Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1218

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1218 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1218 วูตู๋ซิ่วกับวูหยง

แปลโดย  iPAT  

ฟางหยวนมองสถานการณ์อยู่ด้านข้าง  เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่วูอี้ไห่จะปรากฏตัว

ประการแรก  เขายังไม่ได้ค้นวิญญาณของวูอี้ไห่อย่างสมบูรณ์  การเตรียมการยังไม่เสร็จสิ้น

ประการที่สอง  วูตู๋ซิ่วยังไม่ตาย

หากวูตู๋ซิ่วไม่ตาย  ฟางหยวนก็ไม่สามารถปรากฏตัวในฐานะวูอี้ไห่ได้อย่างปลอดภัย

ผู้อมตะระดับแปด !

ผู้ใดจะรู้ว่าวูตู๋ซิ่วจะใช้วิธีการใดตรวจสอบว่าวูอี้ไห่เป็นบุตรของนางจริงๆ

หากฟางหยวนล้มเหลวเพราะความโลภ  เขาจะสูญเสียโอกาสที่หาได้ยากและนั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา หากเป็นเช่นนั้นเขาจะตบกะโหลกของตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่โดยเฉพาะในตระกูลวู

วูหยงมีแรงจูงใจซ่อนเร้นและมีแนวโน้มว่าเขาจะจัดการวูอี้ไห่

หากฟางหยวนปรากฏตัวเร็วเกินไป  เขาอาจถูกลอบสังหารอย่างลับๆ

‘ในความเป็นจริงตัวตนของวูอี้ไห่ค่อนข้างมีปัญหา  แต่โชคดีที่ข้ามีความทรงจำในอนาคต  ข้ารู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในห้าร้อยปีหลังจากนี้  นี่ทำให้ข้าสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีขึ้น ’

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนยังคงบ่มเพาะและค้นวิญญาณของวูอี้ไห่ต่อไปขณะเดียวกันเขาก็รวบรวมข้อมูลของโลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง

สภาพของวูตู๋ซิ่วแย่ลงทุกวัน  ภาคใต้ทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วน

ที่ภาคเหนืองานประลองทุ่งโลหิตยังดำเนินต่อไป  โดยปราศจากหลิวกวนซื่อ  ฝ่ายของชูตู๋ก็ถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์  แต่ในไม่ช้าสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ดจำนวนสามคนมาช่วยเหลือ พวกเขาได้รับชัยชนะติดต่อกันทำให้ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในทางตันอีกครั้ง

หลิวเจิ้งประกาศว่าเขาต้องการต่อสู้กับหลิวกวนซื่อ

นอกจากนั้นเผ่าอื่นๆเช่นเผ่าเย่หลิวก็ต้องการตัวหลิวกวนซื่อเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลิวกวนซื่อกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับคนผู้นี้ไม่เคยอยู่ที่ภาคเหนือ

กองกำลังต่างๆล้มเหลวในการตามล่า  แต่ในภาคกลางผู้อมตะหลายคนกลับมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่า

องค์กรใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นโดยนิกายเงาถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์โดยวังสวรรค์รวมถึงสิบนิกายโบราณ

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดถูกสังหาร  ผู้บ่มเพาะสันโดษหลายคนที่มีความผิดน้อยกว่าถูกยึดทรัพยากรโดยสิบนิกายโบราณและกลายเป็นทาสอมตะ

ครึ่งเดือนต่อมาวูตู๋ซิ่วเรียกวูหยงและผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูมาที่บ้านของนาง

ในช่วงเวลาที่วูตู๋ซิ่วกำลังจะตาย  นางกล่าวอย่างชัดเจนว่า  “ข้ามีความเสียใจสามครั้งในชีวิต ”

“ความเสียใจครั้งแรกคือข้าล้มเหลวในการกำจัดเจ็ดภูตผี  ข้าสามารถทำลายรังของพวกมันเท่านั้น ”

“ความเสียใจครั้งที่สองคือข้าไม่สามารถหาปราณแห้งได้มากพอที่จะหลอมรวมวิญญาณแปดวายุ”

“ความเสียใจครั้งที่สาม …”

นางหยุดก่อนกล่าวต่อ

“คือข้าไม่ได้เห็นหน้าบุตรชายของข้า  อี้ไห่  ย้อนกลับไป  ข้าเกลียดพ่อของเขา  ข้าฆ่าเขา  แต่ข้าไม่ควรทิ้งความเกลียดชังไว้กับเด็กน้อยที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา เขาเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของข้า  เมื่อข้าต้องการเขา  มันก็สายเกินไปแล้ว ”

ในบ้านไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง

วูตู๋ซิ่วถอนหายใจและลุกขึ้นนั่งด้วยตัวของนางเอง

นางเข้าสู่ท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนด้วยความยากลำบากก่อนจะกวักมือเรียกวูหยงอย่างอ่อนแรง

วูหยงเข้าใจความตั้งใจของนาง  เขารีบปิดผ้าม่านและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลง

วูตู๋ซิ่วมองบุตรชายคนโตของนางและเผยรอยยิ้ม  “หยงเอ๋อ  เจ้าไม่เคยผิดหวังในตัวเจ้า ”

ร่างกายของวูหยงสั่นสะท้านขึ้น  ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ในขณะนี้เขากำลังแสดงอารมณ์ที่แท้จริงที่มีต่อมารดาของตนออกมา

“ข้าจะส่งมอบตระกูลวูให้กับเจ้า ” วูตู๋ซิ่วกล่าว

“ท่านแม่ ” วูหยงกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งและน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

วูตู๋ซิ่วกล่าวต่อ  “บุตรของข้า  อี้ไห่ไม่สามารถมาที่นี่ได้  นั่นคือโชคชะตาของเขา  ลืมมันไปซะ  ข้าจะมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้กับเจ้า  เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุเช่นกัน  ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลพวกมันเป็นอย่างดี ”

“ท่านแม่  ข้าไม่ต้องการวิญญาณอมตะของท่าน  ข้าเพียงต้องการให้ท่านมีชีวิตอยู่ !” วูหยงสะอื้น

“เด็กโง่  ผู้ใดจะสามารถหลบหนีจากความตาย  กระทั่งเทพอมตะหรือเทพปีศาจยังต้องตายในที่สุด  ชีวิตนิรันดร์เป็นเพียงจินตนาการของคนโง่เท่านั้น ”

หลังกล่าวจบคำวิญญาณอมตะของวูตู๋ซิ่วก็ปรากฏขึ้นและบินเข้าไปหาวูหยง

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดของตระกูลวูที่อยู่อีกด้านของผ้าม่านเฝ้ามองสิ่งนี้อยู่อย่างเงียบๆ

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะหายไปในร่างของวูหยงทีละดวง

วูตู๋ซิ่วมองออกไปนอกหน้าต่าง

แสงแดดลอดผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้อง

ด้วยความมึนงง  วูตู๋ซิ่วเห็นเงาร่างในแสงแดด

ร่างนั้นไม่ใช่บิดาหรือมารดาของนางและไม่ใช่ชายที่นางเคยรัก  แต่มันคือตัวนางเอง

นางในวัยเยาว์ที่มีรอยยิ้มสดใสราวกับดวงตะวัน

“วูตู๋ซิ่ว …”

“วูตู๋ซิ่ว …”

“ฮ่าฮ่า ” นางพึมพำชื่อของนางสองครั้งก่อนจะหัวเราะเบาๆ

จุดแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มส่องประกายออกมาจากร่างของนาง

จุดแสงเหล่านี้ค่อยๆกลืนกินดวงวิญญาณและร่างกายของนางเข้าไป

หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงในภาคใต้มานับพันปีวูตู๋ซิ่วก็จากโลกใบนี้ไปในที่สุด

นางไม่ได้ทิ้งทั้งร่างกายและดวงวิญญาณเอาไว้เบื้องหลัง

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง !”

นอกม่าน  ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูต่างกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า

เสียงร้องไห้ดังขึ้นในบ้านหลังเล็กที่ไร้เจ้าของหลังนี้

วูหยงร้องไห้อย่างเงียบๆ  เขาคุกเข่าลงบนพื้นและก้มศีรษะลง

หลังจากไม่นานเขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นและไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป  การแสดงออกของเขามั่นคงราวกับเหล็กกล้า

เขายืนขึ้น

จากนั้นเขามองไปยังกลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูผ่านผ้าม่าน

“ทุกคนจงอดทนไว้  ท่านแม่จากไปแล้ว  แต่พวกเราที่อยู่เบื้องหลังยังต้องนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์ต่อไป!” น้ำเสียงของวูหยงเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ

กลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดค่อยๆหยุดร้องไห้

วูหยงดึงม่านออกจากกันและเดินออกไป

กลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดยืนขึ้นและตระหนักถึงบางสิ่ง

บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง  พวกเขาเร่งทำความเคารพวูหยงและกล่าวอย่างพร้อมเพรียง  “คารวะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ”

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้วขณะที่ผู้อมตะระดับแปดวูหยงกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู

ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

ภาคใต้ตกสู่ความโกลาหลทันที

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตในที่สุด  ผู้อมตะจากหลายกองกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เดิมทีตระกูลวูมีผู้อมตะระดับแปดสองคนแต่ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดียว แล้วพวกเขาจะยังรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกองกำลังฝ่ายธรรมะได้หรือไม่?

ตระกูลวูมีแหล่งทรัพยากรในการครอบครองมากเกินไป

วูตู๋ซิ่วจากไปแล้ว  วูหยงเพียงผู้เดียวจะสามารถนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์เช่นในอดีตได้หรือไม่?

ไม่เพียงผู้อมตะนอกตระกูลวูที่คิดถึงประเด็นนี้  กระทั่งผู้อมตะของตระกูลวูก็ยังสงสัยในความสามารถของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคนใหม่ของพวกเขา

และยังมีข่าวลือว่าวูหยงสังหารวูอี้ไห่น้องชายในสายเลือดของตนเอง  ตอนนี้ข่าวลือต่างๆแพร่กระจายออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน

ภูเขาชิงหยาง

ฐานทัพใหญ่ตระกูลเฉียวอยู่ที่นี่

สองผู้อมตะตระกูลเฉียวยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาและมองไปในทิศทางของตระกูลวู

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวถอนหายใจ  “วูตู๋ซิ่วตายไปแล้ว  วูหยงพึ่งเข้ารับตำแหน่งต่อจากนาง  แต่เขาก็ถูกข่าวลือเกี่ยวกับการสังหารน้องชายเล่นงาน  ฮ่าฮ่า  นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตระกูลเฉียวของเรา  ทุกคนคิดว่าพวกเราเป็นลูกไล่ของตระกูลวู  แต่ความจริงก็คือพวกเรากำลังรอคอยโอกาสที่จะดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ เรามีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหวเพราะตระกูลเฉียวเป็นพันธมิตรกับตระกูลวูผ่านการแต่งงาน!”

“วูหยงดูเหมือนธรรมดาแต่ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดาเลย  แม้เขาจะไร้ความสามารถ  แต่เขายังเป็นผู้อมตะระดับแปด ” ผู้อมตะอีกคนกล่าว

นางอยู่ในรูปลักษณ์ของหญิงวัยยี่สิบในชุดสีเขียวที่ไม่สามารถปกปิดรูปร่างอันทรงเสน่ห์เอาไว้ได้ ผิวของนางขาวราวหิมะ  ดวงตาของนางสว่างสดใสภายใต้แพขนตายาว

นางเป็นความภาคภูมิใจและเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลเฉียว  นางยังเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้  เฉียวซือหลิว

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวหัวเราะ  “โอ้  หลิวเอ๋อ  นี่คือเหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่  เราจะดำเนินการผูกมิตรกับตระกูลวูผ่านการแต่งงานต่อไป ”

ร่างของเฉียวซือหลิวสั่นสะท้านขึ้น  “ข้าเข้าใจ  ข้ายินดีที่จะเสียสละเพื่อตระกูล ”

“ดีมาก  ตระกูลไม่ได้เลี้ยงดูเจ้ามาอย่างไร้ประโยชน์จริงๆ ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวดีใจมาก

“แต่กระทั่งข้าจะแต่งงานกับวูหยง  ข้าก็อาจไม่สามารถควบคุมเขา  เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด  เขายังมีอำนาจเหนือตระกูลวูทั้งหมด …” เฉียวซือหลิวลังเล

“ไม่ใช่กับเขา ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยิ้ม

“เช่นนั้นผู้ใด ?” เฉียวซือหลิวรู้สึกสับสน

“วูอี้ไห่ ”

“วูอี้ไห่ ?”

“ถูกต้อง  เขามาหาข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ”

เจ็ดวันต่อมา

ตระกูลวูจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่บนภูเขาวายุศักดิ์สิทธิ์

กองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดรวมถึงผู้บ่มเพาะสันโดษและกระทั่งปีศาจอมตะบางคนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วม

ต่อหน้าทุกคน  วูหยงกล่าว  “ทุกคน  จงกำจัดคนทรยศของตระกูลผู้นี้ !”

“อันใด !?” ซูเต๋าตกใจมาก  เขาต้องการขัดขืนแต่มันสายไปแล้ว

“นายท่าน  ท่านกำลังทำสิ่งใด ? ข้าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทที่สุดของท่าน !” ซูเต๋ากรีดร้อง

“ฮ่าฮ่า ” วูหยงหัวเราะและชี้นิ้วไปที่ซูเต๋า  “เจ้าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทอย่างแท้จริงซูเต๋า ! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าจริงๆงั้นหรือ  คนเจ้าเล่ห์ ! เจ้าลอบตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของน้องชายข้าและซุ่มโจมตีเขา  น้องชายที่น่าสงสารของข้า  ข้ายังไม่เคยพบเขาแต่เขากลับถูกปีศาจร้ายสังหารไปแล้ว !”

หลังกล่าวจบคำ  วูหยงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

ซูเต๋าตะลึง

มันเป็นความตกใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด

เขาต้องการปฏิเสธแต่วูหยงกลับโยนหลักฐานจำนวนมากออกมา

เขาไม่สามารถแก้ตัว

ซูเต๋าไม่สามารถปฏิเสธ  เขาตระหนักแล้วว่าวูหยงได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขามานานแล้วและอดทนมาจนถึงวันนี้!

วูหยงใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อกำจัดวูอี้ไห่และได้รับมรดกจากมารดา  เขากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวูและสามารถทำลายข่าวลือเลวร้ายเกี่ยวกับตัวเขาได้ในวันนี้

ซูเต๋ากลายเป็นเบี้ยสังเวยที่ใช้แล้วทิ้ง

‘วันนี้ข้าคือผู้ชนะที่แท้จริง !’ วูหยงลอบหัวเราะอยู่ในใจ  เขาชี้นิ้วไปที่ซูเต๋าและออกคำสั่ง  “ลากตัวเขาออกไป !”

ทุกคนในที่เกิดเหตุรู้สึกไม่สบายใจและไม่สามารถปกปิดความกังวลบนใบหน้า

วูหยงมองไปรอบๆและรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวต่อ  ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวกลับเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีข่าวดีสำหรับท่านวูหยง  วูอี้ไห่น้องชายของท่านยังไม่ตาย  นอกจากเขาจะยังไม่ตาย  เขายังอยู่ที่นี่ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลเฉียวของข้า ”

“อันใด !?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด