Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1425 กระอักเลือด

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1425 กระอักเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางหยวนพุ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ

 

แน่นอนว่าเขาอยู่ในชุดคลุมที่ส่องแสงระยิบระยับ

 

เกราะหวนคืน!

 

‘ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง’ ฟงจิวเก้อลอบถอนหายใจ เขาไม่สามารถทำลายท่าไม้ตายนี้

 

ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงเลือกที่จะล่าถอย

 

เขาสร้างระยะห่างออกจากฟางหยวน

 

‘เกราะหวนคืนใช้พลังจิตมากเกินไป ระหว่างนี้ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอื่น แม้เขาจะมีท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหว แต่เขาก็ไม่สามารถใช้งานมัน นั่นหมายความว่านอกจากการป้องกัน ในแง่มุมอื่น เขาธรรมดามาก’

 

ฟงจิวเก้อคิดและเผยรอยยิ้มมั่นใจ

 

ฟางหยวนไม่สามารถไล่ตามฟงจิวเก้อ

 

ขณะเดียวกันฟงจิวเก้อก็ยังไม่หยุดคิด ‘เหตุใดฟางหยวนถึงอยู่เพียงลำพัง?’

 

ตอนนี้ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆไม่อยู่ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิม

 

‘แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ไม่มีความหวังที่จะชนะ แม้เขาจะมีการป้องกันที่ดี เขาก็เป็นเพียงกระสอบทรายเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการเคลื่อนไหว เขายังด้อยกว่าข้า การต่อสู้อยู่ในการควบคุมของข้าทั้งหมด’

 

‘ไม่ ฟางหยวนไม่ได้โง่เขลา เขาต้องมีแผนอื่น’

 

ฟงจิวเก้อไม่ประมาท เขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น

 

เมื่อฟางหยวนเข้ามาใกล้ ฟงจิวเก้อจะถอยออกไป

 

“ฟงจิวเก้อ เจ้าไล่ล่าข้ามาถึงที่นี่เพื่อที่จะหลบหนีงั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยัน

 

รอยยิ้มของฟงจิวเก้อจางหายไป ‘มีประเด็นในการเย้ยหยันข้าหรือไม่? ฟางหยวน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้เกราะหวนคืน เมื่อเวลาผ่านไป พลังจิตและพลังงานอมตะของเจ้าจะหมดลง วิธีการที่ทรงพลังย่อมมีค่าใช้จ่ายมหาศาล’

 

ฟงจิวเก้อเหนือกว่าฟางหยวนทั้งด้านความเร็วและกลยุทธ์ในการต่อสู้

 

การต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมาก

 

ในการต่อสู้ครั้งก่อน พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่คราวนี้มันกลายเป็นการไล่ล่าและหลบหนี นอกเหนือจากนั้นคือความเงียบ

 

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น เขามีวิธีตอบโต้กลยุทธ์ของฟงจิวเก้อ

 

หลังจากทั้งหมดประสบการณ์ห้าร้อยปีไม่ใช่เรื่องตลก ในแง่ของประสบการณ์ เขาไม่ด้อยกว่าฟงจิวเก้ออย่างแน่นอน

 

ฟางหยวนพุ่งลงไปบนพื้น

 

ฟงจิวเก้ไม่ได้ไล่ตามแต่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและสังเกตทะเลทรายแห่งนี้

 

ครั้งก่อนที่ทะเลทรายไร้เสียง ฟงจิวเก้อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

เขาจำบทเรียนนี้ได้และทำการบ้านมาล่วงหน้า ทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษ

 

ฟางหยวนทะลวงลงไปใต้ทะเลทราย

 

ฟงจิวเก้อใช้วิธีตรวจสอบ เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาจึงใช้หมัดกลองและฝ่ามือระฆัง

 

“ปัง ปัง ปัง…”

 

“เคร้ง เคร้ง เคร้ง…”

 

หมัดกลองและฝ่ามือระฆังสร้างรูขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นทราย

 

แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขายังขุดลึกลงไปเรื่อยๆ

 

ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ยิ่งลึกลงไปเท่าใด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีก็ยิ่งหนาแน่น นั่นจะทำให้ฟงจิวเก้อกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

ในเวลาเดียวกันเขาก็สงสัย ‘ครั้งนี้ฟางหยวนมั่นใจมาก เขาเตรียมบางสิ่งไว้ที่นี่งั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขารู้ลักษณะพิเศษบางอย่างของสถานที่แห่งนี้และต้องการใช้ประโยชน์จากมัน?’

 

ฟงจิวเก้อคิดหลายสิ่งขณะที่บินลงไป

 

เขาไล่ตามฟางหยวนลงไปใต้พื้นทราย

 

เขาต้องทำ

 

เนื่องจากฟางหยวนสามารถอยู่ใต้ดินและใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อต่อต้านฟงจิวเก้อ ดังนั้นฟงจิวเก้อจึงต้องไล่ตามฟางหยวน

 

หากเขาไม่ทำ ฟางหยวนจะมีเวลาเตรียมการบางอย่างและอาจทำให้ฟงจิวเก้อตกอยู่ในอันตราย

 

นอกจากนั้นเขายังต้องบังคับให้ฟางหยวนเปิดไพ่ออกมาให้มากที่สุดและทำลายมัน

 

หมัดกลอง ฝ่ามือระฆัง!

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม

 

ปราศจากความช่วยเหลือจากทะเลทรายไร้เสียง ฟงจิวเก้อสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้อย่างเต็มที่

 

แม้แต่ใต้ดินที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีที่อุดมสมบูรณ์ ท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อก็ยังทรงพลัง

 

นี่คือข้อได้เปรียบของเส้นทางแห่งเสียง

 

ทุกเส้นทางมีข้อดีและข้อเสีย

 

เส้นทางแห่งเสียงเป็นเส้นทางสายเล็กๆแต่มันก็มีข้อได้เปรียบบางอย่าง

 

ข้อดีของมันคือเสียงสามารถเดินทางได้อย่างอิสระและมีพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกับมันไม่มาก ตัวอย่างเช่นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยน้ำ พลังอำนาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพีจะลดลงห้าสิบส่วนขณะที่พลังอำนาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเสียงจะลดลงเพียงยี่สิบถึงสามสิบส่วน

 

‘หากไม่มีเกราะหวนคืน ข้าคงทนอยู่ไม่ได้จนถึงตอนนี้’

 

‘ฟงจิวเก้อฝึกฝนมาอย่างไร? รากฐานของเขาเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร?’

 

‘ลืมเรื่องนี้ไปซะ ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว!’

 

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!

 

แสงสีเงินส่องสว่างขึ้นบนร่างของฟางหยวน แต่แสงไม่ได้กระจายตัวออกไปมากนักในชั้นใต้ดิน

 

‘หือ?’ ฟงจิวเก้อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ

 

ต่อมาดินด้านหน้าฟงจิวเก้อก็ระเบิดขึ้นขณะที่ศีรษะมังกรขนาดใหญ่โผล่ออกมา

 

ฟงจิวเก้อเหมือนหนูที่อยู่ต่อหน้าช้าง

 

‘มังกรดาบบรรพกาล! ฟางหยวน!’ รูม่านตาของฟงจิวเก้อหดเล็กลง

 

การโต้กลับของฟางหยวนฉับพลันและทรงพลังมาก

 

มังกรดาบบรรพกาลอ้าปากและยิงคลื่นแสงสีเงินออกมา

 

ลมหายใจมังกรดาบ!

 

แสงสีเงินพุ่งออกมาราวกับลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วน

 

ลมหายใจมังกรที่แหลมคมอยู่ห่างออกไปแต่ฟงจิวเก้อยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับเข็มหลายร้อยเข็มแทงมาที่ใบหน้าของเขา

 

“บึม!”

 

ลมหายใจมังกรดาบปะทะร่างของฟงจิวเก้อและทำทำลายการป้องกันของเขา

 

ลมหายใจมังกรดาบธรรมดาสามารถอยู่ได้เพียงชั่วครู่ แต่ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะความพยายามทำให้ลมหายใจมังกรดาบโจมตีได้อย่างต่อเนื่องราวกับลำแสง

 

ฟงจิวเก้อถูกบังคับให้ถอยกลับ ภายใต้การโจมตีของลมหายใจมังกรดาบ ฟงจิวเก้อบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

แต่ฟางหยวนยังเงยหน้าขึ้น

 

ลมหายใจมังกรดาบพุ่งขึ้นราวกับเสาแสงสีเงิน มันเหมือนดาบที่แทงทะลุสวรรค์

 

“มันกำลังมา!” ฟงจิวเก้อไม่สามารถยิ้มอีกต่อไป

 

เขาถอยกลับอีกครั้ง

 

ท่าไม้ตายอมตะเพลงทางผ่านแสง!

 

เขาหายตัวไปจากจุดนั้นก่อนที่จะปรากฏตัวห่างออกไปนับพันก้าว

 

ฟางหยวนหยุดลมหายใจมังกรและทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

มังกรดาบบรรพกาลสะบัดหางส่งตัวมันเองพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

 

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบช่วยเพิ่มความเร็วให้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ

 

เขาทะลวงผ่านอากาศไปด้วยความเร็วเหนือเสียงและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟงจิวเก้อทันที

 

มังกรดาบบรรพกาลอ้าปากอีกครั้งแต่คราวนี้ฟงจิวเก้อเตรียมตัวพร้อมแล้ว

 

เขาตะโกน “ไป!”

 

เขาไม่สามารถหลบ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโจมตี

 

“บึม!”

 

ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น ฟงจิวเก้อพุ่งกลับหลังราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

 

เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าของฟงจิวเก้อเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง ‘เป็นไปได้อย่างไร? เกราะหวนคืนยังทำงานอยู่งั้นหรือ?’

 

ในการต่อสู้ครั้งก่อน เมื่อฟางหยวนเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เขาไม่สามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้

 

แต่เวลานี้เกราะหวนคืนกลับสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของเขากลับไป

 

“พรวด!”

 

ฟงจิวเก้อกระอักเลือดออกมาจากปากและพยายามปรับสมดุลร่างกายกลางอากาศ

 

การโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากพลังโจมตีของฟางหยวนเท่านั้นแต่มันยังสะท้อนพลังโจมตีของฟงจิวเก้อกลับมา พลังโจมตีทั้งสองทำให้เขากระอักเลือดคำโต

 

ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาคำรามและพุ่งออกไปข้างหน้า

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเร็วเกินไป แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้อสามารถมองเห็นชั้นแสงบางๆที่ปกคลุมอยู่บนร่างของมังกรดาบบรรพกาลได้อย่างชัดเจน

 

‘มันคือเกราะหวนคืนจริงๆ!?’

 

‘เขาสามารถรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้ เขาทำได้อย่างไร?’

 

เพลงทางผ่านแสง!

 

ฟางหยวนพลาดเป้าขณะที่ฟงจิวเก้อปรากฏตัวขึ้นอีกตำแหน่ง

 

มังกรดาบบรรพกาลไม่สามารถเดินทางผ่านห้วงมิติ มันทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงเท่านั้น

 

ในทางกลับกันเพลงทางผ่านแสงอนุญาตให้ฟงจิวเก้อเคลื่อนย้ายสถานที่ได้อย่างอิสระ

 

พิจารณาในแง่มุมนี้แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่เขายังไม่สามารถแข่งขันกับเพลงทางผ่านแสงของฟงจิวเก้อ

 

เว้นเพียงฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง

 

แต่แล้วอย่างไร?

 

เพลงทางผ่านแสงมีเวลาจำกัด

 

เมื่อหมดเวลา ฟงจิวเก้อจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในแง่ของการเคลื่อนไหว

 

‘ข้าต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ขณะที่เพลงทางผ่านแสงยังทำงานอยู่’ เมื่อเห็นฟางหยวนโจมตีอีกครั้ง หัวใจของฟงจิวเก้อก็จมดิ่งลง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด