Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1485 ดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลาย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1485 ดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางหยวนมองฉินไป่อี้และโหยว่ชานด้วยสายตาเย็นชา

 

‘ดูเหมือนโลกผู้อมตะจะสงบสุขมานานเกินไป ทะเลตะวันออกเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขมานานเนื่องจากทรัพยากรที่มีอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้พวกนางจึงตกลงสู่กับดักของข้าอย่างง่ายดาย’

 

หากนี่เป็นช่วงเวลาของสงครามห้าภูมิภาค ผู้อมตะทุกคนจะตื่นตัวมาก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขามักบ่มเพาะอยู่อย่างสงบและไม่พยายามเข้าสู่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย

 

ประการแรก มิติช่องว่างของพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว

 

ประการที่สอง ผู้อมตะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนทุกประเภท การโจมตีบางคนจะดึงดูดศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ประการที่สาม ท่าไม้ตายอมตะสามารถใช้งานได้ครั้งเดียว หลังจากนั้นมันจะถูกตอบโต้

 

ความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ำ เป็นปกติที่ผู้อมตะจะไม่เข้าร่วมในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย

 

แต่สิ่งนี้แตกต่างออกไปในกรณีของฟางหยวน

 

‘ข้ามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เหตุใดข้าต้องสนใจสหายหรือเครือข่ายของเจ้า มีสิ่งใดต้องกลัวหากข้าจะสังหารเจ้า?’

 

พลังการต่อสู้และสติปัญญาคือความมั่นใจของฟางหยวน

 

หลังจากก่ออาชญากรรม อย่างมากเขาก็เพียงต้องหลบหนี

 

โลกกว้างใหญ่ กระทั่งวังสวรรค์หรือเจตจำนงสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดกับฟางหยวนในเวลานี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงส่วนที่เหลือ

 

อีกด้านหนึ่ง ฟางหยวนมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพวกนางขณะที่พวกนางไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวน

 

‘ตราบเท่าที่ข้าสังหารโหยว่ชาน ธุรกิจปลามังกรจะเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ข้าจะได้รับกำไรมหาศาล!’

 

แม้วังสวรรค์จะต้องการขัดขวางฟางหยวน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ

 

ฟางหยวนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาเหมือนอสรพิษที่ย่อยอาหารที่กลืนเข้าไปหมดแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกหิวเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามายังทะเลตะวันออกและลอบโจมตีอย่างกะทันหัน

 

เขาจับโหยว่ชานและฉินไป่อี้โดยไม่เปิดโอกาสให้พวกนางเคลื่อนไหว

 

เทพธิดาทั้งสองล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าโดยเฉพาะโหยว่ชาน นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีขณะที่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนอยู่ในระดับปรมาจารย์ เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนาง!

 

โหยว่ชานและฉินไป่อี้มองฟางหยวน ทั้งสองตระหนักได้ถึงเจตนาสังหารของเขาผสานกับความโลภและความเหี้ยมโหด สถานการณ์ของพวกนางเลวร้ายมาก หญิงทั้งสองตื่นตระหนก หัวใจของพวกนางเต้นแรง พวกนางรู้ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

ฉินไป่อี้บังคับตัวเองให้สงบลงและกล่าวกับโหยว่ชาน “เสี่ยวชาน แม้เราจะร่วมมือกัน แต่ความแข็งแกร่งของเราก็ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป เราต้องหนี”

 

ฉินไป่อี้ต้องการล่าถอย

 

นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หลังจากทั้งหมดชื่อเสียงของฟางหยวนโด่งดังมากในทั้งห้าภูมิภาค

 

โหยว่ชานและฉินไป่อี้มีชื่อเสียงในทะเลตะวันออก แต่พวกนางจะเปรียบเทียบกับฟางหยวนได้อย่างไร?

 

โหยว่ชานเห็นด้วย นางขมวดคิ้วและกล่าว “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เราติดอยู่ในท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เราจะหลบหนีได้อย่างไร?”

 

มันเป็นสนามรบที่ดูเหมือนไข่สีแดงเข้ม มีแสงดาวสีม่วงส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายในและสร้างเป็นฉากที่งดงาม แต่โหยว่ชานไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงามนี้

 

นางไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าทำลายมันและหลบหนีไป

 

ฉินไป่อี้เร่งตอบกลับ “ข้ามีวิธีเจาะทะลวงเขตแดนอมตะและสื่อสารกับโลกภายนอกเพื่อขอกำลังเสริม”

 

“ยอดเยี่ยม!” โหยว่ชานมีความสุขมาก

 

โดยปกตเมื่อคนผู้หนึ่งติดอยู่ในเขตแดนอมตะ พวกเขาจะถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง

 

มันเหมือนหอกกับโล่ หากฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า มันก็สามารถทำลายอีกฝ่าย

 

ฉินไป่อี้เป็นหนึ่งในหกเทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออกเช่นเดียวกับโหยว่ชาน หากพวกนางขอความช่วยเหลือจากภายนอก พวกนางจะได้รับการตอบรับอย่างดี แท้จริงแล้วพวกนางมีความสัมพันธ์กับผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกอยู่เล็กน้อย

 

แม้การขอความช่วยเหลือจะทำให้พวกนางติดหนี้บุญคุณ แต่ชีวิตของพวกนางกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกนางต้องให้ความสำคัญกับชีวิตของตนเองเป็นอันดับแรก

 

“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” โหยว่ชานแสดงออกอย่างแน่วแน่ นางก้าวออกไปด้านหน้า

 

ฉินไป่อี้สูดหายใจลึก เส้นผมสีดำของนางลอยขึ้นสู่อากาศขณะที่กลีบดอกไม้จำนวนมากร่วงหล่นลงมา

 

โหยว่ชานระเบิดพลังของนางออกมาเช่นกัน

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน ละอองฝนเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าและสร้างเป็นสายหมอกปกคลุมพวกนางเอาไว้

 

ฟางหยวนยืนอยู่กลางอากาศและมองดูพวกนางอย่างไม่ใส่ใจ แสงสีม่วงส่องประกายขึ้นในดวงตาของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินไป่อี้ หากเจ้าต้องการติดต่อโลกภายนอก อย่าเสียเวลา”

 

หลังกล่าวจบคำความคิดดาราสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในสนามรบ

 

แสงดาวสีม่วงทำให้ละอองฝนของโหยว่ชานและกลีบดอกไม้ของฉินไป่อี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

สนามรบของฟางหยวนเป็นเป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่และสามารถกำหราบทั้งเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางแห่งไม้

 

“เขตแดนอมตะของข้าถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะระดับแปดสามเขตแดนและท่าไม้ตายอีกสิบแปดท่าเป็นสิ่งอ้างอิง ข้าตั้งชื่อมันว่าเขตแดนดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลาย มันเป็นเพียงหนึ่งในความสามารถของข้า มันจะแยกศัตรูออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ สถานที่แห่งนี้อาจดูกว้างใหญ่ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงจุดเล็กๆจากมุมมองของโลกภายนอก แม้ผู้อมตะบางคนจะมาที่นี่ พวกเขาก็จะไม่สังเกตเห็นการคงอยู่ของเขตแดนแห่งนี้”

 

ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการแต่มันกลับทำให้หัวใจของเทพธิดาทั้งสองสั่นสะท้านขึ้น

 

ฉินไป่อี้ตกใจและไม่แน่ใจ

 

นางตกใจเพราะฟางหยวนเปิดเผยแผนการของนางออกมาโดยตรง นางไม่แน่ใจเพราะนางไม่รู้ว่าเขากล่าวเรื่องจริงหรือไม่

 

‘ยอดเยี่ยมมาก ฟางหยวนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก เขาไม่ใช่คนที่มีเพียงมัดกล้ามเนื้อแต่ไร้สมอง!’

 

ฉินไป่อี้ครุ่นคิดขณะที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ นางตระหนักว่าฟางหยวนเป็นคนที่รับมือได้ยากจริงๆ

 

หลังจากตัดสินใจ นางเลือกใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาส่วนใหญ่

 

โหยว่ชานเป็นคนแน่วแน่ นางตะโกนและผลักฝ่ามือออกไป

 

ละอองน้ำหลอมรวมกันจนกลายเป็นปลาอสูรตัวใหญ่โต

 

ท่าไม้ตายอมตะวาฬวารี!

 

ฟางหยวนโบกมือเบาๆขณะที่ละอองดาวสีม่วงร่วงหล่นลงมาและสามารถกำราบปลาอสูรรวมถึงหญิงสาวทั้งสองได้ทันที

 

อย่างไรก็ตามโหยว่ชานและฉินไป่อี้ยังอดทนต่อสู้

 

รูปร่างของปลาอสูรกลายเป็นบิดเบี้ยวแต่โหยว่ชานยังเติมมันด้วยละอองฝน

 

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรวิญญาณ!

 

ฟางหยวนเรียกอสูรวิญญาณบรรพกาลห้าตัวออกมาโจมตีเทพธิดาทั้งสอง

 

เขาไม่ได้อัญเชิญอสูรปีเพราะอสูรวิญญาณแข็งแกร่งกว่า เขามีอสูรปีบรรพกาลอยู่ในการควบคุม แต่ในเขตแดนแห่งนี้ พวกมันจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย

 

ภายในเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันจะดีกว่าหากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันเพราะความยัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า มันไม่เหมือนร่างทารกอมตะ

 

‘หลังจากนี้ข้าควรพัฒนาท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่ออัญเชิญอสูรวิญญาณออกมา วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า’

 

ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีประโยชน์มากในแง่ของการผนึกและป้องกันการอนุมาน นี่เป็นข้อได้เปรียบของเส้นทางสายนี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงพัฒนาท่าไม้ตายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นอันดับแรก

 

อสูรวิญญาณบรรพกาลดุร้ายมาก พวกมันโจมตีเทพธิดาทั้งสองอย่างดุเดือด

 

นี่ทำให้ฉินไป่อี้และโหยว่ชานตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

 

ระหว่างการต่อสู้ หัวใจของโหยว่ชานจมดิ่งลง ‘ฟางหยวนยังไม่ได้โจมตี แต่เรายังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด หากเขาโจมตีด้วยตนเอง พวกเราคงตายไปแล้ว!’

 

ฟางหยวนมองการต่อสู้อยู่ในระยะไกล

 

หลังจากเก็บตัวบ่มเพาะและฝึกฝนมานาน ตอนนี้เขามีวิธีการมากมาย เขาไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน แม้เขาจะไม่ลงมือด้วยตนเอง เขาก็ยังสามารถผลักผู้อมตะระดับเจ็ดสองคนเข้าสู่ทางตัน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด