Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

 

หลังการต่อสู้อันดุเดือดของสมองและมัดกล้ามเนื้อ ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถหลบหนีจากการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์และกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

 

เมื่อออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลําบากในการใช้เกราะหวนคืน ดังนั้นเขาจึงหยุดใช้มันและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเสื้อคลุมฤดูหนาว

 

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!

 

ต่อมาเขาเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด

 

ในสายธารแห่งกาลเวลา ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันอย่างมาก แม้เขาจะสามารถใช้งาน แต่ค่าใช้จ่ายของเขายังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า

 

โชคดีที่แกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยคือวิญญาณทัศนคติที่ใช้เพียงพลังจิต ดังนั้นโดยรวมแล้วท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ฟางหยวนสามารถรักษามันไว้

 

ฟางหยวนกลายเป็นอสรพิษเสื้อยคลานไปในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ในที่สุดข้าก็สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก ยิ่งนานเท่าใด การป้องกันของวังสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

มีเหตุผลสองประการที่ทําให้เขาสามารถหลบหนี

 

ประการแรก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาใช้แสงแห่งปัญญาเพื่ออนุมานวิธีการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ นี่ทําให้ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือจินตนาการของวังสวรรค์

 

ประการที่สอง เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาจึงสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายนี้เพื่อเพิ่มพลังอํานาจให้กับมัน อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถปล่อยดาบห้าดัชนีออกไปได้เพียงสี่ดาบ นี่คือขีดจํากัดในปัจจุบันของเขา หากเขาต้องการใช้ดาบเล่มที่ห้า เขาต้องเปลี่ยนแกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบชนิดอื่น

 

ข้าใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดไปมากมาย” ฟางหยวนตรวจสอบคลังเก็บพลังงานอมตะของเขาและพบว่ามันอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

 

แม้มิติช่องว่างของฟางหยวนจะสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการต่อสู้กับชายชราหลี่ฮวง เขาสูญเสียลิ้นจี่ขาวอมตะไปมากมาย

 

“ข้าควรล่าถอย” ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนมีเพียงความคิดเดียว

 

นี่คือการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด การเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นความคิดที่โง่เขลา

 

“ฟางหยวน เจ้าจะไปที่ใด!?” เสียงคํารามด้วยความโกรธดังมาจากด้านหลัง

 

ฟางหยวนหันหน้ากลับด้ายหัวใจที่เต้นแรง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

ทางซ้ายคือนาวานิรันดร์ บนดาดฟ้าเรือมีผู้อมตะระดับแปดชิงเอ๋และสี่ซุนจือยืนอยู่

 

ตรงกลางเป็นรังกระเรียนใบไม้ร่วง มันดูเหมือนนกกระเรียนกางปีกอยู่บนรังนก มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา

 

ทางขวาคือฉลามล่องคลื่น มีฉลาดเจ็ดตัวว่ายอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นและมีผู้อมตะระดับแปดในชุดเกราะสีน้ำเงินยืนอยู่บนแผ่นหลังของมัน

 

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามหลัง มีผู้อมตะระดับแปดอย่างน้อยสามคนและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกมากมาย..” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะกําจัดเขาของวังสวรรค์จากสิ่งนี้

 

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างของอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด แต่ความเร็วของเขาไม่สูงมากนัก ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกทําลายไปแล้ว เขาไม่สามารถปกปิดตัวตนเช่นก่อนหน้า

 

ระยะห่างของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเริ่มโจมตีจากระยะไกล

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงตรวจสอบราวกับตาหลังและสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว

 

หากเขาไม่สามารถหลบ เขาจะใช้เสื้อคลุมฤดูหนามป้องกันการโจมตี

 

เสื้อคลุมฤดูหนาวได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาและร่องรอยของพลังงานแห่งเบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน ดังนั้นมันจึงสามารถแสดงพลังอํานาจที่น่าเหลือเชื่อออกมา แม้มันจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าเกราะหวนคืน แต่มันสามารถเทียบเคียงเมื่ออยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ข้าจะปล่อยให้สิ่งนี้ดําเนินต่อไปไม่ได้!” ฟางหยวนพยายามหาทางแก้ปัญหา

 

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปต้องใช้เวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะในสายธารแห่งกาลเวลา ระยะเวลาเตรียมตัวจะยาวนานขึ้น พลังอํานาจของมันจะลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวมากขึ้น ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปเพื่อพลิกสถานการณ์

 

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน หมื่นมังกร กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน ราชันภูติ และท่าไม้ตายอื่น พวกมันต่างไร้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้

 

ฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน และวิธีอื่นๆบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังแข็งแกร่งราวกับป้อมปราการ กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนไม่สามารถทําสิ่งใดพวกมัน

 

พลังงานอมตะของฟางหยวนลดงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

วังสวรรค์ไล่ล่าฟางหยวนด้วยขวัญกําลังใจที่เต็มเปี่ยม พวกเขาผ่อนคลายมาก

 

ทันใดนั้นสายธารแห่งกาลเวลาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น น้ำพุขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นสู่อากาศโดยไม่คาดคิด

 

“โอ้ ไม่ นี่เป็นอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน!”

 

“ปีศาจตนนี้ช่างโชคดีนัก มันยากที่จะฆ่าเขา!”

 

“ตามเขาไป อย่าปล่อยให้เขาหลบหนี!”

 

ผู้อมะตวังสวรรค์กรีดร้องด้วยความกังวล

 

ฟางหยวนพุ่งเข้าสู่อาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด

 

ในสถานการณ์ปกติฟางหยวนจะหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้น้ำพุกะทันหันกลับเป็นความหวังที่จะหลบหนีของเขา

 

อสรพิษเลื้อยคลานอยู่ในอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน แม้น้ำพุจะพุ่งขึ้นมารอบๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามด้วยวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนตระหนักว่าโชคของเขากําลังลดลงอย่างรวดเร็ว

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของวังสวรรค์มีช่วงเวลาที่ยากลําบากในการไล่ล่าเขา

 

นาวานิรันดร์และรังกระเรียนใบไม้ร่วงถูกน้ำพุกะทันหันกระแทกและส่งขึ้นสู่อากาศ

 

พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการย้อนกลับมา กระทั่งฉลามลองคลื่นยังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

 

ฟางหยวนมักพบน้ำพุกะทันหันระดับหกและระดับเจ็ดขณะที่วังสวรรค์มักเผชิญหน้ากับน้ำพุกะทันหันระดับแปด

 

ชัดเจนว่าโชคของพวกเขาแตกต่างกันมาก ใบหน้าของสมาชิกวังสวรรค์กลายเป็นมืดครึ้ม พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด

 

“ดูเหมือนฟงจิวเก้อจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้

 

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนตระหนักถึงโชคที่แข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ กระทั่งคนโชคดีเช่นเขายังไม่สามารถสะกดข่มฝายหลัง

 

หากฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ วังสวรรค์จะไม่พบกับสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้

 

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนสามารถออกจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหันอย่างปลอดภัย

 

หลังจากชั่วครูฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงก็สามารถออกมาขณะที่นาวานิรันดร์ใช้เวลานานที่สุด

 

อย่างไรก็ตามนาวานิรันดร์รวดเร็วมาก เมื่อมันสามารถออกมาจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ความเร็วของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทําให้ระยะห่างระหว่างมันกับฟางหยวนลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าไม่สามารถหลบหนีไปเช่นนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

เมื่อเห็นฟางหยวนหยุดหลบหนี ผู้อมตะที่อยู่ภายในนาวานิรันดร์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนก

 

เกาซุนจือตะโกน “ทุกคนระวัง ปีศาจกําลังจะหันมาต่อสู้แทนการวิ่งหนี เขาต้องมีแผนชั่วบางอย่าง!”

 

นางพึ่งกล่าวเมื่อท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนถูกกระตุ้นใช้งาน

 

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

 

ท่าไม้ตายนี้ยังเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนช่วยขยายพลังอํานาจให้มันมากกว่าร้อยเท่าขณะเดียวกันมันก็ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาทําให้พลังอํานาจของมันเกือบถึงระดับแปด

 

เส้นขนทั่วร่างของผู้อมตะระดับแปดชิงเย่ตั้งชันขึ้นทันที หัวใจของเขาแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

 

แต่ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลารวดเร็วเกินไป มันกระทั่งรวดเร็วกว่าดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ มันก็มาถึงชิงเยู่แล้ว

 

นาวานิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มีดบินตัดเวลาสามารถทะลวงผ่านมันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

“ไม่ใช่ว่าท่าไม้ตายนี้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วงั้นหรือ? เขาใช้มันได้อย่างไร? ข้าจะตายอยู่ที่นี้หรือไม่?” ชิงเย่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

 

“ปล่อยข้า!” ในช่วงเวลาคับขัน เกาซุนจือกระโดดเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าชิงเย่

 

“ฉัวะ!”

 

ร่างของเกาซุนจือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่นางล้มลงบนดาดฟ้าเรือ

 

ชิงเยู่สูดหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

” ใบหน้าของซึ่งเยกลายเป็นซีดเผือด

 

อีกสามซุนจือมองหน้ากันด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

พวกเขาคิดว่าการตายของเกาซุนจือจะทําให้พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากผู้อมตะระดับแปดผู้นี้

 

“ท่านชิงเย่ อย่ากังวล เรามีวิธีชุบชีวิตน้องสาวของเรา” จางซุนจือเผยรอยยิ้ม

 

แต่ชิงเย่ส่ายศีรษะและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจวิธีการของพวกเจ้า ข้าเกรงว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล

 

ซุนจือทั้งสามตกใจ พวกเขาเร่งถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร? โปรดอธิบายให้เราทราบ”

 

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะของตระกูลโป้ ครั้งหนึ่งมันเคยคุกคามภาคกลาง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา” ชิงเย่กล่าวด้วยความรู้สึกซับซ้อนและไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวบนใบหน้า

 

“อันใด!?”

 

“เป็นท่าไม้ตายนี้”

 

การแสดงออกของสามซุนจือเปลี่ยนไป พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สามารถสงบเหมือนก่อนหน้า

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้” จางซุนจือส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ

 

“แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น หยุดไล่ล่าเขา” ชิงเยู่สูดหายใจลึกด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“ท่าน!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่เหลืออุทาน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยฟางหยวนไป นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารฟางหยวน หากพวกเขาปล่อยปีศาจตนนี้ไป พวกเขาจะถูกตําหนิและถูกลงโทษ

 

อย่างไรก็ตามชิงเย่ตัดสินใจแล้ว

 

“ท่ามกลางคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง นาวานิรันดร์รวดเร็วที่สุดแต่การป้องกันของมันอ่อนแอที่สุด พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่ามันไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!”

 

“หากเรายังไล่ล่าต่อไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถสังหารพวกเรา เขาจะได้รับนาวานิรันดร์ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ไม่สามารถมอบมิติช่องว่างให้ปีศาจตนนี้”

 

หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ พวกเขายังมีโอกาส

 

แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1633 ตัดเวลาฆ่าศัตรู

 

หลังการต่อสู้อันดุเดือดของสมองและมัดกล้ามเนื้อ ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถหลบหนีจากการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์และกลับสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

 

เมื่อออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลําบากในการใช้เกราะหวนคืน ดังนั้นเขาจึงหยุดใช้มันและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเสื้อคลุมฤดูหนาว

 

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!

 

ต่อมาเขาเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด

 

ในสายธารแห่งกาลเวลา ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางสายอื่นจะถูกกดดันอย่างมาก แม้เขาจะสามารถใช้งาน แต่ค่าใช้จ่ายของเขายังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า

 

โชคดีที่แกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยคือวิญญาณทัศนคติที่ใช้เพียงพลังจิต ดังนั้นโดยรวมแล้วท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยจึงมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ฟางหยวนสามารถรักษามันไว้

 

ฟางหยวนกลายเป็นอสรพิษเสื้อยคลานไปในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ในที่สุดข้าก็สามารถหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

สถานการณ์ก่อนหน้านี้อันตรายมาก ยิ่งนานเท่าใด การป้องกันของวังสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

มีเหตุผลสองประการที่ทําให้เขาสามารถหลบหนี

 

ประการแรก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาใช้แสงแห่งปัญญาเพื่ออนุมานวิธีการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ นี่ทําให้ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือจินตนาการของวังสวรรค์

 

ประการที่สอง เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาจึงสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายนี้เพื่อเพิ่มพลังอํานาจให้กับมัน อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถปล่อยดาบห้าดัชนีออกไปได้เพียงสี่ดาบ นี่คือขีดจํากัดในปัจจุบันของเขา หากเขาต้องการใช้ดาบเล่มที่ห้า เขาต้องเปลี่ยนแกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบชนิดอื่น

 

ข้าใช้ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดไปมากมาย” ฟางหยวนตรวจสอบคลังเก็บพลังงานอมตะของเขาและพบว่ามันอยู่ในสถานการณ์วิกฤต

 

แม้มิติช่องว่างของฟางหยวนจะสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการต่อสู้กับชายชราหลี่ฮวง เขาสูญเสียลิ้นจี่ขาวอมตะไปมากมาย

 

“ข้าควรล่าถอย” ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนมีเพียงความคิดเดียว

 

นี่คือการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด การเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นความคิดที่โง่เขลา

 

“ฟางหยวน เจ้าจะไปที่ใด!?” เสียงคํารามด้วยความโกรธดังมาจากด้านหลัง

 

ฟางหยวนหันหน้ากลับด้ายหัวใจที่เต้นแรง

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

ทางซ้ายคือนาวานิรันดร์ บนดาดฟ้าเรือมีผู้อมตะระดับแปดชิงเอ๋และสี่ซุนจือยืนอยู่

 

ตรงกลางเป็นรังกระเรียนใบไม้ร่วง มันดูเหมือนนกกระเรียนกางปีกอยู่บนรังนก มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา

 

ทางขวาคือฉลามล่องคลื่น มีฉลาดเจ็ดตัวว่ายอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นและมีผู้อมตะระดับแปดในชุดเกราะสีน้ำเงินยืนอยู่บนแผ่นหลังของมัน

 

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามหลัง มีผู้อมตะระดับแปดอย่างน้อยสามคนและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกมากมาย..” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะกําจัดเขาของวังสวรรค์จากสิ่งนี้

 

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างของอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิด แต่ความเร็วของเขาไม่สูงมากนัก ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ถูกทําลายไปแล้ว เขาไม่สามารถปกปิดตัวตนเช่นก่อนหน้า

 

ระยะห่างของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะเริ่มโจมตีจากระยะไกล

 

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งฤดูใบไม้ร่วงตรวจสอบราวกับตาหลังและสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างคล่องแคล่ว

 

หากเขาไม่สามารถหลบ เขาจะใช้เสื้อคลุมฤดูหนามป้องกันการโจมตี

 

เสื้อคลุมฤดูหนาวได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาและร่องรอยของพลังงานแห่งเบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน ดังนั้นมันจึงสามารถแสดงพลังอํานาจที่น่าเหลือเชื่อออกมา แม้มันจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าเกราะหวนคืน แต่มันสามารถเทียบเคียงเมื่ออยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

“ข้าจะปล่อยให้สิ่งนี้ดําเนินต่อไปไม่ได้!” ฟางหยวนพยายามหาทางแก้ปัญหา

 

ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปต้องใช้เวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะในสายธารแห่งกาลเวลา ระยะเวลาเตรียมตัวจะยาวนานขึ้น พลังอํานาจของมันจะลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวมากขึ้น ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปเพื่อพลิกสถานการณ์

 

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน หมื่นมังกร กําปั้นยักษ์หมื่นตัวตน ราชันภูติ และท่าไม้ตายอื่น พวกมันต่างไร้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้

 

ฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ พัดฤดูร้อน และวิธีอื่นๆบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังแข็งแกร่งราวกับป้อมปราการ กรรไกรฤดูใบไม้ผลิและพัดฤดูร้อนไม่สามารถทําสิ่งใดพวกมัน

 

พลังงานอมตะของฟางหยวนลดงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

วังสวรรค์ไล่ล่าฟางหยวนด้วยขวัญกําลังใจที่เต็มเปี่ยม พวกเขาผ่อนคลายมาก

 

ทันใดนั้นสายธารแห่งกาลเวลาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น น้ำพุขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นสู่อากาศโดยไม่คาดคิด

 

“โอ้ ไม่ นี่เป็นอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน!”

 

“ปีศาจตนนี้ช่างโชคดีนัก มันยากที่จะฆ่าเขา!”

 

“ตามเขาไป อย่าปล่อยให้เขาหลบหนี!”

 

ผู้อมะตวังสวรรค์กรีดร้องด้วยความกังวล

 

ฟางหยวนพุ่งเข้าสู่อาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ที่นี่เป็นสถานที่อันตรายที่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด

 

ในสถานการณ์ปกติฟางหยวนจะหลีกเลี่ยงมัน แต่ตอนนี้น้ำพุกะทันหันกลับเป็นความหวังที่จะหลบหนีของเขา

 

อสรพิษเลื้อยคลานอยู่ในอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน แม้น้ำพุจะพุ่งขึ้นมารอบๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

 

อย่างไรก็ตามด้วยวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนตระหนักว่าโชคของเขากําลังลดลงอย่างรวดเร็ว

 

แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของวังสวรรค์มีช่วงเวลาที่ยากลําบากในการไล่ล่าเขา

 

นาวานิรันดร์และรังกระเรียนใบไม้ร่วงถูกน้ำพุกะทันหันกระแทกและส่งขึ้นสู่อากาศ

 

พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการย้อนกลับมา กระทั่งฉลามลองคลื่นยังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

 

ฟางหยวนมักพบน้ำพุกะทันหันระดับหกและระดับเจ็ดขณะที่วังสวรรค์มักเผชิญหน้ากับน้ำพุกะทันหันระดับแปด

 

ชัดเจนว่าโชคของพวกเขาแตกต่างกันมาก ใบหน้าของสมาชิกวังสวรรค์กลายเป็นมืดครึ้ม พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด

 

“ดูเหมือนฟงจิวเก้อจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดนี้

 

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนตระหนักถึงโชคที่แข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ กระทั่งคนโชคดีเช่นเขายังไม่สามารถสะกดข่มฝายหลัง

 

หากฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ วังสวรรค์จะไม่พบกับสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้

 

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนสามารถออกจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหันอย่างปลอดภัย

 

หลังจากชั่วครูฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงก็สามารถออกมาขณะที่นาวานิรันดร์ใช้เวลานานที่สุด

 

อย่างไรก็ตามนาวานิรันดร์รวดเร็วมาก เมื่อมันสามารถออกมาจากอาณาเขตของน้ำพุกะทันหัน ความเร็วของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นทําให้ระยะห่างระหว่างมันกับฟางหยวนลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าไม่สามารถหลบหนีไปเช่นนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

เมื่อเห็นฟางหยวนหยุดหลบหนี ผู้อมตะที่อยู่ภายในนาวานิรันดร์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มตื่นตระหนก

 

เกาซุนจือตะโกน “ทุกคนระวัง ปีศาจกําลังจะหันมาต่อสู้แทนการวิ่งหนี เขาต้องมีแผนชั่วบางอย่าง!”

 

นางพึ่งกล่าวเมื่อท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนถูกกระตุ้นใช้งาน

 

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

 

ท่าไม้ตายนี้ยังเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนช่วยขยายพลังอํานาจให้มันมากกว่าร้อยเท่าขณะเดียวกันมันก็ได้รับการสนับสนุนจากสายธารแห่งกาลเวลาทําให้พลังอํานาจของมันเกือบถึงระดับแปด

 

เส้นขนทั่วร่างของผู้อมตะระดับแปดชิงเย่ตั้งชันขึ้นทันที หัวใจของเขาแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

 

แต่ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลารวดเร็วเกินไป มันกระทั่งรวดเร็วกว่าดาบห้าดัชนี เมื่อฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ มันก็มาถึงชิงเยู่แล้ว

 

นาวานิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มีดบินตัดเวลาสามารถทะลวงผ่านมันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

“ไม่ใช่ว่าท่าไม้ตายนี้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์แล้วงั้นหรือ? เขาใช้มันได้อย่างไร? ข้าจะตายอยู่ที่นี้หรือไม่?” ชิงเย่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

 

“ปล่อยข้า!” ในช่วงเวลาคับขัน เกาซุนจือกระโดดเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าชิงเย่

 

“ฉัวะ!”

 

ร่างของเกาซุนจือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่นางล้มลงบนดาดฟ้าเรือ

 

ชิงเยู่สูดหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

” ใบหน้าของซึ่งเยกลายเป็นซีดเผือด

 

อีกสามซุนจือมองหน้ากันด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

พวกเขาคิดว่าการตายของเกาซุนจือจะทําให้พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากผู้อมตะระดับแปดผู้นี้

 

“ท่านชิงเย่ อย่ากังวล เรามีวิธีชุบชีวิตน้องสาวของเรา” จางซุนจือเผยรอยยิ้ม

 

แต่ชิงเย่ส่ายศีรษะและแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจวิธีการของพวกเจ้า ข้าเกรงว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล

 

ซุนจือทั้งสามตกใจ พวกเขาเร่งถาม “ท่านหมายความว่าอย่างไร? โปรดอธิบายให้เราทราบ”

 

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะของตระกูลโป้ ครั้งหนึ่งมันเคยคุกคามภาคกลาง มันเรียกว่าท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา” ชิงเย่กล่าวด้วยความรู้สึกซับซ้อนและไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวบนใบหน้า

 

“อันใด!?”

 

“เป็นท่าไม้ตายนี้”

 

การแสดงออกของสามซุนจือเปลี่ยนไป พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่สามารถสงบเหมือนก่อนหน้า

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้” จางซุนจือส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ

 

“แต่ความจริงเป็นเช่นนั้น หยุดไล่ล่าเขา” ชิงเยู่สูดหายใจลึกด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“ท่าน!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่เหลืออุทาน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยฟางหยวนไป นี่เป็นโอกาสดีที่จะสังหารฟางหยวน หากพวกเขาปล่อยปีศาจตนนี้ไป พวกเขาจะถูกตําหนิและถูกลงโทษ

 

อย่างไรก็ตามชิงเย่ตัดสินใจแล้ว

 

“ท่ามกลางคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง นาวานิรันดร์รวดเร็วที่สุดแต่การป้องกันของมันอ่อนแอที่สุด พวกเจ้าคงเห็นแล้วว่ามันไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!”

 

“หากเรายังไล่ล่าต่อไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถสังหารพวกเรา เขาจะได้รับนาวานิรันดร์ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ไม่สามารถมอบมิติช่องว่างให้ปีศาจตนนี้”

 

หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังอื่นอยู่ใกล้ๆ พวกเขายังมีโอกาส

 

แต่ในสถานการณ์นี้พวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+