Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์

 

บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง ผู้อมตะหนุ่มบังคับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ท่านเทพอมตะ ตอนนี้ท่านอายุเพียงไม่กี่ร้อยปี ท่านยังมีเวลาอีกหลายพันปีหรือหลายหมื่นปี ไม่ใช่ว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้สั้นหรือ?”

 

การแสดงออกของเทพอมตะแรกกําเนิดกลายเป็นเคร่งขรึม เขามองผู้อมตะหนุ่มด้วยสายตาสงบนิ่ง แต่คนหลังกลับไม่สามารถหายใจและต้องก้มศีรษะลงทันที

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “คนที่ไม่คิดถึงปัญหาในอนาคตจะพบกับความทุกข์ทรมานเป็นคนแรก หากเราไม่คิดวิธีแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆและระมัดระวัง หลังจากข้าตาย การเสียสละทั้งหมดของเราจะไร้ความหมาย ความสําเร็จที่ได้มาอย่างยากลําบากจากการต่อสู้ดิ้นรนของเราจะกลายเป็นสูญเปล่า”

 

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด หลังจากข้าตาย ผู้ใดในกลุ่มพวกเจ้าที่สามารถเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์ต่อต้านเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์?” เทพอมตะแรกกําเนิดถาม

 

กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดตอบคําถาม

 

แม้เผ่ามนุษย์จะฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่พวกเขายังต้องพึ่งพาเทพอมตะแรกกําเนิด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์คนอื่นๆไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

 

เทพอมตะแรกกําเนิดถอนหายใจ “ภาคกลางใหญ่โตมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มีกี่คน? ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีกี่คน? แล้วมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดมีกี่คน? ความแตกต่างของมันใหญ่โตมาก”

 

“แม้เราจะสามารถปกครองภาคกลาง แล้วอีกสี่ภูมิภาคที่เหลือจะเป็นอย่างไร?

 

“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าถูกเปิดเผยออกไปแล้ว มนุษย์กลายพันธุ์ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านข้า ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจซ่อนตัว เราไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาพวกเขา โดยเฉพาะถ้ำสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์”

 

กลุ่มผู้อมตะเริ่มเข้าใจเจตนาของเทพอมตะแรกกําเนิด

 

แม้เผ่ามนุษย์จะเติบโตขึ้น แต่พวกเขายังต้องพึ่งพาเทพอมตะแรกกําเนิด ขณะที่อายุขัยของเทพอมตะแรกกําเนิดมีจํากัด เขาจะตายในวันหนึ่ง

 

เทพอมตะแรกกําเนิดแข็งแกร่งที่สุดแต่เขาไม่มีวิธีค้นหาศัตรูที่มีประสิทธิภาพ

 

ผู้อมตะชราผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ตามคํากล่าวของท่านเทพอมตะ วิธีที่จะทําให้มนุษย์สามารถปกครองโลกได้ในระยะยาวคือการละทิ้งระบบตระกูลและสร้างระบบนิกายเช่นนั้นหรือ?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดพยักหน้า

 

“เราจะสามารถเอาชนะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดและมอบอนาคตที่สดใสให้กับมนุษยชาติได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาข้าเพียงผู้เดียว”

 

“เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สามารถซ่อนตัว หากเราต้องการให้เผ่ามนุษย์สามารถพึ่งพาตนเอง เราต้องขยายจํานวนประชากรของเราและหล่อเลี้ยงผู้อมตะให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ตราบเท่าที่เผ่ามนุษย์ของเรามีผู้อมตะมากกว่าเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ อนาคตของเผ่ามนุษย์จะสดใส

 

“หากเราใช้ระบบตระกูล เราจะไม่แตกต่างจากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่กระจัดกระจาย เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หากเราใช้ระบบตระกูลต่อไป เราจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขา”

 

“สร้างระบบนิกายและค้นหาอัจฉริยะเป็นวิธีเดียวของเรา อย่ากังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ละทิ้งอคติ และเลี้ยงดูพวกเขา จากนั้นเราจะมีความหวังที่จะเอาชนะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์!”

 

คํากล่าวของเทพอมตะแรกกําเนิดทําให้กลุ่มผู้อมตะตกสู่ความเงียบอีกครั้ง

 

หลายคนตระหนักว่าข้อเสนอแนะของเทพอมตะแรกกําเนิดสมเหตุสมผลแต่ยังมีหลายคนที่ไม่สามารถยอมรับ

 

บางคนกล่าว “ระบบนิกายอนุญาตให้เราสามารถสร้างความร่วมมือได้จริงๆเช่นนั้นหรือ? เราจะสามารถสร้างความยุติธรรมได้จริงๆหรือไม่? มันจะไม่มีความขัดแย้งภายในงั้นหรือ?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดส่ายศีรษะ “ไม่ว่าจะเป็นกองกําลังประเภทใด มันย่อมมีความขัดแย้งภายในเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลมีพื้นฐานมาจากสายสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือการแต่งงาน นิกายตัดสินผู้คนจากความสามารถและพรสวรรค์ เป็นธรรมชาติที่อย่างหลังจะเปิดกว้างและโปร่งใสกว่า ทรัพยากรในการบ่มเพาะที่มีอยู่อย่างจํากัดจะถูกส่งมอบให้กับคนที่เหมาะสมมากกว่า นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมมากที่สุด!”

 

คนเดิมเปิดปากแต่ไม่สามารถโต้แย้ง เขาทําได้เพียงกล่าวอ้อมไปเรื่องอื่น “ท่านหมายความว่าตระกูลไม่สามารถหาผู้มีพรสวรรค์เช่นนั้นหรือ? ตระกูลสามารถดูดซับคนที่มีความสามารถผ่านการแต่งงานหรือรับบุตรบุญธรรม”

 

“เจ้าพูดถูก” เทพอมตะแรกกําเนิดพยักหน้า “แต่เจ้าสามารถแต่งงานได้กี่ครั้ง? แม้เจ้าจะรับบุตรบุญธรรมจํานวนมาก แต่พวกเขาอาจถูกเนรเทศหรือปราบปรามโดยทายาทที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดใช่หรือไม่?”

 

ในที่สุดคนผู้นั้นก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีก

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวต่อ “ข้ารู้ว่าระบบนิกายจะไม่ได้รับการยอมรับในช่วงแรก ทุกคนต่างต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ มันไม่เป็นไรที่เราจะมอบทรัพยากรให้กับบุตรหลาน แต่ระบบนิกายจะมอบทรัพยากรให้กับคนนอก”

 

“อย่างไรก็ตามนิกายไม่ได้มอบทรัพยากรให้กับผู้อื่นแบบสุ่ม แต่พวกเราจะมอบมันให้กับอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่นตั้งแต่กําเนิดเท่านั้น สิ่งสําคัญที่สุดพวกเขาจะต้องภักดีต่อนิกายของเรา”

 

“นอกจากนั้นแม้เราจะไม่มีระบบตระกูล มันก็ไม่ได้หมายความว่าบุตรหลานของพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ เมื่อพวกเขาเข้าสู่นิกาย พวกเขาจะได้รับการดูแลจากพวกเจ้าเป็นพิเศษ แต่ข้าหวังว่าพวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนกฎของนิกายอย่างเปิดเผย”

 

“ตราบเท่าที่เราปกป้องกฏของนิกาย บุตรหลานหรือศิษย์ของพวกเราจะปฏิบัติตามกฎของนิกายอย่างเคร่งครัด ตราบเท่าที่เราสร้างระบบนิกายและรวมเป็นหนึ่ง ข้าเชื่อว่ามนุษย์จะมีอนาคตที่สดใส!”

 

“อิทธิพลของข้าไม่สามารถขยายไปถึงอีกสี่ภูมิภาคที่อยู่ห่างไกล แต่ในภาคกลาง ข้าหวังว่าทุกคนจะสร้างระบบนิกายและละทิ้งระบบตระกูลเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ ข้าต้องให้ความสําคัญกับจุดหนึ่ง ผู้อมตะภาคกลางต้องสร้างหรือเข้าร่วมนิกาย พวกเจ้าไม่สามารถสร้างกองกําลังของตนเองในอนาคต หากผู้ใดฝ่าฝืน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินของข้าเป็นการส่วนตัว!”

 

กลุ่มผู้อมตะไม่กล้ากล่าวสิ่งใด เมื่อเทพอมตะแรกกําเนิดแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้าน

 

อย่างไรก็ตามเทพอมตะแรกกําเนิดไม่ได้ห้ามใช้ระบบตระกูลอย่างสิ้นเชิง ระบบนิกายจะถูกบังคับใช้กับผู้อมตะเท่านั้น สําหรับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์และมนุษย์ธรรมดา พวกเขายังสามารถใช้ระบบตระกูลต่อไป

 

ก่อตั้งนิกาย พวกเขาก็ยังสามารถดแลบตรหลานของตนเอง

 

นี่ถือเป็นการประนีประนอมของเทพอมตะแรกกําเนิดต่อความเป็นจริง มันยังแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาและการมองการณ์ไกลของเขาอีกด้วย

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวต่อ “ในฐานะผู้นํา ข้าจะทําเป็นตัวอย่าง ข้าขอสาบานว่าข้าจะสร้างนิกาย ไม่ใช่ตระกูล ข้าจะรับสาวกและถ่ายทอดประสบการณ์ของข้าแก่พวกเขาโดยไม่ลังเล!”

 

“หลังจากข้าตาย มิติช่องว่างของข้าจะกลายเป็นรากฐานของนิกาย มันจะไม่ถูกทิ้งไว้ให้กับบุตรหลานในสายเลือดของข้า!”

 

“ท่านเทพอมตะ!”

 

“ท่าน…”

 

หัวใจของกลุ่มผู้อมตะสั่นไหว

 

พวกเขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่จะเสียสละเพื่อประโยชน์ในภาพรวมของเทพอมตะแรกกําเนิด

 

หากเทพอมตะแรกกําเนิดมีความมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดพวกเขาจะไม่ทําตาม?

 

“ท่านเทพอมตะที่เคารพ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะทําตามคําสั่งของท่าน!”

 

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะสร้างนิกาย ไม่ใช่ตระกูล!”

 

“การดํารงอยู่ของท่านเทพอมตะเป็นพรของเผ่ามนุษย์อย่างแท้จริง!”

 

“การติดตามท่านเทพอมตะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า”

 

“ท่านเทพอมตะ ข้ายังมีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการก่อตั้งนิกาย”

 

“อืม พูดมา” เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าว

 

“ท่านต้องการสร้างนิกายประเภทใด? เราควรสร้างนิกายที่ใด? นิกายมีกฏใดบ้าง? สิ่งใดคือสิ่งสําคัญในการสร้างนิกาย?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดสูดหายใจลึก “ข้าจินตนาการถึงแนวคิดเกี่ยวกับนิกายมานานแล้ว แผนนี้เกี่ยวกับทุกแง่มุม ตัวอย่างเช่นนิกายของข้าจะมีชื่อว่าวังสวรรค์!”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดตอบคําถามของกลุ่มผู้อมตะทั้งหมด

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไป

 

เขากวาดตามองกลุ่มผู้อมตะ “ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าตราบเท่าที่เราก่อตั้งนิกาย แม้ข้าจะตาย เผ่ามนุษย์ก็ยังจะเจริญรุ่งเรืองต่อไป หากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเขาจะพินาศอย่างแน่นอน!”

 

“โปรดเชื่อในตัวข้า!”

 

“นิกายของเราไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด!”

 

“ตราบเท่าที่พวกเราดําเนินการตามแผน นิกายต่างๆจะค่อยๆส่องประกายขึ้นใน ประวัติศาสตร์วังสวรรค์และนิกายของพวกเราจะโด่งดังไปทั่วโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องหวาดกลัวพวกเรา!”

 

สามล้านแปดแสนเจ็ดพันหกร้อยแปดสิบเจ็ดปีต่อมา

 

สมรภูมิวังสวรรค์

 

การต่อสู้ที่ดุเดือดยังดําเนินต่อไป ถ้ำสวรรค์นิรันดรที่ได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะตะวันเดือดเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

อย่างไรก็ตามสมาชิกของวังสวรรค์ยังตื่นขึ้นจากสุสานอมตะอย่างต่อเนื่อง

 

“ผู้ใดกล้าบุกวังสวรรค์?”

 

“นี่เป็นผลงานของบรรชนของเรา ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทําลายมัน!”

 

“ผู้คนมากมายเสียสละชีวิตของพวกเขา แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรที่ใช้ระบบตระกูลกลับต้องการเอาชนะวังสวรรค์งั้นหรือ? ยืม อย่าฝัน!”

 

“ถ้ำสวรรค์นิรันดรช่างน่ารังเกียจ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเจ้ากระทั่งปลุกระดมการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง?”

 

“วังสวรรค์ของเราคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของมนุษยชาติ มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง!”

 

“ข้าจะปกป้องวังสวรรค์ด้วยชีวิต!”

 

เสียงตะโกนของกลุ่มผู้อมตะที่เดินออกมาจากสุสานอมตะดังขึ้น

 

เช่นเดียวกับคํากล่าวของเทพอมตะแรกกําเนิดเมื่อสามล้านปีก่อน วังสวรรค์ของเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จะกําหราบโลกทั้งใบ

 

เจตจํานงของเขาถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

อัจฉริยะมากมายถือกําเนิดขึ้นในนิกาย คนรุ่นหลังสืบทอดและรักษาอุดมการณ์ของเขามาตล

 

ผู้อมตะภาคเหนือมีความกล้าหาญ แต่ผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่ต่างจากคนบ้า แม้พวกเขาจะไม่มีวิญญาณอมตะ แต่พวกเขาจะเสียสละตนเองและลากดึงศัตรูไปตายพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาไม่ปรากฏความลังเลหรือความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

ตรงข้าม ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และความเชื่อของตนเอง

 

มันเจิดจ้าและเปร่งประกายมาก

 

“เพราะเหตุใด? เราแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เหตุใดเราถึงกลายเป็นฝ่ายถูกปราบปราม?” ปิงช่ายฉวนกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1738 ต้นกําเนิดของวังสวรรค์

 

บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง ผู้อมตะหนุ่มบังคับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า “ท่านเทพอมตะ ตอนนี้ท่านอายุเพียงไม่กี่ร้อยปี ท่านยังมีเวลาอีกหลายพันปีหรือหลายหมื่นปี ไม่ใช่ว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้สั้นหรือ?”

 

การแสดงออกของเทพอมตะแรกกําเนิดกลายเป็นเคร่งขรึม เขามองผู้อมตะหนุ่มด้วยสายตาสงบนิ่ง แต่คนหลังกลับไม่สามารถหายใจและต้องก้มศีรษะลงทันที

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “คนที่ไม่คิดถึงปัญหาในอนาคตจะพบกับความทุกข์ทรมานเป็นคนแรก หากเราไม่คิดวิธีแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆและระมัดระวัง หลังจากข้าตาย การเสียสละทั้งหมดของเราจะไร้ความหมาย ความสําเร็จที่ได้มาอย่างยากลําบากจากการต่อสู้ดิ้นรนของเราจะกลายเป็นสูญเปล่า”

 

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด หลังจากข้าตาย ผู้ใดในกลุ่มพวกเจ้าที่สามารถเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์ต่อต้านเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์?” เทพอมตะแรกกําเนิดถาม

 

กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดตอบคําถาม

 

แม้เผ่ามนุษย์จะฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่พวกเขายังต้องพึ่งพาเทพอมตะแรกกําเนิด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์คนอื่นๆไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

 

เทพอมตะแรกกําเนิดถอนหายใจ “ภาคกลางใหญ่โตมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มีกี่คน? ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีกี่คน? แล้วมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดมีกี่คน? ความแตกต่างของมันใหญ่โตมาก”

 

“แม้เราจะสามารถปกครองภาคกลาง แล้วอีกสี่ภูมิภาคที่เหลือจะเป็นอย่างไร?

 

“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าถูกเปิดเผยออกไปแล้ว มนุษย์กลายพันธุ์ตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านข้า ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจซ่อนตัว เราไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาพวกเขา โดยเฉพาะถ้ำสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์”

 

กลุ่มผู้อมตะเริ่มเข้าใจเจตนาของเทพอมตะแรกกําเนิด

 

แม้เผ่ามนุษย์จะเติบโตขึ้น แต่พวกเขายังต้องพึ่งพาเทพอมตะแรกกําเนิด ขณะที่อายุขัยของเทพอมตะแรกกําเนิดมีจํากัด เขาจะตายในวันหนึ่ง

 

เทพอมตะแรกกําเนิดแข็งแกร่งที่สุดแต่เขาไม่มีวิธีค้นหาศัตรูที่มีประสิทธิภาพ

 

ผู้อมตะชราผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ตามคํากล่าวของท่านเทพอมตะ วิธีที่จะทําให้มนุษย์สามารถปกครองโลกได้ในระยะยาวคือการละทิ้งระบบตระกูลและสร้างระบบนิกายเช่นนั้นหรือ?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดพยักหน้า

 

“เราจะสามารถเอาชนะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดและมอบอนาคตที่สดใสให้กับมนุษยชาติได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาข้าเพียงผู้เดียว”

 

“เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์สามารถซ่อนตัว หากเราต้องการให้เผ่ามนุษย์สามารถพึ่งพาตนเอง เราต้องขยายจํานวนประชากรของเราและหล่อเลี้ยงผู้อมตะให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ตราบเท่าที่เผ่ามนุษย์ของเรามีผู้อมตะมากกว่าเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ อนาคตของเผ่ามนุษย์จะสดใส

 

“หากเราใช้ระบบตระกูล เราจะไม่แตกต่างจากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่กระจัดกระจาย เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หากเราใช้ระบบตระกูลต่อไป เราจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขา”

 

“สร้างระบบนิกายและค้นหาอัจฉริยะเป็นวิธีเดียวของเรา อย่ากังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ละทิ้งอคติ และเลี้ยงดูพวกเขา จากนั้นเราจะมีความหวังที่จะเอาชนะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์!”

 

คํากล่าวของเทพอมตะแรกกําเนิดทําให้กลุ่มผู้อมตะตกสู่ความเงียบอีกครั้ง

 

หลายคนตระหนักว่าข้อเสนอแนะของเทพอมตะแรกกําเนิดสมเหตุสมผลแต่ยังมีหลายคนที่ไม่สามารถยอมรับ

 

บางคนกล่าว “ระบบนิกายอนุญาตให้เราสามารถสร้างความร่วมมือได้จริงๆเช่นนั้นหรือ? เราจะสามารถสร้างความยุติธรรมได้จริงๆหรือไม่? มันจะไม่มีความขัดแย้งภายในงั้นหรือ?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดส่ายศีรษะ “ไม่ว่าจะเป็นกองกําลังประเภทใด มันย่อมมีความขัดแย้งภายในเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว ตระกูลมีพื้นฐานมาจากสายสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือการแต่งงาน นิกายตัดสินผู้คนจากความสามารถและพรสวรรค์ เป็นธรรมชาติที่อย่างหลังจะเปิดกว้างและโปร่งใสกว่า ทรัพยากรในการบ่มเพาะที่มีอยู่อย่างจํากัดจะถูกส่งมอบให้กับคนที่เหมาะสมมากกว่า นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมมากที่สุด!”

 

คนเดิมเปิดปากแต่ไม่สามารถโต้แย้ง เขาทําได้เพียงกล่าวอ้อมไปเรื่องอื่น “ท่านหมายความว่าตระกูลไม่สามารถหาผู้มีพรสวรรค์เช่นนั้นหรือ? ตระกูลสามารถดูดซับคนที่มีความสามารถผ่านการแต่งงานหรือรับบุตรบุญธรรม”

 

“เจ้าพูดถูก” เทพอมตะแรกกําเนิดพยักหน้า “แต่เจ้าสามารถแต่งงานได้กี่ครั้ง? แม้เจ้าจะรับบุตรบุญธรรมจํานวนมาก แต่พวกเขาอาจถูกเนรเทศหรือปราบปรามโดยทายาทที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดใช่หรือไม่?”

 

ในที่สุดคนผู้นั้นก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีก

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวต่อ “ข้ารู้ว่าระบบนิกายจะไม่ได้รับการยอมรับในช่วงแรก ทุกคนต่างต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ มันไม่เป็นไรที่เราจะมอบทรัพยากรให้กับบุตรหลาน แต่ระบบนิกายจะมอบทรัพยากรให้กับคนนอก”

 

“อย่างไรก็ตามนิกายไม่ได้มอบทรัพยากรให้กับผู้อื่นแบบสุ่ม แต่พวกเราจะมอบมันให้กับอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่นตั้งแต่กําเนิดเท่านั้น สิ่งสําคัญที่สุดพวกเขาจะต้องภักดีต่อนิกายของเรา”

 

“นอกจากนั้นแม้เราจะไม่มีระบบตระกูล มันก็ไม่ได้หมายความว่าบุตรหลานของพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ เมื่อพวกเขาเข้าสู่นิกาย พวกเขาจะได้รับการดูแลจากพวกเจ้าเป็นพิเศษ แต่ข้าหวังว่าพวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนกฎของนิกายอย่างเปิดเผย”

 

“ตราบเท่าที่เราปกป้องกฏของนิกาย บุตรหลานหรือศิษย์ของพวกเราจะปฏิบัติตามกฎของนิกายอย่างเคร่งครัด ตราบเท่าที่เราสร้างระบบนิกายและรวมเป็นหนึ่ง ข้าเชื่อว่ามนุษย์จะมีอนาคตที่สดใส!”

 

“อิทธิพลของข้าไม่สามารถขยายไปถึงอีกสี่ภูมิภาคที่อยู่ห่างไกล แต่ในภาคกลาง ข้าหวังว่าทุกคนจะสร้างระบบนิกายและละทิ้งระบบตระกูลเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ ข้าต้องให้ความสําคัญกับจุดหนึ่ง ผู้อมตะภาคกลางต้องสร้างหรือเข้าร่วมนิกาย พวกเจ้าไม่สามารถสร้างกองกําลังของตนเองในอนาคต หากผู้ใดฝ่าฝืน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินของข้าเป็นการส่วนตัว!”

 

กลุ่มผู้อมตะไม่กล้ากล่าวสิ่งใด เมื่อเทพอมตะแรกกําเนิดแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้าน

 

อย่างไรก็ตามเทพอมตะแรกกําเนิดไม่ได้ห้ามใช้ระบบตระกูลอย่างสิ้นเชิง ระบบนิกายจะถูกบังคับใช้กับผู้อมตะเท่านั้น สําหรับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์และมนุษย์ธรรมดา พวกเขายังสามารถใช้ระบบตระกูลต่อไป

 

ก่อตั้งนิกาย พวกเขาก็ยังสามารถดแลบตรหลานของตนเอง

 

นี่ถือเป็นการประนีประนอมของเทพอมตะแรกกําเนิดต่อความเป็นจริง มันยังแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาและการมองการณ์ไกลของเขาอีกด้วย

 

เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าวต่อ “ในฐานะผู้นํา ข้าจะทําเป็นตัวอย่าง ข้าขอสาบานว่าข้าจะสร้างนิกาย ไม่ใช่ตระกูล ข้าจะรับสาวกและถ่ายทอดประสบการณ์ของข้าแก่พวกเขาโดยไม่ลังเล!”

 

“หลังจากข้าตาย มิติช่องว่างของข้าจะกลายเป็นรากฐานของนิกาย มันจะไม่ถูกทิ้งไว้ให้กับบุตรหลานในสายเลือดของข้า!”

 

“ท่านเทพอมตะ!”

 

“ท่าน…”

 

หัวใจของกลุ่มผู้อมตะสั่นไหว

 

พวกเขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่จะเสียสละเพื่อประโยชน์ในภาพรวมของเทพอมตะแรกกําเนิด

 

หากเทพอมตะแรกกําเนิดมีความมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดพวกเขาจะไม่ทําตาม?

 

“ท่านเทพอมตะที่เคารพ ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะทําตามคําสั่งของท่าน!”

 

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะสร้างนิกาย ไม่ใช่ตระกูล!”

 

“การดํารงอยู่ของท่านเทพอมตะเป็นพรของเผ่ามนุษย์อย่างแท้จริง!”

 

“การติดตามท่านเทพอมตะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า”

 

“ท่านเทพอมตะ ข้ายังมีบางสิ่งที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการก่อตั้งนิกาย”

 

“อืม พูดมา” เทพอมตะแรกกําเนิดกล่าว

 

“ท่านต้องการสร้างนิกายประเภทใด? เราควรสร้างนิกายที่ใด? นิกายมีกฏใดบ้าง? สิ่งใดคือสิ่งสําคัญในการสร้างนิกาย?”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดสูดหายใจลึก “ข้าจินตนาการถึงแนวคิดเกี่ยวกับนิกายมานานแล้ว แผนนี้เกี่ยวกับทุกแง่มุม ตัวอย่างเช่นนิกายของข้าจะมีชื่อว่าวังสวรรค์!”

 

เทพอมตะแรกกําเนิดตอบคําถามของกลุ่มผู้อมตะทั้งหมด

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไป

 

เขากวาดตามองกลุ่มผู้อมตะ “ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าตราบเท่าที่เราก่อตั้งนิกาย แม้ข้าจะตาย เผ่ามนุษย์ก็ยังจะเจริญรุ่งเรืองต่อไป หากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเขาจะพินาศอย่างแน่นอน!”

 

“โปรดเชื่อในตัวข้า!”

 

“นิกายของเราไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด!”

 

“ตราบเท่าที่พวกเราดําเนินการตามแผน นิกายต่างๆจะค่อยๆส่องประกายขึ้นใน ประวัติศาสตร์วังสวรรค์และนิกายของพวกเราจะโด่งดังไปทั่วโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องหวาดกลัวพวกเรา!”

 

สามล้านแปดแสนเจ็ดพันหกร้อยแปดสิบเจ็ดปีต่อมา

 

สมรภูมิวังสวรรค์

 

การต่อสู้ที่ดุเดือดยังดําเนินต่อไป ถ้ำสวรรค์นิรันดรที่ได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะตะวันเดือดเป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

อย่างไรก็ตามสมาชิกของวังสวรรค์ยังตื่นขึ้นจากสุสานอมตะอย่างต่อเนื่อง

 

“ผู้ใดกล้าบุกวังสวรรค์?”

 

“นี่เป็นผลงานของบรรชนของเรา ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทําลายมัน!”

 

“ผู้คนมากมายเสียสละชีวิตของพวกเขา แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรที่ใช้ระบบตระกูลกลับต้องการเอาชนะวังสวรรค์งั้นหรือ? ยืม อย่าฝัน!”

 

“ถ้ำสวรรค์นิรันดรช่างน่ารังเกียจ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเจ้ากระทั่งปลุกระดมการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง?”

 

“วังสวรรค์ของเราคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของมนุษยชาติ มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง!”

 

“ข้าจะปกป้องวังสวรรค์ด้วยชีวิต!”

 

เสียงตะโกนของกลุ่มผู้อมตะที่เดินออกมาจากสุสานอมตะดังขึ้น

 

เช่นเดียวกับคํากล่าวของเทพอมตะแรกกําเนิดเมื่อสามล้านปีก่อน วังสวรรค์ของเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่จะกําหราบโลกทั้งใบ

 

เจตจํานงของเขาถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

อัจฉริยะมากมายถือกําเนิดขึ้นในนิกาย คนรุ่นหลังสืบทอดและรักษาอุดมการณ์ของเขามาตล

 

ผู้อมตะภาคเหนือมีความกล้าหาญ แต่ผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่ต่างจากคนบ้า แม้พวกเขาจะไม่มีวิญญาณอมตะ แต่พวกเขาจะเสียสละตนเองและลากดึงศัตรูไปตายพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาไม่ปรากฏความลังเลหรือความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

ตรงข้าม ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และความเชื่อของตนเอง

 

มันเจิดจ้าและเปร่งประกายมาก

 

“เพราะเหตุใด? เราแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เหตุใดเราถึงกลายเป็นฝ่ายถูกปราบปราม?” ปิงช่ายฉวนกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+