Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1058

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1058 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1058 วิญญาณอมตะสมบัติเลือด

แปลโดย iPAT 

 

สามวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้น ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนสวรรค์ชั้นแรก

 

ร่างกายของเขาจมอยู่ใต้บ่อเลือดขนาดใหญ่

 

บ่อเลือดเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เยี่ยวยารักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของฟางหยวน

 

ทันใดนั้นฟางหยวนพลันเปิดเปลือกตาขึ้น

 

‘วิธีหลอมรวมร่างกายบนเส้นทางแห่งเลือดสามารถรักษาร่างอมตะของข้า’ ฟางหยวนคิด

 

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากที่อยู่ในบ่อเลือดส่องประกายขึ้นพร้อมกับวิญญาณอมตะระดับหกดวงหนึ่ง

 

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด สมบัติเลือด!

 

นี่เป็นวิญญาณอมตะที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาสร้างเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้จากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดที่ซื้อมาจากสวรรค์สีเหลือง

 

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดสามารถปกป้องทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณระหว่างการหลอมรวม หากการหลอมรวมล้มเหลว ทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณบางส่วนจะถูกรักษาไว้

 

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถประหยัดทรัพยากรไปได้มาก หากเป็นบุคลิกก่อนหน้าของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่ใช้มันในการแลกเปลี่ยนไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

 

แต่หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป ความสนใจของเขาไม่เหมือนเดิม

 

สุดท้ายวิญญาณอมตะดวงนี้จึงตกอยู่ในมือของฟางหยวน

 

เมื่อฟางหยวนได้รับมัน เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแต่ลอบมีความสุขมากอยู่ภายใน

 

วิญญาณอมตะถือเป็นมือเท้าที่คอยช่วยเหลือผู้อมตะในการหลอมรวมวิญญาณ แต่สำหรับฟางหยวนที่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด เขาสามารถใช้มันได้มากกว่านั้น

 

เช่นในเวลานี้

 

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุขึ้นใต้บ่อเลือด

 

มันลอยอยู่เหนือศีรษะของฟางหยวนและดึงดูดพลังงานแห่งชีวิตปริมาณมหาศาลเข้ามาให้เขาอย่างไม่รู้จบสิ้น

 

กระดูกที่แตกหักของฟางหยวนค่อยๆเชื่อมต่อกัน เนื้อหนังที่ฉีกขาดค่อยๆผสานตัว อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาได้รับการเยี่ยวยา

 

ในเวลาไม่นานร่างกายของฟางหยวนก็กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง!

 

“บึม!”

 

ฟางหยวนทะยานร่างออกจากบ่อเลือดราวกับลูกศรพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

เขากวาดตามองร่างกายของตนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ร่างนี้เกิดจากวิญญาณทารกอมตะ มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท นอกจากนั้นพวกมันยังไม่ต่อต้านกัน เพราะเหตุนี้ข้าจึงสามารถใช้วิธีรักษาบนเส้นทางที่หลากหลายและได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”

 

ฟางหยวนยกมือขึ้นขณะที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดพุ่งขึ้นมาจากบ่อเลือดและบินมาอยู่บนฝ่ามือของเขา

 

ฟางหยวนมองวิญญาณอมตะดวงนี้ด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะเก็บมัน

 

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกลายเป็นรอยสักรูปไข่มุกสีแดงอยู่บนหน้าอกของเขา

 

ในความเป็นจริงการจัดเก็บลักษณะนี้ไม่ปลอดภัย หากร่างกายของฟางหยวนถูกทำลาย วิญญาณอมตะสมบัติเลือดจะถูกทำลายไปด้วย

 

วิญญาณอมตะเปราะบางมาก กระทั่งเด็กวัยหัดเดินยังสามารถทำลายวิญญาณอมตะระดับเก้า

 

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ

 

แต่ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในมิติช่องว่างของตน ตราบเท่าที่เขาระมัดระวัง มันจะไม่มีปัญหา

 

“ห้าร้อยปีก่อนหน้า ข้าไม่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว สุดท้ายข้าต้องหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก ในเวลานั้นหากข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ข้าจะประสบความสำเร็จมากขึ้น กระทั่งนิกายโบราณทั้งสิบจะปิดล้อมข้า ข้าก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยความมั่นใจ”

 

ฟางหยวนคุยโม้เล็กน้อย

 

ในชีวิตก่อนหน้าเขามีความแข็งแกร่งอยู่บนจุดสูงสุดของระดับหก เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปสองคนพร้อมกัน เขายังสามารถเอาชนะ

 

แม้จะใช้หลายวิธีเพื่อบรรลุผลลัพธ์แต่การเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดด้วยการบ่มเพาะระดับหกถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง

 

แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกับโป้ชิงหรือฟงจิวเก้อ เขายังห่างไกลนัก แต่สิ่งสำคัญคือฟางหยวนสามารถเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดได้โดยที่เขาไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

 

ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดและยังสามารถสร้างเส้นทางของตนเองรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์และท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดอีกมากมาย

 

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดของฟางหยวนคือระดับปรมาจารย์ เขาไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดยกเว้นวิญญาณอมตะ

 

หากเขามีวิญญาณอมตะ เขาจะสามารถยกระดับท่าไม้ตายระดับมนุษย์เป็นท่าไม้ตายอมตะและมีพลังการต่อสู้ที่สูงขึ้นอีกมาก

 

แต่ตลอดห้าร้อยปีและกระทั่งหลังจากกำเกิดใหม่ ฟางหยวนก็ไม่เคยได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว

 

ในความเป็นจริงเรื่องนี้อาจเกิดจากอิทธิพลของเจตจำนงสวรรค์

 

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่เขาได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือดจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

อย่างไรก็ตามผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์ การเป็นปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดถือเป็นเรื่องอันตรายมาก

 

ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือด เขาคิด ‘ยิ่งข้าใช้งานมันน้อยเท่าใด มันก็จะยิ่งดีต่อข้ามากเท่านั้น’

 

แต่โชคชะตาไม่สามารถคาดเดา

 

ในช่วงเวลาที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขากลับพบชูตู๋ ชีวิตของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง เขาต้องใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเพื่อซ่อมแซมมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างเร่งด่วน

 

เมื่อฟางหยวนต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของตน เขาก็มีเพียงทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ในเวลาสั้นๆ

 

ฟางหยวนไม่ต้องการขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ยิ่งเขาเปิดเผยข้อมูลมากเท่านั้น โอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ฟางหยวนสงวนข้อมูลบางอย่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด มันเป็นเรื่องง่ายที่ฟางหยวนจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาแตกต่างจากไห่ลั่วหลันที่พบกับความยากลำบากในการยกระดับความแข็งแกร่งของตน

 

แท้จริงแล้วเขาเคยคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดมากมายในชีวิตก่อนหน้า แต่มันเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งปัญญาของเขาที่ค่อนข้างต่ำ เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

 

หลังจากเก็บวิญญาณอมตะสมบัติเลือด ฟางหยวนคิดกับตนเอง ‘สามวันมาแล้ว ชูตู๋ไม่ได้บุกเข้ามา ดูเหมือนเขาจะไม่มีวิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่าง’

 

ฟางหยวนซ่อมแซมกำแพงมิติด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล หากชูตู่มีวิธีการบางอย่าง เขาจะใช้มันและบุกเข้ามานานแล้ว

 

แม้เขาจะมีวิธีการบางอย่าง เขาก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวว แต่มันไม่ควรใช้เวลานานถึงสามวัน

 

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

หลังจากมิติช่องว่างถูกวางลง ตราบเท่าที่ประตูทางเข้าออกไม่ถูกเปิดจากภายใน มันจะตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์

 

ย้อนกลับไปเมื่อนิกายกระเรียนอมตะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู พวกเขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดกับฟางเจิ้งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

 

ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่วิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่างเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งห้วงมิติ

 

ฟางหยวนเดาถูกแต่เขายังไม่สามารถผ่อนคลาย

 

แม้ชูตู๋จะไม่เจาะทะลวงเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่เขายังสามารถเฝ้ารออยู่ด้านนอก

 

สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูง

 

เมื่อคิดจากมุมมองของชูตู๋ ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เขาจะยอมทิ้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร

 

ในอดีตชูตู๋เคยเฝ้ารออยู่ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวกระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดอันดับหนึ่งของเผ่าหลิวไม่สามารถอดทนและต้องออกมาต่อสู้กับเขา ตอนนี้ฟางหยวนเพียงลำพัง แล้วเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับเผ่าหลิวทั้งเผ่าได้อย่างไร แม้จะนับรวมสมาชิกนิกายหลางหยา แต่พลังการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ไม่สามารถแข่งขันกับเผ่าหลิว

 

นอกจากนี้แม้ชูตู๋จะไม่สามารถเจาะทะลวงกำแพงมิติแต่เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

 

‘ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ที่นี่ หากข้าเก็บมิติช่องว่างและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ข้าจะสามารถหลบหนีจากชูตู๋หรือไม่?’

 

‘วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอาจรวดเร็วแต่มันสามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนทิศ ข้าต้องหยุดและเริ่มใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอีกครั้ง สำหรับผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีปัญหา แต่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะชูตู๋ มันยังไม่เพียงพอ ข้าต้องมีท่าไม้ตายอมตะ’

 

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิด เขาบินลงมาจากสวรรค์ชั้นแรก

 

เมื่อฟางหยวนลงมาถึงระดับหนึ่ง อสูรหิมะจากภัยพิบัติครั้งก่อนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา พวกมันเงยศีรษะคำรามและพยายามโจมตีด้วยก้อนหิมะขนาดใหญ่

 

หลังจากถอนหายใจ ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไปเท่านั้น

 

‘ภัยพิบัติพิภพจบลงแล้วแต่อสูรหิมะยังอยู่รอบๆ ข้าจะเพิกเฉยต่อพวกมันเป็นการชั่วคราว นอกจากนั้นมิติช่องว่างแห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้พวกมันทำลาย’

 

‘ข้ามีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังต่ำเกินไป ข้าควรฝากความหวังไว้กับเส้นทางแห่งเลือด ตอนนี้ข้าควรสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดโดยใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นแกนกลางเพื่อใช้ประโยชน์ในการเคลื่อนที่’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด