Reincarnation Of The Strongest Sword God 2882

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2882 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2882 เปลี่ยนเงื่อนไข

Upper Zone เมืองหยวนเทียน เขตที่อยู่อาศัยทั่วไป :

ขณะที่ซือเฟิงเดินออกมาที่บริเวณเขตที่อยู่อาศัยทั่วไป และมองไปรอบๆถนนและตึกสูงทั้งหมดที่ตั้งอยู่เรียงราย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา

“นี่ถึงกับให้คนมากกว่าสิบคนที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเก่งกาจกว่านั้นมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของฉันเลยงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าจะประเมินฉันไว้สูงมากเลยทีเดียวนะ …”

ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone มาระยะหนึ่ง บวกกับข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับ Upper Zone ที่มู่ฉินส่งมาให้ ซือเฟิงจึงเริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โดยทั่วไปของ Upper Zone แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระดับปรมาจารย์นั้นมีอยู่ทั่วไปใน Upper Zone แต่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือขึ้นไปอย่างระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเก่งกาจกว่านั้นก็ยังคงจัดว่าหายากมากใน Upper Zone และสำหรับองค์กรรวมไปถึงบริษัทใหญ่ๆใน Upper Zone นั้นตัวตนระดับนี้ก็จัดอยู่ในระดับแกนหลักของพวกเขาเลย โดยบางส่วนก็จะถูกส่งให้ไปติดตามทายาทของพวกเขาด้วย

แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มากกว่าสิบคนกับถูกส่งมาติดตามทุกการเคลื่อนไหวของตัวเขา ดังนั้นนี่จะไม่ให้ซือเฟิงหัวเราะได้อย่างไร ?

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้มากเกินไปนัก เขาทำราวกับว่าคนเหล่านี้เป็นอากาศธาตุ ในขณะที่เขาค่อยๆเดินเข้าไปยังเขตวิลล่า ….

“อี้กุ้ย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนั้นค้นพบพวกเราทั้งหมดแล้ว แต่เขากับมีท่าทีไม่สนใจใดๆเลย” ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำที่ยืนอยู่บนหลังคาอาคารแห่งหนึ่งมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะหันมาถามอี้กุ้ยว่า “นี่มีใครหนุนหลังเขาอยู่รึปล่าว ?”

หลังจากที่หวังซวนหมิงถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone ไปอย่างสมบูรณ์ อาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้นก็โกรธมากๆจนสั่งให้ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาออกมาจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของซือเฟิง

และถ้าเป็นไปได้คนผู้นี้ก็ออกคำสั่งให้จัดการซือเฟิงได้ทันที

ซึ่งเมื่อได้รับคำสั่งมานั้นเหล่าผู้อาวุโสอย่างพวกเขานั้นเต็มใจที่จะทำตามคำสั่งเพื่อเอาใจคนผู้นี้มากๆ เพราะท้ายที่สุดจากการสืบสวนของพวกเขา ซือเฟิงนั้นเป็นเพียงคนที่ได้รับสิทธิพิเศษให้เข้ามาสู่ Upper Zone จากการทำงานบางอย่างให้หงซินหยวนสำเร็จ และแม้ว่าเขาจะค่อนข้างทรงอิทธิพลมากๆใน God domain แต่เขาก็ไม่ได้มีภูมิหลังหรืออิทธิพลใดๆมากนักในโลกแห่งความจริง

เมื่อได้ยินคำถามของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำ อี้กุ้ยก็ส่ายหัว และกล่าวว่า “นอกจากการที่เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบริษัทโบลเดอร์ และการที่ผู้จัดการเซี่ยสนใจเขาอยู่ มันก็ไม่มีอะไรอื่นแล้วนะ การที่เด็กคนนั้นกล้าทำแบบนี้ และไม่สนใจเรา น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้นั้น Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้เพิ่มความแข็งแกร่ง และเข้มงวดในด้านความปลอดภัยสาธารณะมากขึ้นมากกว่า ….”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น วันดีๆของเด็กนี่ก็จะได้สิ้นสุดลงแล้ว !!!” ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เย็นชา

หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวของสุดยอดปรมาจารย์กำลังภายในนั้นมันก็จะเป็นเรื่องยากมากๆที่จะหาผลลัพธ์ และผู้ชนะได้ในเวลาอันสั้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฝั่งของพวกเขานั้นได้รวบรวมสุดยอดปรมาจารย์มาแปดคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์มาอีกหกคน แถมในบรรดาสุดยอดปรมาจารย์แปดคนนั้น สามคนยังเป็นสุดยอดปรมาจารย์หยินหยางที่แท้จริงด้วย (horizontal refining วิชาต่อสู้แบบเดียวกับที่หวังซวนหมิงฝึก ได้ชื่อมาละ)

ซึ่งหากพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน แม้แต่หวังซวนหมิงก็ยังจะตายลงในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีได้ ….

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วยผู้อาวุโสฉี ฉันจะรอฟังข่าวดี ….” อี้กุ้ย
กล่าวพลางมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีดำด้วยความเคารพ

ในฐานะหนึ่งในชนชั้นสูงของ Upper Zone แม้ว่าผู้อาวุโสฉีที่มีอายุมากขึ้นจะแทบไม่สามารถพัฒนาความสามารถทางจิตต่อไปได้แล้ว แต่ในฐานะสุดยอดปรมาจารย์ที่ทำงานอยู่ภายใต้อาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้น เขามีความแข็งแกร่งมากกว่าสุดยอดปรมาจารย์ของบริษัทสตาร์ไลน์ส่วนใหญ่อย่างมาก
และหากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของหวังซวนหมิงเป็นคนออกคำสั่งมา ผู้อาวุโสฉีผู้นี้ก็คงจะไม่เห็นหัวบริษัทสตาร์ไลน์ของพวกเขาด้วยซ้ำ

“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ตราบใดที่มีโอกาส ฉันและคนของฉันจะเข้ารุมจัดการเขาทันที !!!” ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะสอนให้เด็กคนนี้รู้เองว่าที่ Upper Zone นั้น มันไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะสามารถยั่วยุได้ !!!”

Upper Zone นั้นมีความปลอดภัยสูงมากจนทำให้แม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็ยังไม่กล้าฆ่าใครที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหากปรมาจารย์ทางจิตกล้าลงมือฆ่าใครที่นี่นั้น บริษัทกรีนก๊อดจะจัดการเอาเรื่องจนถึงที่สุดแน่นอน เนื่องจากบริษัทกรีนก๊อดนั้นขีดเส้นใต้ความอดทนขั้นต่ำสุดในเรื่องนี้ของพวกเขาไว้แล้ว ….

แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันเป็นเพียงแค่การสอนบทเรียน หรือทะเลาะกันในแบบที่ยังไม่ถึงตายนั้น บริษัทกรีนก๊อดก็จะไม่เอาเรื่องพวกเขาจนถึงที่สุดแน่นอน และเต็มที่บริษัทกรีนก๊อดก็จะทำการลงโทษพวกเขาในบางเรื่องแบบสถานหนักเท่านั้น แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาออกจาก Upper Zone ไป เพราะอาการบาดเจ็บของคนๆหนึ่งแทบทุกรูปแบบนั้น บริษัทกรีนก๊อดสามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่มันก็จะต้องใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันออกไปตามอาการ

เมื่อพูดจบนั้นผู้อาวุโสฉีก็ได้พาคนของเขาติดตามซือเฟิงต่อไปทันที ….

Upper Zone เขตวิลล่า :

หลังจากเดินเข้ามายังเขตวิลล่าเป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ซือเฟิงก็ได้มาถึงวิลล่าหรูสามชั้นขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลสี่สนาม

“จริงๆแล้วหนึ่งในวิลล่าขนาดใหญ่ที่สุดที่มีเพียงสิบหลังนี้มันเป็นของบริษัทไฟฟ์สเตทนี่เอง …. โดยวิลล่านี้นั้นแม้แต่บริษัทโบลเดอร์ก็ยังไม่สามารถซื้อได้เลย ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆที่หานอี้เฟิงกล้าจะเข้าไปแย่งชิงตำแหน่งเพื่อเข้าสู่ Upper Zone ชั้นกลาง ….” ซือเฟิงมองไปที่วิลล่าหรูขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย

สำหรับวิลล่าหลังใหญ่นี้มันมีราคาเป็นคะแนนการค้าหนึ่งร้อยสี่สิบล้านแต้ม อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีคะแนนการค้าถึงนั้น แต่คนๆหนึ่งก็ยังไม่สามารถจะซื้อได้ เพราะพวกเขาจะต้องมีประวัติคะแนนสะสมเกินหนึ่งร้อยล้านแต้มซะก่อน
โดยวิลล่าขนาดใหญ่นี้มันก็ดีกว่าวิลล่าธรรมดามากๆ และแค่ที่ตั้งเพียงอย่างเดียวมันก็แตกต่างจากวิลล่าอื่นๆแล้ว

ซึ่งวิลล่าขนาดใหญ่นี้มันตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชั้นกลางมากที่สุด ดังนั้นมันจึงมีพลังงานที่ให้ประโยชน์กับคนที่อยู่อาศัยมากกว่าในบริเวณอื่นอย่างเห็นได้ชัด

เพียงแค่หายใจเข้าไปนั้น ผู้ที่อยู่ที่นี่ก็จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นมากๆแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการได้อยู่อาศัยที่นี่ในระยะยาวเลย

หลังจากซือเฟิงกดกริ่งและรออยู่สักพัก ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกล๊อคก็เปิดออก โดยผู้ที่ออกมาต้อนรับซือเฟิงนั่นก็คือ จั้วหลิงฉิว พ่อบ้านของหานอี้เฟิงนั่นเอง ….

“คุณซือเฟิง คุณมีอะไรรึปล่าวถึงมาที่นี่ในเวลานี้ ?” จั้วหลิงฉิวกล่าวถามซือเฟิง

“ก่อนหน้านี้นายน้อยหาน และฉันเคยพูดคุยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมมาก่อน” ซือเฟิง
กล่าวอย่างเรียบเฉย “ดังนั้นฉันจึงได้มาที่นี่ในวันนี้เพื่อจะทำธุรกรรมกับนายน้อยหาน”

“อ้อ ! โปรดตามฉันมา !!!”

เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง จั้วหลิงฉิวก็พยักหน้าก่อนที่เขาจะนำซือเฟิงเดินตรงเข้ามาในวิลล่าหลังใหญ่

ขณะที่ซือเฟิงเดินเข้าไปในวิลล่าหลังใหญ่ เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีสนามฝึกกลางแจ้งอยู่นอกวิลล่าหลังใหญ่ โดยที่มันมีชายหนุ่ม และหญิงสาวรุ่นเยาว์หลายคนกำลังออกกำลัง และฝึกต่อหน้าชายชราที่สวมเสื้อคลุมศิลปะการต่อสู้

แม้ว่าชายชราผู้นี้จะมีผมสีขาวทั้งหมดแล้ว แต่ออร่าที่เขาแผ่ออกมานั้นมันก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าหวังซวนหมิงที่ซือเฟิงเคยพบก่อนหน้านี้มากๆ

และเมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวเหล่านี้สังเกตเห็นการมาถึงซือเฟิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองซือเฟิงอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมซือเฟิงถึงมาที่นี่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ทำได้ไม่นานนัก ก่อนที่พวกเขาถูกชายชราตะคอกให้ไปฝึกต่อ ….

“ฉันไม่สามารถจะประเมินพลังของบริษัทไฟฟ์สเตทต่ำเกินไปได้เลยจริงๆ ….” ซือเฟิงที่มองไปรอบๆอดไม่ได้ที่จะพึมพำอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ที่นี่มีสุดยอดปรมาจารย์อาศัยอยู่ถึงหกคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์อีกมากกว่าสิบคน แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลก็ใช่ว่าจะสามารถมีแบบพวกเขาได้เลย …”

จั้วหลิงฉิวได้พาซือเฟิงตรงมาที่ห้องรับรองที่ชั้นสาม ก่อนที่เขาจะเปิดประตูไม้ของห้องรับรองนี้และกล่าวว่า “นายน้อยรออยู่ด้านในแล้ว คุณเข้าไปได้เลย …”

ซือเฟิงพยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปทันที ซึ่งเมื่อเขาเดินเข้าไปนั้นเขาก็ได้พบกับหานอี้เฟิงที่นั่งเงียบๆและหลับตาทำสมาธิอยู่หน้าโต๊ะไม้เนื้อแข็ง

และเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาถึงของซือเฟิงนั้น หานอี้เฟิงก็ลืมตาขึ้นทันที ….

หานอี้เฟิงได้มองไปที่ซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมาหาฉันเพื่อทำธุรกรรมเร็วขนาดนี้ ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะต้องรออีกอย่างน้อยสิบวันซะอีกเพื่อให้คุณจัดการปัญหา และรวบรวมของที่ฉันต้องการมาให้ได้มากเพียงพอ”

สำหรับชื่อของซือเฟิงตอนนี้นั้นมันเป็นที่รู้จักกันดีมากแล้วใน Upper Zone เพราะไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้ที่ทำให้หวังซวนหมิงต้องถูกไล่ออกจาก Upper Zone แต่เขายังเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกด้วย ซึ่งทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกที่เป็นกิลของเขามีอยู่ในมือนั้น มันก็ทำให้กองกำลังต่างๆใน Upper Zone สนใจในตัวเขาอย่างมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องอาจารย์ของหวังซวนหมิง มันคงจะมีกองกำลังมากมายเดินทางเข้ามาขอเจรจา และร่วมมือกับซือเฟิงแล้ว

“ก็นะ และจริงๆแล้วฉันก็รู้ว่านายน้อยหานนั้นมีช่องทางการรับซื้อมากกว่าหนึ่งช่องทางแน่นอน ดังนั้นฉันจึงได้รีบมา เพราะถ้าฉันช้าและรอไปถึงช่วงท้ายๆ ฉันอาจจะไม่สามารถเรียกราคาดีๆจากคุณได้ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ

และแม้ว่าซือเฟิงจะพูดไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วคือตอนนี้นั้นสมาชิกสมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคนล้วนต้องการทรัพยากรอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโพชั่นแห่งชีวิต ซึ่งหากมีมันในจำนวนที่มากเพียงพอ ไฟเออร์แดนซ์ เหล่ยเปา และคนอื่นๆบางส่วนก็คงจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ได้นานแล้ว

“คุณก็พูดตลกไปคุณซือเฟิง ยังไงซะฉันก็จะทำตามสัญญาที่เราคุยกันไว้ และเพิ่มราคาสูงกว่าตลาดสองเท่าให้คุณอยู่แล้ว โดยฉันก็จะซื้อทั้งหมดที่คุณมีเลย ….”
หานอี้เฟิงกล่าวพลางหัวเราะ

“ไม่ ! ตอนนี้ฉันต้องการแลกเปลี่ยนในเงื่อนไขทรัพยากรแบบหนึ่งต่อหนึ่ง” ซือเฟิงส่ายหัว และกล่าวอย่างสบายๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด