Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1080

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1080 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1080 เปลี่ยนเป็นหมีบิน

แปลโดย iPAT 

 

หลายวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

สองร่างกำลังบินผ่านอากาศก่อนจะหยุดอย่างกะทันหัน

 

“ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามซ้อม” ร่างหนึ่งมองไปรอบๆและกล่าว

 

“พี่ฟางกล่าวได้ถูกต้อง” ร่างที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนชื่อผมที่สิบสอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

เปรียบเทียบกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆของนิกายหลางหยา ผมที่สิบสองค่อนข้างพิเศษ

 

เพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะเพียงเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่ยังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เขาเป็นผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่คือเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเพราะพวกเขามีมิติช่องว่างเพียงหนึ่ง เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ มิติช่องว่างจะเป็นสิ่งตัดสินเส้นทางการบ่มเพาะหลักของพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับหลังจากผ่านภัยพิบัติส่วนใหญ่จะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักที่พวกเขาบ่มเพาะ

 

อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ยังมีผู้อมตะมากมายที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสาย พวกเขามักเป็นผู้อมตะระดับหกหรือเจ็ดที่เส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางหลักและอีกเส้นทางเป็นเส้นทางรอง

 

ผู้อมตะเหล่านี้ส่วนใหญ่พบโชคลาภโดยบังเอิญทำให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะที่เหมาะสมในการบ่มเพาะสองเส้นทาง ตัวอย่างเช่นวิญญาณกินความแข็งแกร่ง หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นที่ได้รับมันโดยบังเอิญ พวกเขาจะเลือกบ่มเพาะบนเส้นทางคู่

 

ผมที่สิบสองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

ในช่วงปีแรกของการบ่มเพาะ เขาหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้สำเร็จโดยบังเอิญ มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ วิญญาณดวงนี้พัฒนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก นั่นทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเทาสเพิ่มขึ้น

 

นี่ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนดูแลเขาเป็นอย่างดี เส้นทางแห่งทาสมีความสัมพันธ์กับเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่มาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังสนับสนุนให้ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต่อไปเพราะมันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส

 

หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป เขายิ่งให้ความสำคัญกับผมที่สิบสองมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้จัดลำดับความสำคัญคือความแข็งแกร่งในการต่อสู้ขณะที่ผมที่สิบสองมีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งทาสที่ยอดเยี่ยม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาสให้กับเขาเพราะต้องการให้เขาเป็นนักรบบนเส้นทางเส้นแห่งทาสที่แข็งแกร่งของนิกายหลางหยา

 

จักรพรรดิทุกคนย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดของตนเอง ผมที่สิบสองก็คือคนโปรดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบัน

 

ฟางหยวนมีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ขนไม่มาก แต่หลังจากทำธุรกรรมลับกับอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

พวกมันอาจไม่ใช่ข้อมูลล้ำค่าแต่ยังสามารถช่วยเหลือฟางหยวนและทำให้เขาเข้าใจนิกายหลางหยาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

 

ทวีปเมฆาถูกสร้างขึ้นจากพื้นเมฆ มันมีสีขาวและอ่อนนุ่ม

 

“น้องสิบสอง เชิญ” ฟางหยวนผายมือ

 

“ฮ่าฮ่า พี่ฟาง รับมือ!” ผมที่สิบสองหัวเราะก่อนจะตีลังกาพุ่งลงบนพื้นและคุกเข่าลงต่อหน้าฟางหยวน

 

“บึม”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มักเย่อหยิ่งและมากพิธีการ อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับแตกต่างออกไป พวกเขามีบุคลิกที่ตรงไปตรงมาและแทบไร้ทักษะการต่อสู้

 

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้แล้ว

 

ผมที่สิบสองยกศีรษะขึ้นมองฟางหยวน “ช่างน่าอายนัก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”

 

“ไม่มีปัญหา” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่น “มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ เป็นเรื่องปกติที่จะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งาน”

 

“ถูกต้อง ถูกต้อง!” ผมที่หกพยักหน้าซ้ำๆ หลังจากนั้นเขาก็ตีลังกาล้มลงคุกเข่าและโขกศีรษะของตนลงบนพื้นอีกครั้ง

 

“บึม”

 

“…..”

 

เงียบ

 

หลังจากหลายลมหายใจ ผมที่สิบสองจึงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนและสาปแช่ง “บัดซบ! ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ให้ข้าลองอีกหน!”

 

“บึม”

 

“บึม”

 

“บึม”

 

“ให้ข้าลองอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!” ผมที่สิบสองตะโกน

 

“บึม”

 

“บึม”

 

“บึม”

 

“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” ผมที่สิบสองกล่าวกับฟางหยวน

 

ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”

 

ผมที่สิบสองพยักหน้าด้วยความสุขก่อนจะเริ่มทดลองอีกครั้ง

 

“บึม”

 

“บึม”

 

“บึม”

 

หลังจากทดลองนับครั้งไม่ถ้วน ผมที่สิบสองก็ยังล้มเหลว ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน แต่ร่างกายของผมที่สิบสองกลับเต็มไปด้วยเลือด

 

ความล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะจะส่งผลกระทบย้อนกลับต่อตัวผู้อมตะ

 

กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้ “จากการสังเกตของข้า น้องสิบสอง การตีลังกาของเจ้าอาจไม่เหมาะสมกับท่าไม้ตายอมตะนี้ เจ้าอาจลองตัดมันทิ้งไป”

 

“ไม่เหมาะสม?” ผมที่สิบสองเกาศีรษะอย่างไร้เดียงสา “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ข้าออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ท่านไม่เห็นหรือว่าท่าตีลังกาของข้าสง่างามมาก?”

 

ใบหน้าของฟางหยวนเกือบบิดเบี้ยว เขาคิด ‘คุกเข่าต่อหน้าศัตรูสง่างามงั้นหรือ!?’

 

แต่ผมที่สิบสองเป็นคนหัวอ่อน เขารู้ว่าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของตน “เนื่องจากพี่ฟางคิดว่ามันไม่เหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนมัน”

 

หลังจากนั้นผมที่สิบสองก็ไม่ตีลังกาอีกต่อไป

 

แต่ยังคุกเข่าต่อหน้าฟางหยวน

 

เขาหยุดนิ่งหลายลมหายใจก่อนที่เขาจะพ่นเลือดออกมาจากปากแต่ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ “ให้ข้าลองอีกครั้ง”

 

หลังจากพยายามหลายครั้ง รัศมีแสงสีฟ้าก็ส่องประกายขึ้นในมือของผมที่สิบสอง

 

แสงสีฟ้าทำให้เกิดทะเลสาบสีฟ้าขึ้นบนพื้น

 

หลังจากนั้นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีรูปร่างคล้ายกระทิงก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ

 

กระทิงเกาลัด!

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่แสแยมันแม้แต่น้อย

 

กระทิงตัวนี้อาจเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันมีพลังการต่อสู้ค่อนข้างต่ำ ความประทับใจของผู้อมตะส่วนใหญ่ที่มีต่อมันคือเนื้อของมันมีรสชาติเหมือนเกาลัดและถือเป็นอาหารเลิศรส

 

แต่ความแข็งแกร่งของมันกลับอยู่ในจุดต่ำสุดท่ามกลางสัตว์อสูรเดียวดายทั้งหมด

 

สำหรับสัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนคือปลามังกรเดียวดาย

 

“มันปรากฏตัวขึ้นในที่สุด” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดังและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน “กระทิงเกาลัด โจมตี!”

 

กระทิงเกาลัดพ่นลมออกจากจมูกเบาๆและยังไม่ขยับเขยื้อน

 

ใบหน้าของผมที่สิบสองเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย “เจ้าโง่ ข้าบอกให้โจมตี!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่กระทิงเกาลัดเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้า

 

กระทิงเกาลัดมีร่างกายใหญ่โตเหมือนขบวนรถม้าสี่คันที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าประทับใจออกมา

 

ภายในมิติช่องว่างของฟางหยวน วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์บินขึ้นสู่อากาศ ติดตามมาด้วยวิญญาณสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นหมีบิน!

 

รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนและบังคับให้ผมที่สิบสองต้องปิดเปลือกตาลง

 

ผมที่สิบสองกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบ ชั้นคริสตัลโปร่งแสงเคลือบคลุมดวงตาของผมที่สิบสองเอาไว้ทำให้เขาสามารถมองเห็นอีกครั้ง

 

“บึม”

 

ดูเหมือนกระทิงเกาลัดจะชนกับสัตว์อสูรบางชนิดที่มีร่างกายใหญ่โตมากกว่า

 

การชนกันของสัตว์อสูรยังไม่ปรากฎผลลัพธ์

 

เมื่อแสงกระจายหายไป ร่างที่แท้จริงของสัตว์อสูรยักษ์ก็ถูกเปิดเผย

 

มันคือหมีขาวยักษ์ที่มีกรงเล็บแหลมคมและมีหางกลมน่ารัก

 

นี่คือการเปลี่ยนร่างเป็นหมีบินของฟางหยวน

 

เมื่อกระทิงเกาลัดเห็นหมีบินตัวนี้ ดวงตาของมันแทบทะลักออกมาจากเบ้า กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของมันหายไปราวกับเปลวเทียนที่ริบหรี่ขณะที่มันครางด้วยเสียงอันน่าสังเวช จากนั้นมันจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งหนี!

 

ผมที่สิบสองตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเกาลัดขี้ขลาด! เจ้าก็เป็นสัตว์อสูรเดียวดายเช่นกัน! กลับไป!”

 

เขาพึ่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสและสามารถควบคุมกระทิงเกาลัดได้เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ความพยายามมาอย่างยาวนาน แต่มันกลับวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นหมีบิน

 

แต่นี่ไม่สามารถกล่าวโทษมัน เนื่องจากมันมีธรรมชาติที่อ่อนโยนและยังเป็นสัตว์กินพืช

 

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนเลี้ยงมันไว้เพราะต้องการใช้เนื้อของมันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ

 

อย่างไรก็ตามหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกบุกโจมตีอย่างกะทันหัน สัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่นเสียชีวิตทั้งหมด ดังนั้นผมที่สิบสองจึงต้องใช้กระทิงเกาลัดตัวนี้เท่านั้น

 

ฟางหยวนยืนอยู่อย่างเงียบๆ เพียงเมื่อกระทิงเกาลัดพุ่งเข้ามาด้านหน้า เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว

 

ร่างกายของหมีบินใหญ่โตแต่มันไม่ขาดความเร็ว

 

มันคำรามและกระโดดออกไปก่อนจะใช้อุ้งเท้าขวากระแทกแผ่นหลังของกระทิงเกาลัด

 

“บึม!”

 

เกิดการปะทะที่รุนแรง ดินเมฆระเบิดออกไปรอบๆ

 

กระทิงเกาลัดได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนสลบอยู่ในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น

 

พ่ายแพ้ในพริบตา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด