Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1192

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1192 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1192 ยินยอม

แปลโดย  iPAT  

ภาคกลาง  นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

“จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางมีความรักที่ลึกซึ้ง ” เทพธิดาไป่ชิงมารดาของฟงจินฮวงมองผ่านช่องหน้าต่างออกไปและเห็นจ้าวเหลียนหยุนยังคุกเข่าอยู่ที่ลานกว้าง

จ้าวเหลียนหยุนมาหาฟงจินฮวงและขอร้องให้นางช่วยหม่าหงหยุน

ไม่ว่าฟงจินฮวงจะกล่าวสิ่งใด  จ้าวเหลียนหยุนก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น  ฟงจินฮวงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากบิดามารดาของนาง

เทพธิดาไป่ชิงมารดาของนางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณขณะที่ฟงจิวเก้อบิดาของนางเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียง

ฟงจิวเก้อไปหาเทพธิดาไป่ชิงแต่ไม่ได้สนใจจ้าวเหลียนหยุน  เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า  “ที่รัก  เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าจ้าวเหลียนหยุนได้รับคำแนะนำจากบางคน ”

ดวงตาของเทพธิดาไป่ชิงส่องประกายขึ้น  “ท่านหมายถึงซูเฮาและหลี่จุนอิงเช่นนั้นหรือ ?”

สถานที่ที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนย่อมมีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์เสมอ

นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีความขัดแย้งภายในเช่นกัน

ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด  ไม่มีผู้อมตะจากสิบนิกายโบราณที่สามารถแข่งขันกับเขา  แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีศัตรู

การแข่งขันบนโลกใบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้และการฆ่าฟันเท่านั้น

ซูเฮาและหลี่จุนอิงเป็นฝ่ายตรงข้ามของฟงจิวเก้อในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยา

ซูเฮาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา  ขณะที่หลี่จุนอิงรู้จักกันในนามของเทพธิดามายา  นางมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน  ฟงจิวเก้อเสียชีวิตในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์  เทพธิดาไป่ชิงถูกกดดันอย่างรุนแรงจากซูเฮาและหลี่จุนอิง  แต่หลังจากฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลา  ฟงจิวเก้อถูกช่วยชีวิตและทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไป

การกลับมาของฟงจิวเก้อทำให้ซูเฮาและหลี่จุนอิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามอิทธิพลของจ้าวเหลียนหยุนทำให้ทั้งสองยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้

เมื่อเทพธิดาไป่ชิงกล่าวถึงชื่อของคนทั้งสอง  ฟงจิวเก้อพยักหน้ายอมรับ  “มันคือพวกเขา  นี่เป็นความผิดพลาดของข้า  เวลานั้นข้าเป็นคนส่งซูเฮาไปทำภารกิจเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากมันจริงๆ ”

“ฮวงเอ๋อต้องการเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป  เดิมทีไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับนาง  แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนปรากฏตัวขึ้น  ปีศาจต่างโลกหญิงผู้นี้ฉลาดมากและมีมุมมองที่แตกต่างในหลายแง่มุม  นางประสบความสำเร็จด้วยวิธีการเฉพาะตัวของนางเอง  นางคู่ควรที่จะเป็นคู่แข่งของฮวงเอ๋ออย่างแท้จริง ”

“คราวนี้จ้าวเหลียนหยุนมาคุกเข่าและขอความช่วยเหลือ  ซูเฮาต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้  จ้าวเหลียนหยุนต้องการช่วยชายคนรัก  นางต้องต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำ  หากฮวงเอ๋อยอมแพ้การแข่งขันเพื่อช่วยจ้าวเหลียนหยุน  ในฐานะผู้นำรุ่นต่อไปจ้ าวเหลียนหยุนจะสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของนิกาย  แต่ในกรณีที่ฮวงเอ๋อปฏิเสธ  มันจะทำให้เกิดปัญหา ”

ฟงจิวเก้อวิเคราะห์และเปิดเผยแผนการของซูเฮาได้อย่างง่ายดาย

เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างสนุกสนาน  “ที่รัก  เหตุใดข้าจะไม่เข้าใจ  สิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับวิญญาณที่สำคัญที่สุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณของเรา มันคือวิญญาณแห่งความรัก  นิกายของเราถูกขับเคลื่อนโดยความรัก  ซูเฮาขอให้จ้าวเหลียนหยุนทำเช่นนี้  แม้เขาอาจไม่คาดหวังว่านางจะประสบความสำเร็จ  แต่หลังจากจ้าวเหลียนหยุนถูกฮวงเอ๋อปฏิเสธ  คนอื่นๆจะเห็นใจนาง ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า  ที่รัก  เจ้าฉลาดมาก  ข้ากังวลเกินไป ” ฟงจิวเก้อหัวเราะ

ซูเฮาพยายามช่วยจ้าวเหลียนหยุนเอาชนะฟงจินฮวงและกลายเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไป ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถใช้จ้าวเหลียนหยุนเพื่อผูกมิตรกับคนอื่นๆและต่อต้านฟงจิวเก้อ

ซูเฮาวางแผนมาเป็นอย่างดี

ตลอดมาตัวตนปีศาจต่างโลกของจ้าวเหลียนหยุนเป็นอุปสรรคสำคัญในการเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเนื่องจากผู้คนมักชื่นชอบผู้ที่มีภูมิหลังคล้ายคลึงกันมากกว่า

จ้าวเหลียนหยุนที่มาจากโลกใบอื่นถูกมองข้ามและกีดกัน

แต่หลังจากเรื่องนี้ภาพลักษณ์ของจ้าวเหลียนหยุนในสายตาสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

แม้จ้าวเหลียนหยุนจะเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางก็รักชายผู้หนึ่งของโลกผู้ใช้วิญญาณ

เพื่อชายผู้นี้  นางสามารถทำทุกสิ่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย

นางเป็นคนน่าสงสารที่ไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือ  คนรักของนางอยู่ที่ภาคเหนือและอาจตายได้ทุกเมื่อ

“ครั้งนี้ซูเฮาวางแผนได้ดี  ไม่ว่าฮวงเอ๋อจะตัดสินใจอย่างไร  นางก็ยังพ่ายแพ้  ในความเป็นจริงเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย  นางต้องปฏิเสธจ้าวเหลียนหยุน ” ฟงจิวเก้อกล่าวเสียงเรียบ

“เช่นนั้นเราจะปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าอยู่ตรงนี้ต่อไปงั้นหรือ?” เทพธิดาไป่ชิงถาม

ฟงจิวเก้อยิ้ม  “อย่ากังวล  นางจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก  นี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น ”

แต่เทพธิดาไป่ชิงส่ายศีรษะ  “ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านในเรื่องนี้  ท่านไม่เห็นสายตาของจ้าวเหลียนหยุนเช่นนั้นหรือ ? มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่  นางจมอยู่ในความทุกข์  แล้วท่านคิดว่าซูเฮาจะบอกความจริงกับนางงั้นหรือ ? จ้าวเหลียนหยุนอาจคิดว่านี่เป็นความหวังเดียวของนางในการช่วยเหลือคนรัก นางจะไม่ยอมแพ้และจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไป ”

ฟงจิวเก้อไม่ตอบแต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่สนใจจ้าวเหลียนหยุน

ฟงจิวเก้อรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในเวลานี้

หากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน  เขาจะไม่นำตัวจ้าวเหลียนหยุนมาจากภาคเหนือและกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟงจินฮวง

กระทั่งฟงจิวเก้อจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด  เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

“กระทั่งแม่ของเจ้าก็ยังสงสารจ้าวเหลียนหยุน  โอ้  ฮวงเอ๋อ  ครั้งนี้พวกเราจะไม่แนะนำเจ้า  พวกเราจะรอดูว่าเจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ?” ฟงจิวเก้อลอบคาดหวัง

บนเส้นทางไปยังภูเขาหัวใจทะเลสาบ

ฉินซวนเตะก้อนหินออกจากเส้นทางด้วยความโกรธ  “จ้าวเหลียนหยุนผู้นี้ช่างน่ารำคาญนัก ! นางกล้าขอให้ศิษย์พี่สละตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไป  นางช่างไร้ยางอายนัก !”

“แต่นางไม่มีทางเลือก  นางอธิบายแล้วว่านางต้องทำเพื่อคนที่นางรัก ” ซุนเหยาพึมพำ

“ถูกต้อง  แต่ถึงกระนั้นนางก็ทำเช่นนี้ไม่ได้ ! นางคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นและต้องการให้พวกเราขอร้องให้นางลุกขึ้นงั้นหรือ? น่าชัง ! ข้าโกรธมากจริงๆ  นางทำให้บ้านของศิษยพี่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชมมากมาย  นางทำให้ศิษย์พี่ไม่สามารถกลับบ้านและต้องมาเร่ร่อนอยู่ที่นี่ !” ฉินซวนโกรธจนแทบคลั่ง

“อย่างไรก็ตามนางช่างน่าสงสารจริงๆ  ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง  ข้าพบว่าจ้าวเหลียนหยุนเป็นคนดีคนหนึ่ง …” ซุนเหยาส่ายศีรษะ

“นี่ ! เจ้าอยู่ข้างผู้ใดกันแน่ ! เจ้ากำลังพูดแทนจ้าวเหลียนหยุน !” ฉินซวนโกรธมากและชี้นิ้วไปที่ซุนเหยา  “ศิษย์พี่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนนอก  นางจะเป็นผู้นำนิกายได้อย่างไร ? ซุนเหยา  เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าศิษย์พี่ดูแลพวกเรามาดีเพียงใด ? เจ้าจะตอบแทนความเมตตาด้วยการเป็นปฏิปักษ์งั้นหรือ ?”

“ไม่  ข้าไม่มีเจตนาเช่นนั้น  ข้าเพียงรู้สึกสงสาร  ไม่ว่าศิษย์พี่จะตัดสินใจอย่างไร  ข้าก็จะสนับสนุนศิษย์พี่ !” ซุนเหยาเร่งโบกมือ

ฉินซวนสงบลงเล็กน้อยแต่นางยังรู้สึกกังวลแทนฟงจินฮวง  “ศิษย์พี่กำลังลำบาก  จ้าวเหลียนหยุนผู้นี้เป็นตัวปัญหาจริงๆ  หากศิษย์พี่ตกลงทำตามคำเรียกร้องของนาง  ศิษย์พี่จะสูญเสียตำแหน่งผู้นำนิกาย  แต่หากศิษย์พี่ปฏิเสธ  ผู้คนจะบอกว่าศิษย์พี่ใจร้าย  พวกเขาจะเริ่มเห็นใจจ้าวเหลียนหยุนและยอมรับนางมากขึ้น  ผู้ตัดสินไม่ใช่ผู้อาวุโสของนิกายเท่านั้นแต่พวกเขายังต้องพิจารณาถึงมุมมองของคนรุ่นเราอีกด้วย ผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณทุกรุ่นต้องได้รับการยอมรับจากทุกคน !”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ” ฟงจินฮวงหัวเราะเบาๆกับตนเองขณะเดินไปข้างหน้า

เมื่อนางหยุดเดิน  ฉินซวนและซุนเหยาจึงตระหนักว่าพวกนางมาถึงเนินเขาที่พวกนางมาบ่อยครั้ง

ฟงจินฮวงเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า

จากนั้นนางจึงเปิดปากกล่าว  “ข้าจะปฏิเสธ ”

น้ำเสียงของนางฟังดูเรียบง่ายแต่ซุนเหยาและฉินซวนยังรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและแน่วแน่จากนาง

ดวงตาของฟงจินฮวงส่องประกายขึ้นขณะที่สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาลูบไล้ใบหน้าของนาง นางกล่าวต่อ  “แม้จ้าวเหลียนหยุนจะน่าสงสาร  แต่ตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไปคือเป้าหมายของข้า  นี่คือเส้นทางที่ข้าเลือกด้วยตัวของข้าเองและจะไม่เปลี่ยนมันเพื่อผู้อื่น!”

…..

ภาคเหนือ  แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา  ฟางหยวนอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของตนเองอีกครั้ง

ภูเขาชิงเหมา

ในหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล  ฟางหยวนในวัยเยาว์ยืนอยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูลแสงจันทร์

“ท่านต้องการให้ข้ายอมแพ้ฟางเจิ้งในวันพรุ่งนี้งั้นหรือ ?” ฟางหยวนกล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ถอนหายใจ  “ฟางหยวน  ข้าเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้า  แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าเขาอยู่ใต้เงาของเจ้ามาตลอดและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง เขาท้าประลองกับเจ้าเพราะต้องการเอาชนะหัวใจของตนเองและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง”

ฟางหยวนก้มศีรษะลง  “ท่านผู้นำ  ตั้งแต่ท่านเรียกข้ามาพบอย่างลับๆ  นั่นก็หมายความว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเขา ”

“นั่นถูกต้อง  เจ้าได้รับมรดกจากพ่อแม่ของเจ้าและประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า  แต่ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง  เขาได้รับการสั่งสอนจากผู้อาวุโสหลายคนและมีทักษะที่ค่อนข้างดี  ตอนนี้เขาขาดเพียงประสบการณ์เท่านั้น ” ผู้อาวุโสของตระกูลแสงจันทร์กล่าว

“พรสวรรค์นภาที่หนึ่ง …ฮ่าฮ่าฮ่า ” ฟางหยวนเงยหน้ามองผู้นำตระกูลแสงจันทร์และเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“เจ้าตัดสินใจอย่างไร ?” ผู้นำตระกูลแสงจันทร์มองฟางหยวนอย่างเย็นชา

ฟางหยวนหันหลังกลับและเดินจากไป

ร่างของเขาหายไปในความมืด

มีเพียงประโยคเดียวที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง  “ข้าจะทำ ”

ผู้นำตระกูลพึมพำกับตนเอง  “เขายินยอมอย่างง่ายดาย  เขาต้องมีแผนการบางอย่าง  เพื่อความปลอดภัย  ข้าควรทำให้เขาอ่อนแอลงก่อน ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด