Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1306 ขีดจำกัดชื่อเสียง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1306 ขีดจำกัดชื่อเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1306 ขีดจำกัดชื่อเสียง

แปลโดย  iPAT  

ในคลังสมบัติของตระกูลวูมีวิญญาณอมตะดวงหนึ่งเรียกว่าขีดจำกัดชื่อเสียง มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่หาได้ยาก  ฟางหยวนสนใจมันมาก

หลังจากทั้งหมดทักษะบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเขาอ่อนด้อยมาก  เขาต้องการพัฒนาความสามารถในด้านนี้

วิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียงมีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์

หลังจากใช้งานมัน  มันจะกลายเป็นเชือกที่ผูกมัดสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล

แม้มันจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล  แต่มันมีความสามารถบนเส้นทางแห่งทาส

มันพิเศษและมีเอกลักษณ์

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟางหยวนก็คือประสิทธิภาพของวิญญาณอมตะดวงนี้จะแตกต่างกันไปตามชื่อเสียงของผู้ใช้งาน

มันเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือหลิวกวนซื่อ  ทั้งสองต่างเป็นตัวละครที่สามารถสั่นคลอนทั้งห้าภูมิภาค  พวกเขามีชื่อเสียงแพร่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง  หากถามว่าผู้ใดมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของโลกผู้อมตะในปัจจุบัน ? คำตอบก็คือฟางหยวน !

‘แต่ …’

‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของข้าอยู่ในระดับทั่วไป  แม้ข้าจะได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้  แล้วมันจะมีประโยชน์กับข้ามากน้อยเพียงใด ?’

‘การใช้สัตว์อสูรหรือพืชอสูรเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งทาส  มันไม่มีประโยชน์กับข้า  เว้นเพียงมันจะทำให้ข้าสามารถสะกดข่มสัตว์อสูรแรกกำเนิด ’

‘แต่วิญญาณอมตะขีดจำกัดชื่อเสียงเป็นเพียงวิญญาณระดับเจ็ด  แล้วมันจะช่วยข้าสะกดข่มสัตว์อสูรแรกกำเนิดได้อย่างไร ? ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือใช้มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะ’

ฟางหยวนคิดและไม่ได้แลกเปลี่ยนมัน  เขายังเก็บวิญญาณอมตะความคิดวัชระเอาไว้

ตัวเลือกนี้ทำให้วูหยงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ข้าพึ่งได้รับกำไรจากทะเลตะวันออก  จากนี้ไปข้าจะใช้การแปลงร่างเป็นเต่าพยากรณ์บนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นหลัก” ฟางหยวนอธิบาย

นี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ท่าไม้ตายอมตะเต่าพยากรณ์ในอนาคตของเขา

วูหยงพยักหน้า  “ข้าเรียกเจ้ามาเพราะมีเรื่องอื่นเพิ่มเติม ”

ฟางหยวนถามอย่างสงบ  “เชิญกล่าว ”

วูหยงเผยรอยยิ้มขมขื่น  “แหล่งทรัพยากรที่สำคัญของตระกูล  ยอดเขาเยือกแข็ง  กำลังตกเป็นเป้าหมายของตระกูลเซี่ย  มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่เราต้องรักษาเอาไว้  ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้แล้ว น้องชาย  ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยปกป้องยอดเขาเยือกแข็งให้กับตระกูลของเรา ”

“ข้ายินดีแก้ปัญหานี้ให้กับท่านพี่ ” ฟางหยวนตกลงก่อนจะรับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลและตรวจสอบมัน

ทัศนคติของฟางหยวนทำให้วูหยงพอใจมาก

ฟางหยวนตรวจสอบข้อมูลและเข้าใจรายละเอียด

หลังจากเยี่ยนฮวงเอาชนะวูอวี้ป๋อและได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่จากตระกูลเซี่ย กองกำลังอื่นๆเริ่มเลียนแบบการกระทำของตระกูลเซี่ยและสร้างปัญหาให้กับตระกูลวู

ขณะที่ตระกูลเซี่ยยังไม่หยุดสร้างปัญหา  ครั้งนี้พวกเขาเล็งเป้าไปที่ยอดเขาเยือกแข็ง  เดิมทียอดเขาลูกนี้เป็นของผู้บ่มเพาะสันโดษ  แต่เขาร้องขอการคุ้มครองจากตระกูลวู  หลังจากเจรจาต่อรอง  ผู้บ่มเพาะสันโดษต้องส่งมอบสถานที่แห่งนี้ให้กับตระกูลวูเป็นเวลาหลายร้อยปี

เมื่อเวลาผ่านไป  ผู้บ่มเพาะสันโดษผู้นี้เสียชีวิตจากภัยพิบัติ  ยอดเขาเยือกแข็งจึงตกเป็นของตระกูลวูอย่างเป็นทางการและกลายเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของตระกูลวู

อย่างไรก็ตามตอนนี้ตระกูลเซี่ยกลับบอกว่าพวกเขาพบลูกหลานของผู้บ่มเพาะสันโดษผู้นั้น

ทายาทของผู้บ่มเพาะสันโดษต้องการให้ตระกูลวูคืนยอดเขาเยือกแข็ง  นี่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลและมีหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธ

พวกเขาพยายามนำยอดเขาเยือกแข็งกลับคืนและสร้างความโกลาหลขึ้น

‘ทายาทของผู้บ่มเพาะสันโดษเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์แต่เขากลับกล้าท้าทายตระกูลวู’

‘ตระกูลเซี่ยมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่มากมาย  พวกเขาเก่งเรื่องการวางแผน ’

‘แต่คราวนี้ข้าต้องปกป้องยอดเขาเยือกแข็ง  นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับข้าที่จะแสดงความสามารถ  วูหยงไม่ต้องการให้ข้าไปยังค่ายกลวิญญาณเพราะเขาเกรงว่าข้าจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์’

ฟางหยวนได้รับภารกิจแต่ยังไม่รีบร้อนออกเดินทาง

เขารู้ว่าแม้เขาจะแข็งแกร่งแต่วิธีการของเขาไม่สามารถเปิดเผย  ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์มีพลังป้องกันที่ดีแต่มันยังขาดวิธีการโจมตี โชคดีที่เขาพึ่งได้รับวิญญาณอมตะความคิดวัชระ  แต่เขายังต้องคิดค้นท่าไม้ตายใหม่

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงอยู่ในบ้านของเขาและพัฒนาท่าไม้ตายอมตะเป็นเวลานับสิบวัน

นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่สงบสุข

ตระกูลเซี่ยเห็นตระกูลวูไม่เคลื่อนไหวและกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตระกูลวูเผชิญหน้ากับแรงกดดันครั้งใหญ่  วูหยงกระตุ้นฟางหยวนแต่เขายังนิ่งเฉย

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ”

“หากเราไม่ปรากฏตัว  ตระกูลเซี่ยก็ไม่สามารถยึดยอดเขาเยือกแข็งด้วยกำลัง ”

“ตระกูลเซี่ยทำให้เกิดความโกลาหล ? ไม่มีปัญหา  ปล่อยให้พวกเขาจัดฉากไป  พวกเราไม่จำเป็นต้องหวั่นไหว ”

“จงมั่นคง  เมื่อข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่ในทะเลตะวันออก  ข้าได้เรียนรู้ว่านี่คือหมายความของชีวิต ”

“ไม่ รีบ  ช้าลงผลลัพธ์จะดีขึ้น ”

ฟางหยวนให้เหตุผลมากมาย

ท้ายที่สุดแม้แต่วูหยงยังวิตกกังวล  วูอี้ไห่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากนักแต่วูหยงแตกต่างออกไป

“เรื่องของตระกูลเป็นเรื่องของข้า ”

“ในเมื่อเรื่องนี้ถูกมอบหมายให้ข้าแล้ว  ข้าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน  ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง  ท่านพี่  ข้าจะตอบสนองความคาดหวังของท่าน ”

ฟางหยวนยังทำสิ่งต่างๆในแบบฉบับของเขา

วูหยงไม่มีทางเลือกเพราะเขาไม่มีผู้อมตะคนอื่นที่สามารถส่งออกไป

เพียงเมื่อฟางหยวนประสบความสำเร็จในการอนุมานและทดลองท่าไม้ตายใหม่ เขาจึงเริ่มออกเดินทาง

วูหยงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตระกูลเซี่ยติดตามความเคลื่อนไหวของตระกูลวูตลอดเวลา  เมื่อฟางหยวนออกเดินทาง  พวกเขาก็ได้รับข่าวนี้ทันที

บนยอดเขาเยือกแข็ง

“ตระกูลวูส่งวูอี้ไห่ออกมา ” ผู้อมตะระดับหกเซี่ยจ้าวโม่กล่าว

“ยอดเขาเยือกแข็งมีคุณค่าเทียบเท่าหุบเขาจันทรา  ตระกูลวูไม่ได้ส่งวูอวี้ป๋อหรือวูเจิ้นมาที่นี่งั้นหรือ ? นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่แย่มาก ” ผู้อมตะระดับเจ็ดเซี่ยเฟยกุ้ยรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เซี่ยจ้าวโม่กล่าว  “ตระกูลวูไม่สามารถส่งผู้ใดออกมาได้อีก  วูอวี้ป๋อเป็นคนหยิ่งยโส  หลังจากพ่ายแพ้ต่อเยี่ยนฮวง  เขาปิดประตูฝึกตน  สำหรับวูเจิ้น  เขายุ่งอยู่กับการปกป้องยอดเขาวิหคเพลิง  แล้วเขาจะจากมาได้อย่างไร ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า  วูหยงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งวูอี้ไห่ออกมา  พลังการต่อสู้ของคนผู้นี้เป็นอย่างไร ?” เซี่ยเฟยกุ้ยถาม

เซี่ยจ้าวโม่ตอบ  “พลังการต่อสู้ของเขายังไม่แน่ชัด  เขาเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่ในทะเลตะวันออก  มีข้อมูลน้อยเกินไป  แต่เขาสามารถหลบหนีจากการคุกคามและกลับถึงตระกูลวูได้อย่างปลอดภัย  เขามีความสามารถในการป้องกันตัว  ก่อนหน้านี้เขาช่วยวูอวี้ป๋อด้วยการเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์  ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถรับมือท่าไม้ตายอมตะความคิดกระจัดกระจายของท่านเซี่ยชิงกัง”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้  เขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่น  “เต่าพยากรณ์มีความสามารถในการป้องกันวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา  สำหรับเขา  ข้าอาจไร้ประโยชน์  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ”

เซี่ยจ้าวโม่เป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญา  ขณะที่เซี่ยเฟยกุ้ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งแสง

คนหลังหัวเราะ  “วูอี้ไห่นิ่งเฉยมานาน  เขาไม่มีความมั่นใจ  อย่ากังวล  ข้าจะกำหราบคนผู้นี้  หลังจากที่เรายึดครองยอดเขาเยือกแข็ง  ตระกูลเซี่ยจะสามารถขยายอิทธิพล  นี่ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด