Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

 

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นขณะที่เปลือกตาของสมาชิกนิกายเงากระตุก

 

ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถกําหราบอสูรปีขาลแรกกําเนิดได้ในครั้งเดียว แม้มันจะไม่ใช่การโจมตี แต่ท่าไม้ตายของเขาก็ทําให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

 

“ฟ่อ…”

 

อสรพิษเลื้อยคลายออกมาจากเกลียวแสงที่สอง

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สาม!

 

คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นลั่วเว่ยหยินหรือเซี่ยชา การแสดงออกของพวกเขาต่างเปลี่ยนแปลงไป

 

เพราะอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดตัวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา ชัดเจนว่ามันอันตรายกว่าอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวก่อนหน้า

 

สิ่งสําคัญที่สุดคือมีโอกาสที่อสูรปีแรกกําเนิดจะปรากฏตัวขึ้นมากกว่านี้

 

“นี่เป็นค่ายกลชนิดใด!?” ผู้อมตะตระกูลเซียวอุทานและรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

 

“ฆ่า!” ผู้อมตะภาคใต้ตะโกนและปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมา

 

กองทัพอสูรมีคํารามขณะที่ใช้เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันโจมตีศัตรู

 

มันกลายเป็นสนามรบนองเลือด อสูรปีจํานวนมากเสียชีวิต อย่างไรก็ตามอสูรปียังปรากฏตัวออกมาจากเกลียวแสงอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มได้รับบาดเจ็บ

 

“มีอสูรปีมากเกินไป ค่ายกลวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก จํานวนอสูรปีมีมากกว่าการต่อสู้ของฟงจิวเก้อ” หลิวหาวลอบตกใจ เขามีข้อมูลจากวังสวรรค์ แต่เขายังไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะเขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือเส้นทางแห่งค่ายกล

 

“ค่ายกลวิญญาณนี้เลวร้ายเกินไป เราต้องทําลายมันเพื่อคว้าชัยชนะ!”

 

“ตราบเท่าที่เราสามารถทําลายบางส่วน เราจะสามารถส่งข้อความขอกําลังเสริมจากพันธมิตร!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจวิธีจัดการกับสถานการณ์แต่พวกเขาขาดวิธีการที่เหมาะสม

 

“ช่างเป็นค่ายกลที่ยุ่งยากนัก เซี่ยชาขมวดคิ้ว หลังจากแกนกลางแรก นางยังไม่พบแกนกลางที่สอง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าต่ำเกินไป บางทีข้าควรโจมตีอย่างเต็มที่และทําให้มันไม่สามารถรับการโจมตีของข้า ข้าต้องสร้างจุดอ่อนขึ้นมาด้วยตนเอง เจตนาสังหารของเซี่ยชาพุ่งสูงขึ้น นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่นางกลับเริ่มร้อนใจหลังจากตกลงสู่กับดักของฟางหยวน

 

ลั่วเว่ยหยินสัมผัสได้ถึงเจตนาของเซี่ยชา เขาเร่งกล่าวเตือน “อย่าตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์มาก กระทั่งวังสวรรค์ยังไม่สามารถจับเขา นิกายเงาเคยครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลก่อนจะถูกทําลาย แต่วิญญาณอมตะหลายดวงที่เหลือยังอยู่ในมือพวกเขา หากท่านโจมตีด้วยกําลังทั้งหมด ท่านอาจตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน เขาจะใช้มันโจมตีท่าน”

 

ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของสนามรบแห่งความโกลาหลคือการผนึกการโจมตีของศัตรูและสะท้อนกลับ

 

ลั่วเว่ยหยินกล่าวอย่างจริงจังและชาญฉลาด กระทั่งฟางหยวนยังต้องยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แม้ลั่วเว่ยหยินจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่การอนุมานของเขาถูกต้อง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายใช้วิญญาณอมตะจากมรดกของไห่ฟานเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะจากสนามรบแห่งความโกลาหลเป็นส่วนสนับสนุนเท่านั้น

 

เซี่ยชาสูดหายใจลึกและมองอสูรประกาแรกกําเนิดด้วยสายตาเย็นชา

 

อสูรประกาแรกกําเนิดถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ทรงพลัง แต่เปรียบเทียบกับอสูรประกาแรกกําเนิด การโจมตีของพวกเขาก็ทําได้เพียงฝากรอยขีดข่วนเล็กๆเอาไว้บนร่างกายของศัตรูเท่านั้น

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถทําสิ่งใดแม้พวกเขาจะพยายามอย่างหนักก็ตาม

 

สายตาของเซี่ยชาทําให้อสูรประกาแรกกําเนิดรู้สึกถึงภัยคุกคาม มันแยกตัวออกจากกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และพุ่งเข้าโจมตีนางทันที

 

“เดรัจฉาน!” เซี่ยชาหัวเราะเย้ยหยัน กลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากปะทุออกมาจากร่างของนางและก่อตัวเป็นท่าไม้ตายอมตะ

 

กรรไกรสีเขียวหยกขนาดใหญ่เท่าช้างพุ่งเข้าเนื้อนลําคอของอสูรประกาแรกกําเนิด

 

กลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดด สายลม และต้นหญ้าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากบาดแผลบนลําคอของมัน

 

อาการบาดเจ็บปลุกธรรมชาติที่ป่าเถื่อนของมันขึ้นมา มันพุ่งเข้าโจมตีเซี่ยชาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

 

เซี่ยชาไม่หลบแต่ก่อนที่อสูรประกาแรกกําเนิดจะโจมตีนาง ร่างของนางก็อันตรธานหายไปราวกับฟองสบู่แตก

 

หลังจากนั้นกรรไกรสีเขียวหยกก็บินเข้าโจมตีอสูรประกาแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เมื่อเซี่ยชาหายตัวไป ความสนใจของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ถูกกรรไกรสีเขียวหยกดึงดูดไป ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด

 

“นี่คือกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันทรงพลังจริงๆ” ข้อมูลปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่

 

เซี่ยชามีท่าไม้ตายอมตะหนึ่งชุดที่ประกอบด้วยสี่ท่า กรรไกรฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันแหลมคมและทรงพลังมาก กระทั่งร่างกายที่แข็งแกร่งของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ไม่สามารถป้องกันมันได้

 

ฟางหยวนรู้สึกอิจฉา

 

นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้

 

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดเช่นกัน แต่ฟางหยวนขาดวิญญาณอมตะระดับแปดที่จําเป็น แม้เขาจะสามารถดัดแปลงและใช้วิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดแทน แต่พลังอํานาจของมันจะตกลงจากระดับแปด

 

วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงดวงเดียวที่ฟางหยวนมีคือวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะอันเชิญอสูรปี ปีแห่งโชคร้าย และอื่นๆ

 

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีสามารถเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้เพื่อฟางหยวน

 

ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายจะส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งโชค

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะทั้งสองไม่สามารถโจมตีได้เหมือนกรรไกรฤดูใบไม้ผลิที่จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้โดยตรง

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา

 

“ฉับ ฉับ”

 

อสูรประกาแรกกําเนิดไม่สามารถแข่งขันกับกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันได้รับบาดเจ็บทั่วร่างและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

เซี่ยชาเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวแต่อสูรปีระกาแรกกําเนิดกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนางได้อย่างชัดเจน

 

“สมกับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย ความแข็งแกร่งนี้อยู่ในระดับเดียวกับสมาชิกวังสวรรค์” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

เมื่อเห็นอสูรประกาแรกกําเนิดกําลังจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ถูกกระตุ้นใช้งานและนําอสูรประกาแรกกําเนิดออกจากสนามรบทันที

 

“ส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสกําหราบอสูรปีระกาแรกกําเนิดและทําให้มันกลายเป็นทาสของเขา

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เขาเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้ขณะเดียวกันก็หลอกใช้ผู้อมตะภาคใต้เพื่อทําให้อสูรปีแรกกําเนิดอ่อนแอลงก่อนจะกดขี่มันเป็นทาส

 

วิธีการนี้เคยถูกใช้ในทะเลทรายตะวันตกเมื่อวังสวรรค์ไล่ล่าเขา

 

แต่วิธีการเดิมสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่มันยังใช้ได้ผล

 

เซี่ยชากําลังจะฆ่าอสูรประกาแรกกําเนิดและคิดว่าจะได้รับทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ล้ำค่า แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะหายไปอย่างกะทันหัน

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้สบถสาปแช่งด้วยความโกรธขณะที่การแสดงออกของเซี่ยชาเปลี่ยนเป็นมืดครื้ม แต่นางยังเผยรอยยิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็เผยจุดอ่อน เจ้าต้องการเก็บเกี่ยวอสูรปีแรกกําเนิดตัวอื่นอีกหรือไม่?”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะจะไม่เปิดเผยข้อบกพร่องหากมันขนส่งเพียงอสุรปีทั่วไป แต่เมื่อมันขนส่งอสูรปีแรกกําเนิด มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นทําให้เซี่ยชาได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

 

ดังคาด หลังจากนั้นนางก็ค้นพบแกนกลางที่สองและทําลายมัน

 

แต่เสียงโห่ร้องยินดีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลับอยู่ได้ไม่นาน หลังจากแกนกลางที่สองถูกทําลาย มันกลับกลายเป็นเกลียวแสงและปล่อยกองทัพอสูรูปีออกมาอีกครั้ง

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

 

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นขณะที่เปลือกตาของสมาชิกนิกายเงากระตุก

 

ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถกําหราบอสูรปีขาลแรกกําเนิดได้ในครั้งเดียว แม้มันจะไม่ใช่การโจมตี แต่ท่าไม้ตายของเขาก็ทําให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

 

“ฟ่อ…”

 

อสรพิษเลื้อยคลายออกมาจากเกลียวแสงที่สอง

 

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สาม!

 

คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นลั่วเว่ยหยินหรือเซี่ยชา การแสดงออกของพวกเขาต่างเปลี่ยนแปลงไป

 

เพราะอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดตัวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา ชัดเจนว่ามันอันตรายกว่าอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวก่อนหน้า

 

สิ่งสําคัญที่สุดคือมีโอกาสที่อสูรปีแรกกําเนิดจะปรากฏตัวขึ้นมากกว่านี้

 

“นี่เป็นค่ายกลชนิดใด!?” ผู้อมตะตระกูลเซียวอุทานและรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

 

“ฆ่า!” ผู้อมตะภาคใต้ตะโกนและปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมา

 

กองทัพอสูรมีคํารามขณะที่ใช้เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันโจมตีศัตรู

 

มันกลายเป็นสนามรบนองเลือด อสูรปีจํานวนมากเสียชีวิต อย่างไรก็ตามอสูรปียังปรากฏตัวออกมาจากเกลียวแสงอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มได้รับบาดเจ็บ

 

“มีอสูรปีมากเกินไป ค่ายกลวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก จํานวนอสูรปีมีมากกว่าการต่อสู้ของฟงจิวเก้อ” หลิวหาวลอบตกใจ เขามีข้อมูลจากวังสวรรค์ แต่เขายังไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะเขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือเส้นทางแห่งค่ายกล

 

“ค่ายกลวิญญาณนี้เลวร้ายเกินไป เราต้องทําลายมันเพื่อคว้าชัยชนะ!”

 

“ตราบเท่าที่เราสามารถทําลายบางส่วน เราจะสามารถส่งข้อความขอกําลังเสริมจากพันธมิตร!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจวิธีจัดการกับสถานการณ์แต่พวกเขาขาดวิธีการที่เหมาะสม

 

“ช่างเป็นค่ายกลที่ยุ่งยากนัก เซี่ยชาขมวดคิ้ว หลังจากแกนกลางแรก นางยังไม่พบแกนกลางที่สอง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าต่ำเกินไป บางทีข้าควรโจมตีอย่างเต็มที่และทําให้มันไม่สามารถรับการโจมตีของข้า ข้าต้องสร้างจุดอ่อนขึ้นมาด้วยตนเอง เจตนาสังหารของเซี่ยชาพุ่งสูงขึ้น นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่นางกลับเริ่มร้อนใจหลังจากตกลงสู่กับดักของฟางหยวน

 

ลั่วเว่ยหยินสัมผัสได้ถึงเจตนาของเซี่ยชา เขาเร่งกล่าวเตือน “อย่าตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์มาก กระทั่งวังสวรรค์ยังไม่สามารถจับเขา นิกายเงาเคยครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลก่อนจะถูกทําลาย แต่วิญญาณอมตะหลายดวงที่เหลือยังอยู่ในมือพวกเขา หากท่านโจมตีด้วยกําลังทั้งหมด ท่านอาจตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน เขาจะใช้มันโจมตีท่าน”

 

ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของสนามรบแห่งความโกลาหลคือการผนึกการโจมตีของศัตรูและสะท้อนกลับ

 

ลั่วเว่ยหยินกล่าวอย่างจริงจังและชาญฉลาด กระทั่งฟางหยวนยังต้องยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แม้ลั่วเว่ยหยินจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่การอนุมานของเขาถูกต้อง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายใช้วิญญาณอมตะจากมรดกของไห่ฟานเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะจากสนามรบแห่งความโกลาหลเป็นส่วนสนับสนุนเท่านั้น

 

เซี่ยชาสูดหายใจลึกและมองอสูรประกาแรกกําเนิดด้วยสายตาเย็นชา

 

อสูรประกาแรกกําเนิดถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ทรงพลัง แต่เปรียบเทียบกับอสูรประกาแรกกําเนิด การโจมตีของพวกเขาก็ทําได้เพียงฝากรอยขีดข่วนเล็กๆเอาไว้บนร่างกายของศัตรูเท่านั้น

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถทําสิ่งใดแม้พวกเขาจะพยายามอย่างหนักก็ตาม

 

สายตาของเซี่ยชาทําให้อสูรประกาแรกกําเนิดรู้สึกถึงภัยคุกคาม มันแยกตัวออกจากกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และพุ่งเข้าโจมตีนางทันที

 

“เดรัจฉาน!” เซี่ยชาหัวเราะเย้ยหยัน กลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากปะทุออกมาจากร่างของนางและก่อตัวเป็นท่าไม้ตายอมตะ

 

กรรไกรสีเขียวหยกขนาดใหญ่เท่าช้างพุ่งเข้าเนื้อนลําคอของอสูรประกาแรกกําเนิด

 

กลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดด สายลม และต้นหญ้าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

 

อสูรประกาแรกกําเนิดมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากบาดแผลบนลําคอของมัน

 

อาการบาดเจ็บปลุกธรรมชาติที่ป่าเถื่อนของมันขึ้นมา มันพุ่งเข้าโจมตีเซี่ยชาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

 

เซี่ยชาไม่หลบแต่ก่อนที่อสูรประกาแรกกําเนิดจะโจมตีนาง ร่างของนางก็อันตรธานหายไปราวกับฟองสบู่แตก

 

หลังจากนั้นกรรไกรสีเขียวหยกก็บินเข้าโจมตีอสูรประกาแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เมื่อเซี่ยชาหายตัวไป ความสนใจของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ถูกกรรไกรสีเขียวหยกดึงดูดไป ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด

 

“นี่คือกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันทรงพลังจริงๆ” ข้อมูลปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่

 

เซี่ยชามีท่าไม้ตายอมตะหนึ่งชุดที่ประกอบด้วยสี่ท่า กรรไกรฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันแหลมคมและทรงพลังมาก กระทั่งร่างกายที่แข็งแกร่งของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ไม่สามารถป้องกันมันได้

 

ฟางหยวนรู้สึกอิจฉา

 

นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้

 

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดเช่นกัน แต่ฟางหยวนขาดวิญญาณอมตะระดับแปดที่จําเป็น แม้เขาจะสามารถดัดแปลงและใช้วิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดแทน แต่พลังอํานาจของมันจะตกลงจากระดับแปด

 

วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงดวงเดียวที่ฟางหยวนมีคือวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะอันเชิญอสูรปี ปีแห่งโชคร้าย และอื่นๆ

 

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีสามารถเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้เพื่อฟางหยวน

 

ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายจะส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งโชค

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะทั้งสองไม่สามารถโจมตีได้เหมือนกรรไกรฤดูใบไม้ผลิที่จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้โดยตรง

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา

 

“ฉับ ฉับ”

 

อสูรประกาแรกกําเนิดไม่สามารถแข่งขันกับกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันได้รับบาดเจ็บทั่วร่างและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

เซี่ยชาเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวแต่อสูรปีระกาแรกกําเนิดกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนางได้อย่างชัดเจน

 

“สมกับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย ความแข็งแกร่งนี้อยู่ในระดับเดียวกับสมาชิกวังสวรรค์” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

เมื่อเห็นอสูรประกาแรกกําเนิดกําลังจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ถูกกระตุ้นใช้งานและนําอสูรประกาแรกกําเนิดออกจากสนามรบทันที

 

“ส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสกําหราบอสูรปีระกาแรกกําเนิดและทําให้มันกลายเป็นทาสของเขา

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดอีกครั้ง

 

เขาเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้ขณะเดียวกันก็หลอกใช้ผู้อมตะภาคใต้เพื่อทําให้อสูรปีแรกกําเนิดอ่อนแอลงก่อนจะกดขี่มันเป็นทาส

 

วิธีการนี้เคยถูกใช้ในทะเลทรายตะวันตกเมื่อวังสวรรค์ไล่ล่าเขา

 

แต่วิธีการเดิมสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่มันยังใช้ได้ผล

 

เซี่ยชากําลังจะฆ่าอสูรประกาแรกกําเนิดและคิดว่าจะได้รับทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ล้ำค่า แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะหายไปอย่างกะทันหัน

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้สบถสาปแช่งด้วยความโกรธขณะที่การแสดงออกของเซี่ยชาเปลี่ยนเป็นมืดครื้ม แต่นางยังเผยรอยยิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็เผยจุดอ่อน เจ้าต้องการเก็บเกี่ยวอสูรปีแรกกําเนิดตัวอื่นอีกหรือไม่?”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะจะไม่เปิดเผยข้อบกพร่องหากมันขนส่งเพียงอสุรปีทั่วไป แต่เมื่อมันขนส่งอสูรปีแรกกําเนิด มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นทําให้เซี่ยชาได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

 

ดังคาด หลังจากนั้นนางก็ค้นพบแกนกลางที่สองและทําลายมัน

 

แต่เสียงโห่ร้องยินดีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลับอยู่ได้ไม่นาน หลังจากแกนกลางที่สองถูกทําลาย มันกลับกลายเป็นเกลียวแสงและปล่อยกองทัพอสูรูปีออกมาอีกครั้ง

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+