Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1330 ไม่สามารถแก้ไข

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1330 ไม่สามารถแก้ไข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1330 ไม่สามารถแก้ไข

แปลโดย  iPAT   

ค่ายกลวิญญาณหยาดเหงื่อแห่งปัญญา

จื่อซานจัดตั้งค่ายกลนี้ขึ้นอีกครั้งและพยายามแก้ปัญหา

แต่คราวนี้เขาพบกับความท้าทายที่คาดไม่ถึง

ยาก  มันยากมาก ! กระทั่งสองรอบแรกรวมกันและคูณด้วยสิบก็ไม่สามารถจับคู่กับสิ่งนี้

จื่อซานรู้สึกเหมือนเด็กที่พยายามปีนขึ้นภูเขาสูง

‘ความยากลำบากนี้ …ไม่แปลกใจเลยที่วูอี้ไห่มีความมั่นใจมาก !’

‘มันเกี่ยวข้องกับค่ายกลวิญญาณสองส่วนแรก ’

‘ไม่  ข้าต้องใช้โอกาสนี้ทำลายชื่อเสียงของวูอี้ไห่  ข้าต้องทำให้เขายอมรับว่าเขาด้อยกว่าข้าต่อหน้าเทพธิดาซื่อหลิว !’

หลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืนดวงตาของจื่อซานก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนกำลังคิด

‘ความยากนี้มันควรจะเกินขีดความสามารถของปรมาจารย์ ’

ไม่นานมานี้ฟางหยวนได้รับความช่วยเหลือจากจื่อซาน  เขาสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบค่ายกลวิญญาณของถ้ำขดด้าย  นั่นเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะประสบความสำเร็จ  ฟางหยวนกลับพบปัญหาที่ไม่เคยพบมาก่อน

หากปัญหาแรกคือหลุม  ปัญหาที่สองคือเนินดิน  อุปสรรคสุดท้ายก็คือภูเขาสูง

ด้วยการปีนขึ้นไปบนยอดเขา  เขาจะสามารถแก้ปัญหานี้

แต่อุปสรรคนี้เกินความคาดหมายของฟางหยวนไปไกลมาก

‘จากการประเมินเบื้องต้นของข้า  หากสามารถแก้ปัญหานี้  ค่ายกลวิญญาณจะเพิ่มผลผลิตแมงมุมหน้าคนอีกสองหรือสามเท่า ’

มันจะกลายเป็นแปดเท่าจากจุดเริ่มต้น

ความก้าวหน้านี้น่ากลัวมาก  หากค่ายกลวิญญาณนี้ประสบความสำเร็จ  ผลประโยชน์ของเขาจะบรรลุถึงระดับที่น่ากลัวมาก

นี่เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมแต่มันยังมีอุปสรรคสำคัญ

แม้สองขั้นตอนแรกจะประสบความสำเร็จ  แต่ขั้นตอนนี้เขาไม่สามารถทำสิ่งใด

หลายวันต่อมาค่ายกลวิญญาณหยาดเหงื่อแห่งปัญญาก็หยุดทำงาน

ใบหน้าของจื่อซานกลายเป็นซีดขาว

สายตาของเขาล่องลอยและไร้แสงสว่าง

“บัดซบ !” เส้นผมของเขายุ่งเหยิงเหมือนวัชพืช  การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด  เขากัดฟันแน่นและสาปแช่ง

แม้เขาจะทุ่มสุดตัวแต่มันก็ยังไม่สำเร็จ

ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่สามารถเอาชนะฟางหยวนและสิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือเฉียวซื่อหลิวรู้เกี่ยวกับการท้าทายครั้งนี้ขณะที่จื่อซานได้โอ้อวดว่าตนเองจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน

หากเขาล้มเหลว  ลืมเรื่องวูอี้ไห่ไปได้เลย  แต่หลังจากนี้เขาจะกล้าเผชิญหน้ากับเฉียวซื่อหลิวได้อย่างไร ?

จื่อซานรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่คาดคิด

เขากินและพักผ่อนอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับไปคิดวิเคราะห์อีกครั้ง

ตระกูลจื่อตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคใต้

ตระกูลหยางเป็นเพื่อนบ้านของตระกูลจื่อ

ขณะที่ตระกูลหยางอยู่ติดกับตระกูลวูและกำลังเกิดข้อพิพาทกับตระกูลวูเนื่องจากวิญญาณอมตะป่า

ตระกูลจื่อ  ตระกูลหยาง  ตระกูลวู

ตามกฎพื้นฐาน  ผูกมิตรกับคนที่อยู่ห่างไกลและเป็นศัตรูกับคนที่อยู่ใกล้  ตระกูลจื่อและตระกูลวูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา

ในเวลานี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกส่งไปยังผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยู

จื่อชิวหยุมองและขมวดคิ้ว

ข้อมูลนี้ไม่ได้กล่าวถึงผู้ใดนอกจาการต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับจื่อซานในค่ายกลวิญญาณ

จื่อกุ้ยเกรงว่าความขัดแย้งระหว่างฟางหยวนและจื่อซานจะบานปลาย  เขาจึงต้องรายงานเรื่องนี้กับจื่อชิวหยู

ด้วยวิธีนี้แม้สถานการณ์จะเลวร้ายลง  ความรับผิดชอบของจื่อกุ้ยก็จะลดลง

จื่อชิวหยูเบี่ยงเบนความสนใจบางส่วนไปที่ความขัดแย้งนี้ขณะที่เขายังจัดการปัญหาทางการเมืองที่ซับซ้อนของตระกูลต่อไป

ทั้งสองฝ่ายต่างมีสถานะพิเศษ  หากจัดการไม่เหมาะสม  มันอาจเกิดปัญหาใหญ่

‘จื่อซานกำลังมีปัญหา  ปัญหาของค่ายกลวิญญาณนี้ ..เกินความสามารถของปรมาจารย์ ’

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบันทึกปัญหาที่สามของฟางหยวนเอาไว้

จื่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล  เขาสามารถระบุความยากของปัญหาด้วยการกวาดตามอง

‘รวมกับปัญหาสองข้อแรก  วูอี้ไหกำลังพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อบ่มเพาะทรัพยากร  แต่คนที่สร้างค่ายกลวิญญาณนี้โลภมากเกินไป  พวกเขามีระดับความสำเร็จไม่เพียงพอและไม่สามารถสังเกตเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่’

‘หากข้าไม่กล่าวสิ่งใด  ด้วยธรรมชาติที่ดื้อรั้นของจื่อซาน  เขาจะค้นคว้าต่อไป  บางทีมันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหรือกระทั่งถึงตาย ’

‘นี่เป็นแผนของตระกูลวูหรือไม่ ?’

‘พวกเขาเห็นศักยภาพของจื่อซาน  ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามกำจัดความหวังในอนาคตของเรางั้นหรือ ?’

‘ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลวู  มันไม่น่าจะเป็นไปได้  แต่ข้าก็ไม่สามารถประมาท ’

จื่อชิวหยูคิดและพึมพำ  “ดูเหมือนข้าต้องทำบางสิ่ง ”

ครู่ต่อมาจื่อกุ้ยก็ไปพบจื่อซานและนำวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากจื่อชิวหยูมาด้วย

“นี่คือคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง  ข้าต้องมอบวิญญาณอมตะดวงนี้ให้เจ้า ” จื่อกุ้ยกล่าว

จื่อซานรับวิญญาณอมตะด้วยสายตาว่างเปล่า  หลังจากอ่านข้อความ  การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป  เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ  “นี่คือมรดกอมตะที่ถูกทิ้งไว้โดยตู้หยวน  ค่ายกลวิญญาณธาตุทั้งสี่ของเขาพิเศษมาก  แต่เขาไม่เป็นที่รู้จักมากนัก  ข้าเคยขอมรดกอมตะนี้จากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งมาหลายครั้งแต่ท่านไม่เคยมอบมันให้ข้า!”

จื่อซานตื่นเต้นมาก  เขามองเข้าไปในมรดกอมตะโดยไม่สนใจโลกภายนอก

เมื่อเขาได้สติอีกครั้งมันก็เป็นยามดึกแล้ว

“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ  หือ  ผู้อาวุโสจื่อกุ้ยจากไปเมื่อใด ? ลืมไปมันซะ ” ดวงตาของจื่อซานส่องประกายเจิดจ้า

มรดกที่แท้จริงของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม นี่คือสิ่งที่จื่อซานต้องการมากที่สุดในยามนี้

จื่อซานเต็มไปด้วยความชื่นชมและกตัญญูต่อจื่อชิวหยู

“ดังนั้นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งก็คอยสังเกตข้ามาตลอด ”

“ท่านเห็นว่าข้ากำลังมีปัญหา  ท่านจึงช่วยข้า ”

“นี่เป็นการโกงหรือไม่ ?”

“ไม่  ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งไม่ได้ช่วยข้าโดยตรง  ท่านเพียงมอบมรดกที่แท้จริงให้ข้า  แรงบันดาลใจในการแก้ปัญหายังเป็นความคิดของข้า ”

“ถูกต้อง  เป็นเช่นนั้น  เอาล่ะ  ข้าเสียเวลาไปมากแล้ว ”

จือซานตื่นเต้นมาก  เขาใช้ค่ายกลวิญญาณหยาดเหงื่อแห่งปัญญาอีกครั้ง

สองวันผ่านไปค่ายกลวิญญาณหยาดเหงื่อแห่งปัญญาก็หยุดทำงานขณะที่จื่อซานเดินออกมาด้วยความโกรธ

“ดังนั้นปัญหานี้ก็ไม่สามารถแก้ไข !”

“วูอี้ไห่  เจ้ากล้าหลอกลวงข้า !”

“เจ้าเล่ห์นัก !”

“โชคดีที่ข้าสามารถเปิดเผยความจริงนี้ด้วยคำแนะนำจากผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จื่อซานก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ  เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายวันแต่สุดท้ายเขากลับตระหนักว่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไข

จื่อซานรู้สึกว่าวูอี้ไห่ใช้ลูกไม้กับเขา  นี่ทำให้เขาโกรธมาก

แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะ  “ถูกต้อง  ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไข  ตราบเท่าที่ข้าเปิดเผยความจริงข้อนี้  ข้าจะชนะ  อันที่จริงข้าสามารถบอกเทพธิดาซื่อหลิวเกี่ยวกับเรื่องนี้และทำให้วูอี้ไห่จอมหลอกลวงต้องอับอาย”

จื่อซานดำเนินการทันทีโดยส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลสองดวงออกไป

ฟางหยวนได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลสองหนึ่ง

หนึ่งจากจื่อซานและอีกดวงจากเฉียวซื่อหลิว

ไม่ใช่เรื่องคาดไม่ถึงที่เฉียวซื่อหลิวจะส่งจดหมายมาหาเขา  แต่หลังจากอ่านจดหมาย  เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย

แต่เมื่อเขาอ่านจดหมายของจื่อซาน  เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“จื่อซานผู้นี้ฉลาดขึ้นแล้ว  เขาส่งจดหมายไปหาเฉียวซื่อหลิวและตำหนิข้า  มันเป็นการป้องกันไม่ให้ข้าตอบโต้  เขาพัฒนาขึ้นแล้วจริงๆ ”

รอยยิ้มของฟางหยวนหายไป

หลังจากทั้งหมดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง

ค่ายกลวิญญาณของเขาไม่มีวิธีแก้ปัญหา

นี่เป็นสถานการณ์ทั่วไป

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตาย  เคล็ดลับการหลอมรวม  หรือค่ายกลวิญญาณ  มีโอกาสที่พวกมันจะเป็นไปไม่ได้และไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จ

ปัญหาบางอย่างเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกแต่บางอย่างก็ไม่ชัดเจน

โดยเฉพาะค่ายกลวิญญาณ  มันใช้วิญญาณมากเกินไป  มันซับซ้อนเกินไป

“แนวความคิดในการเพิ่มผลผลิตแปดเท่าของข้าเป็นความคาดหวังที่สูงเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ ”

“เมื่อมันไม่สามารถแก้ไข  ข้าก็ทำได้เพียงละทิ้งมันและหาวิธีดัดแปลงเท่านั้น ”

“แต่ตอนนี้ลืมมันไปก่อน ”

“ตั้งแต่ข้าแพ้การท้าทาย  ข้าควรเชิญจื่อซานมาที่นี่  คนผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ ”

จื่อซานไม่ได้คิดมาก  เขาตกลงมางานเลี้ยงทันที

ทัศนคติของเขาแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

แรกเริ่มเขาคิดว่าฟางหยวนยโสมาก  ดังนั้นจื่อซานจึงปฎิเสธที่จะรับคำเชิญ  แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ชนะ  เขารู้สึกว่านี่เป็นงานเลี้ยงขอโทษ  ดังนั้นเขาจึงต้องการลิ้มรสชาติความหอมหวานของผู้ชนะ

เมื่อเขาพบฟางหยวน  คำกล่าวแรกของเขาก็คือ  “วูอี้ไห่  เจ้ายอมแพ้หรือยัง ?”

ฟางหยวนลูบจมุกและยิ้ม  “แน่นอน  เจ้าเป็นอัจฉริยะ  แล้วเหตุใดข้าจะไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ ?”

จื่อซานตะลึง  เขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะกล่าวเช่นนี้  เขายอมรับความพ่ายแพ้อย่างตรงไปตรงมา !

ก่อนหน้านี้เขาคิดถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากมายและวิธีจัดการกับข้อแก้ตัวของฟางหยวน

แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับยอมรับความพ่ายแพ้โดยตรง  เขายอมแพ้ !

จื่อซานรู้สึกพูดไม่ออก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด