Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

 

โดยปกติสัตว์ประหลาดยักษ์จะมีพละกําลังแต่เชื่องช้า เป็นไปไม่ได้ที่มันจะว่องไวเช่นนี้”

 

นักรบอินทรีย์ยืนขึ้นและนึกถึงความเป็นไปได้ เดี๋ยว! การโจมตีนี้อาจเป็นทักษะพิเศษของมัน!

 

เขามองฟางหยวนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหัววัวร่างมนุษย์และค่อยๆกู้คืนความกล้า

 

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! ข้ารู้ทักษะของเจ้าแล้ว แต่สัตว์ประหลาดที่โง่เขลาเช่นเจ้า ไม่สามารถทําความเข้าใจทักษะของข้า!”

 

“ถูกต้อง ตราบเท่าที่ข้าสามารถคว้าโอกาสนี้ ข้าจะมีโอกาสชนะ!”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาของนักรบอินทรีย์ก็ส่องประกายขึ้นด้วยความหวัง

 

“เขายืนขึ้นแล้ว!”

 

“ถูกต้อง นักรบอินทรีย์จะถูกเขี่ยทิ้งทันทีได้อย่างไร?”

 

“นักรบอินทรีย์ เราเชื่อในตัวท่าน!”

 

เมื่อเห็นนักรบอินทรีย์ยืนขึ้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

นักรบอินทรีย์กรีดร้องและกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! สัตว์ประหลาด ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ทักษะการต่อสู้ของข้า ภาพลวงตาสีเงิน!” นักรบอินทรีย์ตะโกน

 

ในเวลาต่อมาร่างของเขากลายเป็นพร่าเลือนและแยกออกเป็นหกร่าง ร่างทั้งหมดเหมือนจริง และไม่มีความแตกต่าง นักรบอินทรีย์บินเข้าไปล้อมกรอบฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน

 

ความโกลาหลในเมืองพุ่งขึ้นสู่ระดับใหม่ทันที

 

“ดู มันคือทักษะการต่อสู้ภาพลวงตาสีเงินของนักรบอินทรีย์!”

 

“ในที่สุดเขาก็ใช้มัน ดู สัตว์ประหลาดกําลังมึนงง มันไม่รู้จะโจมตีร่างใด”

 

“โอกาสแห่งชัยชนะมาถึงแล้ว ฆ่าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้”

 

“อ๊าก…นักรบอินทรีย์เท่เกินไปแล้ว!”

 

เสียงโห่ร้องของฝูงชนทําให้ความกล้าหาญและเจตจํานงแห่งการต่อสู้ของนักรบอินทรีย์พุ่งทะ ยานขึ้น

 

แต่เขายังเยือกเย็น ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ แม้ข้าจะไม่สามารสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ ข้าก็ต้องทําให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากทั้งหมดทักษะที่แข็งแกร่งไม่สามารถใช้ซ้ํา!”

 

“สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เช่นกัน มันไม่สามารถใช้ทักษะที่ทรงพลังซ้ําๆ ข้าจะใช้ภาพลวงตาเพื่อโจมตีและทําให้มันสูญเสียพละกําลังเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นข้าจะจับมันทั้งเป็น!”

 

นักรบอินทรีย์ต้องการจับฟางหยวนทั้งเป็น แม้ฟางหยวนจะไม่รู้ถึงความคิดนี้ แต่เขามองเห็นมันได้อย่างชัดเจนผ่านการเคลื่อนไหวของนักรบอินทรีย์

 

นักรบอินทรีย์เหมือนแมลงวันที่บินอยู่รอบๆฟางหยวน บางครั้งร่างมายาหนึ่งหรือสองร่างจะพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยกรงเล็บหรือจงอยปาก

 

ฟางหยวนยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่หลบเลี่ยง นักรบอินทรีย์ไม่ใช่ภัยคุกคามของเขา

 

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจ ถ้ําสวรรค์แห่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจ

 

ประการแรก ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับผู้อมตะค่อนข้างแตกต่างจากโลกภายนอก

 

พวกเขามีความสามัคคีและเป็นมิตร

 

ในห้าภูมิภาค มนุษย์มีสถานะเหมือนมดปลวกขณะที่ผู้อมตะมีสถานะเหนือกว่าอย่างมาก ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ผู้อมตะเป็นผู้ทักษ์ของมนุษย์ สิ่งสําคัญที่สุดคือพวกเขายังกระตือรือร้นที่จะทําหน้าที่ผู้ปกครอง

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

ถ้ําสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ หากพวกเขาสามารถติดต่อโลกภายนอก โครงสร้างทางสังคมของถ้ําสวรรค์แห่งนี้จะแตกต่างออกไป

 

ประการที่สอง รูปแบบการต่อสู้รวมถึงวิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะของที่นี่น่าสนใจเช่นกัน

 

ตัวอย่างเช่นนักรบอินทรีย์ที่เกิดจากการรวมร่างกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร

 

นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ข้อดีของมันเห็นได้ชัดมาก

 

โดยปกติผู้อมตะจะใช้พลังงานอมตะเพื่อกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะ แต่ผู้อมตะของที่นี่เพียงต้องรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อให้ได้รับความสามารถในการต่อสู้ของพวกมัน

 

ทักษะการต่อสู้เช่นภาพลวงตาสีเงินเป็นความสามารถโดยกําเนิดของนกอินทรีย์เดียวดาย มันเหมือนกับความสามารถโดยกําเนิดของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่สามารถเจาะทะลวงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์

 

สําหรับผู้คนที่นี่ ความสามารถโดยกําเนิดถูกเรียกว่าทักษะการต่อสู้ มันไม่พึ่งพาพลังงานอมตะแต่อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นเช่นการเสียสละส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรืออายุขัยบางส่วน

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ วิญญาณอมตะ หรือท่าไม้ตายอมตะ พวกมันล้วนเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งเต๋าทั้งสิ้น

 

เนื่องจากสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่บนร่างกายของพวกมัน ร่างกายส่วนที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่มากกว่าจะทําให้พวกมันได้รับความสามารถโดยกําเนิด

 

วิญญาณอมตะคือภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ท่าไม้ตายอมตะคือการรวมตัวกันของวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมาก เพื่อปลดปล่อยพลังอํานาจที่เฉพาะเจาะจง

 

ในความเป็นจริงท่าไม้ตายอมตะดั้งเดิมมักถูกสร้างขึ้นโดยการเลียนแบบความสามารถโดยกําเนิดของสัตว์อสูร

 

ผู้อมตะของที่นี่สามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อใช้ความสามารถโดยกําเนิดของพวกมัน พวกเขาไม่พึ่งพาวิญญาณอมตะและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย

 

นี่เป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่น

 

วิญญาณอมตะหายาก แต่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีอยู่มากมาย กระทั่งสัตว์อสูรแรกกําเนิดก็ยังพบเห็นได้ไม่ยาก

 

สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลขาดสติปัญญา แต่หลังจากรวมร่างกับผู้อมตะ ผู้อมตะจะสามารถใช้พลังอํานาจของพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันเป็นการชดเชยข้อบกพร่องของกันและกัน

 

“แต่วิธีนี้ไม่มีความยืดหยุ่น มันขาดความหลากหลาย พวกเขาจะมีวิธีต่อสู้ที่ตายตัว มันจัดการได้ง่ายและเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” ฟางหยวนตระหนักถึงข้อเสียของมันเช่นกัน

 

“แต่โดยรวมแล้วข้อดีของวิธีนี้ยังเหนือกว่าข้อเสีย หากมันได้รับความนิยม ห้าภูมิภาคจะได้รับอาวุธใหม่ที่สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง

 

โชคดีที่วิธีนี้ไม่เคยรั่วไหลออกไปในชีวิตก่อนหน้าของข้า มิฉะนั้นความทรงจําของข้าจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้อมตะ แม้มันจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่มันยังเพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์บางอย่าง

 

ห้าภูมิภาคมีผู้อมตะระดับหกมากมายที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

 

นี่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของโลกผู้อมตะในทุกภูมิภาค

 

หากภูมิภาคหนึ่งมีวิธีการนี้แต่อีกภูมิภาคหนึ่งไม่มี พลังการต่อสู้โดยรวมของภูมิภาคที่มีจะพุ่งสูงขึ้น พวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะภูมิภาคอื่น

 

“ความสามารถในการรวมร่างไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มันไม่เคยประสบความสําเร็จมาก่อน อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า”

 

“แต่ถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีวิธีเปลี่ยนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋อื่นๆให้เป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”

 

“ดังนั้นผู้อมตะของที่นี่จึงสามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล มันเหมือนกับการเปลี่ยนภัยพิบัติให้เป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

 

หลังจากได้ข้อสรุป ฟางหยวนยิ่งต้องการครอบครองวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาก

 

“ข้ามีเรื่องต้องทํา แมลงวันเหล่านี้ควรจะหยุดรบกวนข้าได้แล้ว” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทันที

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาในปัจจุบันไม่เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

 

นักรบอินทรีย์ตกใจเมื่อค้นพบว่าเวลารอบตัวเขาเดินช้าลงหลายเท่า

 

“นี่!? เวลาเดินช้ามาก! เป็นไปได้อย่างไร?” นักรบอินทรีย์ตกตะลึง

เขาค่อนข้างมั่นใจในความเร็วของตน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับไม่สามารถแสดงข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือความเร็ว!

 

“เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ฟางหยวนกางฝ่ามือออกและคว้าปักอินทรีย์ของนักรบอินทรีย์

 

“บัดซบ!” นักรบอินทรีย์คําราม แต่กระทั่งเขาจะใช้พละกําลังทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือของฟางหยวน

 

“ฉัวะ!”

 

ฟางหยวนฉีกปักทั้งสองข้างออกจากร่างของนักรบอินทรีย์

 

“อ๊าก…” ใบหน้าของนักรบอินทรีย์กลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือกไหลออกมาจากบาดแผลบนแผ่นหลังของเขาราวกับน้ําพุ

 

“นักรบอินทรีย์!”

 

“ไม่!”

 

ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องด้วยความตกใจ ความหวาดกลัว และความสยดสยอง บางคนหมดสติ บางคนยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนเอง

 

ฟางหยวนค่อยๆวางมือลงบนศีรษะของนักรบอินทรีย์

 

หัวใจของนักรบอินทรีย์เต้นแรงขณะที่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตาย

 

“นี่คือทักษะการต่อสู้ของมันงั้นหรือ?”

 

“การชะลอเวลาเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!!

 

แต่ แม้ข้าจะตายที่นี้ มันก็

 

ย่างน้อยข้าก็สามารถเปิดเผยความลับของมัน!”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นักรบอินทรีย์ก็กรีดร้อง “สัตว์ประหลาด! แม้เจ้าจะฆ่าข้าแต่ยังมีนักรบอสูรอีกมากมายที่จะมาฆ่าเจ้า! ความตายของเจ้าเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น…”

 

“ผัวะ!”

 

ศีรษะของนักรบอินทรีย์ระเบิดราวกับผลแตงโมที่ถูกทุบ เลือด สมอง และกระดูกกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

ฟางหยวนคลายฝ่ามือออก

 

ศพของนักรบอินทรีย์ที่ขาดศีรษะร่วงลงบนพื้น

 

ฟางหยวนมองไปที่เมือง

 

กําแพงเมืองสูงเพียงเข่าของฟางหยวน ศีรษะวัวของเขาทําให้ผู้คนหวาดกลัว เมฆสีขาวเคลื่อนตัวผ่านไหล่ของเขาไปอย่างช้าๆ เงาร่างที่น่ากลัวของเขาเกาะกุมหัวใจของทุกคน

 

มีผู้คนมากมายอยู่ในเมืองแต่มันกลับเงียบสงัดราวกับพวกเขาตายไปแล้ว

 

ฟางหยวนค่อยๆเดินตรงไปที่เมืองดังกล่าว

 

วินาทีต่อมา ความโกลาหลจึงปะทุขึ้น ผู้คนกรีดร้องและร้องไห้ขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนีไปทุกทิศทาง

 

จากมุมสูง ในสายตาของฟางหยวน มนุษย์เหล่านี้ไม่ต่างจากมดที่เคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองทั้งสี่ทิศ

 

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อพวกเขาและเดินหน้าต่อไป

 

“บึม!”

 

กําแพงเมืองถูกทําลายลงในครั้งเดียว

 

เขาเดินไปตามถนนสายหลักของเมือง อาคารบ้านเรือนพังทลายลงราวกับกล่องกระ ดาษ มนุษย์ที่โชคร้ายบางคนถูกเหยียบและกลายเป็นเนื้อบดโดยตรง

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1687 สัตว์ประหลาดอาละวาด

 

โดยปกติสัตว์ประหลาดยักษ์จะมีพละกําลังแต่เชื่องช้า เป็นไปไม่ได้ที่มันจะว่องไวเช่นนี้”

 

นักรบอินทรีย์ยืนขึ้นและนึกถึงความเป็นไปได้ เดี๋ยว! การโจมตีนี้อาจเป็นทักษะพิเศษของมัน!

 

เขามองฟางหยวนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหัววัวร่างมนุษย์และค่อยๆกู้คืนความกล้า

 

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! ข้ารู้ทักษะของเจ้าแล้ว แต่สัตว์ประหลาดที่โง่เขลาเช่นเจ้า ไม่สามารถทําความเข้าใจทักษะของข้า!”

 

“ถูกต้อง ตราบเท่าที่ข้าสามารถคว้าโอกาสนี้ ข้าจะมีโอกาสชนะ!”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาของนักรบอินทรีย์ก็ส่องประกายขึ้นด้วยความหวัง

 

“เขายืนขึ้นแล้ว!”

 

“ถูกต้อง นักรบอินทรีย์จะถูกเขี่ยทิ้งทันทีได้อย่างไร?”

 

“นักรบอินทรีย์ เราเชื่อในตัวท่าน!”

 

เมื่อเห็นนักรบอินทรีย์ยืนขึ้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

นักรบอินทรีย์กรีดร้องและกระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

“เจ้ามีทักษะการต่อสู้ ข้าก็มีเช่นกัน! สัตว์ประหลาด ข้าจะแสดงให้เจ้าดู ทักษะการต่อสู้ของข้า ภาพลวงตาสีเงิน!” นักรบอินทรีย์ตะโกน

 

ในเวลาต่อมาร่างของเขากลายเป็นพร่าเลือนและแยกออกเป็นหกร่าง ร่างทั้งหมดเหมือนจริง และไม่มีความแตกต่าง นักรบอินทรีย์บินเข้าไปล้อมกรอบฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน

 

ความโกลาหลในเมืองพุ่งขึ้นสู่ระดับใหม่ทันที

 

“ดู มันคือทักษะการต่อสู้ภาพลวงตาสีเงินของนักรบอินทรีย์!”

 

“ในที่สุดเขาก็ใช้มัน ดู สัตว์ประหลาดกําลังมึนงง มันไม่รู้จะโจมตีร่างใด”

 

“โอกาสแห่งชัยชนะมาถึงแล้ว ฆ่าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้”

 

“อ๊าก…นักรบอินทรีย์เท่เกินไปแล้ว!”

 

เสียงโห่ร้องของฝูงชนทําให้ความกล้าหาญและเจตจํานงแห่งการต่อสู้ของนักรบอินทรีย์พุ่งทะ ยานขึ้น

 

แต่เขายังเยือกเย็น ข้าต้องคว้าโอกาสนี้ แม้ข้าจะไม่สามารสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ ข้าก็ต้องทําให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากทั้งหมดทักษะที่แข็งแกร่งไม่สามารถใช้ซ้ํา!”

 

“สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เช่นกัน มันไม่สามารถใช้ทักษะที่ทรงพลังซ้ําๆ ข้าจะใช้ภาพลวงตาเพื่อโจมตีและทําให้มันสูญเสียพละกําลังเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นข้าจะจับมันทั้งเป็น!”

 

นักรบอินทรีย์ต้องการจับฟางหยวนทั้งเป็น แม้ฟางหยวนจะไม่รู้ถึงความคิดนี้ แต่เขามองเห็นมันได้อย่างชัดเจนผ่านการเคลื่อนไหวของนักรบอินทรีย์

 

นักรบอินทรีย์เหมือนแมลงวันที่บินอยู่รอบๆฟางหยวน บางครั้งร่างมายาหนึ่งหรือสองร่างจะพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยกรงเล็บหรือจงอยปาก

 

ฟางหยวนยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่หลบเลี่ยง นักรบอินทรีย์ไม่ใช่ภัยคุกคามของเขา

 

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจ ถ้ําสวรรค์แห่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจ

 

ประการแรก ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับผู้อมตะค่อนข้างแตกต่างจากโลกภายนอก

 

พวกเขามีความสามัคคีและเป็นมิตร

 

ในห้าภูมิภาค มนุษย์มีสถานะเหมือนมดปลวกขณะที่ผู้อมตะมีสถานะเหนือกว่าอย่างมาก ในถ้ําสวรรค์แห่งนี้ผู้อมตะเป็นผู้ทักษ์ของมนุษย์ สิ่งสําคัญที่สุดคือพวกเขายังกระตือรือร้นที่จะทําหน้าที่ผู้ปกครอง

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

ถ้ําสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ หากพวกเขาสามารถติดต่อโลกภายนอก โครงสร้างทางสังคมของถ้ําสวรรค์แห่งนี้จะแตกต่างออกไป

 

ประการที่สอง รูปแบบการต่อสู้รวมถึงวิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะของที่นี่น่าสนใจเช่นกัน

 

ตัวอย่างเช่นนักรบอินทรีย์ที่เกิดจากการรวมร่างกันระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร

 

นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ข้อดีของมันเห็นได้ชัดมาก

 

โดยปกติผู้อมตะจะใช้พลังงานอมตะเพื่อกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะ แต่ผู้อมตะของที่นี่เพียงต้องรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อให้ได้รับความสามารถในการต่อสู้ของพวกมัน

 

ทักษะการต่อสู้เช่นภาพลวงตาสีเงินเป็นความสามารถโดยกําเนิดของนกอินทรีย์เดียวดาย มันเหมือนกับความสามารถโดยกําเนิดของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่สามารถเจาะทะลวงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์

 

สําหรับผู้คนที่นี่ ความสามารถโดยกําเนิดถูกเรียกว่าทักษะการต่อสู้ มันไม่พึ่งพาพลังงานอมตะแต่อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นเช่นการเสียสละส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรืออายุขัยบางส่วน

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ วิญญาณอมตะ หรือท่าไม้ตายอมตะ พวกมันล้วนเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งเต๋าทั้งสิ้น

 

เนื่องจากสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่บนร่างกายของพวกมัน ร่างกายส่วนที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สะสมอยู่มากกว่าจะทําให้พวกมันได้รับความสามารถโดยกําเนิด

 

วิญญาณอมตะคือภาชนะบรรจุร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

 

ท่าไม้ตายอมตะคือการรวมตัวกันของวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมาก เพื่อปลดปล่อยพลังอํานาจที่เฉพาะเจาะจง

 

ในความเป็นจริงท่าไม้ตายอมตะดั้งเดิมมักถูกสร้างขึ้นโดยการเลียนแบบความสามารถโดยกําเนิดของสัตว์อสูร

 

ผู้อมตะของที่นี่สามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาลเพื่อใช้ความสามารถโดยกําเนิดของพวกมัน พวกเขาไม่พึ่งพาวิญญาณอมตะและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย

 

นี่เป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่น

 

วิญญาณอมตะหายาก แต่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมีอยู่มากมาย กระทั่งสัตว์อสูรแรกกําเนิดก็ยังพบเห็นได้ไม่ยาก

 

สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลขาดสติปัญญา แต่หลังจากรวมร่างกับผู้อมตะ ผู้อมตะจะสามารถใช้พลังอํานาจของพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันเป็นการชดเชยข้อบกพร่องของกันและกัน

 

“แต่วิธีนี้ไม่มีความยืดหยุ่น มันขาดความหลากหลาย พวกเขาจะมีวิธีต่อสู้ที่ตายตัว มันจัดการได้ง่ายและเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” ฟางหยวนตระหนักถึงข้อเสียของมันเช่นกัน

 

“แต่โดยรวมแล้วข้อดีของวิธีนี้ยังเหนือกว่าข้อเสีย หากมันได้รับความนิยม ห้าภูมิภาคจะได้รับอาวุธใหม่ที่สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง

 

โชคดีที่วิธีนี้ไม่เคยรั่วไหลออกไปในชีวิตก่อนหน้าของข้า มิฉะนั้นความทรงจําของข้าจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพลังการต่อสู้ของผู้อมตะ แม้มันจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่มันยังเพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์บางอย่าง

 

ห้าภูมิภาคมีผู้อมตะระดับหกมากมายที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

 

นี่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของโลกผู้อมตะในทุกภูมิภาค

 

หากภูมิภาคหนึ่งมีวิธีการนี้แต่อีกภูมิภาคหนึ่งไม่มี พลังการต่อสู้โดยรวมของภูมิภาคที่มีจะพุ่งสูงขึ้น พวกเขาจะมีโอกาสเอาชนะภูมิภาคอื่น

 

“ความสามารถในการรวมร่างไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มันไม่เคยประสบความสําเร็จมาก่อน อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋า”

 

“แต่ถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีวิธีเปลี่ยนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋อื่นๆให้เป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”

 

“ดังนั้นผู้อมตะของที่นี่จึงสามารถรวมร่างกับสัตว์อสูรเดียวดายหรือสัตว์อสูรบรรพกาล มันเหมือนกับการเปลี่ยนภัยพิบัติให้เป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

 

หลังจากได้ข้อสรุป ฟางหยวนยิ่งต้องการครอบครองวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาก

 

“ข้ามีเรื่องต้องทํา แมลงวันเหล่านี้ควรจะหยุดรบกวนข้าได้แล้ว” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทันที

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาในปัจจุบันไม่เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

 

นักรบอินทรีย์ตกใจเมื่อค้นพบว่าเวลารอบตัวเขาเดินช้าลงหลายเท่า

 

“นี่!? เวลาเดินช้ามาก! เป็นไปได้อย่างไร?” นักรบอินทรีย์ตกตะลึง

เขาค่อนข้างมั่นใจในความเร็วของตน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับไม่สามารถแสดงข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือความเร็ว!

 

“เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ฟางหยวนกางฝ่ามือออกและคว้าปักอินทรีย์ของนักรบอินทรีย์

 

“บัดซบ!” นักรบอินทรีย์คําราม แต่กระทั่งเขาจะใช้พละกําลังทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือของฟางหยวน

 

“ฉัวะ!”

 

ฟางหยวนฉีกปักทั้งสองข้างออกจากร่างของนักรบอินทรีย์

 

“อ๊าก…” ใบหน้าของนักรบอินทรีย์กลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือกไหลออกมาจากบาดแผลบนแผ่นหลังของเขาราวกับน้ําพุ

 

“นักรบอินทรีย์!”

 

“ไม่!”

 

ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องด้วยความตกใจ ความหวาดกลัว และความสยดสยอง บางคนหมดสติ บางคนยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนเอง

 

ฟางหยวนค่อยๆวางมือลงบนศีรษะของนักรบอินทรีย์

 

หัวใจของนักรบอินทรีย์เต้นแรงขณะที่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตาย

 

“นี่คือทักษะการต่อสู้ของมันงั้นหรือ?”

 

“การชะลอเวลาเป็นทักษะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!!

 

แต่ แม้ข้าจะตายที่นี้ มันก็

 

ย่างน้อยข้าก็สามารถเปิดเผยความลับของมัน!”

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นักรบอินทรีย์ก็กรีดร้อง “สัตว์ประหลาด! แม้เจ้าจะฆ่าข้าแต่ยังมีนักรบอสูรอีกมากมายที่จะมาฆ่าเจ้า! ความตายของเจ้าเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น…”

 

“ผัวะ!”

 

ศีรษะของนักรบอินทรีย์ระเบิดราวกับผลแตงโมที่ถูกทุบ เลือด สมอง และกระดูกกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง

 

ฟางหยวนคลายฝ่ามือออก

 

ศพของนักรบอินทรีย์ที่ขาดศีรษะร่วงลงบนพื้น

 

ฟางหยวนมองไปที่เมือง

 

กําแพงเมืองสูงเพียงเข่าของฟางหยวน ศีรษะวัวของเขาทําให้ผู้คนหวาดกลัว เมฆสีขาวเคลื่อนตัวผ่านไหล่ของเขาไปอย่างช้าๆ เงาร่างที่น่ากลัวของเขาเกาะกุมหัวใจของทุกคน

 

มีผู้คนมากมายอยู่ในเมืองแต่มันกลับเงียบสงัดราวกับพวกเขาตายไปแล้ว

 

ฟางหยวนค่อยๆเดินตรงไปที่เมืองดังกล่าว

 

วินาทีต่อมา ความโกลาหลจึงปะทุขึ้น ผู้คนกรีดร้องและร้องไห้ขณะที่พวกเขาพยายามหลบหนีไปทุกทิศทาง

 

จากมุมสูง ในสายตาของฟางหยวน มนุษย์เหล่านี้ไม่ต่างจากมดที่เคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองทั้งสี่ทิศ

 

ฟางหยวนเพิกเฉยต่อพวกเขาและเดินหน้าต่อไป

 

“บึม!”

 

กําแพงเมืองถูกทําลายลงในครั้งเดียว

 

เขาเดินไปตามถนนสายหลักของเมือง อาคารบ้านเรือนพังทลายลงราวกับกล่องกระ ดาษ มนุษย์ที่โชคร้ายบางคนถูกเหยียบและกลายเป็นเนื้อบดโดยตรง

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+