Reincarnation Of The Strongest Sword God 2890

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2890 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2890 รางวัลจากวิหารเทพสงคราม

วิหารเทพสงคราม ห้องโถงวิหารเทพสงคราม :

ในห้องโถงที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาว ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาว และมงกุฎสีน้ำเงินนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ และเมื่อชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงการมาถีงของมัคนายกขั้นสาม กับซือเฟิง เขาก็ได้ลืมตาขึ้นมา

“ท่านปรมาจารย์ (ใช้เพื่อแยกแยะ เพราะว่าถ้าใช้ลอร์ดกับลอร์ดเหมือนกันเดี๋ยวจะงง) ท่านลอร์ดผู้นี้ได้นำทูตของเทพปีศาจมารับค่าหัว” มัคนายกเดินเข้าไปกลางห้องโถง และกล่าวรายงานด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวผู้นี้อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิง และจักรพรรดิอสูรที่ถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะพยักหน้า และหันไปกล่าวกับมัคนายกว่า “อืม คุณออกไปได้แล้ว …”

โดยปกติแล้วเพียงแค่พาผู้ติดตามของวิหารเทพปีศาจมาที่วิหารเทพสงครามนั้น มันไม่ใช่จุดเปลี่ยนเลยที่จะทำให้ลอร์ดผู้ปกครองของวิหารเทพสงครามที่ใดที่หนึ่งออกมาทักทายได้ แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นอยู่ในขั้นห้า ซึ่งนับเป็นตัวตนที่ยืนอยู่บนสูงสุดของอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นวิหารเทพสงครามจึงจำเป็นจะต้องปฎิบัติต่อซือเฟิงอย่างจริงจัง และระมัดระวัง รวมทั้งให้ความเคารพ

ซือเฟิงมองไปที่ลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะท้ายที่สุดในฐานะที่ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนนั้น มันก็นับเป็นตัวแทนของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนด้วย

และเมื่อซือเฟิงได้เห็นข้อมูลของลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูน เขาก็ต้องบอกเลยว่าวิหารเทพสงครามนั้นสมกับเป็น
กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรสตาร์มูนจริงๆ

แม้ว่าลอร์ดผู้นี้จะเป็นเพียง NPC ขั้นสี่ เลเวลสองร้อย หรือจะพูดให้แม่นยำก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวขั้นห้า แต่ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของเขาก็สูงมากๆ และการควบคุมธาตุเวทย์มนต์ของเขานั้นก็อยู่ในระดับที่สูงลิ่วเช่นกัน โดยหากลอร์ดผู้นี้สามารถสร้างร่างมานาขั้นห้าได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นห้าได้ทันที
นอกจากนี้ลอร์ดผู้นี้ยังมีอาวุธระดับตำนาน และหมวกเกราะระดับตำนานอยู่ในครอบครองด้วย ซึ่งเมื่อเขาไปถึงขั้นห้านั้น เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งใน NPC ที่ทรงพลังที่สุดของ God domain แน่นอน

ลอร์ดแห่งวิหารเทพสงคราม ฮาร์เวิร์ด สตอร์มเรจมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านนักบุญแห่งดาบ ฉันขอยืนยันได้ไหมว่านั่นเป็นทูตของเทพปีศาจจริงไหม ?”

“แน่นอน ไม่มีปัญหา ….”

เมื่อพูดจบซือเฟิงก็ได้โบกมือส่งจักรพรรดิอสูรที่ถูกจับมัดไว้อย่างสมบูรณ์ไปให้ฮาร์เวิร์ด โดยตอนนี้นั้นร่างของจักรพรรดิอสูรก็มีสภาพเหมือนกับหุ่นเชิด เพราะมันว่างเปล่าเนื่องจากจักรพรรดิอสูรนั้นได้ล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมไปนานแล้ว

เมื่อจักรพรรดิอสูรมาอยู่ตรงหน้าฮาร์เวิร์ด วงเวทย์ทั้งหมดทั่วทั้งห้องโถงก็ถูกเปิดขึ้นทันที และทันใดนั้นโซ่สีทองศักสิทธิ์จำนวนมากก็โผล่ออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าล๊อคจักรพรรดิอสูรไว้ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิอสูรที่เป็นเพียงผู้เล่นขั้นสี่ในตอนนี้เลย เพราะซือเฟิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าที่แท้จริงก็จะไม่สามารถดิ้นหลุดจากโซ่นี้ได้แน่นอน

“ท่านนักบุญแห่งดาบ ท่านนี่ช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!! ท่านสามารถจะจับทูตของเทพปีศาจได้จริงๆ !!! นี่คือลูกน้องที่เทพปีศาจนั้นจ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูขึ้นมา แต่ในตอนนี้เมื่อหมอนี่ถูกท่านจับมาส่งให้เราแบบนี้ ทวีปหลักของ God domain ก็น่าจะสงบไปอีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว” หลังจากที่ฮาร์เวิร์ดทำการตรวจสอบตัวตนของจักรพรรดิอสูรแล้ว ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

เทพปีศาจนั้นไม่สามารถจะสืบเชื้อสาย หรือเข้ามายังโลกของ God domain ในตอนนี้ได้ โดยอย่างดีที่สุดเทพปีศาจก็สามารถจะเหลือมรดกของตัวเองไว้ในโลกปัจจุบันของ God domain ได้เท่านั้น ซึ่งผู้ที่สามารถรับมรดกของเทพปีศาจได้จะถูกเรียกว่าทูตของเทพปีศาจ และสำหรับวิหารเทพสงคราม พวกทูตเหล่านี้นั้นมีค่ามากๆ

เนื่องจากมันจะมีแต่เพียงทูตของเทพปีศาจเท่านั้นที่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของเทพปีศาจมาใช้ได้ ซึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะทูตของเทพปีศาจนั้นคือผู้ที่ได้รับมรดกจากเทพปีศาจมาโดยตรง และการที่เทพปีศาจสูญเสียทูตของตัวเองไปหนึ่งคนนั้น มันก็เท่ากับว่ามรดกที่มันเหลือไว้ในโลกปัจจุบันของ God domain จะหายไปอย่างถาวรหนึ่งชิ้นเลย

“เชิญท่านจัดการกับหมอนี่ได้ตามสะดวกเลย …” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ

เขารู้ดีอยู่แล้วว่าจักรพรรดิอสูรนั้นเป็นทูตของเทพปีศาจ ดังนั้นคำยืนยันของฮาร์เวิร์ดจึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นใดๆเลย

และเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิงนั้น ฮาร์เวิร์ดก็เริ่มใช้โซ่ศักสิทธิ์จากวงเวทย์บีบรัดร่างของจักรพรรดิอสูรจนสลายกลายเป็นเถ้าทันที อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะมันยังคงเหลือส่วนของวิญญาณอยู่ ซึ่งโซ่นี้ก็ดูเหมือนจะรู้ เนื่องจากโซ่นี้ได้จัดการรัดต่อไปทันทีจนวิญญาณของจักรพรรดิอสูรนั้นสลายหายไปเช่นกัน

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีก่อนที่จักรพรรดิอสูรจะสลายหายออกไปจาก God domain อย่างสิ้นเชิง และเมื่อถึงเวลา แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะต้องการกลับเข้าสู่ God domain แต่เขาก็จะสามารถทำได้โดยการเริ่มต้นใหม่ โดยปราศจากมรดกของเทพปีศาจเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจะไม่เป็ยภัยคุกคามต่อซือเฟิงอีกต่อไป และในอนาคตชายผู้นี้จะมาถึงขั้นสี่ได้แบบเดิมไหมมันก็ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ ….

หลังจากร่างของจักรพรรดิอสูรสลายหายไป ซือเฟิงก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น

ระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่สามารถจะจับทูตของเทพปีศาจได้ ! ได้รับคะแนนบุญหนึ่งแสนแต้ม ค่าชื่อเสียงจากวิหารเทพสงครามสามพันแต้ม เลเวลเพิ่มขึ้นห้าเลเวล และคะแนนสกิลมรดกห้าสิบแต้ม

ระบบ : ค่าชื่อเสียงของคุณในวิหารเทพสงครามนั้นมีมากกว่าสามพันแต้มแล้ว ได้รับฉายา ผู้ส่งสารแห่งเทพสงคราม และได้รับสถานะกับอำนาจจากวิหารเทพสงครามให้เป็นผู้อาวุโสของวิหารเทพสงคราม

เมื่อซือเฟิงได้ยินประกาศเรื่องรางวัลที่เขาได้รับจากระบบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงมากๆ

แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่ารางวัลที่เขาได้รับนั้นมันจะไม่ต่ำแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมากขนาดนี้
ไม่ต้องพูดถึงไอเทมดีๆจำนวนมากในคลังของวิหารเทพสงครามที่ซือเฟิงสามารถจะแลกเปลี่ยนด้วยคะแนนบุญหนึ่งแสนแต้มได้เลย เพราะเพียงแค่ฉายาผู้ส่งสารแห่งเทพสงคราม มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เล่นเดินทางไปได้แทบทุกที่ใน God domain โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

วิหารเทพสงครามนั้นมีสาขามากมายนับไม่ถ้วน แต่จำนวนผู้อาวุโสของวิหารเทพสงครามนั้นมีอยู่ไม่มากนัก และสถานะนี้มันก็นับว่าสูงกว่าลอร์ดผู้ปกครองสาขาของวิหารเทพสงครามด้วยซ้ำ นอกเหนือจากนี้สถานะนี้ยังสามารถจะแนะนำให้กิลๆหนึ่งกลายเป็นหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ได้โดยตรง และสถานะนี้นั้นมันก็สามารถจะนำไปใช้เพื่อท้าทายตำแหน่งสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain ได้

และผลประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของสถาะหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของ God domain นั้นก็คือ กิลจะได้รับสิทในการเข้าประจำการในเมืองของอาณาจักรได้แบบสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าเมืองที่กิลจะสามารถเข้าประจำการได้นั้นมันมีให้เลือกน้อยกว่าก็เท่านั้น

ฮาร์เวิร์ดมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาซือเฟิง และกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านนักบุญแห่งดาบ เนื่องจากวีรกรรมที่ท่านทำให้แก่วิหารเทพสงครามเรานั้น มันจึงทำให้ท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิหารเทพสงครามแล้ว ซึ่งหากท่านต้องการความช่วยเหลือใดๆ ฉันในฐานะลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนนั้นก็ยินดีจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่เลย”

“งั้นก็ดีเลย เพราะฉันอยากจะแนะนำให้กิลของฉันกลายเป็นหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และฉันก็จะขอให้กิลของฉันได้เข้าประจำการในอาณาจักรสตาร์มูนอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้พอจะทำได้ไหม ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“นั่นง่ายมากๆเลย ท่านเพียงแค่ต้องเขียนจดหมายรับรองมาให้ฉัน ท่านนักบุญแห่งดาบ …. แล้วเดี๋ยวฉันจะรายงานไปยังเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดให้ และในตอนนั้นสิ่งที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่รอเท่านั้นท่านนักบุญแห่งดาบ โดยมันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน และเมื่อมันผ่านการอนุมัติ ข่าวเรื่องนี้ก็จะถูกประกาศไปทั่ว God domain” ฮาร์เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำหรับความปราถนาในการจะเข้าประจำการที่อาณาจักรสตาร์มูนอย่างเป็นทางการนั้นมันง่ายกว่าเรื่องแรกด้วยซ้ำ ฉันเป็นเพื่อนกับกษัตริย์ของอาณาจักรสตาร์มูน เดี๋ยวฉันจะไปคุยให้ และตราบใดที่ประกาศจากวิหารเทพสงครามถูกประกาศออกไปนั้น คุณจะได้เป็นหนึ่งในกิลผู้พิทักษ์ของอาณาจักรสตาร์มูนเลยด้วยซ้ำ !!!”

“งั้นฉันก็ต้องขอขอบคุณท่านมาก ท่านฮาร์เวิร์ด …” ซือเฟิงกล่าวอย่างมีความสุข

ตอนแรกซือเฟิงคิดว่าเรื่องนี้มันจะยากลำบาก แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างกลับเป็นไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก และหลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้จัดการเขียนจดหมายแนะนำจนเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะมอบมันให้ฮาร์เวิร์ด และฝากให้ฮาร์เวิร์ดไปจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ให้

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เข้าไปที่สำนักงานแลกเปลี่ยนของวิหารเทพสงครามทันที และซือเฟิงก็ได้ขอเข้าไปแลกเปลี่ยนในพื้นที่ที่มีแต่ระดับผู้อาวุโสหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้

“แน่นอนเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนไอเทมระดับตำนานได้โดยตรง” ซือเฟิงที่ตรวจสอบไอเทมที่เปิดให้แลกเปลี่นอยู่พึมพำอย่างเสียดาย

วิหารเทพสงครามนั้นมีไอเทมระดับตำนานมากมาย อย่างไรก็ตามไอเทมเหล่านี้นั้นมันแข็งแกร่งจนน่ากลัวมากๆ และมันมีก็แต่พวก NPC เท่านั้นที่จะใช้ได้ ผู้เล่นนั้นไม่สามารถจะใช้มันได้ สำหรับไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผู้เล่นจะสามารถแลกเปลี่ยนไปแล้วใช้ได้เลยนั้นมันมีแค่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้น

สำหรับไอเทมระดับอาติแฟคนั้นมันเป็นข้อยกเว้นไม่เหมือนกับไอเทมระดับตำนาน เนื่องจากหากผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวเองไปถึงระดับร่างครึ่งเทพ หรือไปอยู่ในขั้นได้นั้นผู้เล่นก็จะสามารถใช้มันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคะแนนบุญที่ต้องใช้แลกเปลี่ยนนั้นมันมากกว่าสองแสนแต้มเลย ซึ่งการจะรวบรวมมันให้ได้จำนวนที่เพียงพอในตอนนี้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงจึงได้เลือกจะเปิดคลังวัสดุที่วิหารเทพสงครามเปิดให้แลกเปลี่ยนขึ้นมา ….

ซึ่งเมื่อซือเฟิงเปิดขึ้นมานั้น เขาก็ต้องยอมรับเลยว่านี่มันสมกับเป็นวิหารเทพสงครามจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงวัสดุระดับอีปิคเลย เนื่องจากในคลังนี้นั้นมันมีวัสดุระดับตำนานเปิดให้แลกมากกว่าห้าแสนชิ้น แถมมันยังมีวัสดุอีกมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นที่เป็นระดับนักบุญด้วย ซึ่งวิหารเทพสงครามก็เปิดให้แลกเช่นกัน ….
“นี่มันแหล่งพลังศักสิทธิ์ !!!” ซือเฟิงมองไปยังวัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอที่แสดงอยู่ด้วยความตกตะลึง

Eye of Flaming Roar วัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอนี้มันเป็นแหล่งพลังศักสิทธิ์จากเปลวไฟที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งหากนำมันมาให้ร่างกายดูดซับนั้น ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้ดูดซับก็จะสูงขึ้นมาก โดยมันมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญเจ็ดหมื่นแต้ม

สำหรับเรื่องแหล่งพลังศักสิทธิ์นั้นซือเฟิงได้ตามหามันมานานแล้ว แต่เขายังไม่เคยพบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

แต่ตอนนี้เขากับได้พบมันอย่างไม่คาคคิดในวิหารเทพสงคราม

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงได้เห็นคะแนนบุญที่ต้องใช้แลกเปลี่ยนนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น

อาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นต้องใช้คะแนนบุญแลกเปลี่ยนเพียงสามหมื่นถึงสี่หมื่นแต้มเท่านั้น แต่ตอนนี้วัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอชิ้นเดียวกับมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญถึงเจ็ดหมื่นแต้ม ขณะที่สำหรับคริสตัลศักสิทธิ์นั้นมันก็จะมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญเจ็ดพันแต้มต่อชิ้นเท่านั้น

“มันมีแหล่งพลังศักสิทธิ์อยู่ในวิหารเทพสงครามทั้งหมดสี่ชิ้น อย่างไรก็ตามด้วยคะแนนบุญที่ฉันมี ฉันสามารถแลกเปลี่ยนมันได้มากสุดแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันถ้าฉันเอาคะแนนที่มีไปแลกคริสตัลศักสิทธิ์ มันก็ยังไม่แน่ว่าฉันจะสามารถซ่อมแซมดาบแสงแห่งสองโลกได้ไหม” ซือเฟิงพึมพำอย่างลังเล

เห็นได้ชัดว่าการได้รับคะแนนบุญจำนวนมากมากในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขายังไม่เคยได้พบกับทูตของเทพปีศาจ นอกเหนือจากจักรพรรดิอสูร อย่างไรก็ตามหากเขาเลือกจะเสี่ยงแลกเปลี่ยนคริสตัลศักสิทธิ์ไปนั้น มันก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะสามารถเติมเต็มแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่จำเป็นในการซ่อมแซมดาบแสงแห่งสองโลกของเขาได้ เพราะคริสตัลศักสิทธิ์นั้นมันไม่ได้มีแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เสถียรเท่า Eye of Flaming Roar

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็กัดฟันและกล่าวว่า “ฉันต้องการจะแลกเปลี่ยนคริสตัลศักสิทธิ์สี่ชิ้น พร้อมกับ Eye of Flaming Roar”
“โปรดรอสักครู่ !!!” พนักงานต้อนรับสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเริ่มเข้าไปหยิบไอเทมที่ซือเฟิงต้องการออกมา

หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานสาวก็กลับมาพร้อมกลับไอเทมทั้งหมดที่ซือเฟิงต้องการ และยื่นมันให้กับเขา

“ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยคริสตัลศักสิทธิ์ได้มากแค่ไหน แต่ก็ต้องมาลองดูกันหน่อยละนะ …” ซือเฟิงพึมพำด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขามองไปยังไอเทมทั้งหมดที่เขาได้รับมา

ระบบ : ค้นพบแหล่งพลังศักสิทธิ์ คุณต้องการให้แสงแห่งสองโลกดูดซับมันหรือไม่ ?

“ดูดซับ !!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด