Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

 

ที่นี่เป็นดินแดนรกร้าง พื้นเป็นดินสีเทาขาว ไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว

 

ฟางตี้เฉิงหว่านเมล็ดถั่วสีเหลืองออกไป

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เก็บเมล็ดถั่วเอาไว้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดถั่วเหลือง เมล็ดถั่วเขียวเมล็ดถั่วแดงและเมล็ดถั่วดํานอกจากนี้ยังมีเมล็ดถั่วลันเตาสีน้ําเงินและเมล็ดถั่วน้ําแข็งสีขาว

 

หลังจากปลูกเมล็ดถั่วเหล่านี้ได้ระยะหนึ่ง พวกมันจะเติบโตขึ้นเป็นทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ทุกประเภท

 

ไพ่ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็คือทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แต่มันต้องใช้เวลาเพาะปลูกและรอให้พวกมันเติบโต

 

ปัจจุบันฟางตี้เฉิงกําลังปลูกเมล็ดถั่วเหลือง หลังจากปลูกมัน มันจะเติบโตเป็นทหารถั่วเหลืองศักดิ์สิทธิ์

 

ตอนนี้เมล็ดถั่วเหลืองถูกปลูกไว้ที่นี่แล้ว

 

ฟางตี้เฉิงกระตุ้นใช้งานทั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และส่งลมที่ควบแน่นเป็นจอบสีเขียวอ่อนออกไปจอบสีเขียวอ่อนเริ่มพรวนดิน

 

หลังจากไม่นานฟางที่เฉิงก็โบกมือและทําให้ฝนตกลงมาจากท้องฟ้า

 

น้ําฝนหล่อเลี้ยงพื้นดินที่แห้งแล้งแห่งนี้

 

พื้นดินได้รับความชุ่มชื่น เมล็ดถั่วเหลืองเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ยังค่อนข้างช้า ฟางตี้เฉิงต้องใช้วิธีอื่น

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน คลื่นแสงสีเขียวมรกตราวกับคลื่นน้ําไหลไปตามพื้นดิน

 

เมล็ดถั่วเหลืองดูดซับคลื่นแสงสีเขียวและเดิบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ด้วยความเร็วนี้ ทหารถั่วเหลืองศักดิ์สิทธิ์จะแตกหน่อหลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืน” ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

เขากลับไปยังห้องโถงใหญ่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

 

เขามองภาพวาดบนผนังและเห็นการเปลี่ยนแปลง

 

ภาพวาดบนผนังภาพนี้เคยเป็นดินแดนที่แล้งแห้ง แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งของมันเต็มไปด้วยถั่วงอก

 

นี่คือเส้นทางแห่งภาพวาดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งภาพวาด ดินแดนในภาพวาดบนผนังไม่ใช่ภาพลวงตา นี่เป็นวิธีการที่น่าทึ่ง

 

ทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์จะเติบโตขึ้นในภาพวาด หลังจากพวกมันเติบโตเต็มที่ พวกมันจะสามารถออกมาจากภาพวาด

 

“ดินแดนแห่งนี้รกร้างมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา การปลูกถั่วไม่ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์มากนักนอกจากนั้นหลังจากปลูกถั่วมากขึ้น ดินในภาพวาดจะอุดมสมบูรณ์ขึ้น มันถือเป็นทรัพยากรอมตะประเภทหนึ่ง

 

“ค่าใช้จ่ายของมันคือทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งวารีและทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้

 

มันคือท่าไม้ตายที่ฟางหยวนใช้ก่อนหน้านี้

 

ผลลัพธ์ของมันค่อนข้างดี แต่ราคาของมันก็สูงเช่นกัน โชคดีที่ข้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าสามารถใช้ทรัพยากรของตระกูลฟาง

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสมบัติของฟางหยวนแล้ว ตระกูลฟางที่ไม่รู้ความจริงและยังช่วยจัดหาทรัพยากรให้กับฟางหยวนเพื่อสร้างทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์

 

ในส่วนลึกของทะเลตะวันออก

 

ฐานทัพใหญ่ของเผ่ากู้

 

“เรียบร้อยแล้ว” ร่างแยกมนุษย์มังกรคู่ส่วยของฟางหยวนกล่าวด้วยหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

 

ด้านหน้าเขามีมนุษย์มังกรกลุ่มหนึ่ง

 

พวกเขาพึ่งเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกร อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มาจากเผ่ามนุษย์อสูรแต่มาจากเผ่ามนุษย์เงือก

 

“ขอบคุณท่านอู่ส่วยเป็นอย่างมากสําหรับความช่วยเหลือนี้ นี่คือของขวัญจากเผ่าของข้า ผู้อาวุโสโปรดรับมันไว้” ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์เงือกมอบทรัพยากรอมตะให้อู่ส่วยด้วยมือทั้งสองข้าง

 

“มันคือน้ําเน่าแข็ง มันสามารถใช้เลี้ยงดูกองทัพมดของข้า ขอบคุณสําหรับของขวัญชิ้นนี้” อู่ส่วยรับมันเอาไว้

 

เขาต้องเลี้ยงดูกองทัพมด หลังจากเริ่มเลี้ยงมด พวกมันขยายพันธุ์ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

 

อู่ส่วยต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมหาศาลแต่เขาได้รับความช่วยเหลือจากเผ่ามนุษย์อสูรและเผ่ามนุษย์เงือก

 

แน่นอนว่าอู่ส่วยไม่ได้รีดไถพวกเขาแต่ได้รับทรัพยากรมาจากการทําธุรกรรม

 

อู่ส่วยเปลี่ยนมนุษย์อสูรและมนุษย์เงือกเป็นมนุษย์มังกรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

 

ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นทุกวัน มันชัดเจนมาก

 

“การติดต่อเผ่าก์ถือเป็นเรื่องดีแต่ตอนนี้ข้ายังสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับเผ่ามนุษย์เงือก

 

“รวมกับอิทธิพลของบรรพชนทะเลปราณ ข้าจะสามารถควบคุมโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ของทะเลตะวันออกเป็นมหาอํานาจที่มีรากฐานแข็งแกร่ง

 

นี่เป็นกองกําลังใหญ่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หนึ่งเดียวในโลกใบนี้ เหตุผลเป็นเพราะมันได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะสวรรค์พิภพและสามารถดํารงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

 

แต่ถึงกระนั้นเผ่ามนุษย์เงือกก็ยังได้รับแรงกดดันจากทุกทิศทาง ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของพวกเขาไม่คงที่จากการปราบปรามของกองกําลังเผ่ามนุษย์ของทะเลตะวันออกตอนนี้สงครามห้าภูมิภาคก่าลังจะเริ่มขึ้น ตัวตน ระดับสูงของเผ่ามนุษย์เงือกจึงต้องหาวิธีเอาชีวิตรอด

 

เมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้น ความสมดุลที่เปราะบางก่อนหน้านี้จะพังทลายลง

 

อนาคตของเผ่ามนุษย์เงือกจะเลวร้ายมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายแรกของกองกําลังเผ่ามนุษย์

 

มนุษย์เงือกส่วนหนึ่งมองเห็นโอกาสการเติบโตของเผ่ามนุษย์มังกร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกร

 

นี่เป็นเพราะวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ให้ความช่วยเหลือเผ่ากู้อย่างลับๆมาตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงได้เรียนรู้ความลับของเผ่ามนุษย์มังกรจากเผ่า

 

หลังจากรู้ถึงการเปิดเผยของวิญญาณชะตากรรมที่ว่าเผ่ามนุษย์มังกรจะปกครองโลก ชนชั้นสูงของเผ่ามนุษย์เงือกจึงเริ่มคิดถึงเรื่องนี้

 

นี่คือเหตุผลที่เผ่ามนุษย์เงือกเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกร

 

“วังเงือกศักดิ์สิทธิ์พยายามทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา

 

“พวกเขาสามารถคาดเดาความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขาระวังตัวจากวงสวรรค์เป็นอย่างมากข้าต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์

 

บางทีขาอาจโน้มน้าวให้เผ่ามนุษย์เงือกส่งผู้อมตะเข้าร่วมในสงครามเมื่อวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม

 

อู่ส่วยคิดอย่างลับๆ

 

ถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

 

มันอยู่ในสถานการณ์อันตรายจากภัยพิบัติสัตว์อสูร

 

“เสี่ยวตู้ เจ้าต้องการทําสิ่งนี้จริงๆงั้นหรือ?” เจ้าเมืองภูผามองร่างแยกเจิ้งปัติของฟางหยวนด้วยความกังวล

 

เจิ้งปู่เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “ถูกต้อง ท่านอาจารย์ ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสในสถานการณ์นี้เราไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้น แต่หากเราปล่อยให้มันอาละวาดเมืองภูผาจะถูกทําลายล้างผู้คนจะล้มตายข้าต้องเสี่ยง!ตราบเท่าที่ขากลายเป็นนักรบอสูรที่แท้จริงข้าจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งของอินทรีย์หางศรและกําจัดสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจตัวนี้!”

 

เจ้าเมืองภูผามองเจิ้งปู่อยู่เป็นเวลานานและตระหนักว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวเด็กผู้นี้ “เอาล่ะเช่นนั่นก็ทํามัน”

 

เจิ้งปู่เริ่มกระบวนการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยไม่ลังเล

 

เจ้าเมืองภูผาและคนอื่นๆเฝ้ามองด้วยความกังวล มนุษย์ธรรมดาจํานวนนับไม่ถ้วนคุกเข่าอยู่บนพื้นและสวดภาวนาให้กับเจิ้งปู่ต์อยู่อย่างเงียบๆขณะเดียวกันนักรบอสูรหลายคนกําลังเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาด

 

สิ่งที่ทําให้พวกเขารู้สึกมีความสุขก็คือดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะเริ่มเหนื่อยและเคลื่อนที่ช้าลง

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ปัจจุบันเป็นแผนการของฟางหยวนทั้งหมด

 

“ข้ามีส่วนหนึ่งของความทรงจําและรากฐานของร่างหลัก การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ข้าต้องแสดงเหมือนกําลังเสียงชีวิต ข้าไม่เพียงต้องหลอกทุกคนในเมืองภูผาแต่ข้ายังต้องหลอกจิตวิญญาณสวรรค์เลนของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรแห่งนี้

 

กระบวนการทั้งหมดดําเนินไปอย่างไม่มั่นคง นั่นทําให้เจ้าเมืองภูผาและทุกคนเต็มไปด้วยความกังวลแต่มันไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ในที่สุดเจ๋งปัตําก็กลายเป็นผู้อมตะ

 

จากนั้นเจิ้งปู่ต์ก็แสดงความสามารถของเขาโดยการเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้น

 

“เสี่ยวตู้ทรงพลังมาก!”

 

“เสี่ยวตู้ เจ้าช่วยชีวิตทุกคนในเมือง”

 

“เสี่ยวด์ เจ้าอาจเป็นนักรบอสูรที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์!”

 

ผู้คนวิ่งเข้ามาหาเจิ้งปัต์และโยนเข้าขึ้นสู่อากาศอย่างมีความสุข

 

เจิ้งปู่กลายเป็นวีรบุรุษในดวงใจของทุกคนในเมือง ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้อีก

 

นอกเหนือจากชาวเมือง เจ้าเมืองภูผาก็มองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความพึงพอใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1868 ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

 

ที่นี่เป็นดินแดนรกร้าง พื้นเป็นดินสีเทาขาว ไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว

 

ฟางตี้เฉิงหว่านเมล็ดถั่วสีเหลืองออกไป

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เก็บเมล็ดถั่วเอาไว้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดถั่วเหลือง เมล็ดถั่วเขียวเมล็ดถั่วแดงและเมล็ดถั่วดํานอกจากนี้ยังมีเมล็ดถั่วลันเตาสีน้ําเงินและเมล็ดถั่วน้ําแข็งสีขาว

 

หลังจากปลูกเมล็ดถั่วเหล่านี้ได้ระยะหนึ่ง พวกมันจะเติบโตขึ้นเป็นทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ทุกประเภท

 

ไพ่ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็คือทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แต่มันต้องใช้เวลาเพาะปลูกและรอให้พวกมันเติบโต

 

ปัจจุบันฟางตี้เฉิงกําลังปลูกเมล็ดถั่วเหลือง หลังจากปลูกมัน มันจะเติบโตเป็นทหารถั่วเหลืองศักดิ์สิทธิ์

 

ตอนนี้เมล็ดถั่วเหลืองถูกปลูกไว้ที่นี่แล้ว

 

ฟางตี้เฉิงกระตุ้นใช้งานทั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และส่งลมที่ควบแน่นเป็นจอบสีเขียวอ่อนออกไปจอบสีเขียวอ่อนเริ่มพรวนดิน

 

หลังจากไม่นานฟางที่เฉิงก็โบกมือและทําให้ฝนตกลงมาจากท้องฟ้า

 

น้ําฝนหล่อเลี้ยงพื้นดินที่แห้งแล้งแห่งนี้

 

พื้นดินได้รับความชุ่มชื่น เมล็ดถั่วเหลืองเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ยังค่อนข้างช้า ฟางตี้เฉิงต้องใช้วิธีอื่น

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน คลื่นแสงสีเขียวมรกตราวกับคลื่นน้ําไหลไปตามพื้นดิน

 

เมล็ดถั่วเหลืองดูดซับคลื่นแสงสีเขียวและเดิบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ด้วยความเร็วนี้ ทหารถั่วเหลืองศักดิ์สิทธิ์จะแตกหน่อหลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืน” ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

เขากลับไปยังห้องโถงใหญ่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

 

เขามองภาพวาดบนผนังและเห็นการเปลี่ยนแปลง

 

ภาพวาดบนผนังภาพนี้เคยเป็นดินแดนที่แล้งแห้ง แต่ตอนนี้ส่วนหนึ่งของมันเต็มไปด้วยถั่วงอก

 

นี่คือเส้นทางแห่งภาพวาดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งภาพวาด ดินแดนในภาพวาดบนผนังไม่ใช่ภาพลวงตา นี่เป็นวิธีการที่น่าทึ่ง

 

ทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์จะเติบโตขึ้นในภาพวาด หลังจากพวกมันเติบโตเต็มที่ พวกมันจะสามารถออกมาจากภาพวาด

 

“ดินแดนแห่งนี้รกร้างมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา การปลูกถั่วไม่ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์มากนักนอกจากนั้นหลังจากปลูกถั่วมากขึ้น ดินในภาพวาดจะอุดมสมบูรณ์ขึ้น มันถือเป็นทรัพยากรอมตะประเภทหนึ่ง

 

“ค่าใช้จ่ายของมันคือทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งวารีและทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งไม้

 

มันคือท่าไม้ตายที่ฟางหยวนใช้ก่อนหน้านี้

 

ผลลัพธ์ของมันค่อนข้างดี แต่ราคาของมันก็สูงเช่นกัน โชคดีที่ข้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าสามารถใช้ทรัพยากรของตระกูลฟาง

 

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสมบัติของฟางหยวนแล้ว ตระกูลฟางที่ไม่รู้ความจริงและยังช่วยจัดหาทรัพยากรให้กับฟางหยวนเพื่อสร้างทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์

 

ในส่วนลึกของทะเลตะวันออก

 

ฐานทัพใหญ่ของเผ่ากู้

 

“เรียบร้อยแล้ว” ร่างแยกมนุษย์มังกรคู่ส่วยของฟางหยวนกล่าวด้วยหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

 

ด้านหน้าเขามีมนุษย์มังกรกลุ่มหนึ่ง

 

พวกเขาพึ่งเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกร อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มาจากเผ่ามนุษย์อสูรแต่มาจากเผ่ามนุษย์เงือก

 

“ขอบคุณท่านอู่ส่วยเป็นอย่างมากสําหรับความช่วยเหลือนี้ นี่คือของขวัญจากเผ่าของข้า ผู้อาวุโสโปรดรับมันไว้” ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์เงือกมอบทรัพยากรอมตะให้อู่ส่วยด้วยมือทั้งสองข้าง

 

“มันคือน้ําเน่าแข็ง มันสามารถใช้เลี้ยงดูกองทัพมดของข้า ขอบคุณสําหรับของขวัญชิ้นนี้” อู่ส่วยรับมันเอาไว้

 

เขาต้องเลี้ยงดูกองทัพมด หลังจากเริ่มเลี้ยงมด พวกมันขยายพันธุ์ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว

 

อู่ส่วยต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมหาศาลแต่เขาได้รับความช่วยเหลือจากเผ่ามนุษย์อสูรและเผ่ามนุษย์เงือก

 

แน่นอนว่าอู่ส่วยไม่ได้รีดไถพวกเขาแต่ได้รับทรัพยากรมาจากการทําธุรกรรม

 

อู่ส่วยเปลี่ยนมนุษย์อสูรและมนุษย์เงือกเป็นมนุษย์มังกรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

 

ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นทุกวัน มันชัดเจนมาก

 

“การติดต่อเผ่าก์ถือเป็นเรื่องดีแต่ตอนนี้ข้ายังสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับเผ่ามนุษย์เงือก

 

“รวมกับอิทธิพลของบรรพชนทะเลปราณ ข้าจะสามารถควบคุมโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

วังเงือกศักดิ์สิทธิ์ของทะเลตะวันออกเป็นมหาอํานาจที่มีรากฐานแข็งแกร่ง

 

นี่เป็นกองกําลังใหญ่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หนึ่งเดียวในโลกใบนี้ เหตุผลเป็นเพราะมันได้รับการสนับสนุนจากเทพอมตะสวรรค์พิภพและสามารถดํารงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

 

แต่ถึงกระนั้นเผ่ามนุษย์เงือกก็ยังได้รับแรงกดดันจากทุกทิศทาง ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของพวกเขาไม่คงที่จากการปราบปรามของกองกําลังเผ่ามนุษย์ของทะเลตะวันออกตอนนี้สงครามห้าภูมิภาคก่าลังจะเริ่มขึ้น ตัวตน ระดับสูงของเผ่ามนุษย์เงือกจึงต้องหาวิธีเอาชีวิตรอด

 

เมื่อสงครามห้าภูมิภาคปะทุขึ้น ความสมดุลที่เปราะบางก่อนหน้านี้จะพังทลายลง

 

อนาคตของเผ่ามนุษย์เงือกจะเลวร้ายมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายแรกของกองกําลังเผ่ามนุษย์

 

มนุษย์เงือกส่วนหนึ่งมองเห็นโอกาสการเติบโตของเผ่ามนุษย์มังกร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกร

 

นี่เป็นเพราะวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ให้ความช่วยเหลือเผ่ากู้อย่างลับๆมาตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงได้เรียนรู้ความลับของเผ่ามนุษย์มังกรจากเผ่า

 

หลังจากรู้ถึงการเปิดเผยของวิญญาณชะตากรรมที่ว่าเผ่ามนุษย์มังกรจะปกครองโลก ชนชั้นสูงของเผ่ามนุษย์เงือกจึงเริ่มคิดถึงเรื่องนี้

 

นี่คือเหตุผลที่เผ่ามนุษย์เงือกเปลี่ยนตนเองเป็นมนุษย์มังกร

 

“วังเงือกศักดิ์สิทธิ์พยายามทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา

 

“พวกเขาสามารถคาดเดาความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขาระวังตัวจากวงสวรรค์เป็นอย่างมากข้าต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์

 

บางทีขาอาจโน้มน้าวให้เผ่ามนุษย์เงือกส่งผู้อมตะเข้าร่วมในสงครามเมื่อวังสวรรค์เริ่มซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม

 

อู่ส่วยคิดอย่างลับๆ

 

ถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

 

มันอยู่ในสถานการณ์อันตรายจากภัยพิบัติสัตว์อสูร

 

“เสี่ยวตู้ เจ้าต้องการทําสิ่งนี้จริงๆงั้นหรือ?” เจ้าเมืองภูผามองร่างแยกเจิ้งปัติของฟางหยวนด้วยความกังวล

 

เจิ้งปู่เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “ถูกต้อง ท่านอาจารย์ ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสในสถานการณ์นี้เราไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้น แต่หากเราปล่อยให้มันอาละวาดเมืองภูผาจะถูกทําลายล้างผู้คนจะล้มตายข้าต้องเสี่ยง!ตราบเท่าที่ขากลายเป็นนักรบอสูรที่แท้จริงข้าจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งของอินทรีย์หางศรและกําจัดสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจตัวนี้!”

 

เจ้าเมืองภูผามองเจิ้งปู่อยู่เป็นเวลานานและตระหนักว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวเด็กผู้นี้ “เอาล่ะเช่นนั่นก็ทํามัน”

 

เจิ้งปู่เริ่มกระบวนการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยไม่ลังเล

 

เจ้าเมืองภูผาและคนอื่นๆเฝ้ามองด้วยความกังวล มนุษย์ธรรมดาจํานวนนับไม่ถ้วนคุกเข่าอยู่บนพื้นและสวดภาวนาให้กับเจิ้งปู่ต์อยู่อย่างเงียบๆขณะเดียวกันนักรบอสูรหลายคนกําลังเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาด

 

สิ่งที่ทําให้พวกเขารู้สึกมีความสุขก็คือดูเหมือนสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะเริ่มเหนื่อยและเคลื่อนที่ช้าลง

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ปัจจุบันเป็นแผนการของฟางหยวนทั้งหมด

 

“ข้ามีส่วนหนึ่งของความทรงจําและรากฐานของร่างหลัก การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ข้าต้องแสดงเหมือนกําลังเสียงชีวิต ข้าไม่เพียงต้องหลอกทุกคนในเมืองภูผาแต่ข้ายังต้องหลอกจิตวิญญาณสวรรค์เลนของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรแห่งนี้

 

กระบวนการทั้งหมดดําเนินไปอย่างไม่มั่นคง นั่นทําให้เจ้าเมืองภูผาและทุกคนเต็มไปด้วยความกังวลแต่มันไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ในที่สุดเจ๋งปัตําก็กลายเป็นผู้อมตะ

 

จากนั้นเจิ้งปู่ต์ก็แสดงความสามารถของเขาโดยการเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้น

 

“เสี่ยวตู้ทรงพลังมาก!”

 

“เสี่ยวตู้ เจ้าช่วยชีวิตทุกคนในเมือง”

 

“เสี่ยวด์ เจ้าอาจเป็นนักรบอสูรที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์!”

 

ผู้คนวิ่งเข้ามาหาเจิ้งปัต์และโยนเข้าขึ้นสู่อากาศอย่างมีความสุข

 

เจิ้งปู่กลายเป็นวีรบุรุษในดวงใจของทุกคนในเมือง ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้อีก

 

นอกเหนือจากชาวเมือง เจ้าเมืองภูผาก็มองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความพึงพอใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+