Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

 

ภาคกลาง ป่าหินปราณปฐพี

 

มันเต็มไปด้วยเสาหิน บางต้นใหญ่ บางต้นเล็ก

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของทะเลทรายตะวันตกชื่อกันตั้งมองป่าหินปราณปฐพีด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

 

ป่าหินปราณปฐพีเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปฐพี หินเหล็กกลมเป็นสิ่งที่ อกันตังต้องการ

 

มันหาได้ยากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง เนื่องจากนิกายโบราณของภาคกลางต้องการเก็บมันไว้ใช้เอง

 

“ในสวรรค์สีเหลือง แม้ข้าจะให้ราคาเพิ่ม แต่ผู้อมตะเหล่านั้นกลับปฏิเสธที่จะขาย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ข้าจะทําลายสถานที่แห่งนี้และนําหินเหล็กกลมไปทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้น!”

 

ชื่อกันตั้งสูดหายใจก่อนจะทะยานร่างออกไป

 

ท่าไม้ตายอมตะสามผาสวรรค์!

 

“บึม บึม บึม”

 

ภูเขาสามลูกตกลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้ป่าหินปราณปฐพีโดยตรง

 

ชื่อกันยังไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปรอบๆและปล้นสะดมหินเหล็กกลมทั้งหมด

 

ในเวลาเดียวกันที่บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ

 

“หนูสกปรกตัวใดกล้ามาที่นี่ เมื่อมาแล้วเหตุใดไม่แสดงตัว?” ผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล หยางเฟิง

 

เขามีไหล่กว้าง เอวบาง กระดูกสันหลังตรงราวกับหอก ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุดันของบุรุษออกมา เส้นผมสีเขียวของเขาตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของเขาดําสนิท เขาสวมเครื่องแบบทหาร ข้อมือข้อเท้าของเขาติดแท่งเหล็กเอาไว้

 

บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณไม่ใช่แหล่งทรัพยากรทั่วไป มันค่อนข้างพิเศษ นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางเฟิงมาที่นี้เพราะพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียมัน

 

ผู้อมตะชายชราหลังค่อมเดินถือไม้เท้าออกมาอย่างช้าๆ

 

หยางเฟิงสูดหายใจลึก “เจ้าแก่ เจ้าควรใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข เหตุใดต้องรนหาที่ตาย?”

 

ผู้อมตะเฒ่าหัวเราะ “มันช่วยไม่ได้ ข้าต้องการน้ําแร่จิตวิญญาณ”

 

หยางเฟิงกันเสียงเย็น “น้ําแร่จิตวิญญาณมีไม่พอสําหรับผู้อาวุโสของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แล้วเราจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะเฒ่าถอนหายใจ “ในกรณีนี้ข้าก็จะคว้ามันมาด้วยตนเอง”

 

หยางเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าแก่ เจ้าช่างกล้าหาญนัก หากมีความกล้าก็ต่อสู้กับข้า! บอกมา เจ้าคือผู้ใด?”

 

ผู้อมตะเฆ่าเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ข้าลืมชื่อของตนเองไปแล้ว แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่านักพรตที่ถูกลืม”

 

“นักพรตที่ถูกลืม?” ร่างกายของหยางเฟิงสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจ

 

หยางเฟิงมึนงงก่อนจะถามผู้อมตะเฆ่าอีกครั้ง “เดี๋ยว! ชื่อของเจ้าคือ?”

 

ชายชราไม่ตอบ เขาเพียงเผยรอยยิ้มบางให้หยางเฟิงเท่านั้น

 

หยางเฟิงขมวดคิ้วลึก “เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

 

ครู่ต่อมานักพรตที่ถูกลืมก็นําน้ําแร่จิตวิญญาณไปทั้งหมด หยางเฟิงเฝ้ามองเขาจากไปก่อนจะสามารถตอบสนอง “เจ้าคือผู้ใด? เจ้าทําตัวน่าสงสัย หยุดอยู่ตรงนั้น!”

หลังจากนักพรตที่ถูกลืมหายตัวไป หยางเฟิงมองบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณที่แห้งเหือดและกล่าวด้วยความโกรธและตกใจ “บัดซบ! ผู้ใดขโมยน้ําแร่จิตวิญญาณ!?”

 

“ไม่ ข้าต้องรายงานนิกาย” แต่ในเวลาต่อมาหยางเพิ่งกลับมันงงอีกครั้ง “ข้ามาทําสิ่งใดที่นี่?”

 

“โอ้ ถูกต้อง ข้ามาทําภารกิจปกป้องบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ ข้าไม่สามารถให้คนนอกเข้ามา!”

 

“อืม มีข้าอยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้ามาให้ข้าสังหาร!”

 

….

 

เทือกเขาแห่งหนึ่งในภาคกลาง

 

การต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะภาคกลางจากสิบนิกายโบราณที่เหลือรอดตะโกนด้วยความเกลียดชัง “จําสิ่งนี้เอาไว้!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า คนขี้แพ้” เซียวหูจื่อหัวเราะและหันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ด้านข้าง

 

ด้านเขาเขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือที่มีร่างกายผอมบาง

 

เขาคือปีศาจจอมตะระดับเจ็ด ไป่ซุ้ยฮัน

 

เซียวหูจื่อและไป่ซุ้ยฮันต่างต้องการทรัพยากรนี้ พวกเขาร่วมมือกันและบังคับให้ผู้อมตะของภาคกลางล่าถอย

 

ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศจึงกลายเป็นแปลกประหลาด

 

“สหาย เราจะแบ่งปันทรัพยากรอย่างไร?” เซียวหูจื่อแสร้งสุภาพ

 

ไป่ซุ้ยฮันกันเสียงเย็น เขากล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าสามารถแย่งชิงมัน”

 

เซียวหูจื่อตกตะลึงก่อนจะหัวเราะ “ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลเซียวจากทะเลทราย ตะวันตก แล้วเจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”

 

“หยุดไร้สาระ” ไป้ซุ้ยฮันโจมตีเซียวหูจื่อทันที

 

การแสดงออกของเซียวหูจื่อกลายเป็นมืดครึ้ม ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าก่อนที่เซียวหูจื่อจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ในจังหวะนี้เซียวซื่อหรงกลับปรากฏตัวขึ้นจากขอบฟ้า

 

เซียวหูจื่อมีความสุขมาก เขาร่วมมือกับเซียวซื่อหรงและต่อสู้กับไป่ซุ้ยฮัน

 

แต่หลังจากชั่วครู่เซียวหูจื่อกับเซียวซือหรงกลับถูกบังคับให้ล่าถอย พวกเขาจากไปด้วยความโกรธ

 

“เขาคือผู้ใด? ด้วยทรัพยากรเพียงเล็กน้อย เขากลับต่อสู้ราวกับชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน?” เซียวหูจื่อกัดฟันแน่น

 

“หากข้าจําไม่ผิด เขาคือปีศาจอมตะของภาคเหนือไป่ซุ้ยฮัน” เซียวซื่อหรงกล่าว

 

เซียวหูจื่อมึนงง “เขาเป็นสัตว์ประหลาดภาคเหนือ! ไม่แปลกใจเลยลืมมันไปเถอะ ภาคกลางมีทรัพยากรมากมาย เราไม่จําเป็นต้องแข่งขันกับคนบ้าเหล่านี้”

 

….

 

เวลาผ่านไปเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง กําแพงภูมิภาคหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ความปั่นป่วนที่เกิดจากเส้นโลหิตปฐพียังน้อยกว่าความโกลาหลที่เกิดจากการปล้นสะดมของกลุ่มผู้อมตะ

 

เดิมที่ภาคกลางเต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ําที่งดงาม แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยไฟและควัน

 

ผู้อมตะบางส่วนขโมยเพียงทรัพยากรเช่นนักพรตที่ถูกลืม แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่มักทําลายแหล่งทรัพยากรเช่นชื่อกันตั้ง

 

….

 

หลายวันต่อมา 

 

วังสวรรค์

 

“เอาล่ะ เราสะสมเจตจํานงของมนุษย์เพียงพอแล้ว” ในห้องโถง เฒ่าเจิ้งหยวนกล่าว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอยหายใจด้วยความโล่งอก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสูญเสียครั้งใหญ่ของภาคกลางทําให้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

 

“ใช้มัน” ราชันมังกรออกคําสั่ง

 

เฒ่าเจิ้งหยวนยืนขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทาก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาจากร่าง

 

ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง

 

เจตจํานงของมนุษย์ที่สะสมไว้ถูกใช้ไปจดหมด

 

ผู้อมตะ ผู้ใช้วิญญาณ และมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดในภาคกลางถูกปกคลุมด้วยรัศมีแสง

 

รัศมีแสงอยู่เพียงไม่นานก่อนจะเลือนหายไป

 

แต่ในไม่ช้าคนภาคกลางกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

“ช่างลึกลับนัก”

 

“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองเชื่อมต่อกับผู้คนรอบๆ ข้าสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเขา!”

 

หลังจากตกตะลึง ผู้คนก็เริ่มตระหนักว่าความรู้สึกของทุกคนเชื่อมต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว ความโศกเศร้า ความเกลียดชัง และแรงบันดาลใจ

 

“เจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงเกลียดชังพวกเรามากนัก?” ในสถานที่จัดการแข่งขัน ผู้อมตะภาคเหนือถูกค้นพบ

 

เขาเป็นเหมือนดวงไฟท่ามกลางความมืด

 

เขาอยู่ในชุดคลุมขาวและดูเหมือนบัณฑิต

 

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากปีศาจอมตะระดับเจ็ดบัณฑิตสันโดษของภาคเหนือ

 

“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ช่างน่าทึ่งนัก! แม้ข้าจะปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี แต่ข้ายังถูกเปิดเผย!” บัณฑิตสันโดษตกใจแต่เขายังเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้กับผู้คนรอบข้าง

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนปิดล้อมบัณฑิตสันโดษเอาไว้

 

“เจ้าปลอมตัวเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าต้องการล่าความสําเร็จนั้นหรือ? ไปซะ หากเจ้าจากไปตอนนี้ เราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า!” ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว

 

บัณฑิตสันโดษหัวเราะ “เมื่อข้ามาที่นี่ ข้าก็จะไม่กลับมือเปล่า”

 

ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางสับสน “เจ้าคือผู้ใด? เราเคยมีความแค้นต่อกันงั้นหรือ?”

 

“คือ เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือ? ย้อนกลับไปเจ้าทําลายตระกูลของข้า วันนี้ในฐานะทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า!” บัณฑิตสันโดษระเบิดพลังออกมาทันที

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมาบัณฑิตสันโดษจากไปพร้อมกับร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ

 

ไม่เหลือมนุษย์ที่มีชีวิตทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

….

 

สถานที่จัดการแข่งขันอีกแห่ง

 

“สหาย โปรดแสดงตัวด้วย” ผู้อมตะภาคกลางกล่าวอย่างสุภาพ

 

“พบข้าแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้เจิ้งชิงเดินออกมา

 

“ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม หลังจากทั้งหมดนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย” เจิ้งชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น

 

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้ เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์โดยบังเอิญ เขาไม่มีความเกลียดชังต่อภาคกลาง

 

ผู้อมตะภาคกลางพยักหน้า “ด้วยท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง เราสามารถสัมผัสถึงความตั้งใจของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถแข่งขันต่อไป”

 

“ข้าเข้าใจ”

 

“หากไม่รังเกียจ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเรา”

 

เจิ้งชิงสายศีรษะและจากไปอย่างเงียบๆ

 

บางคนสร้างหายนะ บางคนจากไปอย่างสงบ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็สามารถแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรและผู้ใดคือศัตรู

 

ภัยคุกคามถูกกําจัด ภาคกลางเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง

 

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมดําเนินต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

 

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เหตุใดยังไม่มีฝ่ายใดแสดงตัวออกมา? พวกเขารอสิ่งใดอยู่?” ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาอดทนรอขณะที่วังสวรรค์เข้าใกล้ความสําเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ

 

จนถึงเวลานี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่เคลื่อนไหว

 

“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” มุมหนึ่งของภาคกลาง วูหยงปรากฏตัวขึ้น

 

ด้านหลังเขามีกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้

 

วูหยงมองไปรอบๆก่อนกล่าว “ทุกคน ข้าไม่จําเป็นต้องอธิบายสถานการณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้วิญญาณชะตากรรมฟื้นฟูอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”

 

“ตามข้าไปทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จและมอบความล้มเหลวให้กับวังสวรรค์!”

 

“เราจะติดตามท่านผู้นํา!” กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กล่าวอย่างพร้อมเพรียง

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1705 รวมใจเป็นหนึ่ง

 

ภาคกลาง ป่าหินปราณปฐพี

 

มันเต็มไปด้วยเสาหิน บางต้นใหญ่ บางต้นเล็ก

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของทะเลทรายตะวันตกชื่อกันตั้งมองป่าหินปราณปฐพีด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

 

ป่าหินปราณปฐพีเต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปฐพี หินเหล็กกลมเป็นสิ่งที่ อกันตังต้องการ

 

มันหาได้ยากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง เนื่องจากนิกายโบราณของภาคกลางต้องการเก็บมันไว้ใช้เอง

 

“ในสวรรค์สีเหลือง แม้ข้าจะให้ราคาเพิ่ม แต่ผู้อมตะเหล่านั้นกลับปฏิเสธที่จะขาย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ข้าจะทําลายสถานที่แห่งนี้และนําหินเหล็กกลมไปทั้งหมดเพื่อเป็นการแก้แค้น!”

 

ชื่อกันตั้งสูดหายใจก่อนจะทะยานร่างออกไป

 

ท่าไม้ตายอมตะสามผาสวรรค์!

 

“บึม บึม บึม”

 

ภูเขาสามลูกตกลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้ป่าหินปราณปฐพีโดยตรง

 

ชื่อกันยังไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปรอบๆและปล้นสะดมหินเหล็กกลมทั้งหมด

 

ในเวลาเดียวกันที่บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ

 

“หนูสกปรกตัวใดกล้ามาที่นี่ เมื่อมาแล้วเหตุใดไม่แสดงตัว?” ผู้ปกป้องสถานที่แห่งนี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล หยางเฟิง

 

เขามีไหล่กว้าง เอวบาง กระดูกสันหลังตรงราวกับหอก ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุดันของบุรุษออกมา เส้นผมสีเขียวของเขาตั้งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาของเขาดําสนิท เขาสวมเครื่องแบบทหาร ข้อมือข้อเท้าของเขาติดแท่งเหล็กเอาไว้

 

บ่อน้ําแร่จิตวิญญาณไม่ใช่แหล่งทรัพยากรทั่วไป มันค่อนข้างพิเศษ นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางเฟิงมาที่นี้เพราะพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียมัน

 

ผู้อมตะชายชราหลังค่อมเดินถือไม้เท้าออกมาอย่างช้าๆ

 

หยางเฟิงสูดหายใจลึก “เจ้าแก่ เจ้าควรใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข เหตุใดต้องรนหาที่ตาย?”

 

ผู้อมตะเฒ่าหัวเราะ “มันช่วยไม่ได้ ข้าต้องการน้ําแร่จิตวิญญาณ”

 

หยางเฟิงกันเสียงเย็น “น้ําแร่จิตวิญญาณมีไม่พอสําหรับผู้อาวุโสของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แล้วเราจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร?”

 

ผู้อมตะเฒ่าถอนหายใจ “ในกรณีนี้ข้าก็จะคว้ามันมาด้วยตนเอง”

 

หยางเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ้าแก่ เจ้าช่างกล้าหาญนัก หากมีความกล้าก็ต่อสู้กับข้า! บอกมา เจ้าคือผู้ใด?”

 

ผู้อมตะเฆ่าเผยรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ข้าลืมชื่อของตนเองไปแล้ว แต่คนอื่นมักเรียกข้าว่านักพรตที่ถูกลืม”

 

“นักพรตที่ถูกลืม?” ร่างกายของหยางเฟิงสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจ

 

หยางเฟิงมึนงงก่อนจะถามผู้อมตะเฆ่าอีกครั้ง “เดี๋ยว! ชื่อของเจ้าคือ?”

 

ชายชราไม่ตอบ เขาเพียงเผยรอยยิ้มบางให้หยางเฟิงเท่านั้น

 

หยางเฟิงขมวดคิ้วลึก “เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?”

 

ครู่ต่อมานักพรตที่ถูกลืมก็นําน้ําแร่จิตวิญญาณไปทั้งหมด หยางเฟิงเฝ้ามองเขาจากไปก่อนจะสามารถตอบสนอง “เจ้าคือผู้ใด? เจ้าทําตัวน่าสงสัย หยุดอยู่ตรงนั้น!”

หลังจากนักพรตที่ถูกลืมหายตัวไป หยางเฟิงมองบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณที่แห้งเหือดและกล่าวด้วยความโกรธและตกใจ “บัดซบ! ผู้ใดขโมยน้ําแร่จิตวิญญาณ!?”

 

“ไม่ ข้าต้องรายงานนิกาย” แต่ในเวลาต่อมาหยางเพิ่งกลับมันงงอีกครั้ง “ข้ามาทําสิ่งใดที่นี่?”

 

“โอ้ ถูกต้อง ข้ามาทําภารกิจปกป้องบ่อน้ําแร่จิตวิญญาณ ข้าไม่สามารถให้คนนอกเข้ามา!”

 

“อืม มีข้าอยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้ามาให้ข้าสังหาร!”

 

….

 

เทือกเขาแห่งหนึ่งในภาคกลาง

 

การต่อสู้สิ้นสุดลง ผู้อมตะภาคกลางจากสิบนิกายโบราณที่เหลือรอดตะโกนด้วยความเกลียดชัง “จําสิ่งนี้เอาไว้!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า คนขี้แพ้” เซียวหูจื่อหัวเราะและหันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ด้านข้าง

 

ด้านเขาเขาเป็นผู้อมตะภาคเหนือที่มีร่างกายผอมบาง

 

เขาคือปีศาจจอมตะระดับเจ็ด ไป่ซุ้ยฮัน

 

เซียวหูจื่อและไป่ซุ้ยฮันต่างต้องการทรัพยากรนี้ พวกเขาร่วมมือกันและบังคับให้ผู้อมตะของภาคกลางล่าถอย

 

ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศจึงกลายเป็นแปลกประหลาด

 

“สหาย เราจะแบ่งปันทรัพยากรอย่างไร?” เซียวหูจื่อแสร้งสุภาพ

 

ไป่ซุ้ยฮันกันเสียงเย็น เขากล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าสามารถแย่งชิงมัน”

 

เซียวหูจื่อตกตะลึงก่อนจะหัวเราะ “ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลเซียวจากทะเลทราย ตะวันตก แล้วเจ้าเป็นผู้ใด? เจ้าช่างเย่อหยิ่งนัก”

 

“หยุดไร้สาระ” ไป้ซุ้ยฮันโจมตีเซียวหูจื่อทันที

 

การแสดงออกของเซียวหูจื่อกลายเป็นมืดครึ้ม ทั้งสองต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่าก่อนที่เซียวหูจื่อจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ในจังหวะนี้เซียวซื่อหรงกลับปรากฏตัวขึ้นจากขอบฟ้า

 

เซียวหูจื่อมีความสุขมาก เขาร่วมมือกับเซียวซื่อหรงและต่อสู้กับไป่ซุ้ยฮัน

 

แต่หลังจากชั่วครู่เซียวหูจื่อกับเซียวซือหรงกลับถูกบังคับให้ล่าถอย พวกเขาจากไปด้วยความโกรธ

 

“เขาคือผู้ใด? ด้วยทรัพยากรเพียงเล็กน้อย เขากลับต่อสู้ราวกับชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน?” เซียวหูจื่อกัดฟันแน่น

 

“หากข้าจําไม่ผิด เขาคือปีศาจอมตะของภาคเหนือไป่ซุ้ยฮัน” เซียวซื่อหรงกล่าว

 

เซียวหูจื่อมึนงง “เขาเป็นสัตว์ประหลาดภาคเหนือ! ไม่แปลกใจเลยลืมมันไปเถอะ ภาคกลางมีทรัพยากรมากมาย เราไม่จําเป็นต้องแข่งขันกับคนบ้าเหล่านี้”

 

….

 

เวลาผ่านไปเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง กําแพงภูมิภาคหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ความปั่นป่วนที่เกิดจากเส้นโลหิตปฐพียังน้อยกว่าความโกลาหลที่เกิดจากการปล้นสะดมของกลุ่มผู้อมตะ

 

เดิมที่ภาคกลางเต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ําที่งดงาม แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยไฟและควัน

 

ผู้อมตะบางส่วนขโมยเพียงทรัพยากรเช่นนักพรตที่ถูกลืม แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่มักทําลายแหล่งทรัพยากรเช่นชื่อกันตั้ง

 

….

 

หลายวันต่อมา 

 

วังสวรรค์

 

“เอาล่ะ เราสะสมเจตจํานงของมนุษย์เพียงพอแล้ว” ในห้องโถง เฒ่าเจิ้งหยวนกล่าว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยถอยหายใจด้วยความโล่งอก ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสูญเสียครั้งใหญ่ของภาคกลางทําให้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

 

“ใช้มัน” ราชันมังกรออกคําสั่ง

 

เฒ่าเจิ้งหยวนยืนขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทาก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาจากร่าง

 

ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง

 

เจตจํานงของมนุษย์ที่สะสมไว้ถูกใช้ไปจดหมด

 

ผู้อมตะ ผู้ใช้วิญญาณ และมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดในภาคกลางถูกปกคลุมด้วยรัศมีแสง

 

รัศมีแสงอยู่เพียงไม่นานก่อนจะเลือนหายไป

 

แต่ในไม่ช้าคนภาคกลางกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

“ช่างลึกลับนัก”

 

“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองเชื่อมต่อกับผู้คนรอบๆ ข้าสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของพวกเขา!”

 

หลังจากตกตะลึง ผู้คนก็เริ่มตระหนักว่าความรู้สึกของทุกคนเชื่อมต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว ความโศกเศร้า ความเกลียดชัง และแรงบันดาลใจ

 

“เจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดเจ้าถึงเกลียดชังพวกเรามากนัก?” ในสถานที่จัดการแข่งขัน ผู้อมตะภาคเหนือถูกค้นพบ

 

เขาเป็นเหมือนดวงไฟท่ามกลางความมืด

 

เขาอยู่ในชุดคลุมขาวและดูเหมือนบัณฑิต

 

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากปีศาจอมตะระดับเจ็ดบัณฑิตสันโดษของภาคเหนือ

 

“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ช่างน่าทึ่งนัก! แม้ข้าจะปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี แต่ข้ายังถูกเปิดเผย!” บัณฑิตสันโดษตกใจแต่เขายังเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้กับผู้คนรอบข้าง

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนปิดล้อมบัณฑิตสันโดษเอาไว้

 

“เจ้าปลอมตัวเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าต้องการล่าความสําเร็จนั้นหรือ? ไปซะ หากเจ้าจากไปตอนนี้ เราจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า!” ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว

 

บัณฑิตสันโดษหัวเราะ “เมื่อข้ามาที่นี่ ข้าก็จะไม่กลับมือเปล่า”

 

ผู้นํากลุ่มผู้อมตะภาคกลางสับสน “เจ้าคือผู้ใด? เราเคยมีความแค้นต่อกันงั้นหรือ?”

 

“คือ เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือ? ย้อนกลับไปเจ้าทําลายตระกูลของข้า วันนี้ในฐานะทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ข้าจะปลิดชีวิตเจ้า!” บัณฑิตสันโดษระเบิดพลังออกมาทันที

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมาบัณฑิตสันโดษจากไปพร้อมกับร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ

 

ไม่เหลือมนุษย์ที่มีชีวิตทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

….

 

สถานที่จัดการแข่งขันอีกแห่ง

 

“สหาย โปรดแสดงตัวด้วย” ผู้อมตะภาคกลางกล่าวอย่างสุภาพ

 

“พบข้าแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะภาคใต้เจิ้งชิงเดินออกมา

 

“ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเพียงต้องการสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม หลังจากทั้งหมดนี่อาจเป็นครั้งสุดท้าย” เจิ้งชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น

 

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้ เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์โดยบังเอิญ เขาไม่มีความเกลียดชังต่อภาคกลาง

 

ผู้อมตะภาคกลางพยักหน้า “ด้วยท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่ง เราสามารถสัมผัสถึงความตั้งใจของเจ้า น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถแข่งขันต่อไป”

 

“ข้าเข้าใจ”

 

“หากไม่รังเกียจ เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเรา”

 

เจิ้งชิงสายศีรษะและจากไปอย่างเงียบๆ

 

บางคนสร้างหายนะ บางคนจากไปอย่างสงบ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็สามารถแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรและผู้ใดคือศัตรู

 

ภัยคุกคามถูกกําจัด ภาคกลางเริ่มมีเสถียรภาพอีกครั้ง

 

การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมดําเนินต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

 

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เหตุใดยังไม่มีฝ่ายใดแสดงตัวออกมา? พวกเขารอสิ่งใดอยู่?” ฟางหยวนกัดฟันแน่น เขาอดทนรอขณะที่วังสวรรค์เข้าใกล้ความสําเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ

 

จนถึงเวลานี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่เคลื่อนไหว

 

“ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” มุมหนึ่งของภาคกลาง วูหยงปรากฏตัวขึ้น

 

ด้านหลังเขามีกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้

 

วูหยงมองไปรอบๆก่อนกล่าว “ทุกคน ข้าไม่จําเป็นต้องอธิบายสถานการณ์ เราไม่สามารถปล่อยให้วิญญาณชะตากรรมฟื้นฟูอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นวังสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่”

 

“ตามข้าไปทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ทําลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ความสําเร็จและมอบความล้มเหลวให้กับวังสวรรค์!”

 

“เราจะติดตามท่านผู้นํา!” กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กล่าวอย่างพร้อมเพรียง

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+