Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1541 ความรักของฟางหยวน

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1541 ความรักของฟางหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1541 ความรักของฟางหยวน

แปลโดย iPAT  

 

“ผู้บุกรุก ตาย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนและใช้ยักษ์สวรรค์โจมตีศัตรู

 

เห็นยักษ์สวรรค์เข้ามาใกล้ กลุ่มผู้อมตะภาคกลางเร่งล่าถอยออกไปทุกทิศทาง

 

กระทั่งฟงจิวเก้อก็ยังล่าถอย

 

แต่เขาตั้งใจล่าถอยอย่างช้าๆ

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้สูงที่สุดท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง เขาเป็นผู้นำในภารกิจนี้ ชัยชนะขึ้นอยู่กับเขา เขาจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์

 

“มันคือฟงจิวเก้อแห่งนิกายคฤหาสน์วิญญาณของภาคกลาง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อตระหนักถึงตัวตนของฟงจิวเก้อ

 

ศัตรูมีเจตนาร้าย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกกดดันมาก

 

เมื่อฟงจิวเก้อปรากฏตัว นั่นหมายความว่าสิบนิกายโบราณของภาคกลางและวังสวรรค์เป็นศัตรูของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

วังสวรรค์เป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษย์และยังเป็นถ้ำสวรรค์อันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย

 

แล้วจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่รู้สึกกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“ผมที่ห้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผมที่ห้าพยักหน้า “รับนี่!”

 

หลังกล่าวจบคำเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที

 

ยักษ์สวรรค์อ้าปากและยิงลำแสงออกไป

 

ลำแสงพุ่งเข้าหาฟงจิวเก้อด้วยความเร็วสูง

 

“รวดเร็วนัก!” ฟงจิวเก้อตะลึงเล็กน้อยแต่เขายังสามารถเผยรอยยิ้ม

 

“ฟุบ!”

 

เขาหายตัวไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกตำแหน่งหนึ่งในพริบตา

 

“เขาอยู่ด้านบน!” ภายในยักษ์สวรรค์ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสายตรวจสอบตะโกนเตือน

 

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกสับสน

 

“รับการโจมตีของข้า!” ฟงจิวเก้อหัวเราะเสียงดังและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

 

ท่าไม้ตายอมตะขยายเสียงสามเท่า!

 

ฟงจิวเก้อส่งหมัดกลอง ฝ่ามือระฆัง และดัชนีนกหวีดออกไป

 

นี่เป็นท่าไม้ตายจากมรดกที่แท้จริงสามเสียง หมัดกลอง ฝ่ามือระฆัง และดัชนีนกกวีด

 

ก่อนหน้านี้ฟงจิวเก้อสามารถใช้เพียงสองกระบวนท่า แต่หลังจากต่อสู้กับฟางหยวน ฟงจิวเก้อกลับไปภาคกลางและฝึกฝนอย่างหนัก สุดท้ายจึงสามารถใช้กระบวนท่าที่สามได้ในที่สุด

 

หลังจากเรียนรู้ทั้งสามกระบวนท่า ท่าไม้ตายนี้ก็รุนแรงขึ้นสามเท่า

 

หมัด ฝ่ามือ ดัชนี ฟงจิวเก้อใช้พลังงานอมตะเพียงเล็กน้อยแต่พลังอำนาจของมันกลับเพิ่มขึ้นทุกครั้ง

 

เขาสามารถโจมตีได้นับร้อยครั้งในระยะเวลาสั้นๆ

 

คลื่นเสียงส่งยักษ์สวรรค์ถอยห่างออกไปขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

 

ยักษ์สวรรค์ส่งกำปั้นยักษ์ออกไป แต่ฟงจิวเก้อเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างไม่มีปัญหา

 

“ดูเหมือนเราต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะกับคนผู้นี้!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “ผมที่สาม! ผมที่สี่!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคนตอบสนองด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา

 

ผมที่สามสร้างเกราะไม้สีเขียวขึ้นบนร่างของยักษ์สวรรค์

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงของฟงจิวเก้อถูกเกราะไม้ดูดซับเอาไว้อย่างสมบูรณ์

 

ผมที่สี่สร้างปราณสีทองขึ้นเหนือศีรษะยักษ์สวรรค์ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อตกอยู่ในอันตรายทันที

 

การโจมตีของเขาไม่ได้ผลอีกต่อไป ขณะเดียวกันปราณสีทองก็พัวพันอยู่รอบๆตัวเขา

 

ไม่ไกลนัก ผู้อมตะฟางหยุนฮัวจากภาคกลางคิด ‘ตามข้อมูล การล้มยักษ์สวรรค์ตัวนี้จะทำให้เราได้รับชัยชนะ เนื่องจากฟงจิวเก้อกำลังประสบปัญหา ดังนั้นข้าก็จะช่วยเขา’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยุนฮัวก็ตัดสินใจลงมือ แต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงเตือน “พี่ฟาง หลบ!”

 

“อันใด!?” ในเวลาต่อมาฟางหยุนฮัวก็เห็นยักษ์สวรรค์อ้าปากและยิงลำแสงขนาดใหญ่ออกมา

 

ลำแสงสายนี้พุ่งเข้ามาหาฟางหยุนฮัวโดยตรงและบังคับให้เขาป้องกันตัว

 

แต่ยักษ์สวรรค์มีพลังการต่อสู้ระดับแปด แม้ฟางหยุนฮัวจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาไม่เหมือนฟงจิวเก้อหรือฟางหยวน วิธีป้องกันของเขาต้องใช้เวลาสามลมหายใจ

 

แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ฟางหยุนฮัวจะเบี่ยงเบนลำแสงสีขาวขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

เลือดไหลออกมาจากปากของฟางหยุนฮัว ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขณะที่ดวงตาเผยให้เห็นถึงความตกใจ

 

‘ก่อนหน้านี้ข้าฟุ้งซ่านและต้องการใช้ท่าไม้ตาย นั่นทำให้ข้าเปิดช่องว่าง ขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ทันที พวกเขามีวิธีตรวจสอบที่ยอดเยี่ยม!’

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีรากฐานที่ลึกล้ำ แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเส้นทางแห่งการหลอมรวม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้าไม่สนใจสิ่งใดนอกจากการหลอมรวม

 

ดังนั้นวิธีการตรวจสอบนี้จึงมาจากมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา

 

ฟางหยวนแลกเปลี่ยนมรดกที่แท้จริงกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพราะเขาต้องการมรดกของฝ่ายตรงข้ามแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนิกายหลางหยาเช่นกัน

 

นิกายหลางหยามีผู้อมตะจำนวนมาก พวกเขาขาดเพียงท่าไม้ตายที่มีประโยชน์

 

และตอนนี้การกระทำของฟางหยวนก็ปรากฏผลลัพธ์ในที่สุด

 

หัวใจของฟงจิวก้อจมดิ่งลง

 

ท่าไม้ตายสายตรวจสอบนี้สามารถสัมผัสถึงจุดอ่อนของศัตรู มันมีประโยชน์มาก

 

ด้วยท่าไม้ตายดังกล่าว ผู้อมตะภาคกลางจะถูกคุกคามอย่างมาก

 

เนื่องจากคนเหล่านี้มาจากต่างนิกาย พวกเขาไม่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน เมื่อพวกเขาต่อสู้ พวกเขาจะเผยจุดอ่อนออกมาและตกเป็นเป้าหมายของยักษ์สวรรค์ทันที

 

‘ยิ่งมีคนมากเท่าใดก็ยิ่งมีปัญหา ข้าต้องขัดขวางยักษ์สวรรค์’ ฟงจิวเก้อต่อสู้ตามความคิดของตนเอง

 

เขาเปลี่ยนกลยุทธ์โดยสั่งผู้อมตะคนอื่นๆว่า “แยกย้ายกันไปและสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อให้กำลังเสริมของพวกเราเข้ามา!”

 

“ช่างกล้าหาญนัก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินคำกล่าวของฟงจิวเก้อและรู้สึกโกรธมาก

 

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มบาง

 

เขาจงใจกล่าว มันเป็นแผนการที่จะทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเผชิญหน้า

 

แม้ยักษ์สวรรค์จะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่มันก็มีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่ผู้อมตะภาคกลางมีเจ็ดคน ยักษ์สวรรค์ไม่สามารถจัดการพวกเขาทั้งหมด แต่หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนถูกส่งออกมา พวกเขาจะตกลงสู่หลุมพรางของฟงจิวเก้อ

 

พลังการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่พวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อมตะภาคกลางในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว

 

ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงอยู่ในจุดที่ยากลำบาก เขาไม่สามารถแยกกองกำลัง

 

ในขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ห่างออกไปที่ภาคใต้ ในเขาวงกตโคลนทรายกลับเงียบสงบ

 

“ข้าอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและตระหนักว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง

 

เขาต้องการลุกขึ้นแต่เขาพบว่าตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

เขามีสีหน้างุนงงขณะพึมพำ “ข้าคือผู้ใด? ดูเหมือนข้าจะ…ลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไป”

 

“โอ้ บุตรชายของข้า ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของหญิงชราผู้หนึ่งดังขึ้น นางเข้ามาในห้องด้วยน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นฟางหยวนตื่นขึ้น

 

“ท่านคือ?” ฟางหยวนถาม

 

หญิงชราตกตะลึงก่อนจะร้องไห้ “บุตรชาย เจ้าถูกทุกบตีและเสียสติไปแล้วงั้นหรือ? ข้าคือแม่ของเจ้า เจ้าคือเฉินซาน ไม่กี่วันก่อนนายน้อยชูส่งผู้ใช้วิญญาณมานำตัวเจ้าไปทุบตีเพราะเขาไม่ต้องการให้เจ้ากับซิ่วเหนียงอยู่ด้วยกัน โอ้ บุตรชายของข้า ฟังคำแนะนำของแม่ แม้เจ้ากับซิ่วเหนียงจะสนิทสนมกัน แต่เราเป็นครอบครัวเล็กๆ แม้บรรพชนของเราจะเป็นผู้ใช้วิญญาณ พวกเราก็ตกต่ำลงแล้ว เจ้าไม่สามารถเอาชนะนายน้อยชูในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงซิ่วเหนียง ยอมแพ้ซะ เจ้าควรยอมแพ้!”

 

“ซิ่วเหนียง…” ฟางหยวนพึมพำ “นี่เป็นความจริง ข้าลืมเรื่องพวกนี้ไปได้อย่างไร?”

 

ไม่กี่วันต่อมา เขาค่อยๆเข้าใจตัวตนของตนเอง

 

เขาและซิ่วเหนียงหมั้นกันตั้งแต่แรกเกิด แต่บิดาของเขาเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาสูญเสียผู้ใช้วิญญาณเพียงคนในครอบครัว ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงตกต่ำลง เดิมทีพวกเขามีสถานะเท่าเทียมกับครอบครัวของซิ่วเหนียง แต่ตอนนี้พวกเขาด้อยกว่า ครอบครัวของซิ่วเหนียงต้องการนายน้อยชูเป็นบุตรเขยแทนฟางหยวนเพราะคนผู้นี้มาจากตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล มีผู้ใช้วิญญาณหลายสิบคนในตระกูลชู หากรวมผู้ใช้วิญญาณภายนอก พวกเขามีผู้ใช้วิญญาณมากกว่าร้อยคน!

 

หลังจากนั้นซิ่วเหนียงได้มาพบฟางหยวน

 

“เฉินซาน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าคิดถึงเจ้าทั้งวันทั้งคืน แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าไม่ให้ข้ามา ข้ามาที่นี่ได้เพียงวันนี้เพราะข้าโกหกว่าข้ากำลังบ่มเพาะ โอ้ ที่รักของข้า เฉินซานที่น่าสงสารของข้า…” ซิ่วเหนียงเห็นฟางหยวนนอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่อ่อนแอและเริ่มสะอื้นไห้

 

ฟางหยวนมองซิ่วเหนียงและรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นนาง เขาประเมินนางอย่างใกล้ชิด ซิ่วเหนียงอายุยังน้อยและงดงาม ผิวของนางขาวบริสุทธ์ ผมของนางทิ้งตัวยาวลงมาราวกับน้ำตก นางสามชุดสีขาวและมีรูปร่างผอมบาง นางดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ด้วยน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตา นางดูมีเสน่ห์และงดงามอย่างไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียง

 

‘ไม่แปลกใจเลยที่นายน้อยชูชอบซิ่วเหนียง’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

 

ซิ่วเหนียงโศกเศร้าขณะที่หญิงชราถอนหายใจและบอกเหตุผลกับนาง

 

ซิ่วเหนียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด นางจับมือฟางหยวนและพูดคุยเกี่ยวกับอดีตของทั้งสองเพราะกระตุ้นความทรงจำของฟางหยวน

 

นางกล่าวถึงฉากเหตุการณ์ในอดีต มันธรรมดาและดูไม่สำคัญ แต่สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรักของพวกเขา

 

ความรักของฟางหยวนค่อยๆเบ่งบานขึ้น เขามองเข้าไปในดวงตาของซิ่วเหนียงและลูบไล้ใบหน้าที่อ่อนโยนของนาง เขากล่าวเบาๆ “ซิ่วเหนียง…”

 

“อืม” ซิ่วเหนียงเร่งจับมือของฟางหยวนที่วางไว้บนใบหน้าของนาง

 

นางมองเข้าไปในดวงตาของฟางหยวนและกล่าว “ที่รักของข้าเฉินซาน”

 

ด้านนอกเขาวงกตโคลนดิน ลั่วเว่ยหยินยิ้มและพูดกับตนเอง “ข้าคิดถูกแล้ว จะมีผู้ใดที่ไร้ความรู้สึก? ฟางหยวน คนผู้นี้ไม่ได้ไร้ความรู้สึก เขายังมีความรักและความเสน่หาอยู่ในตัว”

 

ลั่วเว่ยหยินมองไปรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะเช่นไท่เมี่ยนเฉิน หรือผู้ใช้วิญญาณเช่นเฉินซินซื่อ ทุกคนปิดเปลือกตาและลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

ท่ามกลางพวกเขา ดวงตาของเฉินซินซื่อสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าของนางกลายเป็นสีดอกกุหลาบราวกับว่านางกำลังอยู่ในความฝันที่สวยงาม

 

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ “โลกสะท้อนชีวิต เพื่อเปลี่ยนปีศาจตนนี้ พวกเจ้าทั้งหมดต้องลืมตัวตนของตนเองและใช้ชีวิตเป็นอีกคน นี่เป็นโอกาสที่ดี หากพวกเจ้ามีความเข้าใจที่เพียงพอ พวกเจ้าจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้อย่างแน่นอน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด