Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1136

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1136 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1136 สุนัขอินทรีย์

แปลโดย iPAT 

 

สุนัขอินทรีย์มีร่างกายเป็นสุนัขและศีรษะเป็นนกอินทรีย์ มันมีปีกหนึ่งคู่อยู่บนแผ่นหลัง ขนของมันเป็นสีดำ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด

 

มันเป็นสัตว์อสูรที่ค่อนข้างพิเศษ

 

วิธีสืบพันธุ์ของสุนัขอินทรีย์แตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไป

 

พิษของสุนัขอินทรีย์อาจส่งผลกระทบต่อสุนัขหรือนกอินทรีย์ทุกชนิด มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นสุนัขอินทรีย์ในที่สุด

 

นั่นเป็นเหตุให้ความแข็งแกร่งของสุนัขอินทรีย์แต่ละตัวแตกต่างกันไป

 

สุนัขอินทรีย์บางตัวถูกเปลี่ยนมาจากสัตว์อสูรเดียวดายขณะที่บางตัวมาจากสัตว์อสูรบรรพกาล สุนัขอินทรีย์ระดับสัตว์อสูรแรกกำเนิดหาได้ยากกระทั่งในสวรรค์สีขาวหรือสีดำก็ตาม

 

ทุกอย่างสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

 

สุนัขดาวตกเพลิงเป็นเป้าหมายของสุนัขอินทรีย์ฝูงนี้ เมื่อสุนัขดาวตกเพลิงโตเต็มวัย สุดท้ายมันจะกลายเป็นสุนัขอินทรีย์ระดับสัตว์อสูรบรรพกาลในที่สุด

 

เหตุผลที่สุนัขดาวตกเพลิงมาอยู่ที่นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเจตจำนงสวรรค์

 

‘สุนัขอินทรีย์บรรพกาลสามตัว นอกนั้นเป็นสุนัขอินทรีย์เดียวดาย’ ฟางหยวนมองไปยังสุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

เขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจากพวกมัน

 

นี่ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น

 

การมีหรือไม่มีวิญญาณอมตะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้กลยุทธ์

 

“สุนัขอินทรีย์ถูกสังหารในการโจมตีเดียว…”

 

“มันยังไม่ตาย มันเพียงหมดสติ”

 

“กระบวนท่านี้คือสิ่งใด?”

 

“มันเหมือนกำปั้นยักษ์!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตอบสนองด้วยความตกใจ

 

สุนัขอินทรีย์ตัวหนึ่งถูกจับโดยกำปั้นยักษ์ ท่าไม้ตายกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด เป็นธรรมดาที่มันจะสามารถจัดการสุนัขอินทรีย์เดียวดาย หากเป็นสุนัขอินทรีย์บรรพกาล ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไป

 

ผมที่สิบสองไม่เคยเห็นฟางหยวนต่อสู้จริงจังมาก่อน

 

เขาคิดมาตลอดว่าความแข็งแกร่งของฟางหยวนคือสิ่งที่ฟางหยวนแสดงออกมาในช่วงเวลาของการสอน

 

ผมที่สิบสองสงบจิตใจลงและคิดกับตนเอง ‘ฟางหยวนเอาชนะสุนัขอินทรีย์ตัวหนึ่งและทำให้มันหมดสติแล้วอย่างไร? ยังเหลือสุนัขอินทรีย์อีกมาก! แม้เขาจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาเพียงผู้เดียวจะทำสิ่งใดได้ เราควรล่าถอย อา…’

 

ขณะที่ผมที่สิบสองกำลังคิดถึงสิ่งนี้ เขากลับต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

การต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับสุนัขอินทรีย์สั้นมาก ในวินาทีแรกหลังจากสุนัขอินทรีย์ตัวแรกถูกจัดการ ฟางหยวนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

 

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

 

ฟางหยวนทิ้งภาพติดตามเอาไว้ข้างหลัง ภายในชั่วอึดใจเขาก็พุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางของสนามรบ

 

“รวดเร็วนัก!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจมาก

 

กระทั่งรูม่านตาของผมที่หกก็ยังหดเล็กลง เขากัดฟันแน่นและคาดเดาว่าฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ สิ่งนี้เคยเป็นของโป้ชิงมาก่อน!

 

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองลงไปยังสัตว์อสูรที่อยู่ด้านล่าง

 

นี่คือสุนัขอินทรย์บรรพกาล เมื่อมันปรากฎตัว มันล้มหมีเพชร ส่งพยัคฆ์ขาวลายทองบินกลับหลัง และจิกตากระทิงเกาลัดจนบอด

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้กำลังกดหมีเพชรเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าของมัน สุนัขดาวตกเพลิงวัยเยาว์ขดตัวด้วยร่างกายสั่นเทา

 

ฟางหยวนอยู่ห่างจากสุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้น้อยกว่าหนึ่งร้อยก้าว

 

ภาพของกันและกันสะท้อนอยู่ในดวงตาของทั้งคู่

 

ฟางหยวนหายตัวไปอย่างกะทันหันก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าสุนัขอินทรีย์บรรพกาลและทำให้มันถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว

 

แต่ในไม่ช้าธรรมชาติที่ดุร้ายของมันก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง มันอ้าปากกว้างและกรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว ปีกของมันกระพือขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างดุร้าย

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “สัตว์ร้าย นอนลง”

 

“บึม!”

 

กำปั้นยักษ์บนเส้นทางความแข็งแกร่งพุ่งลงมาจากอากาศและทุบสุนัขอินทรีย์บรรพกาลลงบนพื้น

 

แต่กำปั้นยักษ์ยังถูกผลักดันกลับจากการปะทะ

 

ในไม่ช้าภายใต้การควบคุมและเติมเต็มของฟางหยวน กำปั้นยักษ์ก็ผลักดันสุนัขอินทรีย์บรรพกาลลงไปราวกับพายุกรรโชกแรง

 

กำปั้นยักษ์กดศีรษะของมันลงขณะที่มันพยายามใช้เท้าทั้งสี่พยุงตัวเอง นี่ทำให้เกิดหลุดสี่หลุมขึ้นบนพื้น

 

กำปั้นยักษ์ถูกส่งขึ้นสู่อากาศในกระบวนการนี้ แต่ในวินาทีต่อมามันก็กระแทกลงไปอีกครั้ง

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และเงยหน้าขึ้น แต่ในวินาทีนี้กำปั้นยังก็พุ่งลงมาปิดบังวิสัยทัศน์ของมันเอาไว้ทั้งหมด

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้น ศีรษะของสุนัขอินทรีย์บรรพกาลกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง

 

จงอยปากของมันฝังลงไปในพื้นดิน

 

ขนของมันปลิวขึ้นสู่อากาศขณะที่ขาทั้งสี่จมอยู่ใต้ดินเช่นกัน

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลโกรธมากกับความอัปยศครั้งนี้ มันตอบสนองด้วยการส่งพลังงานไปยังเท้าทั้งสี่และเงยศีรษะขึ้น

 

“บึม!”

 

อย่างไรก็ตามกำปั้นยักษ์ของฟางหยวนเร็วกว่า มันฟาดลงมาที่ศีรษะและแผ่นหลังของเป้าหมาย

 

เสียงกระดูกหักดังขึ้น สุนัขอินทรีย์บรรพกาลรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ความแข็งแกร่งที่สะสมมาก่อนหน้าสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง

 

แต่ฟางหยวนยังไม่หยุด กำปั้นยักษ์ยังกระหน่ำทุบลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ดินบริเวณรอบๆค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดขณะที่สุนัขอินทรีย์บรรพกาลถูกฝังเอาไว้ภายใน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

 

หลังจากกำจัดสุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้ ฟางหยวนพุ่งไปยังฝูงสุนัขอินทรีย์โดยไม่กลัวความได้เปรียบเชิงปริมาณของศัตรู

 

เผชิญหน้ากับสุนัขอินทรีย์บรรพกาลอีกตัว ฟางหยวนส่งกำปั้นยักษ์สิบหรือมากกว่านั้นออกมาและฟาดมันราวกับแป้งขนมปังที่ถูกทุบ

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน พวกเขาต่างรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

 

ในความเป็นจริงไม่เพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนแต่สุนัขอินทรีย์ตัวอื่นก็รู้สึกมึนงงเช่นกัน

 

เมื่อพวกมันสามารถตอบสนอง ผู้นำของพวกมันก็ถูกกำจัดไปแล้ว

 

ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ ไม่มีแม้แต่เสียงลม

 

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ฟางหยวนค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

มีสุนัขอินทรีย์ไม่มากบินอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางพวกมันมีสุนัขอินทรีย์บรรพกาลหนึ่งตัว

 

“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นอย่างแผ่วเบาขณะที่เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาต่อมา

 

ฝูงสุนัขอินทรีย์กรีดร้องเสียงแหลมและบินหนีไปทุกทิศทาง

 

ผมที่สิบสองและกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอ้าปากค้างขณะมองฟางหยวนขับไล่ฝูงสุนัขอินทรีย์ราวกับพวกมันเป็นนกกระจอกหรือนกพิราบ

 

พวกมันยังเป็นสุนัขอินทรีย์อยู่หรือไม่?

 

สัตว์อสูรบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่หายไปที่ใด!?

 

ผมที่สิบสองรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน

 

การแสวงหาโชคลาภ หลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ปกป้องตนเอง และไขว่คว้าชีวิตที่ยืนยาวคือสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด สัตว์ป่าจะผลักดันผู้อ่อนแอและหวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง นี่ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

 

เมื่อฝูงสุนัขอินทรีย์กระจัดกระจายกันออกไป ฟางหยวนจึงไม่สามารถทำสิ่งใด

 

ในแง่ของความเร็ว สุนัขอินทรีย์มีความโดดเด่นไม่ว่าพวกมันจะอยู่ในระดับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล

 

สายตาของฟางหยวนอยู่ที่สุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

“เจ้าจะสามารถหลบหนีหรือไม่?” ฟางหยวนพึมพำขณะเร่งความเร็ว

 

เพียงไม่นานเขาก็ปรากฏตัวด้านหลังสุนัขอินทรีย์บรรพกาล

 

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

 

กำปั้นยักษ์ที่พุ่งลงมาทำให้สุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวสั่น

 

วินาทีต่อมาผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเห็นสุนัขอินทรีย์บรรพกาลถูกฟางหยวนส่งลงจากท้องฟ้าและพุ่งกระแทกพื้นราวกับลูกบอล

 

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติผสานงานกับกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน

 

กำปั้นยักษ์เคลื่อนที่ได้ช้ามาก หากใช้มันเพียงลำพัง สุนัขอินทรีย์อาจสามารถหลบหนี

 

แต่ฟางหยวนอาศัยความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติทำให้กำปั้นยักษ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

แน่นอนว่ากลยุทธ์นี้มีจุดอ่อน มันง่ายที่จะทำให้ฟางหยวนตกสู่สถานการณ์อันตราย

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์โลหิตไว้ตั้งแต่แรก

 

นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขอีกประการหนึ่ง ฟางหยวนไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของวิญญาณอมตะจากฝูงสุนัขอินทรีย์เหล่านี้ หากพวกมันมีวิญญาณอมตะป่าและยังไม่ได้ตรวจสอบ ฟางหยวนจะไม่ใช้กลยุทธ์นี้

 

ต้นไม้ที่ไท่ชิวยังช่วยลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของสุนัขอินทรีย์

 

แม้สุนัขอินทรีย์บรรพกาลจะถูกจำกัดความเร็ว แต่พวกมันก็ยังเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล ฟางหยวนไม่สามารถสังหารพวกมันด้วยกำปั้นยักษ์เพียงไม่กี่กำปั้น

 

อย่างไรก็ตามขณะที่ฟางหยวนกำลังจะไล่ล่ามัน การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

 

ภาพในดวงตาของเขาแสดงให้เห็นฉากเหตุการณ์ในอนาคตที่เขาถูกซุ่มโจมตีโดยสุนัขอินทรีย์บรรพกาลที่ซ่อนตัวอยู่

 

ในภาพเหตุการณ์ฟางหยวนถูกโจมตีโดยกรงเล็บของสุนัขอินทรีย์บรรพกาลและตกลงกระแทกพื้น เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา กระดูกทั่วร่างแตกร้าว อาภรณ์โลหิตขาดสะบั้น กระทั่งวิญญาณอมตะสมบัติเลือดก็ไม่สามารถใช้งานได้อีก

 

ภาพนี้เกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตาอย่างกะทันหันแต่ฟาหงยวนเชื่อมันอย่างเต็มที่

 

เพราะนี่คือท่าไม้ตายอมตะที่เขากระตุ้นใช้งานเอาไว้ล่วงหน้า ท่าไม้ตายภาพอนาคตสามลมหายใจ!

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานที่ใช้วิญญาณอมตะราชินีมดเป็นแกนกลางและอนุญาตให้ผู้อมตะมองเห็นสถานการณ์ในอนาคต มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในสามลมหายใจหลังจากนั้น

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความพึงพอใจ

 

‘แผนการของเจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย มีการซุ่มโจมตีอยู่จริงๆ’

 

‘อาภรณ์โลหิตเป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน แต่แกนกลางของมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันจะอ่อนแอมากต่อหน้าสัตว์อสูรบรรพกาล’

 

เมื่อเขาตระหนักถึงแผนการนี้ การซุ่มโจมตีจึงกลายเป็นไร้ประโยชน์

 

ดาบประหารชีวิต!

 

ฟางหยวนยิงแสงดาบออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกสับสนกับการกระทำของฟางหยวน

 

“ฉัวะ!”

 

สุนัขอินทรีย์บรรพกาลถูกโจมตี

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตะโกนด้วยความตกใจ

 

“มีสุนัขอินทรีย์บรรพกาลอีกตัวซ่อนอยู่!”

 

“หากมันลอบโจมตีพวกเรา พวกเราคงตายไปแล้ว”

 

“ฟางหยวนค้นพบมันได้จริงๆ”

 

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสุนัขอินทรีย์บรรพกาลตัวนี้ไม่ได้รับความเสียหาย

 

‘มันสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต ดูเหมือนมันจะมีวิญญาณอมตะป่าอยู่ในการครอบครอง’

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด