Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1201

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1201 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1201 เย่หลิวชุนซิง

แปลโดย  iPAT  

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าของภาคเหนือโดยปราศจากเมฆ

อย่างไรก็ตามที่ทุ่งโลหิต  แสงดาวจำนวนมากกลับส่องประกายระยิบระยับอยู่กลางอากาศ

วังตะวันตกลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ  ไม่ว่าภายนอกจะเกิดสิ่งใดขึ้น  แต่มันยังดูยิ่งใหญ่มั่นคงและไม่ขยับเขยื้อน

ในทางตรงข้ามฝ่ายของชูตู๋ยืนอยู่บนก้อนเมฆและแสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามอง

ชูตู๋ยังสงบนิ่งและมองไปที่สนามรบ

‘หวังอู๋หมิงกำลังจะแพ้ ’ ชูตู๋ลอบถอนหายใจ

ในสนามรบหวังอู๋หมิงกำลังต่อสู้อยู่กับผู้อมตะฝ่ายธรรมะเย่หลิวชุนซิง

หวังอู๋หมิงเปลี่ยนร่างเป็นสุนัขกลืนสวรรค์ที่รวดเร็วและทรงพลัง

สุนัขกลืนสวรรค์เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด  แต่หวังอู๋หมิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสุนัขกลืนสวรรค์ตัวนี้จึงมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดเท่านั้น

สำหรับคู่ต่อสู้ของเขา  เย่หลิวชุนซิง  เขามีร่างกายสูงผอมราวกับไม่ไผ่  เขามีผมสามเส้นอยู่บนศีรษะ  และมีผิวสีขาวอมเหลือง  รอบตัวเขามีดวงดาวหลายร้อยดวงบินอยู่รอบๆและปลดปล่อยแสง สีฟ้าออกมา

สุนัขกลืนสวรรค์หวังอู๋หมิงทุ่มเทพลังทั้งหมดในการโจมตี  แต่ดวงดาวจำนวนมากยังปิดกั้นเขาเอาไว้

“ปัง  ปัง  ปัง  ปัง …”

ดวงดาวพุ่งเข้าโจมตีหวังอู๋หมิงจากทุกทิศทาง

สุนัขกลืนสวรรค์ส่งเสียงกรีดร้องและกระอักเลือดออกมาจากปากก่อนจะล้มลงบนพื้น

ทุกคนที่มีดวงตาสามารถบอกได้ว่าฝ่ายใดกำลังควบคุมสถานการณ์

หวังอู๋หมิงเป็นฝ่ายโจมตีแต่เขากลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ต้นจนจบ

เย่หลิวชุนซิงถือไพ่เหนือกว่าและวางตนเองไว้ด้านหลังกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่ง

กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง

โดยปกติแล้วในการต่อสู้กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง  พวกเขาจะรักษาระยะห่างและโจมตีจากระยะไกล

เนื่องจากผู้อมตะที่เปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรจะได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทาน พวกเขาจะอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายในการต่อสู้

ผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นอยู่ในร่างมนุษย์ที่อ่อนแอ  กระทั่งพวกเขาจะมีวิธีป้องกันที่ทรงพลัง  แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการนำตนเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย

เห็นได้ชัดว่าเย่หลิวชุนซิงใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องเพื่อชิงความได้เปรียบ

เขากล่าว  “มันไร้ประโยชน์  หวังอู๋หมิง  ท่าไม้ตายอมตะของข้าถูกสร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราของตงฟางชางฟาน ดวงดาวเหล่านี้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ  แล้วเจ้าจะทำลายพวกมันได้อย่างไร ?”

เย่หลิวชุนซิงมีอดีตที่น่าสนใจเช่นกัน

เขาเคยท้าทายตงฟางชางฟานมานับครั้งไม่ถ้วน  แม้เขาจะพ่ายแพ้ซ้ำๆ  แต่ผู้คนยังชื่นชมความสามารถและความแน่วแน่ของเขา

ในฐานะผู้อมตะฝ่ายธรรมะและสมาชิกตระกูลฮวงจิน  ตงฟางชางฟานไม่สามารถลงมือรุนแรงมากนักกับเย่หลิวชุนซิง

ครั้งหนึ่งหลังจากเอาชนะเย่หลิวชุนซิง  ตงฟางชางฟานได้เผยเคล็ดลับบางอย่างกับเขา

คำแนะนำเหล่านั้นถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับเย่หลิวชุนซิงและทำให้เขาปิดประตูฝึกตนเป็นเวลานาน

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือนี่เป็นแผนการของตงฟางชางฟาน

ตงฟางชางฟานทำสิ่งนี้เพื่อกำจัดเย่หลิวชุนซิงที่น่ารำคาญ  นอกจากนั้นมันยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าเย่หลิว  สุดท้ายเขายังได้รับประโยชน์มากมายจากความร่วมมือกับเผ่าเย่หลิว

เมื่อได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากตงฟางชางฟาน  เย่หลิวชุนซิงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถท้าทายตงฟางชางฟานได้อีก  หลังจากนั้นเขาก็ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะของตนเท่านั้นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเผ่าตงฟางอีก

ด้วยเหตุนี้ท่าไม้ตายอมตะของเขาจึงคล้ายคลึงกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราเป็นอย่างมาก

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราของตงฟางชางฟานมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของผู้อมตะภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะของเย่หลิวชุนซิงยังมีความแตกต่างจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราและสามารถกล่าวว่ามันเป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขา

สุนัขกลืนสวรรค์ยังไอออกมาเป็นเลือดและถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้อมตะฝ่ายชูตู๋แสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามอง

“หากหวังอู๋หมิงแพ้  เขาจะเป็นคนที่สี่ที่พ่ายแพ้ให้กับเย่หลิวชุนซิง !”

“ท่าไม้ตายอมตะของเขาทรงพลังเกินไป  แม้เขาจะใช้ดวงดาวเพียงไม่กี่สิบดวงในการโจมตี  แต่มันยังน่ากลัวถึงเพียงนี้  หากเขาใช้ดวงดาวมากกว่าร้อยดวง  ผู้ใดจะสามารถต่อต้าน !”

ภายในวังตะวันตก  รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

เย่หลิวเสี่ยวจินเฝ้ามองการต่อสู้ของเย่หลิวชุนซิงด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิใจ

กระทั่งเหนียงเอ๋อปิงซื่อก็ยังต้องพยายามควบคุมลมหายใจของตนเอง

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือตำแหน่งที่นั่งของเผ่าเหนียงเอ๋อถูกย้ายไปอยู่ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว

นี่เกิดจากผลการต่อสู้ของเหนียงเอ๋อปิงซื่อ

ผู้อมตะระดับหกหลายคนสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด  แต่การสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จของเหนียงเอ๋อปิงซื่อในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

เมื่อถึงจุดนี้  การต่อสู้ระหว่างกองกำลังฝ่ายธรรมะและฝ่ายชูตู๋ก็ดำเนินมาแล้วมากกว่าสิบรอบ

แรกเริ่มเซี่ยอู่เหิงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้สามคนติดต่อกัน

จากนั้นกงหว่านถิงก็ส่งเหนียงเอ๋อปิงซื่อออกมาและสามารถสังหารปีศาจอมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือยายหยิน

หลังการต่อสู้รอบนี้กงหว่านถิงได้เจรจากับชูตู๋และเพิ่มกฎของการแข่งขันเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนซากศพ

เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้ง  เผ่าหยวน  เผ่าเมิ้ง  และเผ่าอื่นๆ  ของฝ่ายธรรมะค่อยๆปรากฏตัวขึ้นขณะที่ฝ่ายชูตู๋ส่งห่าวเจิ้น  เชาเหลาอู๋  รวมถึงผู้อมตะเผ่าไป่ซูเข้าสู่สนามรบประลอง

พวกเขาสลับกันแพ้สลับกันชนะแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ทางตัน  กงหว่านถิงครุ่นคิดก่อนจะส่งเย่หลิวชุนซิงออกมา

คนผู้นี้เป็นกำลังหลักที่แท้จริงของเผ่าเย่หลิว  เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด  แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้กับตงฟางชางฟาน  แต่ไม่มีผู้ใดดูแคลนเขา

สิ่งที่ทำให้ผู้คนชื่นชมเขาเป็นพิเศษคือนิสัยและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา เขาพ่ายแพ้ต่อตงฟางชางฟานนับครั้งไม่ถ้วน  แต่ทุกครั้งที่เขาพ่ายแพ้  เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงอีกประการก็คือกระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเย่หลิว เย่หลิวฮุ้ยหงก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเย่หลิวชุนซิง

ในที่สุดชูตู๋ก็เปิดปากกล่าว  “เอาล่ะ  การต่อสู้รอบนี้  พวกเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ”

หวังอู๋หมิงเร่งล่าถอยกลับไปด้วยความอับอาย

เย่หลิวชุนซิงไม่ได้ไล่ล่า  หลังจากทั้งหมดหวังอู๋หมิงก็มีความสามารถในการป้องกันตัวเองและสามารถยื้อเวลาจนกว่าชูตู๋จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ใบหน้าของหวังอู๋หมิงกลายเป็นซีดขาว  เขารู้สึกซับซ้อนมาก

เขาเป็นคู่ต่อสู้คนที่สี่ของเย่หลิวชุนซิง  เดิมทีเขาคิดว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ง่ายดาย  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพลังการต่อสู้ของเย่หลิวชุนซิงกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

หวังอู๋หมิงในร่างมนุษย์บินเข้าไปหาชูตู๋และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “ท่าไม้ตายอมตะของเย่หลิวชุนซิงลึกลับมาก  เราสามารถควบคุมดวงดาวจำนวนมาก  ข้าเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายท่าไม้ตายนี้  เว้นเพียงคนผู้นั้นจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาว ”

“ดวงดาวของเขาเคลื่อนที่ได้เร็วมาก  บางครั้งพวกมันก็สร้างพลังงานที่ไร้รูปลักษณ์ขึ้นมาทำให้ข้าสูญเสียการควบคุมตนเอง เย่หลิวชุนซิงจะอ่อนแอที่สุดในช่วงแรก  เมื่อเขาสามารถปล่อยดวงดาวออกมาได้ถึงหนึ่งร้อยดวง  เขาจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบและเป็นเรื่องยากที่จะทำลายรูปแบบการต่อสู้ของเขา”

หวังอู๋หมิงอธิบายด้วยความจริงใจ

ชูตู๋พยักหน้าและตบไหล่หวังอู๋หมิง  “ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดอีก  ดีแล้วที่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ”

มันเป็นถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่การกระทำนี้แทบทำให้หวังอู๋หมิงหลั่งน้ำตา

“ผู้ใดจะเป็นคนต่อไป ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เย่หลิวชุนซิงตะโกนออกมา

‘ดูเหมือนคนผู้นี้ยังต้องการต่อสู้เป็นรอบที่ห้า !’ การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย  เจตนาสังหารกระพริบขึ้นในดวงตาของเขา

ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังเริ่มซุบซิบ

“เขาเอาชนะสี่คนติดต่อกันแล้ว  แต่ดูเหมือนเขายังมีกำลังเหลืออยู่ ”

“ร่างสุนัขกลืนสวรรค์ของหวังอู๋หมิงแข็งแกร่งมากแต่เขายังไม่สามารถเอาชนะ เห้อ …”

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูเงียบ

ไป่ซูเหว่ยตายไปแล้ว  ผู้อมตะเผ่าไป่ซูที่เหลืออยู่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น  พวกเขาสามารถพึ่งพาเพียงค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวเท่านั้น

ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้าที่เกิดจากการผสานงานระหว่างห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มีชื่อเสียงในภาคเหนือ มันถือเป็นไพ่ตายของพวกเขาที่สามารถกดดันและทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกหวาดกลัว แต่ในการต่อสู้ที่ต้องแยกกัน  พวกเขายังไม่โดดเด่นนัก  และในเวลานี้พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้า

อาการบาดเจ็บเนื่องจากความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋าต้องใช้เวลาและยากที่จะรักษา

ชูตู๋พบว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ  ไม่มีผู้อมตะคนใดที่เขาสามารถส่งลงสนาม

ในทางกลับกัน  ฝ่ายธรรมะมีผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นอีกมากมายอยู่ในวังตะวันตก

นี่ทำให้ฝ่ายของชูตู๋ถูกเย้ยหยันอย่างรุนแรง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด