Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1005

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1005 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1005 คนทรยศ

แปลโดย iPAT 

 

“พวกเจ้าต้องการใช้ค่ายกลวิญญาณนี้ต่อต้านพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเจ้าจะไม่เคารพพวกเรา แต่การท้าทายสวรรค์ไม่สามารถทำได้และต้องถูกลงทัณฑ์!”

 

เจ้าวังรวบรวมความแข็งแกร่งของผู้อมตะจากวังสวรรค์เพื่อปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกไปอีกครั้ง

 

“อดทนไว้!” สมาชิกนิกายเงาคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

โลกถูกอาบย้อมด้วยแสงสีขาว

 

การโจมตีจากวิญญาณชะตากรรมไม่สามารถป้องกัน

 

เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ฟางหยวนพ่นเลือดคำโตออกมาขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว

 

แม้เขาจะเป็นปีศาจต่างโลกแต่เขายังเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้และได้รับอิทธิพลจากการโจมตีนี้บางส่วน แน่นอนว่าเขาได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนอื่นๆ

 

เมื่อกวาดตามองสภาพแวดล้อม ฟางหยวนพบว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะป้อมปราการเหล็ก รถม้าโลหิต และปราสาทฝันร้ายได้พังทลายลงแล้ว

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนก็ได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน แม้มันจะอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาแต่วิญญาณอมตะสองดวงรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับพันดวงก็ถูกทำลายไปแล้ว นั่นทำให้สนามรบแห่งความโกลาหลสามสิบส่วนแตกออก

 

แต่ฟางหยวนมีความสุขกับเรื่องนี้

 

เขาต้องการให้วังสวรรค์โจมตีค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาต่อไป

 

เมื่อค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเกิดช่องโหว่ เขาจะสามารถหลบหนี

 

สถานการณ์ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ วังสวรรค์มาที่นี่เพื่อจัดการนิกายเงา หากฟางหยวนหนีไปตอนนี้ วังสวรรค์จะไม่ไล่ล่าเขาในทันที

 

ภายใต้การจ้องมองด้วยความคาดหวังของฟางหยวน แสงสีขาวห่อหุ้มหอคอยดวงตาสวรรค์เอาไว้และเริ่มสะสมพลังงาน

 

หากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกโจมตีอีกครั้ง มันจะพังทลายลงอย่างแน่นอน

 

“ฟิ้ว…”

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลับพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

 

“พวกเจ้าไม่ต่อต้านวังสวรรค์แต่เลือกโจมตีข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยันแต่ไม่ได้ต่อสู้กับอีกฝ่าย

 

เขาหลบหนีไปทุกที่และรอคอยการโจมตีครั้งต่อไปของวังสวรรค์

 

“บึม!”

 

ทันใดนั้นแสงสีขาวที่ห่อหุ้มหอคอยดวงตาสวรรค์กลับเกิดการระเบิดและสูญสลายไปโดยไม่คาดคิด

 

หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ผู้อมตะที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์พ่นเลือดออกมาหลังจากประสบกับผลกระทบย้อนกลับของความล้มเหลว

 

จากเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เสียงของผีดิบเทพเจ็ดดาราดังออกมา “เจ้าวังสวรรค์ เจ้าตกลงสู่หลุมพรางของพวกเราแล้ว”

 

ตอนนี้ภายในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์มีผู้อมตะนิกายเงารวมตัวกันอยู่มากกว่าสิบชีวิต นั่นรวมถึงผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา ผีดิบอมตะโป้ชิง และอิงอู๋เซี่ย

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลังถูกทำลายแต่สมาชิกนิกายเงาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งห้วงมิติหลบหนีมายังเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ด้วยค่ายกลวิญญญาณสุดยอดกายาและการวางแผนมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถทำเรื่องนี้

 

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” ฟางหยวนทั้งสงสัยและตกใจ

 

ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะเริ่มตื่นตระหนก

 

“หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับเก้า มันเสียหายถึงระดับนี้ได้อย่างไร?”

 

“ก่อนหน้านี้นิกายเงาไม่ได้โจมตี นั่นหมายความว่าหอคอยดวงตาสวรรค์มีปัญหางั้นหรือ?”

 

“มีคนทรยศในวังสวรรค์!” การแสดงออกของเจ้าวังกลายเป็นมืดครึ้ม เขามองไปที่ไป่เฉินเทียนกับเหลียนจิ่วเฉิง

 

หลังจากโป้ชิงตื่นขึ้น ดาบแสงอาละวาดไปทั่วภาคกลางและยังตัดหอคอยดวงตาสวรรค์ออกเป็นสองส่วน

 

เพื่อกู้คืนความเสียหาย เจ้าวังต้องขอความช่วยเหลือจากไป่เฉินเทียนและเหลียนจิ่วเฉิง

 

เจ้าวังไม่ใช่คนทรยศแน่นอน ดังนั้นปัญหาต้องมาจากไป่เฉินเทียนหรือเหลียนจิ่วเฉิง

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเจ้าวัง ผู้อมตะคนอื่นๆรีบถอยห่างจากผู้ต้องสงสัยทั้งสองและล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้

 

“เดี๋ยว! ข้าจะเป็นคนทรยศได้อย่างไร?” ไป่เฉินเทียนตกใจและโกรธมาก เขาเร่งปกป้องตนเอง “ในการเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์มีการทดสอบมากมาย วังสวรรค์ก่อตั้งมาสามล้านปี แล้วจะมีผู้ทรยศเกิดขึ้นได้อย่างไร? บางทีนี่อาจเป็นแผนการของนิกายเงา สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา เราต้องไม่ตกหลุมพรางของศัตรู!”

 

การแสดงออกของไป่เฉินเทียนเต็มไปด้วยความจริงใจ ความกังวลของเขาไม่สามารถปิดบัง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เหลียนจิ่วเฉิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ “แน่นอนเพราะมันถูกสร้างขึ้นเมื่อสามล้านปีก่อน การทดสอบเหล่านี้จึงล้าสมัยไปแล้ว มันเป็นเรื่องยากงั้นหรือหากนิกายเงาจะแทรกซึมเข้ามา?”

 

“เหลียนจิ่วเฉิง เจ้า!” ไป่เฉินเทียนตะโกนและก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ

 

“ดังนั้นเหลียนจิ่วเฉิงก็คือคนทรยศ!”

 

“เจ้าคือเหลียนจิ่วเฉิงหรือผู้ใดกันแน่?”

 

ผู้อมตะวังสวรรค์เตรียมพร้อมต่อสู้แต่ยังไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว

 

“เหลียนจิ่วเฉิงไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรก พวกเจ้าต้องการหยุดข้างั้นหรือ? กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าก็ยังทำไม่สำเร็จ ฮ่าฮ่าฮ่า เอาตัวรอดให้ได้ก่อน!”

 

หลังกล่าวจบคำ เหลียนจิ่วเฉิงฆ่าตัวตายทันที

 

สายลมสีเขียวพัดออกมาจากร่างของเขา

 

“ลมมรณะ!”

 

ความกล้าหาญของเหลียนจิ่วเฉิงผู้นี้ไม่ต่างจากฉินไป่เฉิงแม้แต่น้อย

 

ลมมรณะสามารถกลืนกินทุกสิ่ง แต่ที่นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ ดังนั้นผู้อมตะจากวังสวรรค์จึงสามารถกำหราบมันลงได้ในที่สุด

 

อย่างไรก็ตามความตายของเหลียนจิ่วเฉิงไม่ได้นำมาเพียงสายลมมรณะ

 

เมื่อเหลียนจิ่วเฉิงสามารถทรยศ แล้วผู้อื่นจะไม่สามารถเช่นนั้นหรือ?

 

กลุ่มผู้อมตะจากวังสวรรค์เริ่มไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

 

“วิธีทดสอบการเข้าสู่วังสวรรค์ไม่ได้ปรับปรุงมานานหลายปีแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะแทรกซึมเข้ามา” ผู้อมตะคนหนึ่งกล่าว

 

“หอคอยดวงตาสวรรค์เสียหายมากน้อยเท่าใด?” บางคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่า

 

เจ้าวังส่ายศีรษะ “สี่สิบส่วนถูกทำลาย เราไม่สามารถใช้การโจมตีเช่นก่อนหน้าได้อีก หากพวกเราบังคับใช้งานมัน หอคอยดวงตาสวรรค์อาจระเบิดออกเป็นชิ้นๆ”

 

เจ้าวังถอนหายใจ

 

หากไม่ใช่เพราะวิญญาณชะตากรรมยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ นิกายเงาจะไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้

 

กล่าวได้ว่าแผนการของนิกายเงายอดเยี่ยมอย่างมาก

 

เหลียนจิ่วเฉิงแฝงตัวอยู่ในวังสวรรค์มานานนับพันปีโดยไม่เคยถูกสงสัย เมื่อเขาลงมือ เขาสามารถทำลายการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ได้ทันที

 

แน่นอนว่านิกายเงาใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของเทพปีศาจบัวแดง

 

หากวิญญาณชะตากรรมยังสมบูรณ์ หอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง

 

“ทุกคน ผู้ทรยศถูกเปิดโปงแล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังปิดล้อมข้า?” ไป่เฉินเทียนไม่สามารถอดทนอยู่ในสถานการณ์นี้

 

ในที่สุดกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์จึงตอบสนองด้วยการขอโทษและยกเลิกการปิดล้อม

 

อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่ไว้ใจไป่เฉินเทียนอย่างสมบูรณ์

 

เจ้าวังตระหนักถึงเรื่องนี้และรีบควบคุมสถานการณ์ “ทุกคน ฟังข้า อย่าระแวงกันเอง เหลียนจิ่วเฉิงกล่าวเกินจริง หากมีสายลับอยู่ในวังสวรรค์มากมาย หอคอยดวงตาสวรรค์คงถูกทำลายไปนานแล้ว พวกเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?”

 

ขวัญกำลังใจของสมาชิกวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

 

“เกือบไปแล้ว พวกเราเกือบตกลงสู่หลุมพรางของเขา”

 

“ท่านเจ้าวังกล่าวได้ถูกต้อง นิกายเงาสามารถบรรลุถึงจุดนี้ นี่คือมากที่สุดแล้ว”

 

“หากเหลียนจิ่วเฉิงสามารถหลอกการตรวจสอบของพวกเราได้จริงๆ เหตุใดเขาต้องเปิดเผยตัวและฆ่าตัวตาย? นี่หมายความว่าเขาไม่มีความมั่นใจและแสดงว่าวิธีการตรวจสอบของพวกเรายังมีประโยชน์”

 

“อย่าพึ่งคิดว่าเหลียนจิ่วเฉิงเข้ามาในวังสวรรค์ได้อย่างไร? เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือหอคอยดวงตาสวรรค์สูญเสียการโจมตีที่รุนแรงที่สุดไปแล้ว แต่เรายังมีความหวัง ตราบเท่าที่พวกเราร่วมมือกัน คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าจะสามารถทำลายแผนการของศัตรูได้อย่างแน่นอน!”

 

สมาชิกวังสวรรค์ทุกคนล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ หลังจากพูดคุย ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง

 

หอคอยดวงตาสวรรค์พุ่งลงไปราวกับดาวตก

 

นิกายเงาไม่ได้ขัดขวางพวกเขาและยังเปิดช่องให้หอคอยดวงตาสวรรค์เข้ามา

 

อีกด้านหนึ่ง ฟางหยวนต้องการออกไปแต่ถูกขัดขวางโดยเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ด้วยเหตุนี้ภายในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาจึงเกิดการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายขึ้นน

 

แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะได้รับความเสียหายแต่มันยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

นิกายเงาใช้เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาโจมตีหอคอยดวงตาสวรรค์ขณะที่ฟางหยวนพยายามหลบหนีอย่างสุดความสามารถ

 

สถานการณ์ของฟางหยวนดีขึ้นมากจากก่อนหน้า

 

นิกายเงาและวังสวรรค์ต่างได้รับความเสียหายครั้งใหญ่ สำหรับฟางหยวนที่เป็นปีศาจต่างโลก เขาได้รับความเสียหายน้อยที่สุด

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน นิกายเงาและวังสวรรค์เป็นศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลก พวกเขาจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดต่อไป เมื่อพวกเขาอ่อนแอลง ข้าจะมีโอกาส ตอนนี้ข้าต้องรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้” ฟางหยวนประเมิน

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตราบเท่าที่พวกเราอยู่ในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา ฝ่ายตรงข้ามจะเฝ้าระวังหอคอยดวงตาสวรรค์ ยิ่งนาน พวกเขาจะยิ่งอ่อนแอลง โอกาสชนะของเราจะสูงขึ้น” เจ้าวังอธิบายสถานการณ์

 

“ยื้อเวลาไว้!” ผีดิบอมตะโป้ชิงตะโกน

 

ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตอบรับ “ถูกต้อง เรามีอิงอู๋เซี่ย ยิ่งเรายื้อเวลาได้นานเท่าใด ระดับการบ่มเพาะของเขายิ่งจะสูงขึ้น ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันของเขาทรงพลังมาก กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถป้องกัน!”

 

“พวกท่านกำลังกล่าวถึงข้าเช่นนั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยชี้นิ้วไปที่ตนเอง

 

ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราพยักหน้า “กระทั่งเจ้าวังสวรรค์ก็ไม่สามารถอนุมานเกี่ยวกับเจ้า แต่ปัญหาเดียวก็คือยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันก็ยิ่งซับซ้อน เจ้าจะต้องควบคุมมันให้ดี!”

 

อิงอู๋เซี่ยสูดหายใจลึก “ท่านลุงผีดิบ ข้าเริ่มประหม่าเมื่อได้ยินเรื่องนี้”

 

ด้วยความบังเอิญ ทั้งวังสวรรค์ นิกายเงา และฟางหยวน พวกเขาต่างต้องการยื้อเวลาออกไป แต่ท้ายที่สุดจะเป็นผู้ใดที่สามารถหัวเราะเป็นคนสุดท้าย?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด