Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

 

ทะเลตะวันออก

 

ร่างหลักของฟางหยวนซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป “โอ้ โชคของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนไปอีกครั้ง!”

 

ฟางหยวนมองโชคเมฆสีดําขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆหม้อปรุงโชค

 

ภายในเมฆสีดํา โชคสี่รูปแบบที่แตกต่างกันซึ่งเป็นตัวแทนของผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่กําลังปกป้องเมฆสีดําเหล่านี้

 

โชคมังกรม่วงของร่างแยกมนุษย์มังกรกําลังคํารามอยู่ภายในเมฆสีดํา

 

มังกรม่วงดูแข็งแรงขึ้นแล้ว ปราณสีฟ้าม่วงถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างของมังกรม่วงอย่างช้าๆ

 

ด้วยวิธีนี้ร่างมังกรม่วงจึงขยายใหญ่ขึ้น กรงเล็บและฟันของมันแหลมคมมากขึ้น

 

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือเดิมทีมังกรม่วงนอนขดตัวเป็นวงกลม แต่ตอนนี้มันเริ่มยึดตัวและโจมตีเมฆสีดํา

 

“จากนิ่งเฉยกลายเป็นกระฉับกระเฉงและมีขวัญกําลังใจมากขึ้น ดูเหมือนร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะสามารถผ่านฉากในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่เป็นเรื่องดี!”

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อช่วยร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าได้อีกต่อไป”

 

ตอนนี้ร่างกายและดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน วิธีบนเส้นทางแห่งโชคไม่สามารถทะลวงเข้าไป

 

ฉากที่สองในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรวิเคราะห์สถานการณ์และพิจารณาทางเลือกของเขา ด้วยการประกาศทัศนคติของตนเองออกมาอย่างจริงใจ บิดาของเขาจึงให้การยอมรับ

 

อย่างไรก็ตามเขายังต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

 

ในห้อง ฟางหยวนถาม “ท่านพ่อ เมื่อเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเราจะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรุ่งเรืองได้อย่างไร? ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อมีแผน โปรดสั่งสอนข้าด้วย”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เราวางแผนมานานแล้ว ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ไม่เพียงข้า แต่สหายมนุษย์มังกรของเรากําลังทํางานร่วมกัน ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถเรียนรู้ตัวตนของพวกเขา นี่คือการปกป้องพวกเขาและตัวเจ้าเอง”

 

“ก้าวแรกของแผนการที่ยิ่งใหญ่คือความลับ การทํางานในที่มืดง่ายกว่าการแสดงออก อย่างเปิดเผยข้าเข้าใจ” ฟางหยวนพยักหน้าแต่เขายังถามต่อ “แต่แผนการที่ดีย่อมต้อ งมีปณิธานบางอย่างถูกต้องหรือไม่?”

 

“มันคือสิ่งนี้” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้มและยกฟูกันขึ้นมาเขียนอักษรตัวสุดท้ายที่ขาดหายไปในกระดาษที่อยู่บนโต๊ะด้วยคําว่าเซีย

 

เมื่อรวมกับอักษรสามตัวแรก มันมีความหมายว่า มังกรปกครองโลก

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจก่อนจะตัดกระดาษแผ่นนั้น

 

เขาส่งเศษกระดาษที่มีอักษรคําว่าเซียให้กับฟางหยวน

 

ตัวอักษรส่วนที่เหลือถูกเผ่าเป็นกองเถ้าถ่าน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจกล่าว “วันหนึ่งเผ่ามนุษย์มังกรจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์ โลกจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาเป็นผู้ปกครองโลก พิจารณา จากสถานการณ์ เผ่ามนุษย์มังกรของเรายังอ่อนแอเกินไปและมีขนาดเล็กเกินไป เราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ใดๆ ขณะเดียวกันเรายังเป็นกองกําลังย่อยของเผ่ามนุษย์”

 

“ตอนนี้เราต้องอดทนจนกว่ารากฐานของเผ่ามนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้น โชคดีที่เราเกิดจากมนุษย์ ความสัมพันธุ์ของเรากับพวกเขาค่อนข้างลึกซึ้งเช่นกัน โดยเฉพาะในภาคกลาง เรามีสมาชิกอยู่ในสิบนิกายโบราณ เราต้องเรียนรู้และยกระดับรากฐานของเราให้ทันมนุษย์

 

ฟางหยวนถามต่อ “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เจ้ามีส่วนร่วมแล้ว ตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ข้าก็เห็นศักยภาพของเจ้าและ ตั้งใจเลี้ยงดูเจ้าให้เป็นผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเจ้าค่อนข้างดี ข้าวางแผนที่จะให้เจ้าเข้าร่วมพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

“นักพรตมดเขียว?” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น เขาคิดถึงคู่รักนักพรตสุรา

 

คู่รักนักพรตสุราเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของภาคกลาง ฝ่ายชายคือนักพรตมดเขียว ฝ่ายหญิงคือเทพธิดาสุรา ทั้งสองเป็นสหายในวัยเยาว์ที่สนิทสนมกันมาก

 

เดิมที่พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ภัยพิบัติแยกพวกเขาออกจากกัน ทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว หลังจากทั้งสองกลายเป็นผู้อมตะ พวกเขาไม่คิดที่จะแต่งงานกับคนอื่น ต้องขอบคุณเรื่องบังเอิญที่วันหนึ่งพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง

 

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงกล่าวว่า “ข้าจําได้ว่าเจ้าชอบเล่นโคลนและมดเมื่อเจ้ายังเด็ก”

 

ฝ่ายชายหัวเราะ “เมื่อเรายังเด็ก ครอบครัวของเจ้าเปิดโรงเตี้ยม ชีวิตของเจ้าดีกว่าข้ามาก เจ้ามักเข้าไปในตรอกเพื่อขายสุราที่เจ้าถือไว้บนเสา ข้าอยู่กับเจ้าในช่วงเวลาเหล่านั้นและหวังว่าจะได้ ทําเช่นนั้นตลอดไป”

 

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายชายจึงเรียกตนเองว่านักพรตมดเขียวขณะที่ฝ่ายหญิงเปลี่ยนชื่อเป็นเทพธิดาสุรา

 

ทั้งสองมีพรสวรรค์และศีลธรรมอันยอดเยี่ยม พวกเขากลายเป็นคู่รักอมตะและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกล่าวต่อ “นักพรตมดเขียวเคยแพ้เดิมพันต่อหงเจิ้นจากสิบนิกายโบราณ เขาจึงต้องรับศิษย์และส่งต่อมรดกของเขา ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะคัดเลือกศิษย์”

 

“นักพรตมดเขียวเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ หากเจ้ากลายเป็นศิษย์คนเดียวของเขา ไม่เพียงเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสจากเขา เจ้ายังสามารถสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับคู่รักนักพรตสุรา เมื่อเผ่ามนุษย์มังกรเผชิญหน้ากับความยากลําบากในอนาคต ผู้อมตะระดับ แปดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะช่วยเราได้มาก”

 

“เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ข้าจะทํางานอย่างหนักและ เป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรพยักหน้า “ดี พิธีจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้า เจ้าต้องปิดประตูฝึกฝน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว!”

 

ฉากที่สองหายไป ฉากที่สามเริ่มขึ้น

 

บนภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอก

 

ในป่าไผ่ หน้ากระท่อมหลังหนึ่ง สมาชิกวัยเยาว์ของสิบนิกายโบราณยืนอยู่ที่นี่

 

พวกเขาเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว

 

ฟางหยวนมีนงงเล็กน้อย เขาสังเกตสภาพแวดล้อมและพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางเด็กกลุ่มนี้

 

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงเขา มีเพียงมนุษย์มังกรวัยเยาว์สองคนเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเขา

 

พื้นที่กว้างใหญ่ตรงกลาง ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนกําลังต่อสู้กัน

 

ฟางหยวนจําหนึ่งในนั้นได้ เขาคิด นั่นไม่ใช่เจิ้งซวงงั้นหรือ?”

 

ตอนนี้เจิ้งซวงกําลังเสียเปรียบ เขากําลังต่อสู้กับหญิงสาวผมทองผู้หนึ่ง

 

ฟางหยวนฟังมาถึงฉากที่สาม เขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเร่งถาม “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้าที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบ “อู่ส่วย เจ้าดูถูกพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเราจะแพ้ แต่เราสามารถมองเห็นสถานการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน เจิ้งซวงจะแพ้ในอีกสองสามรอบ”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้ากล่าวเสียงเย็น

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนมากกว่า “ชิงซวน อย่าทําเช่นนี้ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ อู่ส่วยไม่ได้ต้องการทําให้เจ้าขายหน้า”

 

ชิงซวนคือมนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้า เขากัดฟันกล่าว “มนุษย์พวกนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขารู้ว่าข้าแข็งแกร่ง พวกเขาจึงส่งบางคนมาต่อสู้กับข้าอย่างต่อเนื่อง นั่นทําให้ความแข็งแกร่งของข้าลดลงอย่างมากก่อนที่ไฟฉินจะเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย ฮว งเว่ย อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองฮวงเว่ยถอนหายใจ “เหตุใดข้าจะไม่รู้? เราสองคนถูกกีดขวาง แต่ความจริงก็คือเราไม่แข็งแกร่งพอ หากเราเป็นเหมือนพี่อู่ส่วย แม้พวกเขาจะพยายามขัดขวางพวกเรา แต่พวกเราก็ยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ!”

 

ฟางหยวนฟังและคิด เจ้าหนูเกล็ดฟ้าคือชิงชวน เจ้าหนูเกล็ดเหลืองคือฮวงเว่ย ตอนนี้ข้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮวงเว่ยกล่าวกับฟางหยวน “พี่อู๋ส่วย ข้าชื่นชมความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของท่าน แต่คู่ต่อสู้ของท่านก็ไม่ธรรมดา ไฟฉินแข็งแกร่งมาก นางสามารถแข่งขันกับท่าน อย่างไรก็ตามท่านผ่านการต่อสู้ที่ยากลําบากมาหลายรอบขณะที่นางได้รับสิทธิให้ผ่านมาถึงจุดนี้โดยตรงและพึ่งต่อสู้กับเจิ้งซวงเพียงผู้เดียว”

 

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์แล้ว เด็กสาวผมทองไปฉันคือคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา

 

เขาประเมิน ไฟฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส นางควบคุมกองทัพของนางโดยอาศัยเพียงสัญชาตญาณแต่มันยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น…นางเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากเขารู้เรื่องนี้ ร่างหลักของเขาคงยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสมาก่อนหน้านี้

 

แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น

 

“ข้าแพ้แล้ว” หลังจากชั่วครู่ เจิ้งซวงก็ป้องหมัดกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ไฟฉินตอบกลับด้วยการแสดงออกที่เย็นชาก่อนที่นางจะหันหน้าไปทางฟางหยวนรอบสุดท้าย

 

ฟางหยวนค่อยๆก้าวเข้าสู่ลานประลอง

 

เขาเดินผ่านเฉิงซวงและทําให้ฝ่ายหลังแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เจิ้งซวงต้องการสนับสนุนฟางหยวนที่มาจากนิกายเดียวกัน แต่เมื่อคิดถึงอัตลักษณ์มนุษย์มังกร เขาก็ทําได้ เพียงปิดปากเงียบ

 

หลังจากชั่วครู่ การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

 

มดโผล่ขึ้นมาจากพื้นทีละตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

 

ทะเลตะวันออก

 

ร่างหลักของฟางหยวนซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป “โอ้ โชคของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนไปอีกครั้ง!”

 

ฟางหยวนมองโชคเมฆสีดําขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆหม้อปรุงโชค

 

ภายในเมฆสีดํา โชคสี่รูปแบบที่แตกต่างกันซึ่งเป็นตัวแทนของผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่กําลังปกป้องเมฆสีดําเหล่านี้

 

โชคมังกรม่วงของร่างแยกมนุษย์มังกรกําลังคํารามอยู่ภายในเมฆสีดํา

 

มังกรม่วงดูแข็งแรงขึ้นแล้ว ปราณสีฟ้าม่วงถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างของมังกรม่วงอย่างช้าๆ

 

ด้วยวิธีนี้ร่างมังกรม่วงจึงขยายใหญ่ขึ้น กรงเล็บและฟันของมันแหลมคมมากขึ้น

 

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือเดิมทีมังกรม่วงนอนขดตัวเป็นวงกลม แต่ตอนนี้มันเริ่มยึดตัวและโจมตีเมฆสีดํา

 

“จากนิ่งเฉยกลายเป็นกระฉับกระเฉงและมีขวัญกําลังใจมากขึ้น ดูเหมือนร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะสามารถผ่านฉากในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่เป็นเรื่องดี!”

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อช่วยร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าได้อีกต่อไป”

 

ตอนนี้ร่างกายและดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน วิธีบนเส้นทางแห่งโชคไม่สามารถทะลวงเข้าไป

 

ฉากที่สองในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรวิเคราะห์สถานการณ์และพิจารณาทางเลือกของเขา ด้วยการประกาศทัศนคติของตนเองออกมาอย่างจริงใจ บิดาของเขาจึงให้การยอมรับ

 

อย่างไรก็ตามเขายังต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

 

ในห้อง ฟางหยวนถาม “ท่านพ่อ เมื่อเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเราจะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรุ่งเรืองได้อย่างไร? ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อมีแผน โปรดสั่งสอนข้าด้วย”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เราวางแผนมานานแล้ว ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ไม่เพียงข้า แต่สหายมนุษย์มังกรของเรากําลังทํางานร่วมกัน ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถเรียนรู้ตัวตนของพวกเขา นี่คือการปกป้องพวกเขาและตัวเจ้าเอง”

 

“ก้าวแรกของแผนการที่ยิ่งใหญ่คือความลับ การทํางานในที่มืดง่ายกว่าการแสดงออก อย่างเปิดเผยข้าเข้าใจ” ฟางหยวนพยักหน้าแต่เขายังถามต่อ “แต่แผนการที่ดีย่อมต้อ งมีปณิธานบางอย่างถูกต้องหรือไม่?”

 

“มันคือสิ่งนี้” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้มและยกฟูกันขึ้นมาเขียนอักษรตัวสุดท้ายที่ขาดหายไปในกระดาษที่อยู่บนโต๊ะด้วยคําว่าเซีย

 

เมื่อรวมกับอักษรสามตัวแรก มันมีความหมายว่า มังกรปกครองโลก

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจก่อนจะตัดกระดาษแผ่นนั้น

 

เขาส่งเศษกระดาษที่มีอักษรคําว่าเซียให้กับฟางหยวน

 

ตัวอักษรส่วนที่เหลือถูกเผ่าเป็นกองเถ้าถ่าน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจกล่าว “วันหนึ่งเผ่ามนุษย์มังกรจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์ โลกจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาเป็นผู้ปกครองโลก พิจารณา จากสถานการณ์ เผ่ามนุษย์มังกรของเรายังอ่อนแอเกินไปและมีขนาดเล็กเกินไป เราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ใดๆ ขณะเดียวกันเรายังเป็นกองกําลังย่อยของเผ่ามนุษย์”

 

“ตอนนี้เราต้องอดทนจนกว่ารากฐานของเผ่ามนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้น โชคดีที่เราเกิดจากมนุษย์ ความสัมพันธุ์ของเรากับพวกเขาค่อนข้างลึกซึ้งเช่นกัน โดยเฉพาะในภาคกลาง เรามีสมาชิกอยู่ในสิบนิกายโบราณ เราต้องเรียนรู้และยกระดับรากฐานของเราให้ทันมนุษย์

 

ฟางหยวนถามต่อ “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เจ้ามีส่วนร่วมแล้ว ตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ข้าก็เห็นศักยภาพของเจ้าและ ตั้งใจเลี้ยงดูเจ้าให้เป็นผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเจ้าค่อนข้างดี ข้าวางแผนที่จะให้เจ้าเข้าร่วมพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

“นักพรตมดเขียว?” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น เขาคิดถึงคู่รักนักพรตสุรา

 

คู่รักนักพรตสุราเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของภาคกลาง ฝ่ายชายคือนักพรตมดเขียว ฝ่ายหญิงคือเทพธิดาสุรา ทั้งสองเป็นสหายในวัยเยาว์ที่สนิทสนมกันมาก

 

เดิมที่พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ภัยพิบัติแยกพวกเขาออกจากกัน ทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว หลังจากทั้งสองกลายเป็นผู้อมตะ พวกเขาไม่คิดที่จะแต่งงานกับคนอื่น ต้องขอบคุณเรื่องบังเอิญที่วันหนึ่งพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง

 

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงกล่าวว่า “ข้าจําได้ว่าเจ้าชอบเล่นโคลนและมดเมื่อเจ้ายังเด็ก”

 

ฝ่ายชายหัวเราะ “เมื่อเรายังเด็ก ครอบครัวของเจ้าเปิดโรงเตี้ยม ชีวิตของเจ้าดีกว่าข้ามาก เจ้ามักเข้าไปในตรอกเพื่อขายสุราที่เจ้าถือไว้บนเสา ข้าอยู่กับเจ้าในช่วงเวลาเหล่านั้นและหวังว่าจะได้ ทําเช่นนั้นตลอดไป”

 

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายชายจึงเรียกตนเองว่านักพรตมดเขียวขณะที่ฝ่ายหญิงเปลี่ยนชื่อเป็นเทพธิดาสุรา

 

ทั้งสองมีพรสวรรค์และศีลธรรมอันยอดเยี่ยม พวกเขากลายเป็นคู่รักอมตะและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกล่าวต่อ “นักพรตมดเขียวเคยแพ้เดิมพันต่อหงเจิ้นจากสิบนิกายโบราณ เขาจึงต้องรับศิษย์และส่งต่อมรดกของเขา ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะคัดเลือกศิษย์”

 

“นักพรตมดเขียวเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ หากเจ้ากลายเป็นศิษย์คนเดียวของเขา ไม่เพียงเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสจากเขา เจ้ายังสามารถสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับคู่รักนักพรตสุรา เมื่อเผ่ามนุษย์มังกรเผชิญหน้ากับความยากลําบากในอนาคต ผู้อมตะระดับ แปดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะช่วยเราได้มาก”

 

“เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ข้าจะทํางานอย่างหนักและ เป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรพยักหน้า “ดี พิธีจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้า เจ้าต้องปิดประตูฝึกฝน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว!”

 

ฉากที่สองหายไป ฉากที่สามเริ่มขึ้น

 

บนภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอก

 

ในป่าไผ่ หน้ากระท่อมหลังหนึ่ง สมาชิกวัยเยาว์ของสิบนิกายโบราณยืนอยู่ที่นี่

 

พวกเขาเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว

 

ฟางหยวนมีนงงเล็กน้อย เขาสังเกตสภาพแวดล้อมและพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางเด็กกลุ่มนี้

 

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงเขา มีเพียงมนุษย์มังกรวัยเยาว์สองคนเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเขา

 

พื้นที่กว้างใหญ่ตรงกลาง ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนกําลังต่อสู้กัน

 

ฟางหยวนจําหนึ่งในนั้นได้ เขาคิด นั่นไม่ใช่เจิ้งซวงงั้นหรือ?”

 

ตอนนี้เจิ้งซวงกําลังเสียเปรียบ เขากําลังต่อสู้กับหญิงสาวผมทองผู้หนึ่ง

 

ฟางหยวนฟังมาถึงฉากที่สาม เขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเร่งถาม “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้าที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบ “อู่ส่วย เจ้าดูถูกพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเราจะแพ้ แต่เราสามารถมองเห็นสถานการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน เจิ้งซวงจะแพ้ในอีกสองสามรอบ”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้ากล่าวเสียงเย็น

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนมากกว่า “ชิงซวน อย่าทําเช่นนี้ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ อู่ส่วยไม่ได้ต้องการทําให้เจ้าขายหน้า”

 

ชิงซวนคือมนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้า เขากัดฟันกล่าว “มนุษย์พวกนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขารู้ว่าข้าแข็งแกร่ง พวกเขาจึงส่งบางคนมาต่อสู้กับข้าอย่างต่อเนื่อง นั่นทําให้ความแข็งแกร่งของข้าลดลงอย่างมากก่อนที่ไฟฉินจะเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย ฮว งเว่ย อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองฮวงเว่ยถอนหายใจ “เหตุใดข้าจะไม่รู้? เราสองคนถูกกีดขวาง แต่ความจริงก็คือเราไม่แข็งแกร่งพอ หากเราเป็นเหมือนพี่อู่ส่วย แม้พวกเขาจะพยายามขัดขวางพวกเรา แต่พวกเราก็ยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ!”

 

ฟางหยวนฟังและคิด เจ้าหนูเกล็ดฟ้าคือชิงชวน เจ้าหนูเกล็ดเหลืองคือฮวงเว่ย ตอนนี้ข้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮวงเว่ยกล่าวกับฟางหยวน “พี่อู๋ส่วย ข้าชื่นชมความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของท่าน แต่คู่ต่อสู้ของท่านก็ไม่ธรรมดา ไฟฉินแข็งแกร่งมาก นางสามารถแข่งขันกับท่าน อย่างไรก็ตามท่านผ่านการต่อสู้ที่ยากลําบากมาหลายรอบขณะที่นางได้รับสิทธิให้ผ่านมาถึงจุดนี้โดยตรงและพึ่งต่อสู้กับเจิ้งซวงเพียงผู้เดียว”

 

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์แล้ว เด็กสาวผมทองไปฉันคือคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา

 

เขาประเมิน ไฟฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส นางควบคุมกองทัพของนางโดยอาศัยเพียงสัญชาตญาณแต่มันยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น…นางเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากเขารู้เรื่องนี้ ร่างหลักของเขาคงยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสมาก่อนหน้านี้

 

แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น

 

“ข้าแพ้แล้ว” หลังจากชั่วครู่ เจิ้งซวงก็ป้องหมัดกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ไฟฉินตอบกลับด้วยการแสดงออกที่เย็นชาก่อนที่นางจะหันหน้าไปทางฟางหยวนรอบสุดท้าย

 

ฟางหยวนค่อยๆก้าวเข้าสู่ลานประลอง

 

เขาเดินผ่านเฉิงซวงและทําให้ฝ่ายหลังแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เจิ้งซวงต้องการสนับสนุนฟางหยวนที่มาจากนิกายเดียวกัน แต่เมื่อคิดถึงอัตลักษณ์มนุษย์มังกร เขาก็ทําได้ เพียงปิดปากเงียบ

 

หลังจากชั่วครู่ การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

 

มดโผล่ขึ้นมาจากพื้นทีละตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

 

ทะเลตะวันออก

 

ร่างหลักของฟางหยวนซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป “โอ้ โชคของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนไปอีกครั้ง!”

 

ฟางหยวนมองโชคเมฆสีดําขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆหม้อปรุงโชค

 

ภายในเมฆสีดํา โชคสี่รูปแบบที่แตกต่างกันซึ่งเป็นตัวแทนของผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่กําลังปกป้องเมฆสีดําเหล่านี้

 

โชคมังกรม่วงของร่างแยกมนุษย์มังกรกําลังคํารามอยู่ภายในเมฆสีดํา

 

มังกรม่วงดูแข็งแรงขึ้นแล้ว ปราณสีฟ้าม่วงถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างของมังกรม่วงอย่างช้าๆ

 

ด้วยวิธีนี้ร่างมังกรม่วงจึงขยายใหญ่ขึ้น กรงเล็บและฟันของมันแหลมคมมากขึ้น

 

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือเดิมทีมังกรม่วงนอนขดตัวเป็นวงกลม แต่ตอนนี้มันเริ่มยึดตัวและโจมตีเมฆสีดํา

 

“จากนิ่งเฉยกลายเป็นกระฉับกระเฉงและมีขวัญกําลังใจมากขึ้น ดูเหมือนร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะสามารถผ่านฉากในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่เป็นเรื่องดี!”

 

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อช่วยร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าได้อีกต่อไป”

 

ตอนนี้ร่างกายและดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน วิธีบนเส้นทางแห่งโชคไม่สามารถทะลวงเข้าไป

 

ฉากที่สองในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ร่างแยกมนุษย์มังกรวิเคราะห์สถานการณ์และพิจารณาทางเลือกของเขา ด้วยการประกาศทัศนคติของตนเองออกมาอย่างจริงใจ บิดาของเขาจึงให้การยอมรับ

 

อย่างไรก็ตามเขายังต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

 

ในห้อง ฟางหยวนถาม “ท่านพ่อ เมื่อเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเราจะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรุ่งเรืองได้อย่างไร? ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อมีแผน โปรดสั่งสอนข้าด้วย”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เราวางแผนมานานแล้ว ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ไม่เพียงข้า แต่สหายมนุษย์มังกรของเรากําลังทํางานร่วมกัน ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถเรียนรู้ตัวตนของพวกเขา นี่คือการปกป้องพวกเขาและตัวเจ้าเอง”

 

“ก้าวแรกของแผนการที่ยิ่งใหญ่คือความลับ การทํางานในที่มืดง่ายกว่าการแสดงออก อย่างเปิดเผยข้าเข้าใจ” ฟางหยวนพยักหน้าแต่เขายังถามต่อ “แต่แผนการที่ดีย่อมต้อ งมีปณิธานบางอย่างถูกต้องหรือไม่?”

 

“มันคือสิ่งนี้” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้มและยกฟูกันขึ้นมาเขียนอักษรตัวสุดท้ายที่ขาดหายไปในกระดาษที่อยู่บนโต๊ะด้วยคําว่าเซีย

 

เมื่อรวมกับอักษรสามตัวแรก มันมีความหมายว่า มังกรปกครองโลก

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจก่อนจะตัดกระดาษแผ่นนั้น

 

เขาส่งเศษกระดาษที่มีอักษรคําว่าเซียให้กับฟางหยวน

 

ตัวอักษรส่วนที่เหลือถูกเผ่าเป็นกองเถ้าถ่าน

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจกล่าว “วันหนึ่งเผ่ามนุษย์มังกรจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์ โลกจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาเป็นผู้ปกครองโลก พิจารณา จากสถานการณ์ เผ่ามนุษย์มังกรของเรายังอ่อนแอเกินไปและมีขนาดเล็กเกินไป เราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ใดๆ ขณะเดียวกันเรายังเป็นกองกําลังย่อยของเผ่ามนุษย์”

 

“ตอนนี้เราต้องอดทนจนกว่ารากฐานของเผ่ามนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้น โชคดีที่เราเกิดจากมนุษย์ ความสัมพันธุ์ของเรากับพวกเขาค่อนข้างลึกซึ้งเช่นกัน โดยเฉพาะในภาคกลาง เรามีสมาชิกอยู่ในสิบนิกายโบราณ เราต้องเรียนรู้และยกระดับรากฐานของเราให้ทันมนุษย์

 

ฟางหยวนถามต่อ “แล้วข้าควรทําอย่างไร?”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม “เจ้ามีส่วนร่วมแล้ว ตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ข้าก็เห็นศักยภาพของเจ้าและ ตั้งใจเลี้ยงดูเจ้าให้เป็นผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเจ้าค่อนข้างดี ข้าวางแผนที่จะให้เจ้าเข้าร่วมพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

“นักพรตมดเขียว?” ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น เขาคิดถึงคู่รักนักพรตสุรา

 

คู่รักนักพรตสุราเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของภาคกลาง ฝ่ายชายคือนักพรตมดเขียว ฝ่ายหญิงคือเทพธิดาสุรา ทั้งสองเป็นสหายในวัยเยาว์ที่สนิทสนมกันมาก

 

เดิมที่พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ภัยพิบัติแยกพวกเขาออกจากกัน ทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว หลังจากทั้งสองกลายเป็นผู้อมตะ พวกเขาไม่คิดที่จะแต่งงานกับคนอื่น ต้องขอบคุณเรื่องบังเอิญที่วันหนึ่งพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง

 

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงกล่าวว่า “ข้าจําได้ว่าเจ้าชอบเล่นโคลนและมดเมื่อเจ้ายังเด็ก”

 

ฝ่ายชายหัวเราะ “เมื่อเรายังเด็ก ครอบครัวของเจ้าเปิดโรงเตี้ยม ชีวิตของเจ้าดีกว่าข้ามาก เจ้ามักเข้าไปในตรอกเพื่อขายสุราที่เจ้าถือไว้บนเสา ข้าอยู่กับเจ้าในช่วงเวลาเหล่านั้นและหวังว่าจะได้ ทําเช่นนั้นตลอดไป”

 

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายชายจึงเรียกตนเองว่านักพรตมดเขียวขณะที่ฝ่ายหญิงเปลี่ยนชื่อเป็นเทพธิดาสุรา

 

ทั้งสองมีพรสวรรค์และศีลธรรมอันยอดเยี่ยม พวกเขากลายเป็นคู่รักอมตะและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกล่าวต่อ “นักพรตมดเขียวเคยแพ้เดิมพันต่อหงเจิ้นจากสิบนิกายโบราณ เขาจึงต้องรับศิษย์และส่งต่อมรดกของเขา ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะคัดเลือกศิษย์”

 

“นักพรตมดเขียวเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ หากเจ้ากลายเป็นศิษย์คนเดียวของเขา ไม่เพียงเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสจากเขา เจ้ายังสามารถสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับคู่รักนักพรตสุรา เมื่อเผ่ามนุษย์มังกรเผชิญหน้ากับความยากลําบากในอนาคต ผู้อมตะระดับ แปดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะช่วยเราได้มาก”

 

“เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ข้าจะทํางานอย่างหนักและ เป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรพยักหน้า “ดี พิธีจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้า เจ้าต้องปิดประตูฝึกฝน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว!”

 

ฉากที่สองหายไป ฉากที่สามเริ่มขึ้น

 

บนภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอก

 

ในป่าไผ่ หน้ากระท่อมหลังหนึ่ง สมาชิกวัยเยาว์ของสิบนิกายโบราณยืนอยู่ที่นี่

 

พวกเขาเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว

 

ฟางหยวนมีนงงเล็กน้อย เขาสังเกตสภาพแวดล้อมและพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางเด็กกลุ่มนี้

 

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงเขา มีเพียงมนุษย์มังกรวัยเยาว์สองคนเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเขา

 

พื้นที่กว้างใหญ่ตรงกลาง ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนกําลังต่อสู้กัน

 

ฟางหยวนจําหนึ่งในนั้นได้ เขาคิด นั่นไม่ใช่เจิ้งซวงงั้นหรือ?”

 

ตอนนี้เจิ้งซวงกําลังเสียเปรียบ เขากําลังต่อสู้กับหญิงสาวผมทองผู้หนึ่ง

 

ฟางหยวนฟังมาถึงฉากที่สาม เขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเร่งถาม “พวกเจ้าคิดอย่างไร?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้าที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบ “อู่ส่วย เจ้าดูถูกพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเราจะแพ้ แต่เราสามารถมองเห็นสถานการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน เจิ้งซวงจะแพ้ในอีกสองสามรอบ”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้ากล่าวเสียงเย็น

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนมากกว่า “ชิงซวน อย่าทําเช่นนี้ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ อู่ส่วยไม่ได้ต้องการทําให้เจ้าขายหน้า”

 

ชิงซวนคือมนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้า เขากัดฟันกล่าว “มนุษย์พวกนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขารู้ว่าข้าแข็งแกร่ง พวกเขาจึงส่งบางคนมาต่อสู้กับข้าอย่างต่อเนื่อง นั่นทําให้ความแข็งแกร่งของข้าลดลงอย่างมากก่อนที่ไฟฉินจะเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย ฮว งเว่ย อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้?”

 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองฮวงเว่ยถอนหายใจ “เหตุใดข้าจะไม่รู้? เราสองคนถูกกีดขวาง แต่ความจริงก็คือเราไม่แข็งแกร่งพอ หากเราเป็นเหมือนพี่อู่ส่วย แม้พวกเขาจะพยายามขัดขวางพวกเรา แต่พวกเราก็ยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ!”

 

ฟางหยวนฟังและคิด เจ้าหนูเกล็ดฟ้าคือชิงชวน เจ้าหนูเกล็ดเหลืองคือฮวงเว่ย ตอนนี้ข้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮวงเว่ยกล่าวกับฟางหยวน “พี่อู๋ส่วย ข้าชื่นชมความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของท่าน แต่คู่ต่อสู้ของท่านก็ไม่ธรรมดา ไฟฉินแข็งแกร่งมาก นางสามารถแข่งขันกับท่าน อย่างไรก็ตามท่านผ่านการต่อสู้ที่ยากลําบากมาหลายรอบขณะที่นางได้รับสิทธิให้ผ่านมาถึงจุดนี้โดยตรงและพึ่งต่อสู้กับเจิ้งซวงเพียงผู้เดียว”

 

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์แล้ว เด็กสาวผมทองไปฉันคือคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา

 

เขาประเมิน ไฟฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส นางควบคุมกองทัพของนางโดยอาศัยเพียงสัญชาตญาณแต่มันยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น…นางเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากเขารู้เรื่องนี้ ร่างหลักของเขาคงยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสมาก่อนหน้านี้

 

แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น

 

“ข้าแพ้แล้ว” หลังจากชั่วครู่ เจิ้งซวงก็ป้องหมัดกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ไฟฉินตอบกลับด้วยการแสดงออกที่เย็นชาก่อนที่นางจะหันหน้าไปทางฟางหยวนรอบสุดท้าย

 

ฟางหยวนค่อยๆก้าวเข้าสู่ลานประลอง

 

เขาเดินผ่านเฉิงซวงและทําให้ฝ่ายหลังแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เจิ้งซวงต้องการสนับสนุนฟางหยวนที่มาจากนิกายเดียวกัน แต่เมื่อคิดถึงอัตลักษณ์มนุษย์มังกร เขาก็ทําได้ เพียงปิดปากเงียบ

 

หลังจากชั่วครู่ การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

 

มดโผล่ขึ้นมาจากพื้นทีละตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+