Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1331 จบเรื่องจื่อซาน

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1331 จบเรื่องจื่อซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1331 จบเรื่องจื่อซาน

แปลโดย  iPAT   

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น

ในห้องโถงเล็กๆมีเพียงฟางหยวน  วูอัน  และจื่อซาน  วูอันไร้นัยสำคัญ  มีเพียงฟางหยวนและจื่อซานเท่านั้นที่พูดคุยกัน

ฟางหยวนดื่มให้จื่อซานด้วยรอยยิ้ม  เขาแสดงความชื่นชมและยกย่องความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของจื่อซานอย่างมาก

เมื่อฟางหยวนยอมรับความพ่ายแพ้  จื่อซานจะกล้าสร้างปัญหาให้เขาอีกได้อย่างไร ?

จื่อซานเป็นคนตรงไปตรงมาและขาดประสบการณ์ในการเข้าสังคมอย่างสิ้นเชิง

เขาประเมินฟางหยวนในมุมที่ต่างออกไป

‘วูอี้ไห่ผู้นี้ค่อนข้างเป็นมิตร  เกิดสิ่งใดขึ้นก่อนหน้านี้ ? เขาพยายามทำให้ข้าโกรธหรือเขาต้องการสิ่งใดจากข้า ?’ จื่อซานคิด

“ข้าจะไม่ปิดบัง  จื่อ ซาน  คนที่มีความสามารถเช่นเจ้าคือคนที่ข้าชื่นชอบมากที่สุด !” ฟางหยวนหัวเราะและยกถ้วยสุราขึ้น

จื่อซานยกถ้วยขึ้นและดื่มกับฟางหยวน

คำกล่าวของฟางหยวนน่าพอใจมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นถ้อยคำจากคู่แข่งความรัก คำชมดังกล่าวทำให้จื่อซานสามารถดื่มด่ำกับความสำเร็จของตน

‘ไม่ !’

‘ข้าต้องระวังตัว !’

‘วูอี้ไห่อาจกำลังแสดงละคร  เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก !’

จื่อซานระวังตัวมากขึ้นแต่รอยยิ้มของฟางหยวนก็เต็มไปด้วยความจริงใจ

ฮ่าฮ่า  อย่าลืมทักษะการแสดงของฟางหยวน  และยิ่งไม่ควรลืมวิญญาณทัศนคติ

“จื่อซาน  ลองดูนี่ ” ฟางหยวนส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจื่อซาน

“มันคือสิ่งใด ?” จื่อซานพึมพำ  เมื่อเขาตรวจสอบ  การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที

ปรากฎว่านี่คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ฟางหยวนกำลังจะส่งไปหาเฉียวซื่อหลิว ในจดหมาย  เขายกย่องจื่อซานเป็นอย่างมาก  เขายอมรับว่าตนเองด้อยกว่า  การใช้ปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกลท้าทายจื่อซานเป็นการประเมินตนเองที่สูงเกินไป เขาเป็นคนโง่เขลาอย่างแท้จริงและมองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน

หลังจากจื่อซานเห็นจดหมายฉบับนี้  เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย

คำชมของฟางหยวนเกินจริงไปมาก

‘ข้าดีถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ ?’

‘วีรบุรุษของภาคใต้  เหตุใดข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ?’

‘เทพธิดาซื่อหลิวจะคิดอย่างไรหลังจากได้รับจดหมายฉบับนี้ ?’

ความคิดทุกประเภทปะทุขึ้นในใจของจื่อซานอย่างไม่สามารถควบคุม

เมื่อเขามองฟางหยวนอีกครั้ง  สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว

“จื่อซาน  ทั่วทั้งโลกผู้อมตะของภาคใต้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติคู่ควรกับเทพธิดาซื่อหลิว ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าอย่างแท้จริง !” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง

“โอ้ ?” จื่อซานไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด  ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขแต่เขายังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง  “แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้  เป็นเรื่องธรรมดาที่บุรุษจะไล่ตามหญิงงาม  แม้ข้าจะมีความสามารถด้อยกว่าเจ้า  แต่ข้าจะทำงานให้หนักขึ้น  เจ้าชนะครั้งนี้  แต่เราจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรมอีกครั้งในอนาคต ! เจ้าคิดอย่างไร ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้  ความสงสัยทั้งหมดของจื่อซานก็ถูกปัดเป่าออกไป  เขายกถ้วยสุราให้ฟางหยวนเป็นครั้งแรก  “แน่นอน  การแข่งขันที่ยุติธรรม ! การแข่งขันระหว่างบุรุษควรจะยุติธรรมและตรงไปตรงมา !”

เขาปฏิบัติต่อฟางหยวนราวกับคู่แข่งที่เท่าเทียม

ฟางหยวนหัวเราะและตบไหล่จื่อซาน  “กล่าวตามตรง  ข้าเกลียดคู่แข่งคนอื่นๆ  แต่เจ้าแตกต่างออกไป  เจ้ามีความสามารถและตรงไปตรงมา  ข้ารู้สึกชื่นชมจากใจจริง  หากเจ้าได้รับความรักจากเทพธิดาซื่อหลิว  ข้าจะอวยพรพวกเจ้าเพราะข้ารู้ว่าข้าไม่ได้แพ้อย่างอยุติธรรม  สำหรับคนอื่นๆ  พวกเขาเป็นเพียงตัวตลก ”

จื่อซานรู้สึกเขินอายที่ได้รับชมมากมาย  เขายกมือขึ้นถูจมูกและกล่าว  “แท้จริงแล้วบางคนค่อนข้างมีความสามารถ ”

“มิตรภาพมักเกิดขึ้นหลังการต่อสู้  มาดื่มกันเถอะ !” ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้น

จื่อซานแสดงออกอย่างเปิดเผยมากขึ้น  “ดื่ม !”

เขาเงยศีรษะและดื่มสุราจนหมดถ้วยในครั้งเดียว

นอกจากนั้นเขายังเรอออกมาด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง

“เยี่ยม !” ฟางหยวนยกนิ้วให้และรินสุราให้จื่อซานอีกครั้ง

เขายิ้มอย่างจริงใจและเป็นมิตรมาก

แต่ความจริงคือในใจของฟางหยวนยังสงบนิ่ง  เขากำลังคิดถึงข้อมูลของจื่อซาน

การรวบรวมข้อมูลของตระกูลวูไม่สามารถดูแคลน

ฟางหยวนรู้มานานแล้วว่าจื่อซานเป็นศิษย์สายตรงที่จื่อชิวหยูดูแลมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก

จื่อซานเป็นที่รู้จักกันในฐานะความหวังในอนาคตของตระกูลจื่อ

เขาถูกส่งตัวไปยังภูเขาหมื่นอสรพิษและศึกษาเรียนรู้อยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามสิบปี

เมื่อเขาอายุสี่สิบ  เขาออกมาและกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามที่เหนือกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับสี่และห้า ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาทำให้ตระกูลจื่อทั้งหมดตกตะลึง

ตระกูลจื่อต้องการมอบชื่อเสียง  เงินทอง  และหญิงงามให้เขา  แต่เขาปฏิเสธทั้งหมด  คำขอเดียวของเขาคือกลับไปเรียนรู้บนภูเขาหมื่นอสรพิษ

จื่อชิวหยูอนุญาตตามคำร้องของจื่อซาน  เขายังสร้างที่พักและมอบบริวารให้จื่อซานอีกด้วย

จื่อซานหมกหมุ่นอยู่กับการเรียนรู้ของเขาต่อไปราวกับมันเป็นความสุขเดียวในชีวิตของเขา

เมื่อเส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและอายุขัยของเขากำลังจะสิ้นสุดลง จื่อชิวหยูไปหาเขาและถามเขาว่า  “ในชีวิตนี้เจ้ามีเรื่องเสียใจหรือไม่ ? เจ้ามีคำขอใดก่อนตายหรือไม่ ?”

จื่อซานร้องไห้เสียงดัง  “ชีวิตสั้นเกินไป  ร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าต้องการเรียนรู้  แล้วข้าจะพักผ่อนอย่างสงบสุขได้อย่างไร ? นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ”

จื่อชิวหยูถอนหายใจด้วยความชื่นชมและมอบวิญญาณอายุยืนให้เขา

จื่อซานรับมันมาและสามารถต่ออายุขัยของตนเอง

จื่อชิวหยูพูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกลกับเขาเป็นเวลาสามวันสามคืนและสามารถยืนยันว่าจื่อซานเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลจื่อ เขาจะกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลในอนาคต !

จื่อชิวหยูเลี้ยงดูจื่อซานด้วยทรัพยากรมากมาย

ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูล  ระดับการบ่มเพาะของจื่อซานพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  เขากลายเป็นผู้อมตะในเวลาไม่กี่สิบปีต่อมา  สุดท้ายยังบรรลุถึงระดับเจ็ด

แม้เขาจะกลายเป็นผู้อมตะแต่นิสัยของเขาไม่เคยเปลี่ยน

เขายังหมกหมุ่นอยู่กับเส้นทางแห่งค่ายกลและเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาปิดประตูฝึกตนเป็นเวลานับทศวรรษในแต่ละครั้ง

สิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือเขาชื่นชอบเฉียวซื่อหลิวเป็นอย่างมาก

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป  ผู้คนตระกูลจื่อต่างตกตะลึง  ผู้ใดจะคิดว่านอกจากเส้นทางแห่งค่ายกล  จื่อซานยังชอบหญิงงาม !

หลังจากได้รับข้อมูลจากตระกูลวู  ฟางหยวนรู้สึกว่าจื่อซานเป็นคนที่น่าสนใจ

ด้วยข้อมูลเหล่านี้  เขาจึงใช้วิธีพิเศษเพื่อจัดการจื่อซาน

ฟางหยวนไม่ได้ไปพบจื่อซานตั้งแต่แรก  นั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขา  เขาจงใจใช้ปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกลท้าทายจื่อซาน  นั่นคือแผนการขั้นที่สอง  และขั้นที่สามคืองานเลี้ยงครั้งนี้

การแสดงออกของจื่อซานไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของฟางหยวน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของฟางหยวนทั้งหมด

ไม่นานมานี้เฉียวซื่อหลิวยังส่งจดหมายมาหาฟางหยวนตามความคาดหวังของเขาเช่นกัน ในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้อง  เฉียวซื่อหลิวต้องแสดงทัศนคติของนางอย่างชัดเจน

แม้นางจะไม่ได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาในจดหมาย  แต่ในจดหมายนางกล่าวถึงการพบกันครั้งแรกของนางกับจื่อซาน

ตามคำกล่าวของเฉียวซื่อหลิว  ย้อนกลับไปนางไปเยี่ยมตระกูลจื่อตามคำสั่งของตระกูลเฉียว  นางได้รับการต้อนรับโดยผู้อมตะจื่อพ่าง  นายน้อยของตระกูลจื่อ

แต่จื่อพ่างกลับเกี้ยวพาราสีเฉียวซื่อหลิวโดยใช้บทกวีบางบท

หากเป็นช่วงเวลาปกติเฉียวซื่อหลิวอาจไม่โกรธ  แต่ในเวลานั้นนางไปในฐานะทูตของตระกูลเฉียว  การกระทำของจื่อพ่างถือว่าไม่เคารพต่อตระกูลเฉียว  เฉียวซื่อหลิวจึงรู้สึกไม่พอใจ

เพื่อจัดการจื่อพ่าง  เฉียวซื่อหลิวจงใจเข้าใกล้จื่อซาน

จื่อพ่างเป็นบุตรชายของจื่อชิวหยูซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ เขามีอำนาจเป็นอันดับสองในตระกูล  ไม่มีผู้ใดกล้าล้อเล่นกับเขายกเว้นจื่อซาน

จื่อซานไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น  แรกเริ่มเขาไม่สนใจเฉียวซื่อหลิว  แต่นางจงใจพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกลและกระทั่งกล่าวถึงวิธีบนเส้นทางแห่งค่ายกลของตระกูลเฉียว

นั่นทำให้จื่อซานรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้เฉียวซื่อหลิวจึงสามารถใช้จื่อซานจัดการจื่อพ่าง  จื่อพ่างไม่สามารถทำสิ่งใดและทำได้เพียงขอโทษเฉียวซื่อหลิวอย่างลับๆ

เฉียวซื่อหลิวเสร็จสิ้นภารกิจของตระกูลและกลับบ้านของนางพร้อมกับจื่อซาน

จดหมายของเฉียวซื่อหลิวทำให้ฟางหยวนได้รับข้อมูลสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับตระกูลจื่อ

‘ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อมีอายุขัยจำกัด  เขาไม่สามารถใช้วิญญาณอายุยืนได้อีกต่อไป  แต่บุตรชายของเขาจื่อพ่างไร้ความสามารถ ’

‘จื่อชิวหยูเข้าใจความสามารถของจื่อพ่างอย่างชัดเจน  แต่เขายังต้องการผลักดันให้บุตรชายของตนกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อต่อไป ดังนั้นเขาจึงลงทุนกับจื่อซาน ’

‘ตราบเท่าที่จื่อซานอยู่ข้างกายจื่อพ่าง  จื่อพ่างจะมีโอกาสยึดครองตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ’

‘ระบบตระกูล  ฮ่าฮ่า ’

จดหมายของเฉียวซื่อหลิวแสดงให้เห็นถึงปัญหาภายในของตระกูลจื่อ

มันยังทำให้ฟางหยวนได้รับคำตอบบางอย่างเกี่ยวกับอัจฉริยะจื่อซานผู้นี้

“วูอี้ไห่  ให้ข้าดื่มให้เจ้า !” จื่อซานยกถ้วยสุราให้ฟางหยวน

จื่อซานกล่าวต่อ  “เจ้าเป็นคนจริงใจมาก  หากเทพธิดาซื่อหลิวเลือกข้า  เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจมากนัก  เจ้ามีความสามารถมาก  มีผู้หญิงอีกมากมายบนโลกใบนี้  แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เรียนรู้เกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกล !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด