Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1036

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1036 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1036 มนุษย์โคลน

แปลโดย iPAT 

 

“โอ้ หมายความว่าอย่างไร?”

 

“นานๆครั้งสายเลือดตระกูลหนี่จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น หากพวกเขารอดชีวิต วิญญาณอมตะจะถือกำเนิดขึ้นในร่างของพวกเขา”

 

ฉีช่ายมองก้อนเมฆด้านหน้าขณะกล่าวต่อ “หนี่เหรินทำเช่นนั้นเพราะต้องการสร้างผู้อมตะตระกูลหนี่ เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง เขาสามารถผสานวิญญาณอมตะเข้ากับสายเลือดตระกูลหนี่ นั่นทำให้คนนอกไม่สามารถฉกชิงพวกมันไป กระทั่งบางคนจะพยายามหลอมรวม พวกเขาก็จะล้มเหลว มันเป็นวิญญาณอมตะที่มนุษย์สามารถใช้งานแม้จะต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงมากก็ตาม”

 

ฉีอี้รู้สึกชื่นชมหนี่เหรินอย่างช่วยไม่ได้ “หากข้าได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณอมตะ ข้าอาจสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้ด้วยตัวของข้าเอง”

 

ฉีช่ายหัวเราะเสียงเย็น “หนี่เหรินทำงานหนักแต่ระหว่างหลายปีที่ผ่านมาก็ยังไม่มีผู้อมตะถือกำเนิดขึ้นในตระกูลหนี่ วิญญาณอมตะที่เขาเลือกมีความต้องการสูงเกินไป แม้ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จะสามารถใช้งาน แต่มันก็ไม่ต่างจากเด็กทารกพยายามใช้ดาบ แล้วพวกเขาจะปลอดภัยได้อย่างไร?”

 

“เมื่อวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นในร่างของทายาทตระกูลหนี่ คนผู้นั้นจะถูกเรียกว่าหนี่เซียงรุ่นปัจจุบัน วิญญาณอมตะดวงแรกที่ปรากฏขึ้นเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่มีชื่อว่า วิญญาณอมตะใช่หรือไม่ วิญญาณดวงนี้จะรับข้อมูลมาจากสวรรค์พิภพ เมื่อผู้ใช้วิญญาณถาม มันจะตอบว่าใช่หรือไม่ แต่ผู้ใช้วิญญาณจะต้องจ่ายด้วยอายุขัยห้าสิบปีทุกครั้งที่ถาม”

 

ฉีอี้ยกคิ้วขึ้น “อายุขัยห้าสิบปี! เป็นราคาที่แพงมาก! แล้วหนี่เซียงรุ่นปัจจุบันจะเต็มใจจ่ายงั้นหรือ?”

 

ฉีช่ายยิ้มแต่ไม่ตอบ

 

ร่างกายของฉีอี้สั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย

 

นางมีประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควร นางเข้าใจว่าการนิ่งเฉยของฉีช่ายหมายถึงสิ่งใด

 

‘ค่าใช้จ่ายของการตอบคำถามคืออายุขัยห้าสิบปี พวกเขาจะเต็มใจได้อย่างไร? แต่ท่านลุงทวดเป็นผู้อมตะขณะที่หนี่เซียงรุ่นปัจจุบันเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากเขาขัดขืน?’

 

‘ตระกูลหนี่อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเพราะพวกเขาถูกกดขี่โดยตระกูลฉี?’

 

‘ในทางกลับกัน หากตระกูลฉีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผู้อมตะของตระกูลฉีก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยงั้นหรือ?’

 

ฉีอี้รู้สึกเย็นเยียบและไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีก

 

ฉีช่ายปิดปากของตนเช่นกัน

 

ก่อนหน้าฉีช่ายเพียงต้องการแบ่งปันความรู้เล็กๆน้อยๆให้แก่ฉีอี้ที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเท่านั้น

 

การกระทำของตระกูลฉีไม่สอดคล้องกับวิถีของฝ่ายธรรมะ หากผู้อมตะที่พึ่งเข้าร่วมมีทัศนคติที่แตกต่าง มันจะเกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

 

ฉีช่ายไม่ได้กล่าวออกมาแต่ฉีอี้เข้าใจความหมายของเขาแล้ว

 

‘ภูเขาโคลนเน่าเปื่อยอยู่ไม่ไกล ครั้งนี้ข้าจะปล่อยให้ฉีอี้จัดการตระกูลหนี่ แม้ตระกูลหนี่จะถูกลบออกจากโลกใบนี้ก็ไม่มีปัญหา’ ดวงตาของฉีช่ายส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

ด้วยความตั้งใจของฉีช่าย ราชสีห์ปราณทะยานร่างลงจากท้องฟ้า

 

ฉีอี้เริ่มมองเห็นภูเขา แม่น้ำ และป่าไม้ที่อยู่ด้านล่าง นางไม่เคยเห็นภาพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกตื่นเต้น

 

ท่ามกลางภูเขามากมายมีภูเขาสีดำที่โดดเด่นตั้งอยู่

 

ต้นไม้และพืชพันธุ์บนภูเขาลูกนี้ล้วนเป็นสีดำน้ำตาล

 

“หือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฉีช่ายรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบบางสิ่ง

 

ตอนนี้หมู่บ้านตระกูลหนี่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว

 

ซากศพและบ่อเลือดกระจัดกระจายอยู่รอบๆ

 

ไม่เพียงซากศพมนุษย์แต่ยังมีซากศพของสัตว์อสูร

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฉีอี้อุทาน

 

ราชสีห์ปราณร่อนลงบนเนินดินขณะที่ผู้อมตะตระกูลฉีทั้งสองกวาดตามองไปรอบๆ

 

กลิ่นคาวเลือดพุ่งเข้าโจมตีจมูกของฉีอี้ขณะที่นางแทบไม่สามารถทนมองภาพอันน่าสยดสยองที่อยู่เบื้องหน้า

 

ฉีช่ายพึมพำ “ภูเขาโคลนเน่าเปื่อยมีดินชนิดพิเศษ ตอนนี้เลือดยังไม่แห้ง ดูเหมือนพวกเขาจะถูกสังหารประมาณหนึ่งหรือสองวันที่ผ่านมา”

 

“มีบางสิ่งผิดปกติ มีศพสัตว์อสูรหลายชนิดอยู่ที่นี่ มันไม่ใช่ฝูงสัตว์อสูรทั่วไป ตระกูลหนี่โชคไม่ดีที่ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้” ฉีอี้กล่าว

 

ฉีช่ายก่นเสียงเย็น “ฮืม คลื่นสัตว์อสูรอันใด!? ชัดเจนว่าเป็นภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น! มีสัตว์อสูรเพียงชนิดเดียวบนภูเขาโคลนเน่าเปื่อย นั่นก็คืออสูรโคลน”

 

ฉีอี้ตกใจมาก “อา…ผู้ใดช่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้?”

 

นางคิดก่อนกล่าวต่อ “คนผู้นี้สามารถควบคุมฝูงสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลและยังเป็นสัตว์อสูรที่แตกต่างกัน เขามีวิธีการที่น่าทึ่งนัก เมื่อใดกันที่ภาคใต้มีผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาสที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้?”

 

“ฮืม คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใช้วิญญาณแต่เป็นผู้อมตะ!” ฉีช่ายเดินเข้าไปในหมู่บ้าน

 

ณ ใจกลางหมู่บ้านมีพื้นโคลนสีดำที่แยกออกจากบ่อเลือดที่อยู่รอบๆอย่างชัดเจน

 

“ตระกูลหนี่ได้รับการปกป้องจากอสูรโคลนเดียวดายแต่อสูรโคลนเดียวดายตัวนี้ตายไปแล้ว ไม่ว่าผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาสจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็ไม่สามารถต่อต้านสัตว์อสูรเดียวดาย นี่เป็นฝีมือของผู้อมตะ!” อี้ช่ายกล่าวเสียงเย็น

 

“ผู้อมตะ?” ฉีอี้ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นฝีมือของผู้อมตะ

 

นางรู้สึกแปลก นางมีชีวิตอยู่มาหกสิบปีแต่ไม่เคยพบเห็นผู้อมตะ เพียงเมื่อนางกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ นางจึงได้พบกับลุงทวดของนาง แต่ตอนนี้นางกลับพบร่องรอยของผู้อมตะอีกคนอย่างรวดเร็ว

 

‘ตอนนี้ข้าเป็นผู้อมตะ สิ่งต่างๆ แตกต่างออกไปจากก่อนหน้า ผู้คนที่ข้าพบเจอก็แตกต่างออกไปเช่นกัน’ ฉีอี้คิด

 

การแสดงออกของฉีช่ายกลายเป็นมืดครึ้ม

 

เขาตั้งใจมาหาหนี่เซียงรุ่นปัจจุบันแต่ตอนนี้หมู่บ้านตระกูลหนี่กลับถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ มีความหวังเพียงเล็กน้อยที่แผนการของเขาจะประสบความสำเร็จ

 

“ฮืม ฆ่าทั้งตระกูลและจากไป ข้าอยากรู้นักว่าเป็นฝีมือของผู้ใด?”

 

ฉีช่ายเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะไม่สามารถตามหา? คิดว่าทักษะของตระกูลฉีธรรมดางั้นหรือ?”

 

ฉีช่ายกล่าวก่อนจะยื่นมือขวาออกไป

 

เขาชี้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางออกไปข้างหน้า แม้มันจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่มันกลับสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่

 

“บึม!”

 

คลื่นอากาศระเบิดออกไปทุกทิศทาง

 

ฉีอี้ก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ

 

สนามรบทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียว

 

“มา!” ฉีช่ายกางนิ้วทั้งสามในลักษณะของกรงเล็บอินทรีย์และดึงแสงสีเขียวกลับมา

 

เพียงไม่กี่ลมหายใจแสงสีเขียวก็ถูกดูดเข้าไปในมือของฉีช่ายอย่างสมบูรณ์

 

มือของฉีช่ายเปลี่ยนเป็นสีเขียว

 

“ท่านลุงทวด มือของท่าน…” หัวใจของฉีอี้สั่นสะท้านขึ้น

 

“อย่าเข้ามา เจ้าพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ตอนนี้เจ้าไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก อย่าเข้าใกล้ข้า” ฉีช่ายออกคำสั่ง

 

ฉีอี้พยักหน้าและถอยหลังกลับไปอีกครั้ง

 

จากนั้นนางจึงได้ยินฉีช่ายกล่าว “แสงสีเขียวก็คือปราณแห่งความเกลียดชังที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ฆาตกรสังหารผู้คนทั้งหมู่บ้านโดยไม่เว้นกระทั่งเด็กหรือคนชรา ด้วยความเหี้ยมโหดนี้ คนตระกูลหนี่ย่อมเต็มไปด้วยความเกลียดชังและไม่พอใจต่อชะตากรรมของตน ปราณแห่งความเกลียดชังที่อยู่ในสนามรบจะนำเราไปหาเป้าหมาย”

 

“ไป!” ฉีช่ายตะโกน

 

แสงสีเขียวถูกส่งไปยังบ่อโคลนด้านล่าง

 

นี่ไม่ใช่โคลนทั่วไปแต่เป็นซากร่างของอสูรโคลนเดียวดาย

 

“เส้นทางแห่งพลังปราณมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เสี่ยวอี้ ดูเอาไว้ นี่คือหนึ่งในทักษะเฉพาะตัวของตระกูลฉี” ฉีช่ายไม่ปกปิดความภาคภูมิใจของตน

 

บอลโคลนลอยขึ้นสู่อากาศ

 

บนพื้นผิวของมันเต็มไปด้วยใบหน้าภูตผีที่แสดงออกด้วยความโกรธและเกลียดชัง

 

ฉีช่ายพ่นลมออกจากปากและส่งกลิ่นอายลึกลับผสานเข้ากับบอลโคลน

 

บอลโคลนส่งเสียงออกมา “ฆ่า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

ฉีอี้อ้าปากค้าง “สมาชิกตระกูลหนี่ฟื้นขึ้นมางั้นหรือ?”

 

“ตั้งแต่วิญญาณชะตากรรมได้รับบาดเจ็บ วิธีหลบหนีจากชะตากรรมมากมายก็ถือกำเนิดขึ้น” ฉีช่ายอธิบายก่อนจะเปิดปากถามสัตว์ประหลาดโคลนที่เปลี่ยนสภาพเป็นมนุษย์โคลน “เจ้าคือผู้ใด?”

 

“อ๊าก…” มนุษย์โคลนยังกรีดร้องราวกับคนบ้า

 

ฉีช่ายขมวดคิ้วถามอีกครั้ง

 

มนุษย์โคลนไม่สนใจและยังสาปแช่งต่อไป “คนชั่ว! เจ้าสังหารท่านปู่ของข้า ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

 

ฉีช่ายเย้ยหยัน เขาเป็นผู้สร้างสัตว์ประหลาดตนนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถควบคุมมัน

 

“เจ้าคือผู้ใด? เจ้าเป็นฆาตกรด้วยงั้นหรือ? ข้าจะ…” ร่างของมนุษย์โคลนสั่นสะท้านขึ้นก่อนที่จะเริ่มสงบลงและค่อยๆเงยหน้ามองฉีช่ายด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

 

ฉีช่ายถอนหายใจ เขารู้ว่าสัตว์ประหลาดตนนี้มีสติปัญญาต่ำมาก หลังจากทั้งหมดมันถูกสร้างขึ้นจากปราณแห่งความเกลียดชังเท่านั้น

 

“เจ้าคือผู้ใด?”

 

“หนี่เจี้ยน” มนุษย์โคลนตอบ

 

ฉีช่ายสะบัดแขนเสื้อระเบิดร่างมนุษย์โคลนอย่างกะทันหัน

 

มันกลายเป็นว่าชื่อของหนี่เจี้ยนออกเสียงคล้ายคำว่า เจ้าโง่ นั่นทำให้ฉีช่ายตีความผิดและโจมตีมนุษย์โคลนด้วยความโกรธ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด