Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1169

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1169 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1169 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (1)

แปลโดย iPAT 

 

“เปรี้ยง!”

 

หม่าหงหยุนหมดสติแต่ร่างกายของเขายังสั่นกระตุกอย่างต่อเนื่อง

 

สายฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลงและหายไปอย่างช้าๆ

 

การแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลายเป็นมืดมน

 

การหลอมรวมหม่าหงหยุนล้มเหลว!

 

หากพวกเขาประสบความสำเร็จ หม่าหงหยุนจะยังอยู่ได้อย่างไร? เมื่อเขาถูกหลอมรวม เลือดเนื้อและกระดูกของเขาจะกลายเป็นก้อนแห่งโชคลาภ

 

ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูกลายเป็นซีดขาว

 

นางใช้บอลสายฟ้ากับหม่าหงหยุน นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ตอนนี้เมื่อนางล้มเหลว นางย่อมได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

 

“ที่รัก” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเต็มไปด้วยความกังวล

 

ท่านหญิงหว่านซูเผยรอยยิ้มบาง “อย่ากังวล ข้าสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ หลังจากพักครึ่งวัน ข้าก็จะหายดี”

 

ปีศาจอมตะเซี่ยหูถอนหายใจ “นั่นเป็นสิ่งที่ดี”

 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แม้ครั้งนี้จะล้มเหลวแต่มันก็เป็นความพยายามครั้งแรกเท่านั้น”

 

“ถูกต้อง” ท่านหญิงหว่านซูเห็นด้วย “แม้เราจะล้มเหลวแต่เรายังสามารถเริ่มใหม่ ครั้งที่สองมันต้องราบรื่น ข้าขอพักผ่อนสักครึ่งวัน หลังจากนั้นเราจะเริ่มต้นอีกครั้ง”

 

การหลอมรวมวิญญาณอมตะจะประสบความสำเร็จในครั้งแรกได้อย่างไร

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณอมตะระดัแปดที่อัตราความสำเร็จต่ำมาก

 

ในอดีตไห่ฟานพบกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำหลายครั้ง เขาสูญเสียทั้งความมั่นใจและแทบล้มละลาย

 

ดังนั้นความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจึงไม่ทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูยอมแพ้

 

ตรงข้ามพวกเขากระทั่งมั่นใจมากขึ้น

 

“ที่รัก เหตุใดต้องรีบร้อน เจ้าควรพักผ่อนสักสองสามวัน เจ้าอาจยังไม่รู้ เวลานี้พายุลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้นที่ภาคเหนือ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจากชูตู๋ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออก แต่ข้ามั่นใจว่าชูตู๋มีแผนสำรองที่ยังไม่ได้ใช้” ปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ้มและอธิบาย

 

“โอ้” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินเรื่องนี้

 

ปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ แต่ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดอีกหลายคนที่ไม่เต็มใจเห็นเขาประสบความสำเร็จและแข็งแกร่งขึ้น

 

ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงต้องจับตามองผู้อมตะเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

 

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต่อสู้กับชูตู๋ นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับปีศาจอมตะเซี่ยหู

 

อย่างไรก็ตามท่านหญิงหว่านซูกลับส่ายศีรษะปฏิเสธคำแนะนำของปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าต้องการพักผ่อนเพียงครึ่งวัน ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้สร้างขึ้นโดยซันหมิงลู่ มันเลียนแบบมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้า มันมีความสามารถหลายอย่างแต่มันอยู่ได้เพียงวันเดียว การพักผ่อนครึ่งวันเพียงพอแล้ว ข้าต้องใช้เวลาที่เหลือในการหลอมรวม”

 

“เป็นเช่นนั้น” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวต่อด้วยความกังวล “ที่รัก ลำบากเจ้าแล้ว”

 

“ไม่ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับข้า” ดวงตาของท่านหญิงหว่านซูส่องประกายสดใส

 

คืนนั้น

 

แสงจันทร์สาดส่องลงบนทุ่งหญ้า หลายร่างลอบเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กอย่างลับๆ

 

พวกเขาก็คือฟางหยวน ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ หลี่ซื่อจุน และหวังอู๋หมิง

 

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเคยเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไป่ซู

 

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่สามารถมองเห็น

 

ฟางหยวนเห็นเพียงทุ่งหญ้าที่สะท้อนแสงจันทร์เหมืนอทะเลสาบสีเขียวมรกต สายลมอันแผ่วเบาพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของผู้คนเช่นเดียวกับมือของคนรัก

 

มันเป็นฉากที่งดงามแต่หัวใจของฟางหยวนและคนอื่นๆกลับลุกไหม้ขึ้นด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้

 

แผนการของชูตู๋ทำให้ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมเขา

 

ชูตู๋อดทนมานาน เขาลอบวางแผนและรวบรวมกำลังพลอย่างลับๆเพื่อโจมตีฐานทัพใหญ่ของศัตรู

 

หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กถูกยึดครอง มันจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจถูกบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้

 

“ชูตู๋ฉลาดจริงๆ เขากำลังใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งภายในเผ่าไป่ซู” ห่าวเจิ้นยิ้ม

 

“ฮ่าฮ่า เผ่าไป่ซูกลืนกินเผ่าไห่ แม้ผู้อมตะเผ่าไห่จะเปลี่ยนแซ่เป็นไป่ซู แต่พวกเขามีสายเลือดตระกูลฮวงจิน ตอนนี้พวกเขาถูกส่งออกไปปกป้องทรัพยากรที่สำคัญแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก” เชาเหลาอู๋กล่าวเสริม

 

แหล่งทรัพยากรภายนอกอาจถูกโจมตีได้ตลอดเวลา ดังนั้นพวกมันจึงต้องได้รับการดูแลปกป้องจากผู้อมตะบางคน ภารกิจปกป้องประเภทนี้อันตรายยิ่งกว่าการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเขา

 

“ที่รักชูช่างเป็นอัจฉริยะที่กล้าหาญ ข้าเคยคิดว่าพวกเราจะเลือกแหล่งทรัพยากรใดในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเราจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กโดยตรง อา…ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงที่รักชู หัวใจของข้ามักเต้นเร็วเสมอ” หลี่ซื่อจุนม้วนนิ้วของเขาและจับหน้าอกของตนเอาไว้

 

ห่าวเจิ้นและเชาเหล่าอู๋รู้สึกขนลุกและรีบถอยห่างจากเขาให้ไกลที่สุด

 

“เอาล่ะ เราต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ผู้ใดมีวิธีบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำมัน!” ฟางหยวนกล่าว

 

ดวงตาของหลี่ซื่อจุนส่องประกายขึ้น “ที่รักหลิวเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญนัก ข้ารู้สึกมีความสุขจริงๆ”

 

ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ “หุบปาก”

 

หลี่ซื่อจุนยกมือขึ้นกุมหน้าอกขณะก้าวถอยหลังและส่ายศีรษะ “ข้าเสียใจ หัวใจของข้าแตกสลายแล้ว”

 

ราวกับไม่สามารถอดทนต่อถ้อยคำของหลี่ซื่อจุน หวังอู๋หมิงเร่งก้าวออกไป

 

ดังที่ฟางหยวนคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางพวกเขา บางคนมีวิธีบุกแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ใช่ความมั่นใจของฟางหยวนที่มีต่อคนแปลกหน้าแต่เป็นความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อชูตู๋ ชูตู๋เป็นคนฉลาด เขาจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร

 

รัศมีแสงของวิญญาณจำนวนมากเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของหวังอู๋หมิง จากนั้นร่างของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสุนัขล่าเนื้อขนาดใหญ่

 

สุนัขล่าเนื้อตัวนี้มีขนสีขาวราวหิมะ ดวงตาของมันซีดขาวและปราศจากรูม่านตา

 

หลี่ซื่อจุนอ้าปากค้างและกรีดร้องเบาๆ “อา…นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิด สุนัขกลืนสวรรค์งั้นหรือ?”

 

ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มองหน้ากันและแสดงออกอย่างมีความสุข นี่หมายถึงพลังการต่อสู้ระดับแปดมิใช่หรือ?

 

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “แม้เขาจะกลายเป็นสุนัขกลืนสวรรค์ เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดได้อย่างไร?”

 

หากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวน ห่าวเจิ้น และคนอื่นยังต้องมาที่นี่อีกงั้นหรือ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาย่อมมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ แล้วชูตู๋จะเชิญเขามาได้อย่างไร?

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่สุนัขกลืนสวรรค์อ้าปากและกัดที่ว่างตรงหน้า

 

ห้วงมิติถูกกัดกินโดยสุนัขกลืนสวรรค์ ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ตกใจ

 

“ผู้ใด!?”

 

“เจ้ากล้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเรางั้นหรือ!?”

 

“ศัตรูบุก!”

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลายร่างบินเข้ามาปิดกั้นกลุ่มของฟางหยวนเอาไว้

 

หวังอู๋หมิงเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกล่าวอย่างอ่อนแรง “ข้าต้องพักสักครู่ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”

 

การเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดเกินขีดจำกัดของเขา บางทีท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้อาจส่งผลกระทบย้อนกลับที่ไม่รุนแรง

 

“บึม!”

 

ฟางหยวนกระทืบเท้าลงบนพื้น ก่อนที่หวังอู๋หมิงจะกล่าวจบประโยค เขาก็พุ่งเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเรียบร้อยแล้ว

 

“เจ้ากล้างั้นหรือ!?”

 

“ดูวิญญาณอมตะของเรา!”

 

กลุ่มผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดของเผ่าไป่ซูพุ่งเข้าสู่การต่อสู้

 

ฟางหยวนเย้ยหยันและผลักฝ่ามือออกไป

 

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนบดขยี้การโจมตีของผู้อมตะเผ่าไป่ซูและทำให้พวกเขากระเด็นกลับหลัง

 

แต่กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนก็สูญเสียพลังงานทั้งหมดเช่นกัน

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

 

ทันใดนั้นความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นและนำเขาบินลึกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

 

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตกใจมากกับความเร็วนี้

 

ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจมากเช่นกัน พวกเขาหวังว่าฟางหยวนจะอยู่ด้านหน้าและเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู

 

แต่ฟางหยวนกลับปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่แยแส

 

หลังจากนั้นผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้หนึ่งก็รีบไล่ล่าฟางหยวน ผู้อมตะคนอื่นๆยังอยู่ที่เดิมเพื่อปิดกั้นห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุน

 

การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับสายฝน

 

การต่อสู้ที่วุ่นวายทำให้ผู้อมตะเหล่านี้ติดอยู่ที่นี่

 

ฟางหยวนทะยานร่างข้ามผ่านท้องฟ้า

 

ด้วยวิธีตรวจสอบของเขา เขาเห็นร่องรอยมากมายที่หลงเหลืออยู่จากการต่อสู้ของเผ่าไห่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด