Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

 

วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนมีมากมาย เขาไม่ต้องการท่าไม้ตายอมตะหีบไม้ไผ่และกลุยทธ์โชค เขาเพียงฝึกฝนท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์และมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดเท่านั้น

 

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขายังค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์และบรรพชนผมยาว

 

เกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ เขาเริ่มสร้างท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมระดับหก เขาไม่ได้ลงทุนกับเรื่องนี้มากนักเพราะเขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมรวมถึงความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้

 

เขาให้ความสําคัญกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์มากกว่า

 

โชคของตนเองเป็นหนึ่งในสามมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด มันทําให้เขาสามารถควบคุมโชคของตนเอง

 

แก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์คือวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระ ดับแปด ฟางหยวนกําลังพยายามหาวิธีปลดผนึกมัน

 

ทั้งสองมรดกยังกล่าวถึงรายละเอียดพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งโชคและเส้นทางแห่งการโจรกรรม ด้วยการทําความเข้าใจเส้นทางที่เทพทั้งสองสร้างขึ้น ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก

 

‘โชคคือสิ่งใด?’ บางคนถามเทพอมตะตะวันเดือด

 

เขาตอบ ‘หากกล่าวเรื่องโชคต้องพูดถึงโชคชะตา’

 

ก่อนหน้าเทพปีศาจบัวแดงไม่มีเส้นทางแห่งโชค

 

หลังจากเทพปีศาจบัวแดงทําลายวิญญาณชะตากรรม การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดจึงเกิดขึ้นกับโลกใบนี้

 

ผู้คนค้นพบโชคครั้งแรกจากปราณมนุษย์

 

ผู้ใช้วิญญาณต้องสร้างสมดุลระหว่างปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ยิ่งปราณมนุษย์หนาแน่นมากเท่าใด มิติช่องว่างของพวกเขาก็ยิ่งมีศักยภาพมากเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงให้ความสําคัญกับปราณมนุษย์และเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับโชค

 

ผู้คนค้นพบว่าโชคและโชคชะตามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและตรงไปตรงมา

 

แต่การเชื่อมต่อของพวกมันคือสิ่งใด?

 

เทพอมตะตะวันเดือดอธิบายมุมมองของเขาว่า “โชคชะตาคงที่แต่โชคแปรผัน”

 

โชคดีคือสิ่งใด?

 

โชคดีเป็นตัวแปรเชิงบวกสําหรับคนผู้หนึ่ง

 

แล้วโชคร้ายคือสิ่งใด?

 

โชคร้ายเป็นตัวแปรเชิงลบสําหรับคนผู้หนึ่ง

 

หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคดี คนผู้นั้นจะได้รับประโยชน์ หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคร้าย คนผู้นั้นจะประสบความสูญเสีย แต่ไม่ว่าโชคจะดีหรือร้าย พวกมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโชคชะตา

 

โชคชะตาเป็นสิ่งที่แน่นอนและไม่สามารถแก้ไข มันเป็นสิ่งที่คนผู้หนึ่งต้องประสบพบเจออย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง แต่โชคเป็นตัวแปร มันสามารถเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะถูกตัดสินหลังจากรวมปัจจัยที่ส่งอิทธิพลอื่นๆเข้าไปทั้งหมด

 

หากคนผู้หนึ่งโชคร้าย พวกเขาตะต้องมีความแข็งแกร่งและสติปัญญาที่สามารถพลิกสถานการณ์ ด้วยสิ่งเหล่นี้พวกเขายังสามารถบรรลุเป้าหมาย

 

หากคนผู้หนึ่งโชคดีแต่โง่และอ่อนแอ พวกเขาจะไม่สามารถฉกฉวยโอกาสและจะล้มเหลวในที่สุด

 

มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดยังกล่าวถึงรูปร่าง ขนาด และสีของโชคประเภทต่างๆ

 

บางประเภทโชคดีมาก บางประเภทโชคดีน้อย

 

โดยปกติยิ่งคนผู้หนึ่งมีระดับการบ่มเพาะสูงและรากฐานแข็งแกร่งเท่าใด โชคของพวกเขาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

สีหลักๆของโชคที่พบบ่อยเจ็ดสีได้แก่ สีดํา สีเทา สีขาว สีแดง สีทอง สีฟ้า และสีม่วง แต่มีบางสีก็ไม่ธรรมดาเช่น สีชมพู หรือสีแดงเลือด

 

โชคมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย มันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โชคของมนุษย์ธรรมดามักมีรูปร่างธรรมดาทั่วไปขณะที่โชคของอัจฉริยะจะมีรูปแบบที่หายากกว่า

 

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนเคยมีโชคโลงศพสีดํา โชคของเขาเป็นสีดําเหมือนน้ําหมึก มันรวมตัวกัน และก่อตัวเป็นรูปโลงศพขนาดใหญ่ปกคลุมร่างกายทั้งหมดของเขาเอาไว้ มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมาและเต็มไปด้วยความโชคร้าย

 

สําหรับหงอี้ เย่ฟาน และฮันหลี่ คนเหล่านี้มีโชครูปแบบพิเศษเช่นกัน

 

มรดกโชคของตนเองให้ความสําคัญกับการจัดการโชคของตนเอง มันสามารถเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด และสีของโชค

 

ตัวอย่างเช่นหากคนผู้หนึ่งต้องการโชคเกี่ยวกับเพศตรงข้าม พวกเขาจะสร้างโชคดอกท้อ

 

หากพวกเขาต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะเช่นหินวิญญาณ พวกเขาสามารถสร้างโชคที่มั่งคั่ง

 

หากพวกเขาโชคร้าย พวกเขาสามารถใช้วิธีต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

 

มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดครอบคลุมมากขณะที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เรียบง่ายและสั้นมาก

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมไม่ใช่การได้มาโดยปราศจากความพยายาม นอกจากนั้นมันยังเป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด!”

 

“หากผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะต้องการวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ ไม่ว่าพวกเขาจะหลอมรวม แลกเปลี่ยน หรือปล้นมันมา วิธีการเหล่านี้ล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายและมีความเสี่ยง”

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมมีเป้าหมายที่การขโมยวิญญาณ วิธีนี้สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงแต่มีประสิทธิภาพสูง!”

 

แก่นแท้ของวิญญาณคือสิ่งใด?

 

มันคือพลังงานแห่งสวรรค์พิภพ

 

การขโมยวิญญาณคล้ายกับการขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าจึงถูกสร้างขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต อายุขัยถือเป็นรูปแบบหนึ่งของเต๋ที่อยู่ในร่า งกายวิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านั้นออกมาจากร่างกายของคนผู้หนึ่งและลดอายุขัยของพวกเขา

 

“อย่าคิดว่าเส้นทางแห่งการโจรกรรมไร้ยางอายหรือเลวร้าย”

 

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมอง”

 

“ตัวอย่างเช่นวังสวรรค์บังคับให้สมาชิกของพวกเขามอบมิติช่องว่างให้กับวังสวรรค์ โดยพื้นฐานแล้วมันคือการส่งมอบผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิต ในแง่มุมของเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันหมายความว่าวังสวรรค์ขโมยผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิตของผู้อมตะ แต่บางคนกลับคิดว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุ่งโรจน์ พวกเขายอมตายเพื่อให้ได้รับโอกาสนี้”

 

“มนุษย์ธรรมดาสามารถขโมยผลงานการบ่มเพาะของผู้อมตะได้เช่นกัน เรื่องนี้เห็นได้จากการรับสืบทอดมรดกที่ผู้อมตะทิ้งไว้ แต่โลกใบนี้ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นวัฒนธรรมไปในที่สุด”

 

“การขโมยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง การสร้างองค์กร การ สร้างกฎเกณฑ์ การสร้างเกียรติยศ การใช้อารมณ์ หรือวัฒนธรรม ทุกสิ่งล้วนเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการโจกรรม”

 

“วิธีบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่ทรงพลังที่สุดคือการดูดซับ”

 

“เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์ถูกทําลาย ลมมรณะจะพัดมากและเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จะถูกดูดซับโดยสวรรค์พิภพ”

 

“กล่าวได้ว่าหัวขโมยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือโลกใบนี้นั่นเอง”

 

“มันขโมยผลงานการบ่มเพาะของอัจฉริยะจํานวนนับไม่ถ้วนจากรุ่นสู่รุ่น มันสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสร้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ชนิดใหม่ มันกระทั่งขโมยข้ามาจากอีกโลกหนึ่งและทําให้ข้ากลายเป็นปีศาจต่างโลก มันขโมยอายุขัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและ ทําให้แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้จะต้องตาย”

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าคือการเลียบแบบสวรรค์และโลกใบนี้! ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรวบรวมผลประโยชน์และสนับสนุนตนเอง…”

 

หลังจากทําความเข้าใจข้อความเหล่านี้ ฟางหยวนรู้สึกถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ภาพลักษณ์ของเส้นทางแห่งการโจรกรรมในใจของเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

เทพปีศาจปล้นสวรรค์มีแนวความคิดที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนโลกสวยแต่เขามอง โลกจากความเป็นจริง เขาใช้แนวคิดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจโลกใบนี้

 

เขามีวิสัยทัศน์ที่กว้างใหญ่ เขามีลักษณะเฉพาะตัวในฐานะปีศาจต่างโลก

 

ผู้ใช้วิญญาณจะเลี้ยงดู ใช้ และหลอมรวมวิญญาณ การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณก็คือการทําความเข้าใจตนเองและทําความเข้าใจสวรรค์พิภพ

 

ทุกเส้นทางมีความเข้าใจโลกและตนเองในมุมมองที่แตกต่างกัน

 

“วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นวิญญาณอมตะดวงแรกของข้า ข้าไม่ได้ปรับแต่งมันด้วยตนเอง”

 

“ยิ่งข้าใช้มันมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งเข้าใจมันมากเท่านั้น ในที่สุดข้าก็เตรียมการบางอย่างเกี่ยวกับมัน”

 

“พลังอํานาจของวิญญาณอมตะขโมยชีวิตคือการขโมยอายุขันของผู้อื่น แต่ด้วยท่าไม้ตายที่ข้าสร้างขึ้น มันสามารถเพิ่มอายุขัยของตนเอง แน่นอนว่ามันมีข้อบกพร่อง มันยังด้อยกว่าวิญญาณอายุยืน”

 

“การใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้ามจะนําอายุขัยของตนเองไปให้เป้าหมาย มันอาจดูโง่เขลาแต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือแก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงนี้”

 

“ผู้สืบทอดของข้า หากเจ้ามีวาสนามากพอที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น เจ้าจะสามารถปลดผนึกวิญญาณอมตะขโมยชีวิตของข้าและรับมรดกอื่นๆที่เกี่ยวข้อง”

 

นี่คือคํากล่าวสุดท้ายของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

ฟางหยวนนิ่งเงียบเป็นเวลานานหลังจากอ่านมัน

 

แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่เขาก็ยังพบปัญหาในการทําความเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคํากล่าวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

ใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม?

 

ฟางหยวนสายศีรษะ เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับความหมายที่ซ่อนอยู่

 

จากการอนุมาน เขาต้องการความสําเร็จอย่างน้อยระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจมัน

 

ก่อนหน้านั้นหากเขาพยายามใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม มันจะเป็นเพียงการลดอายุขัยของตนเองเท่านั้น

 

“นอกจากนี้ข้ายังต้องใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเพื่อจัดการผู้อมตะของวังสวรรค์”

 

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด กระทั่งราชันมังกรยังถูกคุกคามโดยวิญญาณอมตะขโมยชีวิต”

 

แม้ฟางหยวนจะใช้โอกาสสองครั้งสุดท้ายและทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต แต่เขายังมีเคล็ดการหลอมรวมวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระดับแปดอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

“แม้ข้าจะใช้โอกาสอีกสองครั้งแต่ข้าก็ยังสามารถหลอมรวมมันขึ้นมาใหม่ในอนาคต”

 

“อย่างไรก็ตาม”

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าการจัดเตรียมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เกี่ยวกับวิญญาณอมตะขโมยชีวิตมีค่ามาก หากเขาสามารถทําความเข้าใจแก่นแท้ของมัน เขาจะได้รับประโยชน์มหาศาล

 

ขณะที่ฟางหยวนกําลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้กําลังพูดคุยและสร้างข้อตกลง

 

“เราต้องฆ่าฟางหยวน เขาเป็นปีศาจร้ายที่ไร้กฎเกณฑ์ ครั้งก่อนเขาปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ ตอนนี้เขาปรากฏตัวโดยตรงและทําลายผลประโยชน์ของพวกเรา”

 

“การแข่งขันชิงทรัพยากรจากร่องลึกใต้พิภพเป็นความขัดแย้งภายในของเรา แต่ฟางหยวนเป็นคนนอก เราต้องร่วมมือกันกําจัดเขา”

 

“เราต้องระวัง แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาเจ้าเล่ห์และมีรากฐานที่ลึกล้ํา เราไม่สามารถดูแคลนเขา”

 

“ถูกต้อง โดยเฉพาะหลังจากเขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าเกรงว่าเขาจะได้รับกองกําลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ข้าต้องเตือนทุกคนว่าฟางหยวนไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษอีกต่อไป เขามีกองกําลังขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง!”

 

“ผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียวยังไม่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัย เราควรส่งผู้อมตะระดับแปดออกไปสองคน”

 

“ข้าเห็นด้วย”

 

“ข้าก็เห็นด้วย”

 

“ตระกูลปาของข้าไม่คัดค้าน”

 

“ท่านหญิงเซี่ยชาควรเป็นผู้นํากลุ่ม สําหรับผู้อมตะระดับแปดอีกคนควรจะปกปิดตัวตนและให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลาสําคัญ”

 

“เป็นความคิดที่ดี”

 

“ข้าเห็นด้วย”

 

“ตกลงตามนั้น”

 

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า เนื่องจากฟางหยวนสามารถเอาชนะวังสวรรค์และกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงรู้สึกถึงภัยคุกคามที่มากขึ้นกว่าครั้งก่อน

 

พวกเขาไม่เพียงส่งเชี่ยชาออกไปแต่ยังส่งผู้อมตะระดับแปดคนที่สองออกไปพร้อมกัน

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่รู้ว่าสิ่งนี้กําลังจะเกิดขึ้น

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

 

วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนมีมากมาย เขาไม่ต้องการท่าไม้ตายอมตะหีบไม้ไผ่และกลุยทธ์โชค เขาเพียงฝึกฝนท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์และมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดเท่านั้น

 

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขายังค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์และบรรพชนผมยาว

 

เกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ เขาเริ่มสร้างท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมระดับหก เขาไม่ได้ลงทุนกับเรื่องนี้มากนักเพราะเขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมรวมถึงความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้

 

เขาให้ความสําคัญกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์มากกว่า

 

โชคของตนเองเป็นหนึ่งในสามมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด มันทําให้เขาสามารถควบคุมโชคของตนเอง

 

แก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์คือวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระ ดับแปด ฟางหยวนกําลังพยายามหาวิธีปลดผนึกมัน

 

ทั้งสองมรดกยังกล่าวถึงรายละเอียดพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งโชคและเส้นทางแห่งการโจรกรรม ด้วยการทําความเข้าใจเส้นทางที่เทพทั้งสองสร้างขึ้น ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก

 

‘โชคคือสิ่งใด?’ บางคนถามเทพอมตะตะวันเดือด

 

เขาตอบ ‘หากกล่าวเรื่องโชคต้องพูดถึงโชคชะตา’

 

ก่อนหน้าเทพปีศาจบัวแดงไม่มีเส้นทางแห่งโชค

 

หลังจากเทพปีศาจบัวแดงทําลายวิญญาณชะตากรรม การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดจึงเกิดขึ้นกับโลกใบนี้

 

ผู้คนค้นพบโชคครั้งแรกจากปราณมนุษย์

 

ผู้ใช้วิญญาณต้องสร้างสมดุลระหว่างปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ยิ่งปราณมนุษย์หนาแน่นมากเท่าใด มิติช่องว่างของพวกเขาก็ยิ่งมีศักยภาพมากเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงให้ความสําคัญกับปราณมนุษย์และเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับโชค

 

ผู้คนค้นพบว่าโชคและโชคชะตามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและตรงไปตรงมา

 

แต่การเชื่อมต่อของพวกมันคือสิ่งใด?

 

เทพอมตะตะวันเดือดอธิบายมุมมองของเขาว่า “โชคชะตาคงที่แต่โชคแปรผัน”

 

โชคดีคือสิ่งใด?

 

โชคดีเป็นตัวแปรเชิงบวกสําหรับคนผู้หนึ่ง

 

แล้วโชคร้ายคือสิ่งใด?

 

โชคร้ายเป็นตัวแปรเชิงลบสําหรับคนผู้หนึ่ง

 

หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคดี คนผู้นั้นจะได้รับประโยชน์ หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคร้าย คนผู้นั้นจะประสบความสูญเสีย แต่ไม่ว่าโชคจะดีหรือร้าย พวกมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโชคชะตา

 

โชคชะตาเป็นสิ่งที่แน่นอนและไม่สามารถแก้ไข มันเป็นสิ่งที่คนผู้หนึ่งต้องประสบพบเจออย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง แต่โชคเป็นตัวแปร มันสามารถเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะถูกตัดสินหลังจากรวมปัจจัยที่ส่งอิทธิพลอื่นๆเข้าไปทั้งหมด

 

หากคนผู้หนึ่งโชคร้าย พวกเขาตะต้องมีความแข็งแกร่งและสติปัญญาที่สามารถพลิกสถานการณ์ ด้วยสิ่งเหล่นี้พวกเขายังสามารถบรรลุเป้าหมาย

 

หากคนผู้หนึ่งโชคดีแต่โง่และอ่อนแอ พวกเขาจะไม่สามารถฉกฉวยโอกาสและจะล้มเหลวในที่สุด

 

มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดยังกล่าวถึงรูปร่าง ขนาด และสีของโชคประเภทต่างๆ

 

บางประเภทโชคดีมาก บางประเภทโชคดีน้อย

 

โดยปกติยิ่งคนผู้หนึ่งมีระดับการบ่มเพาะสูงและรากฐานแข็งแกร่งเท่าใด โชคของพวกเขาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

สีหลักๆของโชคที่พบบ่อยเจ็ดสีได้แก่ สีดํา สีเทา สีขาว สีแดง สีทอง สีฟ้า และสีม่วง แต่มีบางสีก็ไม่ธรรมดาเช่น สีชมพู หรือสีแดงเลือด

 

โชคมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย มันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โชคของมนุษย์ธรรมดามักมีรูปร่างธรรมดาทั่วไปขณะที่โชคของอัจฉริยะจะมีรูปแบบที่หายากกว่า

 

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนเคยมีโชคโลงศพสีดํา โชคของเขาเป็นสีดําเหมือนน้ําหมึก มันรวมตัวกัน และก่อตัวเป็นรูปโลงศพขนาดใหญ่ปกคลุมร่างกายทั้งหมดของเขาเอาไว้ มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมาและเต็มไปด้วยความโชคร้าย

 

สําหรับหงอี้ เย่ฟาน และฮันหลี่ คนเหล่านี้มีโชครูปแบบพิเศษเช่นกัน

 

มรดกโชคของตนเองให้ความสําคัญกับการจัดการโชคของตนเอง มันสามารถเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด และสีของโชค

 

ตัวอย่างเช่นหากคนผู้หนึ่งต้องการโชคเกี่ยวกับเพศตรงข้าม พวกเขาจะสร้างโชคดอกท้อ

 

หากพวกเขาต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะเช่นหินวิญญาณ พวกเขาสามารถสร้างโชคที่มั่งคั่ง

 

หากพวกเขาโชคร้าย พวกเขาสามารถใช้วิธีต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

 

มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดครอบคลุมมากขณะที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เรียบง่ายและสั้นมาก

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมไม่ใช่การได้มาโดยปราศจากความพยายาม นอกจากนั้นมันยังเป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด!”

 

“หากผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะต้องการวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ ไม่ว่าพวกเขาจะหลอมรวม แลกเปลี่ยน หรือปล้นมันมา วิธีการเหล่านี้ล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายและมีความเสี่ยง”

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมมีเป้าหมายที่การขโมยวิญญาณ วิธีนี้สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงแต่มีประสิทธิภาพสูง!”

 

แก่นแท้ของวิญญาณคือสิ่งใด?

 

มันคือพลังงานแห่งสวรรค์พิภพ

 

การขโมยวิญญาณคล้ายกับการขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าจึงถูกสร้างขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต อายุขัยถือเป็นรูปแบบหนึ่งของเต๋ที่อยู่ในร่า งกายวิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านั้นออกมาจากร่างกายของคนผู้หนึ่งและลดอายุขัยของพวกเขา

 

“อย่าคิดว่าเส้นทางแห่งการโจรกรรมไร้ยางอายหรือเลวร้าย”

 

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมอง”

 

“ตัวอย่างเช่นวังสวรรค์บังคับให้สมาชิกของพวกเขามอบมิติช่องว่างให้กับวังสวรรค์ โดยพื้นฐานแล้วมันคือการส่งมอบผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิต ในแง่มุมของเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันหมายความว่าวังสวรรค์ขโมยผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิตของผู้อมตะ แต่บางคนกลับคิดว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุ่งโรจน์ พวกเขายอมตายเพื่อให้ได้รับโอกาสนี้”

 

“มนุษย์ธรรมดาสามารถขโมยผลงานการบ่มเพาะของผู้อมตะได้เช่นกัน เรื่องนี้เห็นได้จากการรับสืบทอดมรดกที่ผู้อมตะทิ้งไว้ แต่โลกใบนี้ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นวัฒนธรรมไปในที่สุด”

 

“การขโมยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง การสร้างองค์กร การ สร้างกฎเกณฑ์ การสร้างเกียรติยศ การใช้อารมณ์ หรือวัฒนธรรม ทุกสิ่งล้วนเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการโจกรรม”

 

“วิธีบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่ทรงพลังที่สุดคือการดูดซับ”

 

“เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์ถูกทําลาย ลมมรณะจะพัดมากและเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จะถูกดูดซับโดยสวรรค์พิภพ”

 

“กล่าวได้ว่าหัวขโมยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือโลกใบนี้นั่นเอง”

 

“มันขโมยผลงานการบ่มเพาะของอัจฉริยะจํานวนนับไม่ถ้วนจากรุ่นสู่รุ่น มันสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสร้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ชนิดใหม่ มันกระทั่งขโมยข้ามาจากอีกโลกหนึ่งและทําให้ข้ากลายเป็นปีศาจต่างโลก มันขโมยอายุขัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและ ทําให้แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้จะต้องตาย”

 

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าคือการเลียบแบบสวรรค์และโลกใบนี้! ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรวบรวมผลประโยชน์และสนับสนุนตนเอง…”

 

หลังจากทําความเข้าใจข้อความเหล่านี้ ฟางหยวนรู้สึกถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ภาพลักษณ์ของเส้นทางแห่งการโจรกรรมในใจของเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

เทพปีศาจปล้นสวรรค์มีแนวความคิดที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนโลกสวยแต่เขามอง โลกจากความเป็นจริง เขาใช้แนวคิดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจโลกใบนี้

 

เขามีวิสัยทัศน์ที่กว้างใหญ่ เขามีลักษณะเฉพาะตัวในฐานะปีศาจต่างโลก

 

ผู้ใช้วิญญาณจะเลี้ยงดู ใช้ และหลอมรวมวิญญาณ การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณก็คือการทําความเข้าใจตนเองและทําความเข้าใจสวรรค์พิภพ

 

ทุกเส้นทางมีความเข้าใจโลกและตนเองในมุมมองที่แตกต่างกัน

 

“วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นวิญญาณอมตะดวงแรกของข้า ข้าไม่ได้ปรับแต่งมันด้วยตนเอง”

 

“ยิ่งข้าใช้มันมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งเข้าใจมันมากเท่านั้น ในที่สุดข้าก็เตรียมการบางอย่างเกี่ยวกับมัน”

 

“พลังอํานาจของวิญญาณอมตะขโมยชีวิตคือการขโมยอายุขันของผู้อื่น แต่ด้วยท่าไม้ตายที่ข้าสร้างขึ้น มันสามารถเพิ่มอายุขัยของตนเอง แน่นอนว่ามันมีข้อบกพร่อง มันยังด้อยกว่าวิญญาณอายุยืน”

 

“การใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้ามจะนําอายุขัยของตนเองไปให้เป้าหมาย มันอาจดูโง่เขลาแต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือแก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงนี้”

 

“ผู้สืบทอดของข้า หากเจ้ามีวาสนามากพอที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น เจ้าจะสามารถปลดผนึกวิญญาณอมตะขโมยชีวิตของข้าและรับมรดกอื่นๆที่เกี่ยวข้อง”

 

นี่คือคํากล่าวสุดท้ายของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

ฟางหยวนนิ่งเงียบเป็นเวลานานหลังจากอ่านมัน

 

แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่เขาก็ยังพบปัญหาในการทําความเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคํากล่าวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

ใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม?

 

ฟางหยวนสายศีรษะ เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับความหมายที่ซ่อนอยู่

 

จากการอนุมาน เขาต้องการความสําเร็จอย่างน้อยระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจมัน

 

ก่อนหน้านั้นหากเขาพยายามใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม มันจะเป็นเพียงการลดอายุขัยของตนเองเท่านั้น

 

“นอกจากนี้ข้ายังต้องใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเพื่อจัดการผู้อมตะของวังสวรรค์”

 

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด กระทั่งราชันมังกรยังถูกคุกคามโดยวิญญาณอมตะขโมยชีวิต”

 

แม้ฟางหยวนจะใช้โอกาสสองครั้งสุดท้ายและทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต แต่เขายังมีเคล็ดการหลอมรวมวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระดับแปดอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 

“แม้ข้าจะใช้โอกาสอีกสองครั้งแต่ข้าก็ยังสามารถหลอมรวมมันขึ้นมาใหม่ในอนาคต”

 

“อย่างไรก็ตาม”

 

ฟางหยวนรู้สึกว่าการจัดเตรียมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เกี่ยวกับวิญญาณอมตะขโมยชีวิตมีค่ามาก หากเขาสามารถทําความเข้าใจแก่นแท้ของมัน เขาจะได้รับประโยชน์มหาศาล

 

ขณะที่ฟางหยวนกําลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้กําลังพูดคุยและสร้างข้อตกลง

 

“เราต้องฆ่าฟางหยวน เขาเป็นปีศาจร้ายที่ไร้กฎเกณฑ์ ครั้งก่อนเขาปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ ตอนนี้เขาปรากฏตัวโดยตรงและทําลายผลประโยชน์ของพวกเรา”

 

“การแข่งขันชิงทรัพยากรจากร่องลึกใต้พิภพเป็นความขัดแย้งภายในของเรา แต่ฟางหยวนเป็นคนนอก เราต้องร่วมมือกันกําจัดเขา”

 

“เราต้องระวัง แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาเจ้าเล่ห์และมีรากฐานที่ลึกล้ํา เราไม่สามารถดูแคลนเขา”

 

“ถูกต้อง โดยเฉพาะหลังจากเขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าเกรงว่าเขาจะได้รับกองกําลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ข้าต้องเตือนทุกคนว่าฟางหยวนไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษอีกต่อไป เขามีกองกําลังขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง!”

 

“ผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียวยังไม่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัย เราควรส่งผู้อมตะระดับแปดออกไปสองคน”

 

“ข้าเห็นด้วย”

 

“ข้าก็เห็นด้วย”

 

“ตระกูลปาของข้าไม่คัดค้าน”

 

“ท่านหญิงเซี่ยชาควรเป็นผู้นํากลุ่ม สําหรับผู้อมตะระดับแปดอีกคนควรจะปกปิดตัวตนและให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลาสําคัญ”

 

“เป็นความคิดที่ดี”

 

“ข้าเห็นด้วย”

 

“ตกลงตามนั้น”

 

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า เนื่องจากฟางหยวนสามารถเอาชนะวังสวรรค์และกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงรู้สึกถึงภัยคุกคามที่มากขึ้นกว่าครั้งก่อน

 

พวกเขาไม่เพียงส่งเชี่ยชาออกไปแต่ยังส่งผู้อมตะระดับแปดคนที่สองออกไปพร้อมกัน

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่รู้ว่าสิ่งนี้กําลังจะเกิดขึ้น

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+