Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1048

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1048 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1048 ต่อสู้และหลบหนี (3)

แปลโดย iPAT 

 

ปราณภูตผีพุ่งไปข้างหน้าและกลืนกินฟางหยวน

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันราวกับกำลังเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์

 

‘ท่าไม้ตายอมตะที่น่าทึ่ง!’

 

‘ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นตัวตนที่รับมือได้ยากจริงๆ’

 

ความคิดทั้งสองพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

 

ปราศจากปราณภูตผี ผู้อมตะทั้งสามก็หยุดเคลื่อนที่

 

“ทุกอย่างจบแล้ว” โจวหลี่เผยรอยยิ้มมั่นใจ

 

ถังซ่งและหลิวชิงหยูมองหน้ากัน พวกเขาสามารถคาดเดาแผนการของโจวหลี่

 

โจวหลี่รวบรวมข้อมูลของฟางหยวนอย่างลับๆและรู้ว่าวิธีใดเหมาะสมที่จะใช้จัดการกับฟางหยวน

 

ภายนอกเขาช่วยสนับสนุนผู้อมตะทั้งสองแต่ความจริงก็คือเขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์รวบรวมข้อมูลของฟางหยวนและค่อยๆสะสมความแข็งแกร่งเพื่อโจมตีในเวลาที่เหมาะสม

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้กระทำการอย่างโจ่งแจ้งแต่เมื่อเขาลงมือ มันราวกับคลื่นยักษ์ที่สามารถกลืนกินทุกสิ่ง

 

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ แต่ปราณภูตผีโจมตีเขาอย่างกะทันหัน กระทั่งวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติก็ไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งใดในเวลานี้

 

‘โจวหลี่ผู้นี้ดูเหมือนอ่อนแอและอ่อนน้อม แต่ความจริงเขาเจ้าเล่ห์มาก เขากระทั่งฉลาดกว่าข้า!’ หลิวชิงหยูรู้สึกหวาดกลัวโจวหลี่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

การแสดงออกของถังซ่งกลายเป็นน่าเกลียด เขาเตรียมท่าไม้ตายอมตะอย่างยากลำบากเพื่อกู้คืนใบหน้า แต่โจวหลี่กลับขโมยโอกาสของเขาไป

 

หลังจากทั้งหมดผู้คนที่สามารถบรรลุระดับเจ็ดล้วนไม่ใช่คนทั่วไป

 

การโจมตีของโจวหลี่ทำให้ฟางหยวนไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกับดัก

 

‘เราชนะแล้ว’

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสามคิดเหมือนกัน

 

แต่ฟางหยวนกลับหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า สหาย เหตุใดพวกเจ้าจึงโง่งมนัก? พวกเจ้าเอาชีวิตมาทิ้งโดยแท้ ในความคิดเห็นของข้า ผู้อมตะระดับหกยังฉลาดกว่าพวกเจ้า”

 

ผู้อมตะทั้งสามมองหน้ากัน พวกเขาเห็นฟางหยวนยืนมือไพล่หลังลอยอยู่กลางอากาศด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

หลังจากชั่วครู่ร่างของผู้อมตะทั้งสามจึงสั่นสะท้านขึ้น ‘โอ้ ไม่ เขาไม่กลัว นี่หมายความว่ามันถึงสถานที่ซุ่มโจมตีของพวกเขาแล้วงั้นหรือ?’

 

ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “ท่าไม้ตายนี้คือสิ่งใด? มันสามารถสะสมพลังงาน แต่…ข้าอยากรู้นักว่ามันจะสามารถทะลวงผ่านท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของตระกูลข้าได้หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ปราณภูตผีสามารถสังหารฟางหยวนแต่เขายังนิ่งเฉยราวกับมันไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะแต่เป็นเพียงสายลมที่อ่อนโยน

 

เขายังต่อต้านปราณภูตผีด้วยการสวมเกราะขนราชสีห์ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสาม

 

‘โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะเกือบทั้งหมดของข้า มันมีพลังการโจมตีที่รุนแรงแต่นี่จะทำให้การป้องกันของข้าอ่อนแอลง หากฝ่ายตรงข้ามโจมตี…’ รูม่านตาของโจวหลี่หดเล็กลง เขารีบดึงปราณภูตผีกลับมาปกป้องตนเองโดยไม่รู้ตัว

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงหลุดพ้นจากพันธนาการ

 

“ลาก่อนสหาย!” ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งเข้าสู่กำแพงภูมิภาคโดยไม่ลังเล

 

ผู้อมตะทั้งสามตกตะลึงก่อนจะรู้สึกโกรธ

 

“คนผู้นี้เจ้าเล่ห์นัก!”

 

“เขากำลังหมดหนทางแต่กลับทำตัวยิ่งใหญ่ ฮืม ไล่ตามเขาไป!”

 

ถังซ่งและหลิวชิงหยูไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้งด้วยความโกรธ

 

ด้านโจวหลี่ ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่เขาติดตามไปด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

 

ก่อนหน้านี้มันเป็นสถานการณ์ที่ดีมากแต่เขากลับทำลายทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะมีโอกาสที่สองหรือไม่?

 

ฟางหยวนรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด เขาบินเข้าไปในส่วนลึกของกำแพงภูมิภาคขณะที่กลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดเผชิญหน้ากับความยากลำบาก

 

ระดับการบ่มเพาะกลายเป็นภาระให้กับพวกเขา

 

ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใด ความเร็วของพวกเขาก็ยิ่งช้าลงเท่านั้น

 

ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

“การบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับใด? เหตุใดเขาจึงได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคน้อยมาก?” ใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะกลายเป็นมืดมน

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนพยายามรอพวกเขา

 

ฟางหยวนไม่ต้องการให้ความลับของตนถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงจงใจชะลอความเร็วและแสร้งพบปัญหาในการเดินทางเพื่อลดความสงสัย

 

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกไม่สามารถติดตามฟางหยวนแต่พวกเขายังไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้

 

“ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถซ่อนตัวอยู่ที่นี่และไม่ออกมา!”

 

“เขาเป็นผู้อมตะระดับหก การบินมาที่นี่ต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก ข้าจะรอดูว่ารากฐานของผู้อมตะระดับหกจะสามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับเจ็ดหรือไม่?”

 

แม้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะต้องการทำสิ่งนี้ แต่ความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย

 

ฟางหยวนทิ้งพวกเขาไปไกลแล้ว กระทั่งฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็ยังนำหน้าพวกเขาไป มันจึงช่วยไม่ได้ที่กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะรู้สึกขมขื่น

 

ในที่สุดฟางหยวนก็ออกมาจากระยะการตรวจสอบของกลุ่มผู้อมตะ พวกเขาสามารถติดตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลไปเท่านั้น

 

ฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเข้าใกล้ฟางหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เมื่อถึงเวลาสุกงอม ฟางหยวนจึงกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพื่อทิ้งระยะห่างออกไปอีกครั้ง

 

ผู้อมตะของทะเลตะวันออกบางคนไม่สามารถอดทนและต้องออกจากกำแพงภูมิภาคอย่างช่วยไม่ได้

 

“โชคไม่ดีที่ข้าพบคนเช่นนี้!”

 

“เราไม่รู้ข้อมูลใดๆของเขาเลย เราไม่รู้กระทั่งว่าเขามีกองกำลังอยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่?”

 

ถังซ่งและโจวหลี่พูดคุยกันด้วยความสิ้นหวัง

 

มีเพียงหลิวชิงหยูที่ไม่กล่าวสิ่งใดและยังไล่ล่าต่อไป

 

“พี่หลิวเลิกตามเถอะ”

 

“เขาจากไปแล้ว เรื่องนี้มีปัญหามากมายที่เราต้องปรึกษา”

 

ถังซ่งและโจวหลี่กระตุ้น

 

หลิวชิงหยูกล่าว “ข้ามีวิธีตรวจสอบ ข้าจะไม่พักจนกว่าข้าจะสามารถจับเขา! รอข้าก่อน ข้าจะพยายามอีกครั้งและจะกลับมาในไม่ช้า!”

 

หลังกล่าวจบคำเขากลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งไปข้างหน้าทันที

 

ถังซ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาด “ดูเหมือนพี่หลิวจะกังวลมาก ท่าไม้ตายนี้ต้องจ่ายด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้งาน มันมีราคาสูงมาก ในอดีตเขาจะใช้มันเฉพาะเมื่อต้องการหลบหนีจากศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น”

 

“เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใด?” การแสดงออกของโจวหลี่เปลี่ยนไป

 

ถังซ่งมองโจวหลี่ด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

ผู้อมตะทั้งสองตระหนักถึงบางสิ่งและรู้สึกโกรธ

 

มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลิวชิงหยูจะได้รับแผนที่ไปตั้งแต่แรกแต่กลับหลอกลวงพวกเขาและตอนนี้คนผู้นี้กำลังพยายามหลบหนี

 

ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ทำลายลำแสงสีเลือดต่อหน้าทุกคน

 

และผู้ที่สังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดก็คือหลิวชิงหยู

 

“พี่หลิว รอก่อน!”

 

“โจรเจ้าเล่ห์! พวกเราไม่สามารถหยุดอยู่ที่นี่!”

 

ถังซ่งและโจวหลี่ตัดสินใจไล่ล่าต่อ

 

หลิวชิงหยูได้ยินคำกล่าวเหล่านี้แต่ยังเร่งความเร็วขึ้น เขาไม่แม้แต่จะหันหลังกลับราวกับเขาไม่ได้ยินสิ่งใดเลย

 

ถังซ่งและโจวหลี่สามารถยืนยันการคาดเดาของพวกเขาด้วยการเคลื่อนไหวของหลิวชิงหยู นี่ทำให้การแสดงออกของคนทั้งสองกลายเป็นมืดครึ้มขณะที่พวกเขาสาบานว่าจะไม่ปล่อยตัวหลิวชิงหยูไป

 

ครึ่งเดือนต่อมา

 

ร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกจากกำแพงพลังงานสีเขียว

 

“ในที่สุดข้าก็มาถึงภาคเหนือ”

 

มันก็คือฟางหยวนที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล

 

แต่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดจากฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล นี่เป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มีเพียงวิญญาณอมตะสายรักษาที่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ออกไป

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะสายรักษา

 

‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาย่อมมีวิธีรักษา เมื่อข้ากลับไปข้าจะได้พักผ่อน’ ฟางหยวนกระตุ้นตนเอง

 

ก่อนหน้านี้เขาต้องต่อสู้กับผู้อมตะของทะเลตะวันออก เขายังต้องหลบหนีฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลโดยใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ กล่าวได้ว่าตอนนี้เขาติดหนี้ก้อนโต

 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการไล่ล่าของผู้อมตะจากทะเลตะวันออกทำให้ฟางหยวนต้องเดินทางอยู่ในกำแพงภูมิภาค

 

เขาต้องใช้ทางอ้อมและยิ่งสิ้นเปลืองหินวิญญาณอมตะมากขึ้น

 

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ

 

สิ่งสำคัญคือภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง!

 

เวลาที่กระชั้นเข้ามาทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่ดีนัก

 

เมื่อมองย้อนกลับไป เขายังมองเห็นฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลอย่างคลุมเครืออยู่ในกำแพงภูมิภาค ฟางหยวนถอนหายใจและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

 

ฟางหยวนไม่ทราบตำแหน่งที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ก่อนหน้านี้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ใกล้กับทะเลสาบวงเดือน แต่เนื่องจากการโจมตีของนิกายเงาทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องย้ายที่ตั้งแดนศักดิ์สิทธิ์

 

หลังจากติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่นอนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาบอกเพียงทิศทางที่ฟางหยวนต้องไป จากนั้นเขาจะส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนออกมารับ

 

สามวันต่อมาฟางหยวนไปถึงสถานที่นัดหมายแต่กลับไม่พบผู้ใด

 

สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ล่าเขาและทำให้เขาต้องวิ่งวนอยู่ในบริเวณนั้น

 

มันกลายเป็นว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ถูกส่งออกมาบังเอิญพบผู้อมตะเผ่ามนุษย์ระหว่างทางและถูกฆ่าตาย

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนที่สองออกมาแต่เหตุร้ายที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่สามารถติดต่อ

 

เพื่อนำฟางหยวนกลับนิกายหลางหยา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสูญเสียผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปสองคนและพวกเขาก็ยังไม่สามารถนำฟางหยวนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถแบกรับความสูญเสียนี้ ดังนั้นเขาจึงบอกตำแหน่งที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากับฟางหยวนโดยตรง

 

เจ็ดวันต่อมาฟางหยวนมาถึงหน้าผาฟงโป้

 

ที่หน้าผานี้เขาเห็นค่ายกลวิญญาณที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

สุดท้ายฟางหยวนจึงสามารถปลดปล่อยตนเองจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลและกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

หลังจากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย ในที่สุดเขาก็มาถึงสถานที่ปลอดภัย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด