Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1112

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1112 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1112 วิหคหยกเขียว

แปลโดย iPAT 

 

เสียงนกดังขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ภาคเหนือน้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่เคยปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า

 

พืชพันธุ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

 

ฟางหยวนยืนอยู่บนยอดเขาตงฮันและแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

 

นี่เป็นภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามของเขา

 

ฟางหยวนนำภูเขาตงฮันเข้ามาอีกครั้งแต่สถานการณ์ตอนนี้กลับแปลกประหลาดมาก

 

ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวิหคหยกเขียวแต่สิ่งนี้กลับช่วยพัฒนามิติช่องว่างของเขา

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมาสวรรค์สีเหลืองเปิดตัวอีกครั้ง ฟางหยวนไม่ได้ไปที่เผ่าไห่แต่เลือกกลับมาพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

เขาพัฒนาหลายสิ่ง แต่เนื่องจากภาคเหนือเป็นสถานที่ที่ฟางหยวนใช้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำสิ่งใดกับมัน

 

อย่างไรก็ตามภัยพิบัติพิภพครั้งนี้กลับช่วยเขาพัฒนาภาคเหนือน้อยโดยไม่คาดคิด สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

 

มันถือเป็นเรื่องดี

 

‘แต่เจตจำนงสวรรค์สามารถวางแผน มันต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอน ข้าต้องตรวจสอบให้ดี’ ฟางหยวนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

ภาคเหนือน้อยมีขนาดใหญ่โตมาก

 

ทุ่งหญ้าที่เกิดจากภัยพิบัติพิภพครอบคลุมเพียงพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งเท่านั้น

 

ตอนนี้ป่าขนาดใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้น

 

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

 

โดยปกติภัยพิบัติพิภพเป็นเครื่องมือทำลายล้างของสวรรค์ แต่เมื่อมันถูกใช้ในการพัฒนามิติช่องว่าง ผลลัพธ์ของมันกลับยอดเยี่ยมจนน่าตกใจ หากฟางหยนต้องการปลูกป่าขนาดใหญ่นี้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องเสียเวลาและความพยายามอย่างมาก

 

วิหคหยกเขียวมีอายุขัยสั้นมาก เมื่อพวกมันเสียชีวิต พวกมันจะกลายเป็นพลังงานแห่งชีวิตที่กระจายไปรอบๆ

 

เวลานี้ฝูงวิหคหยกเขียวจำนวนมหาศาลบินอยู่เต็มท้อฟ้าและทำให้เกิดฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตา

 

‘เดี๋ยว!’ การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

 

‘ไป!’ เขาชี้นิ้วออกไปทันที

 

ดาบบินพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า

 

วิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ด!

 

วิหคหยกเขียวรวดเร็วแต่ความเร็วของพวกมันยังไม่สามารถแข่งขันกับดาบบินเล่มนี้ อย่างไรก็ตามพวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและไม่ได้บินเป็นเส้นตรง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้ความพยายามในการกำจัดพวกมัน

 

ความหมายที่แท้จริงพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับคลื่นน้ำ

 

ในทันทีฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองกลายเป็นวิหคหยกเขียวตั้งแต่กำเนิดกระทั่งตกตายลง ในช่วงเวลาสั้นๆเขาได้รับประสบการแห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนไป

 

ฟางหยวนดูดซับความหมายที่แท้จริงอย่างเต็มที่ก่อนที่สติของเขาจะกลับคืนมาอีกครั้ง

 

ตอนนี้เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไปที่จะดูดซับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อเขาตระหนักถึงแผนการของเจตจำนงสวรรค์

 

ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามของฟางหยวนพิเศษมาก เนื่องจากฟางหยวนเลือกเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ภัยพิบัติของเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

 

หนึ่งถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ อีกหนึ่งได้รับอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

 

ในภัยพิบัติสองครั้งก่อนหน้านี้ส่วนที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ก่อตัวขึ้นก่อนส่วนที่เกิดจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่ในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งกลับเกิดขึ้นก่อน

 

ฟางหยวนไม่ได้คาดหวังว่าจะพบกับเหตุการณ์นี้

 

นี่ทำให้เขาประสบความสูญเสียเล็กน้อย

 

‘เจตจำนงสวรรค์รู้จักธรรมชาติที่ระวังตัวของข้า นี่เป็นแผนป้องกันไม่ให้ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้ข้าสูญเสียความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งไปเป็นจำนวนมาก’ ฟางหยวนรู้สึกหดหู่ใจ

 

เขาบินออกไปราวกับสายฟ้า

 

กลางอากาศ ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากปรากฏขึ้น

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง หมื่นตัวตน!

 

ภูตมนุษย์พุ่งเข้าโจมตีฝูงวิหคหยกเขียวอย่างบ้าคลั่ง

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ คลื่นดาบสามชั้น!

 

คลื่นดาบสีเงินพุ่งออกไปราวกับกระแสน้ำกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า

 

อย่างไรก็ตามวิหคหยกเขียวมีความคล่องแคล่ว คลื่นดาบสามชั้นกำจัดพวกมันได้ไม่มากนัก

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วด้วยความเข้าใจ ‘ในภัยพิบัติพิภพสองครั้งก่อนหน้า เจตจำนงสวรรค์ได้เรียนรู้รากฐานของข้า ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหรือท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน พวกมันล้วนมีจุดอ่อน ในภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เจตจำนงสวรรค์จึงสามารถวางแผนต่อต้านข้าโดยจงใจสร้างสถานการณ์นี้ขึ้น’

 

ครั้งก่อนฟางหยวนใช้ภูเขาตงฮันต่อต้านภัยพิบัติบุปผาวายุได้ในระดับหนึ่ง

 

แต่ครั้งนี้วิหคหยกเขียวเกิดจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ฟางหยวนไม่สามารถนิ่งเฉยและใช้ภูเขาตงฮันเป็นปราการป้องกันเช่นเดิม

 

‘โชคดีที่ข้ามีวิญญาณอมตะดาบบิน!’

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบและปล่อยให้ดาบบินอาละวาดไปทั่ว

 

วิหคหยกเขียวจำนวนมากถูกสังหารภายใต้การโจมตีของฟางหยวน แต่วิหคหยกเขียวส่วนใหญ่เสียชีวิตด้วยตัวของพวกมันเอง

 

หากฟางหยวนไม่สังหารพวกมันด้วยตนเอง เขาจะไม่ได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เจตจำนงสวรรค์ทำให้ฟางหยวนพบกับความสูญเสียไม่น้อย

 

นอกจากนี้มันไม่ใช่การสูญเสียเพียงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเท่านั้นแต่มันยังทำให้ฟางหยวนสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล

 

แม้วิญญาณอมตะดาบบินจะทรงพลังแต่มันก็เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด การกระตุ้นใช้งานมันแต่ละครั้งต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมาก แต่การโจมตีแต่ละครั้งสามารถสังหารวิหคหยกเขียวได้เพียงตัวเดียว นี่ทำให้ฟางหยวนต้องใช้จ่ายองุ่นเขียวอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน

 

‘ดูเหมือนข้าต้องหาวิธีการใหม่ในทุกภัยพิบัติ วิธีการที่เคยใช้จะสูญเสียประสิทธิภาพในครั้งต่อไป’ คิดได้ดังนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะนึกถึงวิญญาณสติปัญญา

 

หากเขามีแสงแห่งปัญญา เขาจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ได้เรื่อยๆ

 

แต่กระทั่งฟางหยวนจะมีร่างผีดิบอมตะ เขาก็ยังไม่กล้าใช้มัน

 

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ฝูงวิหคหยกเขียวก็ยังปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคเหนือน้อยกลายเป็นป่าขนาดใหญ่

 

ในช่วงเวลาเหล่านี้ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพิษลมหายใจพิษที่เคยใช้ในภัยพิบัติครั้งก่อน แต่มันยังไร้ประโยชน์

 

“ครืน…”

 

ต้นไม้ใหญ่ถอนรากขึ้นจากพื้นและส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว

 

ฟางหยวนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้และเย้ยหยัน “นี่คือภัยพิบัติที่เกิดจากเจตจำนงสวรรค์ ฮ่าฮ่า ก่อนหน้านี้ข้าพยายามกำจัดป่าไม้เหล่านั้น ดูเหมือนการเตรียมการของข้าจะไม่ได้ไร้ประโยชน์”

 

ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถอนรากขึ้นจากพื้นดินและเดินเข้าไปหาภูเขาตงฮัน

 

ฟางหยวนเปลี่ยนกลยุทธ์และเลือกที่จะป้องกัน เขาขึ้นไปบนยอดเขาตงฮัน

 

วิญญาณอมตะดาบบินพุ่งเข้าเจาะทะลวงต้นไม้จำนวนมาก

 

ต้นไม้เหล่านั้นหยุดเคลื่อนไหวชั่วครู่แต่ในไม่ช้าอาการบาดเจ็บของพวกมันก็ฟื้นฟูขึ้นและสามารถเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง

 

ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น

 

คลื่นดาบสามชั้นสามารถตัดต้นไม้จำนวนมาก ผลลัพธ์ของมันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ต้นไม้ที่อยู่แนวหลังยังเดินเข้ามาเติมเต็มช่องว่าง

 

ฟางหยวนขมวดคิ้ว

 

‘ต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่พืชอสูรเดียวดาย แต่พวกมันก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียง พวกมันยังทนทานมาก นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถดูดซับพลังงานแห่งชีวิตและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว’

 

พลังงานแห่งชีวิตมาจากวิหคหยกเขียว

 

แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถควบคุมภัยพิบัติทั้งหมดแต่มันยังสามารถใช้ประโยชน์จากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

 

ครั้งก่อนคือจันทราหิมะและบุปผาวายุ ตอนนี้เป็นวิหคหยกเขียวและมนุษย์พฤกษา

 

ฟางหยวนเปิดปากและพ่นควันพิษออกไป

 

ลมหายใจพิษทำให้การเคลื่อนไหวของมนุษย์พฤกษาช้าลง ใบไม้สีเขียวของพวกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วง ในเวลาไม่กี่ลมหายใจพวกมันก็เริ่มล้มลงและเน่าเปื่อยผุพัง

 

ผลของลมหายใจพิษค่อนข้างดี!

 

แต่ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้อย่างต่อเนื่องเพราะพิษจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาเช่นกัน หากใช้บ่อยเกินไป เขาอาจตายได้

 

มนุษย์พฤกษาเริ่มปีนขึ้นบนภูเขาตงฮัน

 

พลังอำนาจของภูเขาตงฮันทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้านขึ้นพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงจากต้น

 

ภูเขาตงฮันคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ พลังอำนาจของมันทำให้มนุษย์พฤกษาหลายร้อยต้นตกตายไปโดยที่ฟางหยวนไม่ต้องทำสิ่งใด

 

อย่างไรก็ตามมีต้นไม้มากเกินไป พวกมันพยายามผลักดันกันและก้าวขึ้นไปบนภูเขา

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วลึกขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นฉากเหตุการณ์นี้

 

แม้จะมีต้นไม้จำนวนมากแต่พวกมันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามร้ายแรง

 

เนื่องจากพวกมันเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างช้า ฟางหยวนจึงสามารถโจมตีพวกมันจากระยะไกล มนุษย์พฤกษาถูกกำจัดไปอย่างช้าๆ

 

แต่ฟางหยวนยังรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ‘ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ง่ายเกินไป อย่าบอกว่าเพราะเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถสังหารข้า ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการทำลายรากฐานของข้างั้นหรือ?’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด