Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีแดงน้อย

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่กําลังทํางานขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์นําโดยไป่หนิงปิงเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้

 

“ครืน…”

 

เสียงคลื่นน้ําดังขึ้นขณะที่อสูรปีแรกกําเนิดตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

“นี่คืออสูรปีกุนแรกกําเนิด!” เทพธิดากระต่ายขาวตะโกนด้วยความตื่นเต้น

 

“เยี่ยม! สระแก่นแท้ปียังไม่มีอสูรปีแรกกําเนิดชนิดนี้” เทพธิดาเมี่ยวหยินกล่าวเสริม

 

โดยไม่จําเป็นต้องพูดคุย การต่อสู้เริ่มขึ้นทันที

 

กลุ่มผู้อมตะควบคุมเรือรบหมื่นปีต่อสู้กับอสูรปีกุนแรกกําเนิด

 

อสูรปีกุนแรกกําเนิดมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่เรือรบหมื่นปีก็ไม่เสียเปรียบ

 

การต่อสู้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ หากที่นี่เป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป สิ่งนี้ไม่ถือว่ามีนัยสําคัญ

 

ฟางหยวนกลืนกินมิติช่องว่างจํานวนมากและได้รับทรัพยากรมากมาย แต่ถึงกระนั้นมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ยังพัฒนาได้เพียงสิบเจ็ดถึงสิบแปดส่วนเท่านั้น

 

สวรรค์สีแดงน้อยค่อนข้างว่างเปล่า ดังนั้นฟางหยวนจึงจัดให้มันเป็นสนามรบ

 

ปัจจุบันภูมิภาคน้อยทั้งห้าพัฒนาไปได้ด้วยดี เจ็ดสวรรค์น้อยมีทรัพยากรอยู่บ้าง สวรรค์สีแดงน้อยว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ อาณาจักรแห่งความฝันถูกเก็บไว้ในสวรรค์สีเขียวน้อย ขณะที่สวรรค์สีเหลืองน้อยมีเพียงธารทองคําเล็กๆ

 

ภูมิภาคน้อยทั้งห้ายังมีที่ว่างอีกมาก ดังนั้นสวรรค์น้อยทั้งเก้าอาจว่างเปล่าต่อไปอีกนาน

 

โดยปกติผู้อมตะระดับแปดที่มีถ้ําสวรรค์จะพัฒนาท้องฟ้าในมิติช่องว่างของพวกเขาอย่างแข็งขันเพราะพื้นที่บนพื้นดินในมิติช่องว่างของพวกเขามักจะเต็มแล้ว แต่ฟางหยวนเป็นกรณีพิเศษที่ไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสํานึกทั่วไป

 

การต่อสู้ระหว่างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดกับอสูรปีกุนแรกกําเนิดดําเนินอยู่เป็นเวลาสามวันก่อนที่ฝ่ายหลังจะพ่ายแพ้

 

ร่างหลักของฟางหวนเก็บกวาดทะเลทรายผีเขียวขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาใช้เรือรบหมื่นปีกําหราบอสูรปีแรกกําเนิดอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ด้านหนึ่งฟางหยวนต้องการให้ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้คุ้นเคยกับเรือรบหมื่นปีเพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ระดับแปดในอนาคต

 

อีกด้านหนึ่งฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีเพื่อจับอสูรปีแรกกําเนิดและพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี

 

ฟางหยวนเริ่มแผนการนี้มาตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า

 

มันคือค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสูโบราณ

 

มันใช้อสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดเป็นแกนกลาง

 

ค่ายกลนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการโจมตีและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระหลังจากจัดตั้ง ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน อสูรปีแรกกําเนิดจะถูกผนึกและกลายเป็นรูปปั้นที่ไม่ต้องการอาหาร เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ผนึกของพวกมันจะถูกปลด พวกมันจะสร้างค่ายกลขึ้นมาอีกครั้งและเข้าสู่การต่อสู้

 

ข้อดีประการแรกของสิ่งนี้คือประหยัดค่าอาหารของอสูรปีแรกกําเนิด

 

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องการใช้วิธีนี้เพื่อลดแรงกดดันต่อมิติช่องว่างของเขาแต่ไม่ประสบความสําเร็จ

 

แต่ชีวิตนี้ฟางหยวนร่ํารวยมาก การประหยัดอาหารเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่ฟางหยวนให้ความสําคัญมากกว่าคือความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของมัน

 

มีเพียงอสูรปีแรกกําเนิดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแกนกลางของค่ายกลนี้ ฟางหยวนไม่สามารถใช้อสูรปีเดียวดายหรืออสูรปีบรรพกาล

 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณสนามรบสิบสองราศีสามารถปราบปรามผู้อมตะระดับแปด

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายที่จะรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดที่แตกต่างกัน

 

มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับโชคอีกด้วย

 

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนไม่มีเวลาและพลังงานเหลือพอสําหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสร้างมันกระทั่งถึงเวลาของการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

สายธารแห่งกาลเวลามีอสูรมากมาย แต่ชนิดของอสูรปีไม่ได้ถูกจัดสรรอย่างเท่าเทียม ตรงข้าม อสูรปีบางชนิดจะมีจํานวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละช่วงเวลาหนึ่งๆ

 

ฟางหยวนไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถรวบรวมพวกมันได้ครบในชีวิตนี้หรือไม่

 

แต่ในชีวิตนี้เขามีกําลังคน ทรัพยากร เวลา และพลังงานที่จะทําสิ่งนี้มากกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

นี่คือข้อเท็จจริง

 

เมื่อเวลาผ่านไป กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ที่ถูกฟางหยวนรีดไถเริ่มคิดหาวิธีจัดการฟางหยวนแต่พวกเขายังไม่กล้าลงมือ

 

กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกกําลังเผชิญหน้ากัน การโต้เถียงของตระกูลฟาง และตระกูลหว่านดําเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางกองกําลังพยายามยับยังตนเองแต่ลอบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

 

ภาคเหนือ ถ้ําสวรรค์นิรันดรพยายามรวบรวมผู้อมตะทั้งหมดเข้าด้วยกันแต่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

 

ทะเลตะวันออกเงียบสงบเช่นเคย มีความปั่นปวนขึ้นเป็นครั้งคราวแต่พวกมันไร้นัยสํา คัญ ประเด็นที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการแย่งชิงผาสวรรค์ถูกตัดสินแล้ว

 

ภาคกลาง เทพธิดาจื่อเว่ยต้องการสร้างปัญหาให้กับฟางหยวนแต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะฟางหยวนไม่ปรากฏตัว แม้เขาจะลงมือทําบางสิ่ง แต่เขาจะปลอมตัวและทําให้คนอื่นๆไม่สามารถแยกแยะข่าวจริงหรือข่าวลวง

 

โลกผู้อมตะของทั้งห้าภูมิภาคค่อนข้างสงบสุขในช่วงเวลานี้

 

ฟางหยวนใช้เวลาทุกวินาทีในการดูดซับผลประโยชน์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ตอนนี้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าภูมิภาคได้แล้วแม้มันจะยังห่างไกลจากความเชี่ยวชาญก็ตาม

 

ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาก็น่าพอใจเช่นกัน จิตวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งร้อยล้านคนเรียบร้อยแล้ว

 

ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะปรากฏตัวขึ้น มนุษย์ไม่สามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณได้เป็นกว่าระดับหนึ่งร้อยล้านคน

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นคนแรกที่สามารถทําลายขีดจํากัดนี้ ฟางหยวนเข้าใจวิธีการนี้หลังจากได้รับมดรกที่แท้จริงของนิกายเงา

 

มันคือการยกระดับจิตวิญญาณมนุษย์สู่ขอบเขตจิตวิญญาณเดียวดาย

 

ด้วยวิธีนี้จิตวิญญาณของเขาจะสามารถแข่งขันกับสัตว์อสูรเดียวดายส่วนใหญ่

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณเคยใช้เพียงดวงวิญญาณของเขาต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนมาแล้ว นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดของเขาและมันก็สามารถฝากความประทับใจไว้ให้กับฟางหยวน

 

‘แต่ข้ายังมีหลายสิ่งต้องทําก่อนที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณเดียวดาย’

 

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนถูกส่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มทํางานและปลดปล่อยแสงสีแดงออกมาโดยรอบ

 

“ตั้งสมาธิ เราจะใช้วัตถุดิบหลักต่อไป” ฟางหยวนสั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

ภายในค่ายกลถูกแบ่งออกเป็นห้องลับจํานวนมาก พวกมันเก็บทรัพยากรอมตะแต่ละชนิดเอาไว้ภายใน

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ห้องลับแห่งหนึ่งเปิดออกขณะที่ทรัพยากรอมตะที่ถูกเก็บไว้ถูกนําออกมา

 

ทรัพยากรอมตะชนิดนี้มีชื่อว่าแสงฤดูใบไม้ผลิแห่งความรุ่งโรจน์ มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งแสงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของดอกไม้แสง

 

ดอกไม้แสงระเบิดแสงสีขาวออกมาปกคลุมดวงวิญญาณแยกของฟางหยวน

 

ทรัพยากรอมตะถูกใช้งานที่ละชิ้น ค่ายกลวิญญาณอมตะทํางานอย่างหนัก

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งหมดให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

 

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนอยู่เพียงลําพัง เขาไม่สามารถทําสิ่งเหล่านี้ แต่ด้วยการผนวกนิกายหลางหยา ความสามารถในการหลอมรวมของเขาจึงเหนือกว่าวังสวรรค์ไปแล้ว

 

แม้วังสวรรค์จะสามารถปลุกผู้อมตะขึ้นมาจากสุสานอมตะ แต่พวกเขาจะมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดกี่คน

 

แน่นอนว่าวังสวรรค์ร่ํารวยมาก พวกเขาเหนือกว่าฟางหยวนมากในแง่นี้ แม้ฟางหยวนจะกลืนกินผู้อมตะตลอดชีวิตของเขา แต่มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์

 

การหลอมรวมดําเนินไปอย่างราบรื่น ฟางหยวนตะโกน “ต่อไปคือไข่มุกเทียม!”

 

ไข่มุกเทียมไม่ใช่ไข่มุกแต่เป็นทรัพยากรอมตะที่สามารถเปลี่ยนเป็นอัญมณีชนิดต่างๆ

มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดเช่นเดียวกับแสงฤดูใบไม้ผลิแห่งความรุ่งโรจน์และเป็นส่วนประกอบสําคัญของการหลอมรวมครั้งนี้

 

ไข่มุกเทียมถูกส่งเข้าไปในกองไฟ

 

ฟางหยวนเรียก “ไป่หนิงปิง!”

 

ไป่หนิงปิงพยักหน้า นางสะบัดแขนเบาๆและส่งเลือดของนางเข้าไปในกองไฟ

 

กองไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ปราณโลหิตกระจายออกไปรอบๆ ผมที่หกพยายามรวบรวมปราณโลหิตและล่าถอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

หากไม่จัดการปราณโลหิตเหล่านี้ มันอาจรบกวนการหลอมรวมในขั้นตอนต่อไป

 

กองไฟสีแดงเลือดค่อยๆหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากําปั้น

 

ฟางหยวนสูดหายใจลึก ผู้อมตะคนอื่นๆแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

 

ต่อไปเป็นช่วงเวลาสําคัญ

 

“ปล่อยเพลิงมังกรล่องคลื่น!” ฟางหยวนออกคําสั่ง

 

เมื่อเพลิงมังกรล่องคลื่นปรากฏขึ้น มันพยายามบินหนี แต่มันจะหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไปได้อย่างไร

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวแข็งแกร่งมาก มันบังคับให้เพลิงมังกรล่องคลื่นบินเข้าปะทะกองไฟสีเลือด

 

ไฟทั้งสองชนิดค่อนข้างแตกต่างกันแต่ในไม่ช้าพวกมันก็รวมกันเป็นหนึ่งและปลดปล่อยแสงหลากหลายสีสันออกมา

 

กองไฟปล่อยควันที่หนาแน่นออกมาและก่อตัวเป็นทรงกลมสีดําอยู่รอบๆ

 

“บึม!”

 

ควันทรงกลมคงอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะเกิดการระเบิด สายลมกรรโชกแรงพุ่งออกไปรอบๆ ขณะที่ทุกคนสามารถได้ยินเสียงคํารามของมังกร

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มควัน

 

เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา สง่างาม และดูเหมือนวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่

 

เขามีเกล็ดสีทองปกคลุมอยู่บนร่างกาย ดวงตามังกรของเขาเป็นสีบุษราคัม นอกจากนี้ยังมีเขามังกรสีทองที่ดูคล้ายปะการังอยู่บนศีรษะ

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นคนผู้นี้และหัวเราะเสียงดัง “สําเร็จ เราทําสําเร็จ!”

 

ในความเป็นจริงผู้ใช้วิญญาณหนุ่มระดับหนึ่งผู้นี้ก็คือร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวน!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1803 ร่างแยกมนุษย์มังกร

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีแดงน้อย

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่กําลังทํางานขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์นําโดยไป่หนิงปิงเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้

 

“ครืน…”

 

เสียงคลื่นน้ําดังขึ้นขณะที่อสูรปีแรกกําเนิดตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

“นี่คืออสูรปีกุนแรกกําเนิด!” เทพธิดากระต่ายขาวตะโกนด้วยความตื่นเต้น

 

“เยี่ยม! สระแก่นแท้ปียังไม่มีอสูรปีแรกกําเนิดชนิดนี้” เทพธิดาเมี่ยวหยินกล่าวเสริม

 

โดยไม่จําเป็นต้องพูดคุย การต่อสู้เริ่มขึ้นทันที

 

กลุ่มผู้อมตะควบคุมเรือรบหมื่นปีต่อสู้กับอสูรปีกุนแรกกําเนิด

 

อสูรปีกุนแรกกําเนิดมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่เรือรบหมื่นปีก็ไม่เสียเปรียบ

 

การต่อสู้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ หากที่นี่เป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป พวกเขาจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินไป สิ่งนี้ไม่ถือว่ามีนัยสําคัญ

 

ฟางหยวนกลืนกินมิติช่องว่างจํานวนมากและได้รับทรัพยากรมากมาย แต่ถึงกระนั้นมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ยังพัฒนาได้เพียงสิบเจ็ดถึงสิบแปดส่วนเท่านั้น

 

สวรรค์สีแดงน้อยค่อนข้างว่างเปล่า ดังนั้นฟางหยวนจึงจัดให้มันเป็นสนามรบ

 

ปัจจุบันภูมิภาคน้อยทั้งห้าพัฒนาไปได้ด้วยดี เจ็ดสวรรค์น้อยมีทรัพยากรอยู่บ้าง สวรรค์สีแดงน้อยว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ อาณาจักรแห่งความฝันถูกเก็บไว้ในสวรรค์สีเขียวน้อย ขณะที่สวรรค์สีเหลืองน้อยมีเพียงธารทองคําเล็กๆ

 

ภูมิภาคน้อยทั้งห้ายังมีที่ว่างอีกมาก ดังนั้นสวรรค์น้อยทั้งเก้าอาจว่างเปล่าต่อไปอีกนาน

 

โดยปกติผู้อมตะระดับแปดที่มีถ้ําสวรรค์จะพัฒนาท้องฟ้าในมิติช่องว่างของพวกเขาอย่างแข็งขันเพราะพื้นที่บนพื้นดินในมิติช่องว่างของพวกเขามักจะเต็มแล้ว แต่ฟางหยวนเป็นกรณีพิเศษที่ไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสํานึกทั่วไป

 

การต่อสู้ระหว่างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดกับอสูรปีกุนแรกกําเนิดดําเนินอยู่เป็นเวลาสามวันก่อนที่ฝ่ายหลังจะพ่ายแพ้

 

ร่างหลักของฟางหวนเก็บกวาดทะเลทรายผีเขียวขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาใช้เรือรบหมื่นปีกําหราบอสูรปีแรกกําเนิดอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ด้านหนึ่งฟางหยวนต้องการให้ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้คุ้นเคยกับเรือรบหมื่นปีเพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ระดับแปดในอนาคต

 

อีกด้านหนึ่งฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีเพื่อจับอสูรปีแรกกําเนิดและพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี

 

ฟางหยวนเริ่มแผนการนี้มาตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า

 

มันคือค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสูโบราณ

 

มันใช้อสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดเป็นแกนกลาง

 

ค่ายกลนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านการโจมตีและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระหลังจากจัดตั้ง ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน อสูรปีแรกกําเนิดจะถูกผนึกและกลายเป็นรูปปั้นที่ไม่ต้องการอาหาร เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ผนึกของพวกมันจะถูกปลด พวกมันจะสร้างค่ายกลขึ้นมาอีกครั้งและเข้าสู่การต่อสู้

 

ข้อดีประการแรกของสิ่งนี้คือประหยัดค่าอาหารของอสูรปีแรกกําเนิด

 

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องการใช้วิธีนี้เพื่อลดแรงกดดันต่อมิติช่องว่างของเขาแต่ไม่ประสบความสําเร็จ

 

แต่ชีวิตนี้ฟางหยวนร่ํารวยมาก การประหยัดอาหารเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่ฟางหยวนให้ความสําคัญมากกว่าคือความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของมัน

 

มีเพียงอสูรปีแรกกําเนิดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแกนกลางของค่ายกลนี้ ฟางหยวนไม่สามารถใช้อสูรปีเดียวดายหรืออสูรปีบรรพกาล

 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณสนามรบสิบสองราศีสามารถปราบปรามผู้อมตะระดับแปด

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายที่จะรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดที่แตกต่างกัน

 

มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับโชคอีกด้วย

 

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนไม่มีเวลาและพลังงานเหลือพอสําหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสร้างมันกระทั่งถึงเวลาของการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

สายธารแห่งกาลเวลามีอสูรมากมาย แต่ชนิดของอสูรปีไม่ได้ถูกจัดสรรอย่างเท่าเทียม ตรงข้าม อสูรปีบางชนิดจะมีจํานวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละช่วงเวลาหนึ่งๆ

 

ฟางหยวนไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถรวบรวมพวกมันได้ครบในชีวิตนี้หรือไม่

 

แต่ในชีวิตนี้เขามีกําลังคน ทรัพยากร เวลา และพลังงานที่จะทําสิ่งนี้มากกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

นี่คือข้อเท็จจริง

 

เมื่อเวลาผ่านไป กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ที่ถูกฟางหยวนรีดไถเริ่มคิดหาวิธีจัดการฟางหยวนแต่พวกเขายังไม่กล้าลงมือ

 

กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกกําลังเผชิญหน้ากัน การโต้เถียงของตระกูลฟาง และตระกูลหว่านดําเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางกองกําลังพยายามยับยังตนเองแต่ลอบเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

 

ภาคเหนือ ถ้ําสวรรค์นิรันดรพยายามรวบรวมผู้อมตะทั้งหมดเข้าด้วยกันแต่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

 

ทะเลตะวันออกเงียบสงบเช่นเคย มีความปั่นปวนขึ้นเป็นครั้งคราวแต่พวกมันไร้นัยสํา คัญ ประเด็นที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการแย่งชิงผาสวรรค์ถูกตัดสินแล้ว

 

ภาคกลาง เทพธิดาจื่อเว่ยต้องการสร้างปัญหาให้กับฟางหยวนแต่นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะฟางหยวนไม่ปรากฏตัว แม้เขาจะลงมือทําบางสิ่ง แต่เขาจะปลอมตัวและทําให้คนอื่นๆไม่สามารถแยกแยะข่าวจริงหรือข่าวลวง

 

โลกผู้อมตะของทั้งห้าภูมิภาคค่อนข้างสงบสุขในช่วงเวลานี้

 

ฟางหยวนใช้เวลาทุกวินาทีในการดูดซับผลประโยชน์และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ตอนนี้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าภูมิภาคได้แล้วแม้มันจะยังห่างไกลจากความเชี่ยวชาญก็ตาม

 

ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาก็น่าพอใจเช่นกัน จิตวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งร้อยล้านคนเรียบร้อยแล้ว

 

ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะปรากฏตัวขึ้น มนุษย์ไม่สามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณได้เป็นกว่าระดับหนึ่งร้อยล้านคน

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นคนแรกที่สามารถทําลายขีดจํากัดนี้ ฟางหยวนเข้าใจวิธีการนี้หลังจากได้รับมดรกที่แท้จริงของนิกายเงา

 

มันคือการยกระดับจิตวิญญาณมนุษย์สู่ขอบเขตจิตวิญญาณเดียวดาย

 

ด้วยวิธีนี้จิตวิญญาณของเขาจะสามารถแข่งขันกับสัตว์อสูรเดียวดายส่วนใหญ่

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณเคยใช้เพียงดวงวิญญาณของเขาต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนมาแล้ว นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุดของเขาและมันก็สามารถฝากความประทับใจไว้ให้กับฟางหยวน

 

‘แต่ข้ายังมีหลายสิ่งต้องทําก่อนที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณเดียวดาย’

 

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนถูกส่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มทํางานและปลดปล่อยแสงสีแดงออกมาโดยรอบ

 

“ตั้งสมาธิ เราจะใช้วัตถุดิบหลักต่อไป” ฟางหยวนสั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

ภายในค่ายกลถูกแบ่งออกเป็นห้องลับจํานวนมาก พวกมันเก็บทรัพยากรอมตะแต่ละชนิดเอาไว้ภายใน

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ห้องลับแห่งหนึ่งเปิดออกขณะที่ทรัพยากรอมตะที่ถูกเก็บไว้ถูกนําออกมา

 

ทรัพยากรอมตะชนิดนี้มีชื่อว่าแสงฤดูใบไม้ผลิแห่งความรุ่งโรจน์ มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งแสงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของดอกไม้แสง

 

ดอกไม้แสงระเบิดแสงสีขาวออกมาปกคลุมดวงวิญญาณแยกของฟางหยวน

 

ทรัพยากรอมตะถูกใช้งานที่ละชิ้น ค่ายกลวิญญาณอมตะทํางานอย่างหนัก

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งหมดให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

 

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนอยู่เพียงลําพัง เขาไม่สามารถทําสิ่งเหล่านี้ แต่ด้วยการผนวกนิกายหลางหยา ความสามารถในการหลอมรวมของเขาจึงเหนือกว่าวังสวรรค์ไปแล้ว

 

แม้วังสวรรค์จะสามารถปลุกผู้อมตะขึ้นมาจากสุสานอมตะ แต่พวกเขาจะมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดกี่คน

 

แน่นอนว่าวังสวรรค์ร่ํารวยมาก พวกเขาเหนือกว่าฟางหยวนมากในแง่นี้ แม้ฟางหยวนจะกลืนกินผู้อมตะตลอดชีวิตของเขา แต่มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์

 

การหลอมรวมดําเนินไปอย่างราบรื่น ฟางหยวนตะโกน “ต่อไปคือไข่มุกเทียม!”

 

ไข่มุกเทียมไม่ใช่ไข่มุกแต่เป็นทรัพยากรอมตะที่สามารถเปลี่ยนเป็นอัญมณีชนิดต่างๆ

มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดเช่นเดียวกับแสงฤดูใบไม้ผลิแห่งความรุ่งโรจน์และเป็นส่วนประกอบสําคัญของการหลอมรวมครั้งนี้

 

ไข่มุกเทียมถูกส่งเข้าไปในกองไฟ

 

ฟางหยวนเรียก “ไป่หนิงปิง!”

 

ไป่หนิงปิงพยักหน้า นางสะบัดแขนเบาๆและส่งเลือดของนางเข้าไปในกองไฟ

 

กองไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ปราณโลหิตกระจายออกไปรอบๆ ผมที่หกพยายามรวบรวมปราณโลหิตและล่าถอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

หากไม่จัดการปราณโลหิตเหล่านี้ มันอาจรบกวนการหลอมรวมในขั้นตอนต่อไป

 

กองไฟสีแดงเลือดค่อยๆหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากําปั้น

 

ฟางหยวนสูดหายใจลึก ผู้อมตะคนอื่นๆแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

 

ต่อไปเป็นช่วงเวลาสําคัญ

 

“ปล่อยเพลิงมังกรล่องคลื่น!” ฟางหยวนออกคําสั่ง

 

เมื่อเพลิงมังกรล่องคลื่นปรากฏขึ้น มันพยายามบินหนี แต่มันจะหลบหนีจากค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไปได้อย่างไร

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวแข็งแกร่งมาก มันบังคับให้เพลิงมังกรล่องคลื่นบินเข้าปะทะกองไฟสีเลือด

 

ไฟทั้งสองชนิดค่อนข้างแตกต่างกันแต่ในไม่ช้าพวกมันก็รวมกันเป็นหนึ่งและปลดปล่อยแสงหลากหลายสีสันออกมา

 

กองไฟปล่อยควันที่หนาแน่นออกมาและก่อตัวเป็นทรงกลมสีดําอยู่รอบๆ

 

“บึม!”

 

ควันทรงกลมคงอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะเกิดการระเบิด สายลมกรรโชกแรงพุ่งออกไปรอบๆ ขณะที่ทุกคนสามารถได้ยินเสียงคํารามของมังกร

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มควัน

 

เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา สง่างาม และดูเหมือนวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่

 

เขามีเกล็ดสีทองปกคลุมอยู่บนร่างกาย ดวงตามังกรของเขาเป็นสีบุษราคัม นอกจากนี้ยังมีเขามังกรสีทองที่ดูคล้ายปะการังอยู่บนศีรษะ

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นคนผู้นี้และหัวเราะเสียงดัง “สําเร็จ เราทําสําเร็จ!”

 

ในความเป็นจริงผู้ใช้วิญญาณหนุ่มระดับหนึ่งผู้นี้ก็คือร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวน!

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+