Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1206

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1206 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1206 บรรลุระดับเจ็ด

แปลโดย  iPAT  

ฟางหยวนทิ้งเรื่องงานประลองทุ่งโลหิตเอาไว้ข้างหลัง

เขาจะไม่ปล่อยแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงไปอย่างแน่นอน  แม้เขาจะไม่สามารถกลืนกินมันในตอนนี้แต่เขายังสามารถทำมันได้ในอนาคต

สำหรับผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่ต้องการศพและดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง  ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเต็มใจที่จะตอบสนองคำของบางส่วนของพวกเขา

สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง เมื่อเขาค้นวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง  เขาจะได้เรียนรู้ความลับมากมายของเผ่าเย่หลิว  หลังจากค้นวิญญาณ  เขาจะขายดวงวิญญาณนี้ให้กับนิกายหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงาน

‘เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือทดสอบว่าข้าสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาหรือไม่?’

ฟางหยวนบินไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าเขาป้องกันตัวจากการตรวจสอบของเจตจำนงสวรรค์ตลอดเวลา

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา  เขามาถึงไท่ชิว

ไท่ชิวอยู่ไม่ไกลจากทุ่งโลหิต

หากมองจากแผนที่ภาคเหนือ  ทุ่งโลหิตอยู่ด้านซ้าย  ไท่ชิวอยู่ด้านขวา  ตรงกลางคือแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่

ทุ่งโลหิต  แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก  และไท่ชิวเป็นสามอาณาเขตที่เชื่อมต่อกัน

เมื่อเข้าสู่ไท่ชิว  ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์และลอบเข้าไป

เขาคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี  ดังนั้นเพียงไม่นานเขาก็ไปถึงค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยาและเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้สำเร็จ

“ฟางหยวนกลับมาแล้ว !” ผมที่หกจับตามองฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

“ตั้งแต่เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะลมหายใจมังกร  นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมา  เขาใช้วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรทำสิ่งใด ?” ผมที่หกพยายามคาดเดา

แต่เขาไม่รู้ว่าหลายชั่วโมงก่อนฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลเพื่อสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือเย่หลิวชุนซิง

คนผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกับไป่ซุ้ยฮันและบัณฑิตสันโดษ

กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวนสามารถแข่งขันกับตัวตนเหล่านี้แล้ว

ตั้งแต่ความล้มเหลวที่ภูเขาอี้เทียน  นิกายเงาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก  ผมที่หกอาจเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของนิกายเงาที่เหลืออยู่ในภาคเหนือ ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลของเขาจึงค่อนข้างล่าช้า

แต่ข่าวของฟางหยวนไม่สามารถปกปิด  ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง  นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจเกินไปและในไม่ช้ามันจะแพร่กระจายไปทั่วภาคเหนือ

กระทั่งสิบนิกายโบราณของภาคเหนือก็ยังสนใจการต่อสู้ที่ทุ่งโลหิต

“โอ้  ฟางหยวนออกไปอีกแล้วงั้นหรือ ?” ผมที่หกประหลาดใจ

ค่ายกลวิญญาณขนส่งถูกใช้งานอีกครั้ง

ผมที่หกไม่รู้ว่าฟางหยวนกำลังทำสิ่งใด  เขามาและรีบจากไป  แต่ผมที่หกยังรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีบางสิ่งผิดปกติและค่อนข้างน่าตื่นตระหนก เขารู้สึกว่าฟางหยวนกำลังจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

ความเร็วในการเติบโตของฟางหยวนเป็นข่าวร้ายสำหรับนิกายเงา

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยาในการเดินทาง  เขาต้องการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นเขาจึงต้องวางมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงลงบนพื้นเป็นอันดับแรก

เขาไม่สามารถวางมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงที่ทุ่งโลหิต  ความปั่นป่วนจะดึงดูดสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนและนั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฟางหยวน

‘มันไม่ใช่เรื่องง่าที่จะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด  ข้าต้องวางแผนอย่างรอบคอบและไม่ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายใดๆ ’

ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายกลวิญญาณขนส่งที่อยู่ห่างไกลจากทุ่งโลหิต

เขาเลือกสถานที่ไว้แล้ว

เมื่อออกจากค่ายกลวิญญาณขนส่ง  เขาบินไปยังทุ่งหญ้าที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง

หลังจากตรวจสอบและไม่พบสิ่งผิดปกติ  ฟางหยวนนำซากศพของเย่หลิวชุนซิงออกมา

ศีรษะของเย่หลิวชุนซิงถูกตัดออกไปแล้ว

ฟางหยวนใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำให้แน่ใจว่ามิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงยังคงอยู่

วิธีนี้มีที่มาที่ไป

ครั้งหนึ่งฟางหยวนเคยเห็นวิธีดึงมิติช่องว่างออกมาจากร่างผู้อมตะของนางมารผลาญสวรรค์ หลังจากเจรจา  เขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยของผู้อมตะเฒ่ากงเจียจากนาง  นอกเหนือจากนี้ฟางหยวนยังมีวิธีการบางอย่างจากชีวิตแรกของเขา  ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างวิธีเก็บรักษามิติช่องว่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงถูกนำออกไปและผนึกไว้แล้ว

ในความเป็นจริงดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่โชคดีที่ฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

แม้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์แต่มันถูกสร้างขึ้นจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพและเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างจิตวิญญาณของโลกใบนี้ ฟางหยวนเป็นเจ้าของภูเขาตงฮัน  ดังนั้นเขาย่อมมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยวสำรองเอาไว้มากมาย

หลังจากใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยว  กระทั่งดวงวิญญญาณของเย่หลิวชุนซิงจะใกล้ดับสูญ  มันก็ยังได้รับการช่วยเหลือ

ฟางหยวนปลดผนึกและโยนศพไร้หัวลงบนทุ่งหญ้า

เย่หลิวชุนซิงผู้ยิ่งใหญ่เมื่อยังมีชีวิตกลับถูกปฏิบัติอย่างน่าสมเพชหลังจากเสียชีวิต หากผู้อมตะเผ่าเย่หลิวได้เห็นสิ่งนี้  พวกเขาจะกระโดดออกมาและเดิมพันชีวิตกับฟางหยวนด้วยความโกรธ

หลังจากหลายลมหายใจ  ปราณสวรรค์พิภพก็หลอมรวมกับมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงและสร้างความปั่นป่วนขึ้น

โชคดีที่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและไม่โชคร้ายเหมือนสมัยก่อน

โดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด  ประตูทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดออกต่อหน้าฟางหยวนในที่สุด

เขาเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงค่อนข้างประหลาด

ท้องฟ้าเป็นฉากที่มืดมิดแต่พื้นด้านล่างส่องแสงสีฟ้าสลัว

ฟางหยวนค้นพบว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เต็มไปด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน แต่พวกมันเหมือนก้อนหินที่วางอยู่บนพื้น

แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงกว้างใหญ่ราวกับอาณาจักร

ฟางหยวนต้องการบินแต่เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ทำให้เขาจมลงสู่พื้น

ทันใดนั้นดาวสีฟ้าอ่อนขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก็ลอยเข้ามาหาฟางหยวน

มันคือจิตวิญญาณแผ่นดิน

ดาวดวงนี้หมุนวนรอบตัวมันเองและปล่อยแสงทุกเฉกสีออกมา  นี่ทำให้ฟางหยวนเชื่อมโยงมันกับอัญมณีที่งดงามเช่นเพชร

ท่ามกลางการสื่อสารที่ไร้เสียง  ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

สำหรับผู้อมตะทั่วไป  มันเป็นเงื่อนไขที่ค่อนข้างยาก

เพราะคำขอของจิตวิญญาณแผ่นดินคือการแสดงเคล็ดลับท่าไม้ตายอมตะที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบที่มีชื่อว่าหมื่นหิ่งห้อยดาราให้มันดู

ในขณะที่เย่หลิวชุนซิงยังมีชีวิต  เขาค้นคว้าเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดารามาตลอด  ท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นก็เลียนแบบมาจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราเช่นกัน

นี่เป็นความหมกมุ่นของเขา

“โชคดีจริง  ฮ่าฮ่าฮ่า ” ฟางหยวนนำเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราออกมาและมอบให้กับจิตวิญญาณแผ่นดิน

เขาเป็นคนฆ่าตงฟางชางฟานและค้นวิญญาณของตงฟางชางฟานมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากสูญเสียคุณค่าทั้งหมด  ฟางหยวนมอบดวงวิญญาณของตงฟางชางฟานให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงานของนิกาย

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

“ต่อไปเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด  มาดูกันว่าข้าจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้หรือไม่ ?”

ฟางหยวนหยุดพักชั่วขณะก่อนจะเริ่มกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์

ในการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเงื่อนไขสามประการ

หนึ่ง  ความสำเร็จบนเส้นทางสายนั้น

สอง  มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่า

สาม  มิติช่องว่างที่ตายแล้วไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนสามารถบรรลุเงื่อนไขสองข้อแต่มีข้อหนึ่งที่ยังคลุมเครือ

มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่า คำถามคือสิ่งใดเรียกด้อยและสิ่งใดเรียกเหนือ ?

หากพิจารณาในแง่ของระดับการบ่มเพาะ  มิติช่องว่างระดับหกอาจถือว่าด้อยกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด  ในกรณีนี้ฟางหยวนอาจไม่สามารถกลืนกินมันได้

หากพิจารณาในแง่ของรากฐาน  มิติช่องว่างจักรพรรดิถือว่าเหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงไปไกลมาก ในกรณีนี้ฟางหยวนจะสามารถกลืนกินมัน

ฟางหยวนต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน

แต่น่าเสียดายที่เขารู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดน้อยมาก  บางแดนศักดิ์สิทธิ์  เขาก็ไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขข้ออื่น

จนถึงตอนนี้ฟางหยวนมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงเท่านั้นที่สามารถใช้ในการทดลอง

ด้วยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินน  ฟางหยวนเริ่มกลืนกินทันที

กระบวนการต่างๆดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเกินความคาดหมาย

เขาไม่พบอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น !

การทดลองประสบความสำเร็จในครั้งเดียว !

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ชุนซิง  ไม่เพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิจะได้รับทรัพยากรทั้งหมดจากมัน  แต่ฟางหยวนยังสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดได้ทันที

ผู้อมตะระดับเจ็ด !

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าคือผู้อมตะระดับเจ็ด !”

จิตใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

ในช่วงห้าร้อยปีของชีวิตแรก  ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกที่ผ่านภัยพิบัติสวรรค์เพียงสองครั้ง  โดยธรรมชาติตอนนี้ฟางหยวนรู้แล้วว่าเจตจำนงสวรรค์ตั้งใจยับยั้งระดับการบ่มเพาะของเขา

เจตจำนงสวรรค์ต้องการใช้ปีศาจต่างโลกเป็นเครื่องมือเพื่อจัดการกับนิกายเงา ฟางหยวนถูกคัดเลือกจากเจตจำนงสวรรค์  มันพยายามปลุกปั้นตัวหมากของมันให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด  อย่างน้อยระดับการบ่มเพาะของเขาก็ต้องไม่สูงเกินไป  หากเขาแข็งแกร่งเกินไป  เจตจำนงสวรรค์จะควบคุมฟางหยวนได้ยากขึ้น  นอกจากนี้เขายังต้องไม่อ่อนแอเกินไป  มิฉะนั้นกระทั่งเขาจะกำเนิดใหม่  เจตจำนงสวรรค์ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆจากเขา

นี่เป็นแผนการระยะยาวที่แยบยลของเจตจำนงสวรรค์ !

แต่ในปัจจุบันเนื่องจากการพบโชคลาภโดยังเอิญตลอดจนความพยายามของตัวเขาเอง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางของเจตจำนงสวรรค์และก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด!

เรื่องนี้มีความสำคัญมาก !

ผู้อมตะระดับหกถือเป็นชนชั้นล่างสุด  ในโลกของผู้อมตะมีผู้อมตะระดับหกอยู่มากที่สุด

ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นชนชั้นกลาง  แต่ในกองกำลังของผู้อมตะ  พวกขาถือเป็นตัวตนชั้นสูงและมีสถานะสูงส่ง

ผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก  ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาสามารถสร้างพายุใหญ่ในแต่ละภูมิภาค

ด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด  ฟางหยวนกลายเป็นชนชั้นสูงของกองกำลังผู้อมตะ  หากเขายังเป็นผู้อมตะระดับหก  เขาต้องเดินอ้อมตัวตนระดับสูง  แต่เมื่อฟางหยวนบรรลุระดับเจ็ด  เขาต้องระวังเพียงตัวตนเช่นเย่หลิวชุนซิงหรือบัณฑิตสันโดษ  ตัวตนระดับนู๋เอ๋อกู่ไม่อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไป

ชูตู๋ ? ฟางหยวนประเมินว่าเขายังด้อยกว่าชูตู๋  โชคดีที่ปัจจุบันชูตู๋เป็นพันธมิตรของเขา

เวลานี้มิติช่องว่างจักรพรรดิเริ่มผลิตพลังงานอมตะระดับเจ็ดแล้ว

ในไม่ช้าฟางหยวนจะมีลูกพลัมแดงอมตะเป็นของตนเอง

ในเวลาเดียวกันเขายังสามารถหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะระดับหกที่สะสมไว้และเปลี่ยนพวกมันเป็นลูกพลัมแดงอมตะระดับเจ็ด

องุ่นเขียวอมตะหนึ่งร้อยผลสามารถเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งผล

“ข้าต้องหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน !”

“ใน การใช้องุ่นเขียวอมตะกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด  ข้าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามสิบส่วน  หลังจากหลอมรวมมันเป็นลูกพลัมแดงอมตะ  จะไม่มีการสูญเสียที่ไร้ความหมายอีกต่อไป ”

“เมื่อเวลาผ่านไป  ข้าจะมีลูกพลัมแดงอมตะสำรองไว้และไม่ต้องกลัวการต่อสู้ที่ยึดเยื้ออีกต่อไป สถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างการต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด