Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

 

อู๋ส่วยใช้วังมังกรสังหารซ่งเต๋าจื่อแห่งนิกายเมฆาวายุต่อหน้าทุกคน นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่ว

 

ระหว่างงานเลี้ยงฉลอง นักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงาน นี่เป็นการยืนยันอิทธิพลของอู๋ส่วยที่เติบโตขึ้น ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับผู้อมตะระดับแปดแล้ว

 

คืนวันงานเลี้ยง อู๋ส่วยนอนหลับฝันดี

 

ในความฝัน เขาสามารถเติมเต็มความปรารถนาทั้งหมดของตน เขาบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่เขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อพวกมัน

 

เขากลายเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์มังกร เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ราชันมังกรก้าวลงจากตําแหน่ง

 

เขาควบคุมวังมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีสถานะที่เท่าเทียมกับมนุษย์ 

 

เขากักขังฟานจื่อและทรมานคนผู้นี้ต่อหน้าชูจิ่วหลิงก่อนที่เขาจะจัดการกับชูจิ่วหลิงด้วยตนเอง ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ต่อสู้กับเขา หลังจากนางพบกับความพ่ายแพ้ นางต้องร้องขอให้เขาไว้ชีวิตบุตรสาวของนางและเสนอตัวนางเองเป็นลูกน้องของเขา อู๋ส่วยตกลง เขาใช้ชูจิ่วหลิงเป็นคนรับใช้ ขณะที่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กลายเป็นทาสที่ภักดีต่อเขา

 

เขาวางนักพรตมดเขียวและเทพธิดาสุราไว้ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่ามนุษย์มังกร แม้พวกเขาจะไม่ต้องการ แต่เผ่ามนุษย์มังกรแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาต้องยอมจํานนต่อพลังอํานาจของอู๋ส่วย

 

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขที่สุดคือเขาทําให้ไม่ฉันกลายเป็นจักรพรรดินีมังกรเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองมีลูกๆที่เฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์มากมาย

 

วันต่อมาอู๋ส่วยตื่นขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

เขามองไท่ฉินที่นอนอยู่ด้านข้างและห่มผ้าให้นางด้วยความรักก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้ของอู๋ส่วยกับซึ่งเต่จ่อปลุกขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร ด้วยอิทธิพลนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ไม่กี่ทศวรรษต่อมา ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ราชันมังกรรู้เรื่องนี้และเรียกอู๋ส่วยไปพบ

 

อู๋ส่วยเดินทางไกลหลายพันลี้เพื่อไปพบราชันมังกรแต่กลับถูกดุด่า

 

หลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกร

 

ราชันมังกรสังให้เขาประกาศอาชญากรรมของตนเองและก้าวลงจากตําแหน่งเจ้าของเกาะดอกไม้แดนใต้

 

อู๋ส่วยไม่เต็มใจแต่ต่อหน้าราชันมังกรกับวังสวรรค์ เขายังอ่อนแอเกินไป

 

เขากลับเกาะดอกไม้แดนใต้ด้วยความโกรธและต้องทําตามคําสั่งของราชันมังกรอย่างไม่เต็มใจ

 

กู้เหลียงมาเยี่ยมเขา

 

อู๋ส่วยพบคนผู้นี้ครั้งแรกในงานเลี้ยงหลังการสังหารซ่งเต๋าจื่อของเขา

 

หลายปีที่ผ่านมากู้เหลียงเริ่มสนิทสนมกับเผ่ามนุษย์มังกรของเกาะดอกไม้แดนใต้ พวกเขาร่วมงานกันบ่อยครั้งและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

“อู๋ส่วย ข้าได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกาะดอกไม้แดนใต้แล้ว เหตุใดเจ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นอาชญากรรม?”

 

อู๋ส่วยถอนหายใจ “กู้เหลียง นี่เป็นคําสั่งของบรรพชนราชันมังกรของข้า ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา”

 

อู๋ส่วยกล่าวต่ออย่างจริงจัง “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า เมื่อข้าสังหารซ่งเต๋าจื่อ ข้าคิดว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรของข้าสามารถเงยหน้าขึ้น แต่หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ในหลุมทราย การกระทําทั้งหมดของข้ามีผลเพียงเล็กน้อย ข้ากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง”

 

กู้เหลียงยิ้มและปลอบโยน “อย่าประเมินตนเองต่ําเกินไป หลายปีที่ผ่านมาข้าเห็นการทํางานหนักของเจ้า หากไม่ใช่เพราะการจัดการของเจ้า เผ่ามนุษย์มังกรบนเกาะดอกไม้แดนใต้คงถูกคนโลภกลืนกินไปแล้ว ทํายที่สุดมันก็เป็นสิบนิกายโบราณและวังสวรรค์ที่เจ้ากําลังต่อต้าน”

 

อู๋ส่วยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะที่เขาจะถอนหายใจและเงยหน้าขึ้น “การนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้นอาจฟังดูง่ายแต่มันยากราวกับการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์”

 

กู้เหลียงยังยิ้ม “ค่อยๆก้าวไปที่ละขั้น ก่อนที่วังสวรรค์จะขึ้นสู่อํานาจ พวกเขาก็พบกับสถานการณ์เดียวกันมิใช่หรือ?”

 

อู๋ส่วยกล่าวด้วยน้ําเสียงหดหู่ “ด้วยค่าสั่งของบรรพชน งานหนักหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษของข้าก็กลายเป็นสูญเปล่า มนุษย์ปกครองโลก นี่คือสิ่งที่ยากที่จะปฏิเสธ”

 

กู้เหลียงเสนอ “ข้ามีวิธี”

 

“โอ้ วิธีใด? บอกข้าเร็ว ไม่จําเป็นต้องลังเล เราเป็นสหายสนิท” อู๋ส่วยเร่งถาม

 

“มันเป็นแผนการทั่วไป เจ้าเพียงกังวลเกี่ยวกับขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าและเกาะดอกไม้แดนใต้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา ราชันมังกรต้องการกําจัดสิ่งนั้น แต่หากเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะเป็นอย่างไร?”

 

“ระดับแปด? เหตุใดข้าจะไม่ต้องการมัน!? แต่การกําวข้ามภัยพิบัติสุดท้ายอันตรายมาก แม้ข้าจะมีวังมังกรแต่ข้ายังเกรงว่า…” อู๋ส่วยลังเล

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้มานานหลายปี เจ้าจะไม่กล้ารับความเสียงได้อย่างไร? เจ้ารู้ว่าตนเองมีความสําคัญกับเกาะและเผ่าพันธุ์ ความกังวลเหล่านี้เป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งสุดท้ายและกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง!” กู้เหลียงกล่าวและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา

 

ปรากฏว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด!

 

อู๋ส่วยตกใจมาก “กู้เหลียง…ไม่…ผู้อาวุโส…ท่าน…”

 

กู้เหลียงยกมือขึ้นหยุดอู่ส่วย “อู๋ส่วย มาคุยกันในฐานะสหาย ความจริงก็คือข้าเข้าหาเจ้าด้วยเจตนาบางอย่างภาคกลางแข็งแกร่งเกินไป อีกสี่ภูมิภาคอ่อนแอ ในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ข้ายินดีที่จะเห็นความขัดแย้งภายในของภาคกลาง แต่ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเรื่องนั้น ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าจากใจจริง กล่าวตามตรง เราค่อนข้างเหมือนกัน”

 

อู๋ส่วยดีใจมาก “หลายปีที่ผ่านมาข้าเคยขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะระดับแปดหลายคน แต่กระทั่งนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ก็ยังปฏิเสธข้า ความช่วยเหลือของเจ้ามาในจังหวะที่เหมาะสมจริงๆ ข้า อู๋ส่วย จะไม่มีวันลืมความเมตตานี้!”

 

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคือภัยพิบัติของอู๋ส่วย

 

เขาได้รับความช่วยเหลือจากกู้เหลียงและประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติ

 

ในที่สุดอู๋ส่วยก็กลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

 

แม้เขาจะเชื่อฟังคําสั่งของราชันมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกสิ้นหวัง แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

อู๋ส่วยกลายเป็นตัวตนอันดับสองของเผ่ามนุษย์มังกร เขาก้าวข้ามรุ่นพ่อ มีเพียงราชันมังกรเท่านั้นที่อยู่เหนือเขา

 

อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริงและสามารถพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์

 

ทัศนคติของราชันมังกรที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน ราชันมังกรไม่เรียกอู๋ส่วยไปดุด่าอีกต่อไป

 

นี่ทําให้อู๋ส่วยรู้สึกหลุดพ้นจากแรงกดดันทั้งหมด

 

“ทิวทัศน์ของระดับแปดช่างแตกต่างอย่างแท้จริง!”

 

“ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดไปแล้ว”

 

อู๋ส่วยรู้สึกขอบคุณเหลียง หลังจากเรื่องนี้ความร่วมมือของพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

 

กู้เหลียงบอกความลับมากมายกับอู๋ส่วย “รากฐานของวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม ในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจสองคนบุกโจมตีวังสวรรค์แต่เหตุใดพวกเขาถึงล้มเหลว? เหตุผลเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถท่าลายวิญญาณชะตากรรม เนื่องจากการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขาจึงไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของวังสวรรค์”

 

“อย่างไรก็ตามการหลอมรวมเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเข้ากับเจตจํานงสวรรค์ทําให้เต๋าสวรรค์ไม่พอใจ วิถีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล แต่มนุษย์รุ่งเรืองและแข็งแกร่งเกินไป สวรรค์ไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้!”

 

อู๋ส่วยได้เรียนรู้เรื่องสําคัญมากมายจากกู้เหลียง แม้เขาจะอาศัยอยู่ในภาคกลางและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ แต่เขากลับไม่เคยล่วงรู้ความลับเหล่านี้

 

“อู๋ส่วย หากเจ้าต้องการนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้น การบ่มเพาะระดับแปดยังไม่เพียงพอในความเป็นจริง แม่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์มีผู้อมตะระดับแปดมากมาย!”

 

“ข้าขอกล่าวตามตรง หากเผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าก้าวข้ามขอบเขตที่วังสวรรค์จะรับได้ พวกเขาจะกําจัดพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

 

อู๋ส่วยคิดและขอคําแนะนําจากกู้เหลียง

 

กู้เหลียงตอบ “การทะยานขึ้นของเผ่ามนุษย์มังกรไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องตั้งเป้าไปยังแหล่งกําเนิดของทุกสิ่ง!”

 

“แหล่งกําเนิด? เจ้าหมายถึงวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?” อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขมขึ้น “วิญญาณชะตากรรมอยู่ในการดูแลของวังสวรรค์”

 

“มันยากจริงๆ แต่มันยังมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ดวงตาของกู้เหลียงส่องประกายขึ้น

 

อู๋ส่วยถูกล่อลวง “เจ้ากําลังกล่าวถึง…บัวแดง?”

 

“ถูกต้อง เดิมที่วังสวรรค์ต้องการเลี้ยงดูบัวแดงให้กลายเป็นเทพอมตะ แต่เขามีเจตนาอื่น เขาเลือกที่จะท้าทายวังสวรรค์ ราชันมังกรยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ มันทําให้เขาปวดหัวจนทําให้เขาไม่มีเวลาดูแลเผ่ามนุษย์มังกร จากจุดนี้ เจ้าต้องขอบคุณบัวแดงที่ช่วยลดแรงกดดันที่เจ้ากําลังเผชิญ” กู้เหลียงกล่าว

 

“เราจะยืมพลังของบัวแดงงั้นหรือ? นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่เราจะติดต่อเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถามอีกครั้ง “บัวแดงลึกลับเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาเขา”

 

“เราไม่สามารถเข้าหาบัวแดง แม้เราจะต้องการพบเขา แต่เขาจะปฏิเสธเรา บางทีเขาอาจโจมตีหรือกระทั่งทําลายล้างพวกเรา” การแสดงออกของกู้เหลียงเปลี่ยนแปลงไป

 

เขากล่าวต่อ “ไม่ว่าบัวแดงจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ เขาก็ยังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์”

 

“หากเขาไม่ต้องการร่วมมือ เราจะยืมกําลังของเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถาม

 

กู้เหลียงหัวเราะ “บัวแดงต้องการชุบชีวิตครอบครัวและคนรัก เขาต้องต่อสู้กับเต๋าสวรรค์และท้าทายโชคชะตา ความขัดแย้งนี้ไม่สามารถแก้ไข ดังนั้นเขาจึงหันหลังให้กับอาจารย์ของเขา ขณะที่ราชันมังกรยังไม่สามารถเปลี่ยนใจบัวแดง บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรมอย่างแน่นอน เมื่อเขาบุกวังสวรรค์ มันจะเป็นโอกาสของเรา”

 

“บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์เมื่อใด?”

 

“ข้าไม่แน่ใจ อาจใช้เวลาหลายปีหรืออาจไม่กี่วันข้างหน้า”

 

อู๋ส่วยพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้ไปเราต้องเข้าหาวังสวรรค์เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อบัวแดงโจมตี เราจะใช้โอกาสนั้นขโมยวิญญาณชะตากรรม!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

 

อู๋ส่วยใช้วังมังกรสังหารซ่งเต๋าจื่อแห่งนิกายเมฆาวายุต่อหน้าทุกคน นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่ว

 

ระหว่างงานเลี้ยงฉลอง นักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงาน นี่เป็นการยืนยันอิทธิพลของอู๋ส่วยที่เติบโตขึ้น ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับผู้อมตะระดับแปดแล้ว

 

คืนวันงานเลี้ยง อู๋ส่วยนอนหลับฝันดี

 

ในความฝัน เขาสามารถเติมเต็มความปรารถนาทั้งหมดของตน เขาบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่เขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อพวกมัน

 

เขากลายเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์มังกร เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ราชันมังกรก้าวลงจากตําแหน่ง

 

เขาควบคุมวังมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีสถานะที่เท่าเทียมกับมนุษย์ 

 

เขากักขังฟานจื่อและทรมานคนผู้นี้ต่อหน้าชูจิ่วหลิงก่อนที่เขาจะจัดการกับชูจิ่วหลิงด้วยตนเอง ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ต่อสู้กับเขา หลังจากนางพบกับความพ่ายแพ้ นางต้องร้องขอให้เขาไว้ชีวิตบุตรสาวของนางและเสนอตัวนางเองเป็นลูกน้องของเขา อู๋ส่วยตกลง เขาใช้ชูจิ่วหลิงเป็นคนรับใช้ ขณะที่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กลายเป็นทาสที่ภักดีต่อเขา

 

เขาวางนักพรตมดเขียวและเทพธิดาสุราไว้ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่ามนุษย์มังกร แม้พวกเขาจะไม่ต้องการ แต่เผ่ามนุษย์มังกรแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาต้องยอมจํานนต่อพลังอํานาจของอู๋ส่วย

 

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขที่สุดคือเขาทําให้ไม่ฉันกลายเป็นจักรพรรดินีมังกรเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองมีลูกๆที่เฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์มากมาย

 

วันต่อมาอู๋ส่วยตื่นขึ้นด้วยรอยยิ้ม

 

เขามองไท่ฉินที่นอนอยู่ด้านข้างและห่มผ้าให้นางด้วยความรักก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ

 

การต่อสู้ของอู๋ส่วยกับซึ่งเต่จ่อปลุกขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร ด้วยอิทธิพลนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ไม่กี่ทศวรรษต่อมา ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ราชันมังกรรู้เรื่องนี้และเรียกอู๋ส่วยไปพบ

 

อู๋ส่วยเดินทางไกลหลายพันลี้เพื่อไปพบราชันมังกรแต่กลับถูกดุด่า

 

หลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกร

 

ราชันมังกรสังให้เขาประกาศอาชญากรรมของตนเองและก้าวลงจากตําแหน่งเจ้าของเกาะดอกไม้แดนใต้

 

อู๋ส่วยไม่เต็มใจแต่ต่อหน้าราชันมังกรกับวังสวรรค์ เขายังอ่อนแอเกินไป

 

เขากลับเกาะดอกไม้แดนใต้ด้วยความโกรธและต้องทําตามคําสั่งของราชันมังกรอย่างไม่เต็มใจ

 

กู้เหลียงมาเยี่ยมเขา

 

อู๋ส่วยพบคนผู้นี้ครั้งแรกในงานเลี้ยงหลังการสังหารซ่งเต๋าจื่อของเขา

 

หลายปีที่ผ่านมากู้เหลียงเริ่มสนิทสนมกับเผ่ามนุษย์มังกรของเกาะดอกไม้แดนใต้ พวกเขาร่วมงานกันบ่อยครั้งและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

“อู๋ส่วย ข้าได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกาะดอกไม้แดนใต้แล้ว เหตุใดเจ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นอาชญากรรม?”

 

อู๋ส่วยถอนหายใจ “กู้เหลียง นี่เป็นคําสั่งของบรรพชนราชันมังกรของข้า ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา”

 

อู๋ส่วยกล่าวต่ออย่างจริงจัง “ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า เมื่อข้าสังหารซ่งเต๋าจื่อ ข้าคิดว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรของข้าสามารถเงยหน้าขึ้น แต่หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ในหลุมทราย การกระทําทั้งหมดของข้ามีผลเพียงเล็กน้อย ข้ากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง”

 

กู้เหลียงยิ้มและปลอบโยน “อย่าประเมินตนเองต่ําเกินไป หลายปีที่ผ่านมาข้าเห็นการทํางานหนักของเจ้า หากไม่ใช่เพราะการจัดการของเจ้า เผ่ามนุษย์มังกรบนเกาะดอกไม้แดนใต้คงถูกคนโลภกลืนกินไปแล้ว ทํายที่สุดมันก็เป็นสิบนิกายโบราณและวังสวรรค์ที่เจ้ากําลังต่อต้าน”

 

อู๋ส่วยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะที่เขาจะถอนหายใจและเงยหน้าขึ้น “การนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้นอาจฟังดูง่ายแต่มันยากราวกับการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์”

 

กู้เหลียงยังยิ้ม “ค่อยๆก้าวไปที่ละขั้น ก่อนที่วังสวรรค์จะขึ้นสู่อํานาจ พวกเขาก็พบกับสถานการณ์เดียวกันมิใช่หรือ?”

 

อู๋ส่วยกล่าวด้วยน้ําเสียงหดหู่ “ด้วยค่าสั่งของบรรพชน งานหนักหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษของข้าก็กลายเป็นสูญเปล่า มนุษย์ปกครองโลก นี่คือสิ่งที่ยากที่จะปฏิเสธ”

 

กู้เหลียงเสนอ “ข้ามีวิธี”

 

“โอ้ วิธีใด? บอกข้าเร็ว ไม่จําเป็นต้องลังเล เราเป็นสหายสนิท” อู๋ส่วยเร่งถาม

 

“มันเป็นแผนการทั่วไป เจ้าเพียงกังวลเกี่ยวกับขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าและเกาะดอกไม้แดนใต้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา ราชันมังกรต้องการกําจัดสิ่งนั้น แต่หากเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะเป็นอย่างไร?”

 

“ระดับแปด? เหตุใดข้าจะไม่ต้องการมัน!? แต่การกําวข้ามภัยพิบัติสุดท้ายอันตรายมาก แม้ข้าจะมีวังมังกรแต่ข้ายังเกรงว่า…” อู๋ส่วยลังเล

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้มานานหลายปี เจ้าจะไม่กล้ารับความเสียงได้อย่างไร? เจ้ารู้ว่าตนเองมีความสําคัญกับเกาะและเผ่าพันธุ์ ความกังวลเหล่านี้เป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งสุดท้ายและกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง!” กู้เหลียงกล่าวและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา

 

ปรากฏว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด!

 

อู๋ส่วยตกใจมาก “กู้เหลียง…ไม่…ผู้อาวุโส…ท่าน…”

 

กู้เหลียงยกมือขึ้นหยุดอู่ส่วย “อู๋ส่วย มาคุยกันในฐานะสหาย ความจริงก็คือข้าเข้าหาเจ้าด้วยเจตนาบางอย่างภาคกลางแข็งแกร่งเกินไป อีกสี่ภูมิภาคอ่อนแอ ในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ข้ายินดีที่จะเห็นความขัดแย้งภายในของภาคกลาง แต่ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเรื่องนั้น ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าจากใจจริง กล่าวตามตรง เราค่อนข้างเหมือนกัน”

 

อู๋ส่วยดีใจมาก “หลายปีที่ผ่านมาข้าเคยขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะระดับแปดหลายคน แต่กระทั่งนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ก็ยังปฏิเสธข้า ความช่วยเหลือของเจ้ามาในจังหวะที่เหมาะสมจริงๆ ข้า อู๋ส่วย จะไม่มีวันลืมความเมตตานี้!”

 

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคือภัยพิบัติของอู๋ส่วย

 

เขาได้รับความช่วยเหลือจากกู้เหลียงและประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติ

 

ในที่สุดอู๋ส่วยก็กลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

 

แม้เขาจะเชื่อฟังคําสั่งของราชันมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกสิ้นหวัง แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

อู๋ส่วยกลายเป็นตัวตนอันดับสองของเผ่ามนุษย์มังกร เขาก้าวข้ามรุ่นพ่อ มีเพียงราชันมังกรเท่านั้นที่อยู่เหนือเขา

 

อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริงและสามารถพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์

 

ทัศนคติของราชันมังกรที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน ราชันมังกรไม่เรียกอู๋ส่วยไปดุด่าอีกต่อไป

 

นี่ทําให้อู๋ส่วยรู้สึกหลุดพ้นจากแรงกดดันทั้งหมด

 

“ทิวทัศน์ของระดับแปดช่างแตกต่างอย่างแท้จริง!”

 

“ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดไปแล้ว”

 

อู๋ส่วยรู้สึกขอบคุณเหลียง หลังจากเรื่องนี้ความร่วมมือของพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

 

กู้เหลียงบอกความลับมากมายกับอู๋ส่วย “รากฐานของวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม ในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจสองคนบุกโจมตีวังสวรรค์แต่เหตุใดพวกเขาถึงล้มเหลว? เหตุผลเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถท่าลายวิญญาณชะตากรรม เนื่องจากการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขาจึงไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของวังสวรรค์”

 

“อย่างไรก็ตามการหลอมรวมเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเข้ากับเจตจํานงสวรรค์ทําให้เต๋าสวรรค์ไม่พอใจ วิถีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล แต่มนุษย์รุ่งเรืองและแข็งแกร่งเกินไป สวรรค์ไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้!”

 

อู๋ส่วยได้เรียนรู้เรื่องสําคัญมากมายจากกู้เหลียง แม้เขาจะอาศัยอยู่ในภาคกลางและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ แต่เขากลับไม่เคยล่วงรู้ความลับเหล่านี้

 

“อู๋ส่วย หากเจ้าต้องการนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้น การบ่มเพาะระดับแปดยังไม่เพียงพอในความเป็นจริง แม่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์มีผู้อมตะระดับแปดมากมาย!”

 

“ข้าขอกล่าวตามตรง หากเผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าก้าวข้ามขอบเขตที่วังสวรรค์จะรับได้ พวกเขาจะกําจัดพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

 

อู๋ส่วยคิดและขอคําแนะนําจากกู้เหลียง

 

กู้เหลียงตอบ “การทะยานขึ้นของเผ่ามนุษย์มังกรไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องตั้งเป้าไปยังแหล่งกําเนิดของทุกสิ่ง!”

 

“แหล่งกําเนิด? เจ้าหมายถึงวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?” อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขมขึ้น “วิญญาณชะตากรรมอยู่ในการดูแลของวังสวรรค์”

 

“มันยากจริงๆ แต่มันยังมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ดวงตาของกู้เหลียงส่องประกายขึ้น

 

อู๋ส่วยถูกล่อลวง “เจ้ากําลังกล่าวถึง…บัวแดง?”

 

“ถูกต้อง เดิมที่วังสวรรค์ต้องการเลี้ยงดูบัวแดงให้กลายเป็นเทพอมตะ แต่เขามีเจตนาอื่น เขาเลือกที่จะท้าทายวังสวรรค์ ราชันมังกรยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ มันทําให้เขาปวดหัวจนทําให้เขาไม่มีเวลาดูแลเผ่ามนุษย์มังกร จากจุดนี้ เจ้าต้องขอบคุณบัวแดงที่ช่วยลดแรงกดดันที่เจ้ากําลังเผชิญ” กู้เหลียงกล่าว

 

“เราจะยืมพลังของบัวแดงงั้นหรือ? นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่เราจะติดต่อเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถามอีกครั้ง “บัวแดงลึกลับเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาเขา”

 

“เราไม่สามารถเข้าหาบัวแดง แม้เราจะต้องการพบเขา แต่เขาจะปฏิเสธเรา บางทีเขาอาจโจมตีหรือกระทั่งทําลายล้างพวกเรา” การแสดงออกของกู้เหลียงเปลี่ยนแปลงไป

 

เขากล่าวต่อ “ไม่ว่าบัวแดงจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ เขาก็ยังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์”

 

“หากเขาไม่ต้องการร่วมมือ เราจะยืมกําลังของเขาได้อย่างไร?” อู๋ส่วยถาม

 

กู้เหลียงหัวเราะ “บัวแดงต้องการชุบชีวิตครอบครัวและคนรัก เขาต้องต่อสู้กับเต๋าสวรรค์และท้าทายโชคชะตา ความขัดแย้งนี้ไม่สามารถแก้ไข ดังนั้นเขาจึงหันหลังให้กับอาจารย์ของเขา ขณะที่ราชันมังกรยังไม่สามารถเปลี่ยนใจบัวแดง บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรมอย่างแน่นอน เมื่อเขาบุกวังสวรรค์ มันจะเป็นโอกาสของเรา”

 

“บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์เมื่อใด?”

 

“ข้าไม่แน่ใจ อาจใช้เวลาหลายปีหรืออาจไม่กี่วันข้างหน้า”

 

อู๋ส่วยพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้ไปเราต้องเข้าหาวังสวรรค์เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อบัวแดงโจมตี เราจะใช้โอกาสนั้นขโมยวิญญาณชะตากรรม!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+