้ยึดอาณาจักรทั่วไปอาณาจักรหนึ่งด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการใช้ป้องกันเมืองหินโบราณเลย

ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจำนวนมากในเมืองหินโบราณเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่จักรพรรดิอสูรซึ่งกำลังทำงานวิจัยของตัวเองอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองก็ยังประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน และดวงตาของเขาก็ฉายแววแห่งความเย็นชาออกมา

“แบล๊คเฟรม !! คุณช่างกล้ามากๆ !!! ฉันไม่ได้ยั่วยุคุณเลยในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้คุณกับกล้ามาบุกเมืองของฉัน !!!”

“จักรพรรดิอสูร มันมีข่าวว่าแบล๊คเฟรมได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว เราจำเป็นจะต้องแจ้งเรื่องนี้กับ Sir Sacred Envoy ไหม ?” (ยังนึกคำแปลไม่ออก ไม่แน่ใจว่ามันเป็นชื่อคนเลย หรือแบบอัครสาวก หรือสาวกอะไรงี้ ใครคิดออกซิบมาบอกได้นะ)

เบอเซิกเกอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบสองที่เข้ามารายงานจักรพรรดิอสูรอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

ข่าวการเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าของซือเฟิงนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วมากๆ และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนขั้นห้าแบบนี้นั้น แม้แต่มือแห่งนักบุญของพวกเขาก็ยังจะต้องระมัดระวังอย่างมาก

“ไม่จำเป็น คุณไปรวบรวมคนส่วนหนึ่งมา และออกไปพร้อมกับฉัน ฉันต้องการจะดูสักหน่อยว่าแบล๊คเฟรมจะมาทำหยิ่งผยองได้มากแค่ไหนที่เมืองหินโบราณของฉัน !!!” จักรพรรดิอสูรกล่าวออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเพื่อเตรียมตัวจะไปประจันหน้ากับซือเฟิง

ขณะเดียวกันในเมืองหินโบราณนั้น ภายในเวลาไม่ถึงสามนาที เหล่าผู้เล่นและทีมนักผจญภัยส่วนหนึ่งที่ไม่ต้องการจะมีปัญหากับสภาสิบแปดปีกก็ได้ถอนตัวออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว และจนถึงตอนนี้นั้นมันก็เหลือเพียงแต่ผู้เล่นที่กล้าหาญบางคน กับผู้เล่นสายความมืดส่วนใหญ่เท่านั้นที่ยังคงอยู่

ในเวลาเดียวกันนั้นผู้เล่นของทีมนักผจญภัยสายความมืด และของกิลสายความมืดในเมืองหินโบราณก็ได้มารวมตัวกันที่ประตูเมืองหินโบราณ โดยทุกคนก็ต่างมองไปยังเหล่าผู้เล่นที่หลบหนี และถอนตัวออกไป

“ไอ้พวกขี้ขลาด !! สภาสิบแปดปีกนั้นยกคนมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกนี้กับเลือกจะหลบหนี และถอนตัวกันออกไป !!!”

“ในตอนนี้สภาสิบแปดปีกนับเป็นหนึ่งในกิลที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่แบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกลายเป็นขั้นห้าแล้วด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บางคนจะตัดสินใจหลบหนี และถอนตัว”

“คนพวกนี้มันโง่ !!! ที่ผ่านมาสภาสิบแปดปีกก็พึ่งพาแค่การป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งของตัวเอง รวมทั้งอาวุธเชิงกลยุทธ์มากมายเพื่อปกป้องกิลเท่านั้น แต่ตอนนี้พอหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกลายเป็นขั้นห้า เขากับนำทีมผู้เล่นของกิลมาโจมตีเมืองใหญ่อย่างเมืองหินโบราณเนี่ยนะ ?! นี่มันบ้าชัดๆ !!! ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราจะต้องสอนบทเรียนให้กับสภาสิบแปดปีกสักหน่อยแล้ว !!!”

ปัจจุบันผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดล้วนมองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ลอยอยู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและตื่นเต้น

สภาสิบแปดปีกในตอนนี้นั้นจัดว่าเป็นกิลที่ยิ่งใหญ่มาก และการที่แบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลแรกใน God domain ที่มีผู้เล่นขั้นห้า และเรื่องนี้มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับให้อยู่ในฐานะกิลชั้นยอดอย่างแท้จริง

หากเป็นในโลกภายนอกนั้นผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดจะต้องหวาดกลัวตัวตนของซือเฟิงในฐานะผู้เล่นขั้นห้าแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามที่นี่ในเมืองหินโบราณนั้นทุกอย่างมันแตกต่างออกไป เพราะในเมืองหินโบราณนั้นมีวงเวทย์ที่จะช่วยเสริมพลังการต่อสู้ให้กับผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมืองได้ แถมพวกเขายังมีพวกขั้นสี่อยู่เกือบสองร้อยคน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะต่อกรกับผู้เล่นขั้นห้า

นอกเหนือจากนี้แล้วพวกเขาก็ยังมีมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมหาศาลที่อยู่รอบๆเมืองหินโบราณคอยเป็นกำลังเสริมด้วย อีกทั้งสองจากทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ ….

แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าผู้เล่นขั้นห้าอย่างซือเฟิงได้ แต่พวกเขาก็น่าจะสามารถมอบความเสียหายร้ายแรงให้กับสภาสิบแปดปีกที่กล้ามาโจมตีพวกเขาในครั้งนี้ได้แน่นอน !!!

เมื่อเวลาห้านาทีที่ซือเฟิงกำหนดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันก็มีผู้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆที่เลือกจะอพยพออกจากเมืองหินโบราณ อย่างไรก็ตามในระหว่างนั้นเองผู้เล่นหลายคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็รู้สึกตัวสั่นจนแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายของตัวเองได้

เนื่องจากในตอนนี้นั้นมันมีผู้เล่นมากกว่าสี่สิบคนบินออกมาจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณ ซึ่งนอกเหนือจากหัวหน้ากิลของมือแห่งนักบุญ และเหล่าผู้อาวุโสของกิลที่อยู่ในขั้นสี่ทั้งหมดแล้ว มันก็ยังมีผู้เล่นอีกมากกว่าหนึ่งโหลที่สาธารณชนไม่เคยเห็นมาก่อน

และแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของผู้เล่นมากกว่าหนึ่งโหลนี้จะเป็นเหมือนมนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์เลย โดยทุกคนต่างก็แผ่ออร่าที่มืดมิดออกมา และบนร่างของพวกเขานั้นมันก็มีอักษรรูนแห่งความมืดมากมายถูกสลักอยู่ ซึ่งพวกเขาแต่ละคนนั้นก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหรือเหนือกว่านั้นกันทั้งหมด

“สุดยอด !! นี่คือกองอัศวินตราโลหิตในข่าวลือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?”

“ยิ่งไปกว่านั้นคราวนี้แม้แต่จักรพรรดิอสูรที่พักผ่อนอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองก็ยังมาที่นี่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันจะมีอะไรดีๆให้ดูแล้ว !!!”

“ฉันได้ยินมาว่าในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับสภาสิบแปดปีกที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นจักรพรรดิอสูรได้ประสบกับความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งฉันก็กำลังคิดอยู่เลยว่าจักรพรรดิอสูรจะล้างแค้นสภาสิบแปดปีกยังไง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว เพราะในเมื่อสภาสิบแปดปีกกล้ามาเหยียบหน้าจักรพรรดิอสูรถึงถิ่นแบบนี้ จักรพรรดิอสูรก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่นอน !!!”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่โดยรอบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันในเรื่องนี้แบบเบาๆ และในเวลาเดียวกันทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความแข็งแกร่งที่มือแห่งนักบุญแสดงออกมา

พวกเขาทั้งหมดรู้มาว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นล้วนหวาดกลัวมือแห่งนักบุญมากๆ ซึ่งในตอนแรกพวกเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก และเป็นการหวาดกลัวที่ไร้เหตุผล แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าที่มหาอำนาจต่างๆหวาดกลัวมือแห่งนักบุญนั้นมันไม่ได้ไร้เหตุผลเลย
นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่ายี่สิบคนของมือแห่งนักบุญที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่เลย แค่สมาชิกกองอัศวินตราโลหิตมากกว่าหนึ่งโหลนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆตกตะลึง และหวาดกลัว เพราะเท่าที่ดูจากออร่าของสมาชิกกองอัศวินตราโลหิตนั้น พวกเขาน่าจะสามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปได้สบายๆเลย

ในช่วงเวลาสั้นๆจักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆก็ได้มาถึงบริเวรประตูเมือง ซึ่งเมื่อเห็นการมาถึงของจักรพรรดิอสูรนั้น กองกำลังร่วมของผู้เล่นและ NPC ที่มีชื่อว่า God’s Vestige ที่เข้าประจำการอยู่ที่เมืองหินโบราณก็ได้ทำความเคารพเขาทันที

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูรนั้นก็ทักทายคนเหล่านี้แค่สองถึงสามคำเท่านั้น ก่อนที่เขาจะบินขึ้นไปจ้องมองไปซือเฟิงที่ยืนอยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือด และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แบล๊คเฟรม !! ในจักรวรรดิออร์คนี้ทั้งฉันและคุณต่างมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งเราก็อยู่กันอย่างสงบมานาน แต่วันนี้คุณกับกล้ามาถึงหน้าประตูบ้านฉัน ตราบใดที่คุณกล่าวคำขอโทษตอนนี้ ฉันก็จะไม่เอาความคุณกับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณไม่ทำก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันว่าฉันโหดร้าย !!!”

เมื่อจักรพรรดิอสูรพูดจบ สมาชิกกองอัศวินตราโลหิตทั้งหมดที่เขานำมาด้วยก็ระเบิดออร่าและพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา ซึ่งนี่มันได้ทำให้พื้นที่รอบๆบิดเบี้ยว และพลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็ได้แผ่ออกไปหลายพันหลาจนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อยู่ในระยะทั้งหมดที่ได้สัมผัสถึงมันนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

นอกเหนือจากนี้แล้วมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่เฝ้าอยู่บริเวณประตูเมืองสองตัว และมังกรปีศาจอีกมากกว่าสามสิบตัวก็ได้เข้ามาล้อมเรือเหาะมังกรสีเลือดเอาไว้ทุกทิศทางเพื่อปิดช่องทางหนีของสภาสิบแปดปีก

ฉากนี้นั้นทำให้ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว ….

ด้วยความแข็งแกร่งที่มีมากขนาดนี้ มือแห่งนักบุญน่าจะไม่มีปัญหาในการเข้ายึดหนึ่งหรือสองจักรวรรดิเลย !!!

“ฉันคิดว่าครั้งนี้มือแห่งนักบุญจะต้องทนทุกข์ทรมาณ แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด ….”

“สภาสิบแปดปีกนั้นพึ่งพาแบล๊คเฟรมเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่เริ่มเริ่มต้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ชนเข้ากับแผ่นเหล็กหนาแล้ว ซึ่งหากพวกเขารับมือกับเรื่องนี้ไม่ดี นับจากนี้ นอกเหนือจากแบล๊คเฟรมแล้ว ฉันคิดว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกแน่นอน”

ในเวลานี้แม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้ว่าพลังการต่อสู้ที่มือแห่งนักบุญแสดงออกมานั้นทรงพลังมากขนาดไหน อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่กองกำลังที่มี NPC ขั้นห้าดูแลก็น่าจะยังไม่กล้ายั่วยุมือแห่งนักบุญเลย ดังนั้นตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะเหลืออะไรล่ะ ?

“ขอโทษ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “จักรพรรดิอสูร คุณดูดีขึ้น และดูแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ แต่คุณลืมไปแล้วหรอว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบกันนั้นคุณตายในมือฉันยังไง ?!”

“คุณ …. หาเรื่องตาย !!!”

เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดของซือเฟิง เขาก็รู้สึกโกรธมากๆ ….

อย่างไรก็ตามก่อนที่จักรพรรดิอสูรจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ซือเฟิงก็ได้ระเบิดพลังมานาของตัวเองออกมา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เกิดการปราบปรามที่รุนแรงเข้าปกคลุมเมืองหินโบราณทั้งหมด

การสร้างโลก !!

จักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นก็ค่อยๆถูกกดให้หล่นลงในชั่วพริบตา ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บนกำแพงเมืองก็แทบจะต้องคุกเข่าลง ….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด