Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1809 มองวังสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1809 มองวังสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1809 มองวังสวรรค์

 

วิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีอยู่ในรูปลักษณ์ของไส้เดือนแต่มันปลดปล่อยความรู้สึกที่อบอุ่นออกมา มันโปร่งแสงและดูเหมือนอําพันสีน้ําตาลที่งดงาม

 

ด้วยวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาค

 

เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาค ร่างแยกกาลเวลาของฟางหยวนอนุมาน และดัดแปลงมันเรียบร้อยแล้ว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคใหม่เพิ่มวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีเข้าไปและถูกเก็บไว้ในวิญญาณอมตะธงค่ายกลโดยมีจิตวิญญาณค่ายกลคอยดูแล

 

จิตวิญญาณค่ายกลเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังในการควบคุมค่ายกล มันสามารถค้นพบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและซ่อมแซมค่ายกลด้วยตัวมันเองได้อย่างรวดเร็ว

 

ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณอมตะธงค่ายกล ฟางหยวนจะสามารถย้ายค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิได้โดยตรง

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรที่ถูกใช้งานตลอดเวลาและมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

 

ตอนนี้สระแก่นแท้ปีมีอสูรปีแรกกําเนิดมากกว่ายี่สิบตัวจากเจ็ดสายพันธุ์

 

ฟางหยวนรวบรวมสายพันธุ์ต่างๆของอสูรปีแรกกําเนิดได้มากกว่าครึ่งแต่เขาไม่แน่ใจว่าแผนการนี้จะประสบความสําเร็จหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชค

 

เพื่อสนับสนุนโชคของตนเอง ฟางหยวนสั่งให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมวิญญาณอม ตะบนเส้นทางแห่งโชค

 

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะนับร้อยดวงแต่เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคไม่มากนัก

 

เขามีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค หากเขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค เขาจะสามารถใช้วิธีการจากมรดกที่แท้จริง

 

สิ่งสําคัญก็คือรากฐานบนเส้นทางแห่งโชคของวังสวรรค์ค่อนข้างอ่อนแอ

 

ดังนั้นผลของการเพิ่มความแข็งแกร่งในแง่ของโชคจะส่งผลลัพธ์อย่างชัดเจน

 

สําหรับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งโชค แม้มันจะหายาก แต่ฟางหยวนสามารถรีดไถจากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

ด้านการฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะ ท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าสีถูกวางไว้ด้านข้าง เขาไม่ได้ฝึกท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา แต่เขายังได้รับข้อมูลในเชิงลึกใหม่ๆมากมาย

 

เขามีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา มันเหมือนยางลบ มันใช้พลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อลบศัตรูออกไป ในขณะเดียวกันมันก็กลืนกินผู้ใช้งานไปพร้อมกัน

 

ข้อบกพร่องเรื่องการลบความทรงจําไม่สามารถแก้ไข สิ่งนี้ถูกกําหนดไว้ในโครงสร้างของท่าไม้ตายนี้ หากต้องการลบข้อบกพร่องนี้ออก โครงสร้างของท่าไม้ตายจะถูกพลิกคว่ํา

 

หากสิ่งนี้เกิดขึ้น พลังทําลายล้างที่รุนแรงของมันจะหายไปโดยสิ้นเชิง

 

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับข้อบกพร่องนี้

 

ร่างหลักของฟางหยวนมีความคืบหน้าแต่ร่างแยกของเขากลับไปไกลกว่า

 

ดวงวิญญาณของร่างแยกกายาแห่งความฝันค่อยๆหลอมรวมเข้ากับร่างใหม่

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรกลายเป็นผู้อมตะระดับหกและครอบครองมิติช่องว่างระดับสูง

 

ฟางหยวนใช้เวลามากขึ้นกับการสารวจอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนกับจื่อชิวหยูทําธุรกรรมกันอย่างต่อเนื่องและทําให้เขาได้รับอาณาจักรแห่งความฝันจํานวนมาก

 

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 

วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไป เขายืนอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ

 

ฟางหยวนมองตนเองและตระหนักว่าเขาอยู่ในร่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ระดับหก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล

 

ขณะที่ฟางหยวนกําลังไตร่ตรอง เสียงลมพัดดังมาจากด้านหลัง หมอกสลายไป ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกสามคนปรากฏตัวขึ้น

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้าจะไปที่ใด?”

 

“ตาย!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกทั้งสามพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

 

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางหยวนที่ยังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณของเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที

 

“บึม!”

 

ในเวลาต่อมาร่างกายของเขาก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาตายอย่างน่าอนาถ

 

ฟางหยวนถูกผลักออกจากอาณาจักรแห่งความฝันและกลับสู่โลกแห่งความจริง

 

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าข้าจะพบอุปสรรคดังกล่าวทันทีหลังจากเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน”

 

เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตน

 

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือดวงวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยวหนึ่งร้อยดวง

 

“ดูเหมือนหลังจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย คุณภาพของมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันสามารถต่อต้านฟันเฟืองของอาณาจักรแห่งความฝันได้ดีขึ้น”

 

ฟางหยวนพักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

 

มันเป็นสถานการณ์เดิม ฟางหยวนเร่งตรวจสอบวิญญาณของเขาทันที

 

คนผู้นี้มีวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดเกี่ยวกับมันจากความทรงจําของเขา ‘นี่คือวิญญาณปราณไหลเวียน’

 

วิญญาณอมตะปราณไหลเวียนระดับหก

 

นอกจากนี้ยังมีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งพลังปราณระดับห้าจํานวนมากรวมถึงทรัพยากรอมตะสามชิ้นได้แก่ ปราณเหล็กดํา ปราณกล้วยไม้ และปราณมังกรล่อง

 

ฟางหยวนตกตะลึงเล็กน้อย ‘วิญญาณอมตะปราณไหลเวียนเป็นวิญญาณสายสนับสนุน ข้าจะต่อต้านสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกทั้งสามได้อย่างไร?’

 

ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องนี้ เสียงตะโกนก็ดังมาจากด้านหลัง

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้าจะไปที่ใด?”

 

“ตาย!”

 

“บึม!”

 

ฟางหยวนถูกแยกร่างเป็นครั้งที่สอง

 

เมื่อเขากลับสู่โลกแห่งความจริง เขาไตร่ตรองขณะรักษาอาการบาดเจ็บ “เห็นได้ชัดว่าข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก”

 

‘ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของฟางหยวนต่ํามากแต่เขามีทรัพยากรมากมาย

 

มีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณจํานวนมากอยู่ในนิกายหลางหยา

 

หรือกระทั่งเขาจะไม่มีท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้น เขาก็สามารถเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของนิกายหลางหยาให้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 

ด้วยความร่ํารวยทางทฤษฎีและความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา ในไม่ช้าเขาก็พบท่าไม้ตายอมตะที่สามารถทําลายอุปสรรคแรกของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเพียงเด็กใหม่บนเส้นทางแห่งพลังปราณ ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกฝนพวกมันเป็นอันดับแรก

 

เขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่เขาสามารถเลียนแบบและฝึกฝนพวกมันได้ไม่มากก็น้อย

 

เมื่อฟางหยวนกลับไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

หลังจากพยายามหลายครั้ง ฟางหยวนสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะได้ในที่สุด

 

ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยเกราะสีดํา การโจมตีของสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกไม่สามารถสังหารเขา

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้ากล้าตอบโต้งั้นหรือ?”

 

“เจ้าเป็นเพียงทาสแต่กลับกล้าหาญนัก!”

 

“เจ้าทําให้นายท่านขุ่นเคือง เจ้าสมควรตาย! ฆ่ามัน บดขยี้มัน!”

 

สามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกตะโกนและโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

 

ฟางหยวนสามารถต่อต้านได้ชั่วครู่ก่อนจะถูกสังหารโดยคนทั้งสาม

 

เมื่อเขาออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน เขาสรุปสถานการณ์ ดูเหมือนข้าควรหลบหนีมากกว่าต่อสู้

 

ในความพยายามครั้งต่อไปเขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเดิมแต่เปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายใหม่

 

เขาล้มเหลวครั้งแรกแต่ยังประสบความสําเร็จในครั้งที่สอง

 

ความสําเร็จนี้นําฟางหยวนไปสู่ฉากที่สองของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ก่อนที่เขาจะสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อม เขาก็กระอักเลือดคําโตออกมาจากปาก

 

“ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพยากรอมตะถูกใช้ไปเป็นจํานวนมาก” หัวใจของฟางหยวนจมลงเล็กน้อย

 

แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะปราณไหลเวียนแต่เขาสามารถใช้มันเป็นแก่นกลางร่วมกับทรัพยากรอมตะทั้งสามเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ

 

ปราณเหล็กดําสามารถเปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีดํา

 

ปราณกล้วยไม้สามารถรักษา

 

ปราณมังกรล่องสามารถใช้ในการเคลื่อนที่

 

ฟางหยวนใช้ปราณมังกรล่องเพื่อหลบหนีจากการไล่ล่าของสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกในฉากแรกของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ในฉากที่สอง ฟางหยวนค้นพบทันทีว่าปราณมังกรล่องของเขาถูกใช้ไปมากกว่าครึ่ง ปราณเหล็กดถูกใช้ไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ปราณกล้วยไม้ยังมีเท่าเดิม

 

‘สถานการณ์ไม่ดี ข้าต้องรักษาตัวเป็นอันดับแรก’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะลมหายใจกล้วยไม้

 

ปราณกล้วยไม้ส่วนเล็กๆถูกใช้งาน ฟางหยวนเปิดปากสูดกลิ่นดอกกล้วยไม้เข้าไป หลังจากชั่วครู่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาก็หายเป็นปกติ

 

“ตอนนี้ข้าอยู่ที่ใด?”

 

ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ในถ้ําใต้พิภพที่มีเส้นทางทอดตัวแยกออกไปทุกทิศทาง

 

ฟางหยวนจึงออกเดินเพียงไม่กี่ก้าวเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกตกตะลึงก่อนจะตะโกนด้วยความยินดี “เว่ยอวี่ซู! เจ้าอยู่ที่นี่ ฮ่าฮ่า ฮ่า เยี่ยมมาก เจ้าวิ่งเข้ามาหาข้าจริงๆ ดังคํากล่าวที่ว่ามาในเวลาที่เหมาะสมดีกว่ามาก่อนเวลา!”

 

ในเวลาต่อมาฟางหยวนก็ถูกส่งออกจากอาณาจักรแห่งความฝันพร้อมกับอาการบาดเจ็บ

 

“นี่หมายความว่าข้าถูกจับ แม้จะไม่ถูกสังหาร แต่มันยังถือว่าล้มเหลว”

 

“ดูเหมือนอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะมุ่งเน้นที่การหลบหนี”

 

“ในสถานการณ์ดังนั้นข้าไม่มีทางที่จะต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด”

 

“ลองอีกครั้ง”

 

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันฉากที่สอง

 

เขาพยายามหลายวิธีแต่ยังล้มเหลวซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาค้นพบว่ามีผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกจํานวนมากไล่ล่าเขาไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะระดับหกหรือผู้อมตะระดับเจ็ด

 

ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์หมึก

 

นอกเหนือจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยผู้อมตะระดับเจ็ด ฟางหยวนคาดเดาว่ามันเป็นยุคแรกกําเนิด

 

เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ยังแข็งแกร่ง

 

ฟางหยวนทดลองซ้ําแล้วซ้ําอีก ในที่สุดเขาก็พบโอกาสหลบหนี

 

ในถ้ํามีทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือปราณฤดูใบไม้ร่วง สิ่งนี้สามารถช่วยเขา

 

หลังจากรวบรวมทรัพยากรอมตะและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาสามารถผ่านฉากที่สองได้อย่างราบรื่น

 

ในฉากที่สาม ฟางหยวนพบว่าอาณาจักรแห่งความฝันดําเนินไปด้วยตัวของมันเอง เขาไม่สามารถควบคุม

 

เขาทรุดตัวลงบนพื้น

 

ด้านหน้าเขามีผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึกที่งดงามผู้หนึ่งยืนอยู่

 

นางปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา นางมองฟางหยวนด้วยความโกรธ ความเก ลียดชังรวมถึงความรัก และความสงสาร

 

“เว่ยอวี่ซู เมื่อข้าซื้อเจ้ากลับมา เจ้าเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้จักแม้แต่วิธีการบ่มเพาะ!”

 

“ข้าสอนเจ้าทีละขั้นตอนและเลี้ยงดูเจ้าจนกลายเป็นผู้อมตะ แต่มันกลับทําให้เจ้ามีความกล้าหาญเช่นนี้งั้นหรือ?”

 

“บอกข้า เหตุใดเจ้าถึงทรยศ?”

 

“ข้าหรือองค์หญิงเย่องรังแกเจ้างั้นหรือ? เจ้าใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและสงบสุข เจ้ารับใช้ข้าเพียงผู้เดียวขณะที่ข้าไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดร้าย!”

 

ผู้อมตะหญิงระดับแปดเผ่ามนุษย์หมึกถามด้วยน้ําเสียงที่เฉียบขาด

 

เว่ยอวี่ซูเผยรอยยิ้มโศกเศร้า “แม้ข้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าก็ยังเป็นทาสของท่าน!”

 

ผู้อมตะหญิงระดับแปดโกรธจัด “การเป็นทาสของข้ามันเลวร้ายมากงั้นหรือ? มนุษย์หมึกมากมายต้องการเป็นเช่นเจ้าแต่ไม่ได้รับโอกาสนี้!”

 

เว่ยอวี่ซูกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าไม่เคยคิดว่ามันเลวร้ายมาก่อน แต่เมื่อข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวังสวรรค์ของเผ่ามนุษย์…”

 

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องการไปที่วังสวรรค์งั้นหรือ?” ผู้อมตะหญิงเย้ยหยัน “ไร้เดียงสา เจ้าเชื่อคําลวงของปีศาจเหล่านั้นจริงๆงั้นหรือ?”

 

เว่ยอวี่ซูปิดเปลือกตาลงและกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ใช่ว่าข้าเชื่อ แต่ข้าอยากเชื่อ”

 

ผู้อมตะหญิงกลายเป็นมึนงงขณะที่ความโกรธของนางค่อยๆหายไป

 

นางหวนคิดถึงอดีตที่นางเคยสังหารทาสต่างเผ่าพันธุ์

 

นางกล่าวด้วยความเสียใจ “เว่ยอวี่ซู ข้าให้อภัยกับความผิดของเจ้ามาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ข้าไม่สามารถทําได้ หากข้าให้อภัยเจ้าต่อไป มันจะเป็นการทําลายศักดิ์ศรีเผ่าพันธุ์ของข้า หากข้าไม่ออกมาด้วยตนเอง เจ้าคงสามารถหลบหนีได้จริงๆ ความพยายามในการเลี้ยงดูเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ความจริงก็คือสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับอาณาเขตของวังสวรรค์เป็นอย่างมาก”

 

คํากล่าวเหล่านี้ทําให้เว่ยอวี่ซูเปิดเปลือกตาขึ้นและจ้องมองผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึก

 

เขาขอร้อง “ข้าไม่มีความปรารถนาใดก่อนตาย ข้ามีเพียงความคิดเดียว ให้ข้าออกจากถ้ําแห่งนี้และมองวังสวรรค์”

 

ผู้อมตะหญิงเงียบก่อนจะถอนหายใจ “ตกลง”

 

นางเดินไปด้านข้างขณะที่เว่ยอวี่ซูใช้มือเปื้อนเลือดคลานออกไปด้วยกําลังทั้งหมด

 

มันเป็นระยะทางสั้นๆแต่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

 

ปากถ้ําอยู่บนภูเขา เว่ยอวี่ซูสามารถมองเห็นทิวทัศน์ในระยะไกล

 

เขามองไปข้างหน้าด้วยความหวังแต่เขากลับเห็นเพียงหมอกหนาทึบ

 

“น่าเสียดาย” ผู้อมตะหญิงเดินตามมาจากด้านหลัง “ต่อให้ไม่มีหมอก เจ้าก็ไม่สามารถมองเห็นวังสวรรค์ ข้าบอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กับอาณาเขตของพวกเขาแต่มันก็ยังเป็นเพียงพื้นที่รกร้าง”

 

อย่างไรก็ตามเว่ยอวี่ซูกลับแสดงออกด้วยความพึงพอใจ

 

เขานอนอยู่บนพื้นอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรงแต่ดวงตาของเขายังส่องประกาย “ไม่ ข้าเห็นแล้ว ข้าเห็นวังสวรรค์”

 

“เจ้า” หัวใจของผู้อมตะหญิงสั่นไหว

 

ทันทีที่เว่ยอวี่ซูกล่าวจบ ลมหายใจของเขาก็หยุดลง เขาเสียชีวิต

 

ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึกเงียบ นางมองไปยังทิศทางของวังสวรรค์อย่างเงียบๆด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

 

“วังสวรรค์!”

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1809 มองวังสวรรค์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1809 มองวังสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1809 มองวังสวรรค์

 

วิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีอยู่ในรูปลักษณ์ของไส้เดือนแต่มันปลดปล่อยความรู้สึกที่อบอุ่นออกมา มันโปร่งแสงและดูเหมือนอําพันสีน้ําตาลที่งดงาม

 

ด้วยวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาค

 

เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาค ร่างแยกกาลเวลาของฟางหยวนอนุมาน และดัดแปลงมันเรียบร้อยแล้ว

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคใหม่เพิ่มวิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีเข้าไปและถูกเก็บไว้ในวิญญาณอมตะธงค่ายกลโดยมีจิตวิญญาณค่ายกลคอยดูแล

 

จิตวิญญาณค่ายกลเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังในการควบคุมค่ายกล มันสามารถค้นพบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและซ่อมแซมค่ายกลด้วยตัวมันเองได้อย่างรวดเร็ว

 

ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณอมตะธงค่ายกล ฟางหยวนจะสามารถย้ายค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิได้โดยตรง

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรที่ถูกใช้งานตลอดเวลาและมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

 

ตอนนี้สระแก่นแท้ปีมีอสูรปีแรกกําเนิดมากกว่ายี่สิบตัวจากเจ็ดสายพันธุ์

 

ฟางหยวนรวบรวมสายพันธุ์ต่างๆของอสูรปีแรกกําเนิดได้มากกว่าครึ่งแต่เขาไม่แน่ใจว่าแผนการนี้จะประสบความสําเร็จหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชค

 

เพื่อสนับสนุนโชคของตนเอง ฟางหยวนสั่งให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมวิญญาณอม ตะบนเส้นทางแห่งโชค

 

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะนับร้อยดวงแต่เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคไม่มากนัก

 

เขามีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค หากเขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค เขาจะสามารถใช้วิธีการจากมรดกที่แท้จริง

 

สิ่งสําคัญก็คือรากฐานบนเส้นทางแห่งโชคของวังสวรรค์ค่อนข้างอ่อนแอ

 

ดังนั้นผลของการเพิ่มความแข็งแกร่งในแง่ของโชคจะส่งผลลัพธ์อย่างชัดเจน

 

สําหรับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งโชค แม้มันจะหายาก แต่ฟางหยวนสามารถรีดไถจากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

ด้านการฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะ ท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าสีถูกวางไว้ด้านข้าง เขาไม่ได้ฝึกท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา แต่เขายังได้รับข้อมูลในเชิงลึกใหม่ๆมากมาย

 

เขามีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา มันเหมือนยางลบ มันใช้พลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อลบศัตรูออกไป ในขณะเดียวกันมันก็กลืนกินผู้ใช้งานไปพร้อมกัน

 

ข้อบกพร่องเรื่องการลบความทรงจําไม่สามารถแก้ไข สิ่งนี้ถูกกําหนดไว้ในโครงสร้างของท่าไม้ตายนี้ หากต้องการลบข้อบกพร่องนี้ออก โครงสร้างของท่าไม้ตายจะถูกพลิกคว่ํา

 

หากสิ่งนี้เกิดขึ้น พลังทําลายล้างที่รุนแรงของมันจะหายไปโดยสิ้นเชิง

 

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับข้อบกพร่องนี้

 

ร่างหลักของฟางหยวนมีความคืบหน้าแต่ร่างแยกของเขากลับไปไกลกว่า

 

ดวงวิญญาณของร่างแยกกายาแห่งความฝันค่อยๆหลอมรวมเข้ากับร่างใหม่

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรกลายเป็นผู้อมตะระดับหกและครอบครองมิติช่องว่างระดับสูง

 

ฟางหยวนใช้เวลามากขึ้นกับการสารวจอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนกับจื่อชิวหยูทําธุรกรรมกันอย่างต่อเนื่องและทําให้เขาได้รับอาณาจักรแห่งความฝันจํานวนมาก

 

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 

วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไป เขายืนอยู่บนเนินเขาที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ

 

ฟางหยวนมองตนเองและตระหนักว่าเขาอยู่ในร่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ระดับหก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล

 

ขณะที่ฟางหยวนกําลังไตร่ตรอง เสียงลมพัดดังมาจากด้านหลัง หมอกสลายไป ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกสามคนปรากฏตัวขึ้น

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้าจะไปที่ใด?”

 

“ตาย!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกทั้งสามพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

 

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางหยวนที่ยังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณของเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที

 

“บึม!”

 

ในเวลาต่อมาร่างกายของเขาก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาตายอย่างน่าอนาถ

 

ฟางหยวนถูกผลักออกจากอาณาจักรแห่งความฝันและกลับสู่โลกแห่งความจริง

 

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าข้าจะพบอุปสรรคดังกล่าวทันทีหลังจากเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน”

 

เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตน

 

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือดวงวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิญญาณความเด็ดเดี่ยวหนึ่งร้อยดวง

 

“ดูเหมือนหลังจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย คุณภาพของมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันสามารถต่อต้านฟันเฟืองของอาณาจักรแห่งความฝันได้ดีขึ้น”

 

ฟางหยวนพักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

 

มันเป็นสถานการณ์เดิม ฟางหยวนเร่งตรวจสอบวิญญาณของเขาทันที

 

คนผู้นี้มีวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว ฟางหยวนค้นพบรายละเอียดเกี่ยวกับมันจากความทรงจําของเขา ‘นี่คือวิญญาณปราณไหลเวียน’

 

วิญญาณอมตะปราณไหลเวียนระดับหก

 

นอกจากนี้ยังมีวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งพลังปราณระดับห้าจํานวนมากรวมถึงทรัพยากรอมตะสามชิ้นได้แก่ ปราณเหล็กดํา ปราณกล้วยไม้ และปราณมังกรล่อง

 

ฟางหยวนตกตะลึงเล็กน้อย ‘วิญญาณอมตะปราณไหลเวียนเป็นวิญญาณสายสนับสนุน ข้าจะต่อต้านสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกทั้งสามได้อย่างไร?’

 

ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องนี้ เสียงตะโกนก็ดังมาจากด้านหลัง

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้าจะไปที่ใด?”

 

“ตาย!”

 

“บึม!”

 

ฟางหยวนถูกแยกร่างเป็นครั้งที่สอง

 

เมื่อเขากลับสู่โลกแห่งความจริง เขาไตร่ตรองขณะรักษาอาการบาดเจ็บ “เห็นได้ชัดว่าข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก”

 

‘ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของฟางหยวนต่ํามากแต่เขามีทรัพยากรมากมาย

 

มีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณจํานวนมากอยู่ในนิกายหลางหยา

 

หรือกระทั่งเขาจะไม่มีท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้น เขาก็สามารถเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของนิกายหลางหยาให้เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 

ด้วยความร่ํารวยทางทฤษฎีและความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา ในไม่ช้าเขาก็พบท่าไม้ตายอมตะที่สามารถทําลายอุปสรรคแรกของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเพียงเด็กใหม่บนเส้นทางแห่งพลังปราณ ดังนั้นเขาจึงต้องฝึกฝนพวกมันเป็นอันดับแรก

 

เขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่เขาสามารถเลียนแบบและฝึกฝนพวกมันได้ไม่มากก็น้อย

 

เมื่อฟางหยวนกลับไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

หลังจากพยายามหลายครั้ง ฟางหยวนสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะได้ในที่สุด

 

ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยเกราะสีดํา การโจมตีของสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกไม่สามารถสังหารเขา

 

“เว่ยอวี๋ซู เจ้ากล้าตอบโต้งั้นหรือ?”

 

“เจ้าเป็นเพียงทาสแต่กลับกล้าหาญนัก!”

 

“เจ้าทําให้นายท่านขุ่นเคือง เจ้าสมควรตาย! ฆ่ามัน บดขยี้มัน!”

 

สามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกตะโกนและโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

 

ฟางหยวนสามารถต่อต้านได้ชั่วครู่ก่อนจะถูกสังหารโดยคนทั้งสาม

 

เมื่อเขาออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน เขาสรุปสถานการณ์ ดูเหมือนข้าควรหลบหนีมากกว่าต่อสู้

 

ในความพยายามครั้งต่อไปเขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเดิมแต่เปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายใหม่

 

เขาล้มเหลวครั้งแรกแต่ยังประสบความสําเร็จในครั้งที่สอง

 

ความสําเร็จนี้นําฟางหยวนไปสู่ฉากที่สองของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ก่อนที่เขาจะสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อม เขาก็กระอักเลือดคําโตออกมาจากปาก

 

“ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพยากรอมตะถูกใช้ไปเป็นจํานวนมาก” หัวใจของฟางหยวนจมลงเล็กน้อย

 

แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะปราณไหลเวียนแต่เขาสามารถใช้มันเป็นแก่นกลางร่วมกับทรัพยากรอมตะทั้งสามเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะ

 

ปราณเหล็กดําสามารถเปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีดํา

 

ปราณกล้วยไม้สามารถรักษา

 

ปราณมังกรล่องสามารถใช้ในการเคลื่อนที่

 

ฟางหยวนใช้ปราณมังกรล่องเพื่อหลบหนีจากการไล่ล่าของสามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกในฉากแรกของอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ในฉากที่สอง ฟางหยวนค้นพบทันทีว่าปราณมังกรล่องของเขาถูกใช้ไปมากกว่าครึ่ง ปราณเหล็กดถูกใช้ไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ปราณกล้วยไม้ยังมีเท่าเดิม

 

‘สถานการณ์ไม่ดี ข้าต้องรักษาตัวเป็นอันดับแรก’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะลมหายใจกล้วยไม้

 

ปราณกล้วยไม้ส่วนเล็กๆถูกใช้งาน ฟางหยวนเปิดปากสูดกลิ่นดอกกล้วยไม้เข้าไป หลังจากชั่วครู่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขาก็หายเป็นปกติ

 

“ตอนนี้ข้าอยู่ที่ใด?”

 

ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ในถ้ําใต้พิภพที่มีเส้นทางทอดตัวแยกออกไปทุกทิศทาง

 

ฟางหยวนจึงออกเดินเพียงไม่กี่ก้าวเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกตกตะลึงก่อนจะตะโกนด้วยความยินดี “เว่ยอวี่ซู! เจ้าอยู่ที่นี่ ฮ่าฮ่า ฮ่า เยี่ยมมาก เจ้าวิ่งเข้ามาหาข้าจริงๆ ดังคํากล่าวที่ว่ามาในเวลาที่เหมาะสมดีกว่ามาก่อนเวลา!”

 

ในเวลาต่อมาฟางหยวนก็ถูกส่งออกจากอาณาจักรแห่งความฝันพร้อมกับอาการบาดเจ็บ

 

“นี่หมายความว่าข้าถูกจับ แม้จะไม่ถูกสังหาร แต่มันยังถือว่าล้มเหลว”

 

“ดูเหมือนอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะมุ่งเน้นที่การหลบหนี”

 

“ในสถานการณ์ดังนั้นข้าไม่มีทางที่จะต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด”

 

“ลองอีกครั้ง”

 

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันฉากที่สอง

 

เขาพยายามหลายวิธีแต่ยังล้มเหลวซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาค้นพบว่ามีผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกจํานวนมากไล่ล่าเขาไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะระดับหกหรือผู้อมตะระดับเจ็ด

 

ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์หมึก

 

นอกเหนือจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยผู้อมตะระดับเจ็ด ฟางหยวนคาดเดาว่ามันเป็นยุคแรกกําเนิด

 

เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ยังแข็งแกร่ง

 

ฟางหยวนทดลองซ้ําแล้วซ้ําอีก ในที่สุดเขาก็พบโอกาสหลบหนี

 

ในถ้ํามีทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือปราณฤดูใบไม้ร่วง สิ่งนี้สามารถช่วยเขา

 

หลังจากรวบรวมทรัพยากรอมตะและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาสามารถผ่านฉากที่สองได้อย่างราบรื่น

 

ในฉากที่สาม ฟางหยวนพบว่าอาณาจักรแห่งความฝันดําเนินไปด้วยตัวของมันเอง เขาไม่สามารถควบคุม

 

เขาทรุดตัวลงบนพื้น

 

ด้านหน้าเขามีผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึกที่งดงามผู้หนึ่งยืนอยู่

 

นางปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา นางมองฟางหยวนด้วยความโกรธ ความเก ลียดชังรวมถึงความรัก และความสงสาร

 

“เว่ยอวี่ซู เมื่อข้าซื้อเจ้ากลับมา เจ้าเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้จักแม้แต่วิธีการบ่มเพาะ!”

 

“ข้าสอนเจ้าทีละขั้นตอนและเลี้ยงดูเจ้าจนกลายเป็นผู้อมตะ แต่มันกลับทําให้เจ้ามีความกล้าหาญเช่นนี้งั้นหรือ?”

 

“บอกข้า เหตุใดเจ้าถึงทรยศ?”

 

“ข้าหรือองค์หญิงเย่องรังแกเจ้างั้นหรือ? เจ้าใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและสงบสุข เจ้ารับใช้ข้าเพียงผู้เดียวขณะที่ข้าไม่เคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างโหดร้าย!”

 

ผู้อมตะหญิงระดับแปดเผ่ามนุษย์หมึกถามด้วยน้ําเสียงที่เฉียบขาด

 

เว่ยอวี่ซูเผยรอยยิ้มโศกเศร้า “แม้ข้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าก็ยังเป็นทาสของท่าน!”

 

ผู้อมตะหญิงระดับแปดโกรธจัด “การเป็นทาสของข้ามันเลวร้ายมากงั้นหรือ? มนุษย์หมึกมากมายต้องการเป็นเช่นเจ้าแต่ไม่ได้รับโอกาสนี้!”

 

เว่ยอวี่ซูกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าไม่เคยคิดว่ามันเลวร้ายมาก่อน แต่เมื่อข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวังสวรรค์ของเผ่ามนุษย์…”

 

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องการไปที่วังสวรรค์งั้นหรือ?” ผู้อมตะหญิงเย้ยหยัน “ไร้เดียงสา เจ้าเชื่อคําลวงของปีศาจเหล่านั้นจริงๆงั้นหรือ?”

 

เว่ยอวี่ซูปิดเปลือกตาลงและกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ใช่ว่าข้าเชื่อ แต่ข้าอยากเชื่อ”

 

ผู้อมตะหญิงกลายเป็นมึนงงขณะที่ความโกรธของนางค่อยๆหายไป

 

นางหวนคิดถึงอดีตที่นางเคยสังหารทาสต่างเผ่าพันธุ์

 

นางกล่าวด้วยความเสียใจ “เว่ยอวี่ซู ข้าให้อภัยกับความผิดของเจ้ามาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ข้าไม่สามารถทําได้ หากข้าให้อภัยเจ้าต่อไป มันจะเป็นการทําลายศักดิ์ศรีเผ่าพันธุ์ของข้า หากข้าไม่ออกมาด้วยตนเอง เจ้าคงสามารถหลบหนีได้จริงๆ ความพยายามในการเลี้ยงดูเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ความจริงก็คือสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับอาณาเขตของวังสวรรค์เป็นอย่างมาก”

 

คํากล่าวเหล่านี้ทําให้เว่ยอวี่ซูเปิดเปลือกตาขึ้นและจ้องมองผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึก

 

เขาขอร้อง “ข้าไม่มีความปรารถนาใดก่อนตาย ข้ามีเพียงความคิดเดียว ให้ข้าออกจากถ้ําแห่งนี้และมองวังสวรรค์”

 

ผู้อมตะหญิงเงียบก่อนจะถอนหายใจ “ตกลง”

 

นางเดินไปด้านข้างขณะที่เว่ยอวี่ซูใช้มือเปื้อนเลือดคลานออกไปด้วยกําลังทั้งหมด

 

มันเป็นระยะทางสั้นๆแต่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

 

ปากถ้ําอยู่บนภูเขา เว่ยอวี่ซูสามารถมองเห็นทิวทัศน์ในระยะไกล

 

เขามองไปข้างหน้าด้วยความหวังแต่เขากลับเห็นเพียงหมอกหนาทึบ

 

“น่าเสียดาย” ผู้อมตะหญิงเดินตามมาจากด้านหลัง “ต่อให้ไม่มีหมอก เจ้าก็ไม่สามารถมองเห็นวังสวรรค์ ข้าบอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กับอาณาเขตของพวกเขาแต่มันก็ยังเป็นเพียงพื้นที่รกร้าง”

 

อย่างไรก็ตามเว่ยอวี่ซูกลับแสดงออกด้วยความพึงพอใจ

 

เขานอนอยู่บนพื้นอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรงแต่ดวงตาของเขายังส่องประกาย “ไม่ ข้าเห็นแล้ว ข้าเห็นวังสวรรค์”

 

“เจ้า” หัวใจของผู้อมตะหญิงสั่นไหว

 

ทันทีที่เว่ยอวี่ซูกล่าวจบ ลมหายใจของเขาก็หยุดลง เขาเสียชีวิต

 

ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึกเงียบ นางมองไปยังทิศทางของวังสวรรค์อย่างเงียบๆด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

 

“วังสวรรค์!”

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+