Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1882 ท้าทาย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1882 ท้าทาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1882 ท้าทาย

 

“ค่ายกลส่วนที่สามเรียบร้อยแล้ว” กลุ่มผู้อมตะทํางานของพวกเขาเสร็จสิ้นและนั่งลงพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

ผู้อมตะกลุ่มที่สองเข้าแทนที่และเพิ่มวิญญาณอมตะกําหราบระดับแปดเข้าไป

 

ที่นี่คือสายธารแห่งกาลเวลา มันไม่ง่ายที่จะใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ แต่วิญญาณอมตะกําหราบระดับแปดเป็นหนึ่งในแกนกลางสําคัญของมันที่ไม่สามารถขาดหาย

 

ผู้อมตะกลุ่มที่สองทํางานสักพักก่อนที่กลุ่มแรกจะกลับมาทํางานในขั้นตอนต่อไป

 

“ดี หลังจากนี้พวกเราจะจัดตั้งค่ายกลเพลิงซีด” กลุ่มที่สามเข้ามารับช่วงต่อ

 

ผู้อมตะกลุ่มแรกที่หมดแรงรีบกลับไปพักผ่อน

 

“หลังจากค่ายกลเพลิงซีด เราจะสร้างค่ายกลกรุงกระดาษ ไปกันเถอะ” ผู้อมตะกลุ่มที่สองกลับมาประจาตำแหน่ง

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินประกอบด้วยค่ายกลวิญญาณย่อยสามสิบแปดค่ายกล

 

“ระวัง มีบางสิ่งเกิดขึ้นในสายธารแห่งกาลเวลา คลื่นยักษ์กําลังพุ่งเข้ามาหาพวกเรา!” บางคนเตือน

 

ตอนนี้ผู้อมตะกลุ่มแรกกําลังพักผ่อน กลุ่มที่สองและสามกําลังยุ่งอยู่กับการจัดตั้งค่ายกล กลุ่มที่สี่พยายามควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

เพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน ผู้อมตะของวังสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มเพื่อรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ

 

กลุ่มที่สี่เร่งท่าลายคลื่นยักษ์

 

กลุ่มที่สองและกลุ่มที่สามถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากตรวจสอบและพบว่าค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ได้รับความเสียหาย พวกขาจึงดําเนินการขั้นตอนต่อไป

 

กู้หลิวรู่และฟงจิวเก้อประจําการอยู่ในโรงละครแห่งความทรงจําและวิหารอดีตปัจจุบันตามลําดับ

 

เราพบเกาะบัวหินแล้ว มีความโกลาหลเกิดขึ้นเล็กน้อยขณะที่พวกเราพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ ตอนนี้ฟางหยวนอาจได้รับข้อมูลแล้ว

 

เขาจะมาที่นี้อย่างแน่นอน

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินยังไม่เสร็จ ตอนนี้เราอยู่ในจุดอ่อนไหวที่สุด ฟางหยวนอาจโจมตีพวกเราในจังหวะนี้

 

“นี่เป็นภารกิจสําคัญ ข้าต้องลบล้างความผิดของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยให้ฟางหยวนประสบความสําเร็จ!”

 

กู้หลิวรู่คิดขณะที่แสงสีเงินปรากฏขึ้นจากระยะไกลและทําให้เขารู้สึกตึงเครียดทันที

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลาดล่องคลื่นเปลี่ยนเร่งทิศทาง ทั้งสองพยายามขัดขวางผู้บุกรุก

 

มันคือเรือรบหมื่นปี!

 

“หลิวรู่ วังสวรรค์ของเจ้าต้องการฉกชิงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปจากใต้จมูกของข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ฝันไปเถอะ!” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นจากเรือรบหมื่นปี

 

กู้หลิวรู่ก่นเสียงเย็น เสียงของเขาดังไปทั่วสนามรบ “ฟางหยวน เจ้าเป็นเพียงผู้แพ้ที่น่าสมเพช บทเรียนที่เจ็บปวดครั้งก่อนยังไม่เพียงพอสําหรับเจ้างั้นหรือ?”

 

กู้หลิวรู่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในสายธารแห่งกาลเวลา เขาเหมือนปลาในน้ํา หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่น พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อถ่ายทอดเสียงของพวกเขาไปทั่วสนามรบ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าจะสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ” ก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบ เรือรบหมื่นปีก็ปล่อยแสงสีเงินออกมาแล้ว

 

แสงสีเงินควบรวมเป็นดาบจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินที่ไม่สมบูรณ์

 

การแสดงออกของหลิวรู่กลายเป็นมืดครึ้ม เขารู้สึกปวดหัว ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวังสวรรค์ในเวลานี้

 

ฟางหยวนโจมตีจุดอ่อนของศัตรูอย่างโหดเหี้ยม วังสวรรค์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปกป้องมัน

 

ครั้งล่าสุดเมื่อฟางหยวนโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน วังสวรรค์สามารถรื้อถอนมันได้สําเร็จ แต่ครั้งนี้การคงอยู่ของเกาะบัวหินทําให้พวกเขาไม่สามารถเก็บมัน พวกเขาต้องรักษามันไว้แม้ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลก็ตาม

 

“บึม บึม บึม!”

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงมาถึงก่อน มันต่อสู้กับเรือรบหมื่นปีและทําให้สายธารแห่งกาลเวลาเกิดความปั่นป่วน

 

ฉลามล่องคลื่นตามมาหลังจากไม่นาน

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในสายธารแห่งกาลเวลา ขณะที่ทะเลตะวันออกเป็นฉากที่สนุกสนานและสงบสุข

 

หลังจากฮัวช่ายหยุน ผู้อมตะของกองกําลังใหญ่อื่นๆก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นตระกูลซ่ง ตระกูลช่ายหรือตระกูลซู

 

คนจากตระกูลซ่งคือซ่งฉีหยวน เขามาร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับซ่งอี้ซื่อ

 

“นี่คือหลานสาวของข้า ซ่งอี้ซื่อ หลังจากได้ยินเรื่องราวของผู้อาวุโส นางรู้สึกตื่นเต้นมาก นางขอให้ข้าพานางมาที่นี่เพื่อพบกับผู้อาวุโส” ซ่งฉีหยวนแนะน่าหลานสาวของเขา

 

ซ่งอี้ซื่อสูญเสียบิดาไปนานแล้ว ในฐานะปู่ ซึ่งฉีหยวนจึงทุ่มเทความรักให้กับนาง สําหรับงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาพานางมาเพื่อให้นางสร้างความประทับให้กับผู้คน

 

“ผู้เยาว์คารวะบรรพชนทะเลปราณ” ซ่งอี้ซื่อทําความเคารพด้วยท่าทางอ่อนน้อม

 

นางมีผิวสีขาวราวหิมะ ดวงตาส่องประกายสดใส นางสวมชุดสีฟ้าขาวและดูไร้เดียงสา นางเป็นหนึ่งในหก เทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออก

 

คล้ายกับฮัวช่ายหยุน ซ่งฉีหยวนนําของขวัญมาด้วย มันเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ตระกูลซ่ง รวบรวมไว้ในคลังสมบัติของพวกเขามานานแล้ว มันมาจากผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ หลังจากฟางหยวนมองมัน เขาพบว่ามันค่อนข้างพิเศษและมีค่าไม่น้อย

 

ฟางหยวนมองซ่งอี้ซื่อด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลซึ่งมีทายาทที่ดี เด็กน้อย นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ข้าจะไม่ให้เจ้ากลับไปมือเปล่า”

 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็นําทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวารออกมาและส่งมันให้กับซ่งอี้ซื่อ

 

ซ่งอี้ซื่อได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี นางรับของขวัญเอาไว้และเร่งขอบคุณอย่างรวดเร็ว

 

“เชิญนั่ง” ฟางหยวนโบกมือสร้างเก้าอี้เมฆขึ้นด้านข้างทางซ้ายมือของเขา

 

ซ่งฉีหยวนเห็นตําแหน่งนี้และรู้สึกมีความสุขมาก เขารีบพาซ่งอี้ซื่อไปยังเก้าอี้เมฆและนั่งลงทันที

 

ซ่งอี้ซื่อเก็บทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวารีไว้ในมิติช่องว่างของนาง การแสดงออกของนาง ทั้งสุภาพและสง่างามคู่ควรกับตําแหน่งหญิงงามของทะเลตะวันออก

 

ฮัวช่วยหยุนหัวเราะ “ซ่งฉีหยวน นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่บรรพชนทะเลปราณมอบให้ หากข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจ พาหลานชายของข้ามาด้วย”

 

นางมาถึงเป็นคนแรก นางพูดคุยกับฟางหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ซึ่งฉีหยวนหัวเราะ เขาลอบภูมิใจกับเรื่องนี้ การนําซ่งอี้ซื่อมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดจริงๆ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งอี้ซื่อได้พบบรรพชนทะเลปราณ นางคิด ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นตัวตนอันดับหนึ่งของทะเลตะวันออกอย่างแท้จริง เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม การแสดงออกและกลิ่นอายของเขายิ่งใหญ่และทรงพลังมาก

 

หากนางรู้ว่าคนผู้นี้คือฟางหยวนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นซิงเซียงชื่อที่ลอบมองนางอาบน้ํา นางจะคิดอย่างไร

 

“ชิงเย่อันคารวะบรรพชนทะเลปราณ” ชิงเย่อันเป็นผู้อมตะระดับแปดคนที่สามของทะเลตะวันออกที่มาถึง

 

“ผู้เยาว์ชิงเจอเฉิงคารวะบรรพชนทะเลปราณ” เด็กหนุ่มในชุดสีเขียวที่ดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลาติดตามมาด้านหลังซึ่งเย่อัน

 

“ดี” ฟางหยวนชมเชยและประเมินชิงเจอเฉิง “ผู้เยาว์ที่ดีอีกคน ข้ามีของขวัญให้เจ้าเช่นกัน”

 

เขามอบทรัพยากรอมตะระดับแปดให้ชิงเงื่อเฉิงเช่นเดียวกับซ่งอี้ซื่อ

 

ฮัวช่ายหยุนเห็นเหตุการณ์นี้และคิดกับตนเอง บรรพชนทะเลปราณผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสุขกับการสนับสนุนผู้เยาว์ที่มีความสามารถ เขามีบุคลิกของผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะของตระกูลหนานกงมาถึง การแสดงออกของฮัวช่วยหยุนมืดครึ้มลงทันที

 

นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลหนานกงน่าฮัวอันมาด้วย

 

ฮัวอันเคยเป็นผู้อมตะของตระกูลฮัว แต่เขาทรยศตระกูลฮัวและเข้าร่วมกับตระกูลหนานกง เขาป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก

 

มีคํากล่าวที่ว่าเจียต้นนั่งอยู่บนหน้าผา ฮัวอันซ่อนหัวอยู่ในหนานกง เต่ามังกรอาศัยอยู่ในทะเลคลั่ง

 

แม้ฮัวช่ายหยุนจะไม่มีความสุข แต่นางก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา นี่คืองานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณ นางต้องการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของทะเลตะวันออกผู้นี้ ดังนั้นนางจึงต้องอดทน

 

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกมาถึงทีละคน

 

คนสุดท้ายที่มาคือผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์

 

ฟางหยวนกล่าวทักทายขณะที่เขาจัดให้นางนั่งในตําแหน่งสุดท้าย

 

หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์นั่งลง นางลอบถอนหายใจกับตนเอง แม้นจะเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับบรรพชนทะเลปราณ แต่ทัศนคติของเขาที่มีต่อมนุษย์เงือกค่อนข้างดีนี่เป็นเรื่องปกติ

 

มนุษย์เงือกร่วมมือกับมนุษย์มังกร พวกเขาย่อมเป็นพันธมิตรของฟางหยวนโดยธรรมชาติ

 

ฟางหยวนจะไม่ทําให้นางพบกับความยากลำบาก

 

เมื่อเห็นทัศนคติของบรรพชนทะเลปราณที่มีต่อผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

 

สายธารแห่งกาลเวลา

 

ท่าไม้ตายอมตะดาบรุ่งอรุณ!

 

ดาบแสงสีเงินราวกับกองทัพอสรพิษพุ่งผ่านสนามรบและโจมตีรังกระเรียนใบไม้ร่วง

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงปลดปล่อยแสงสีส้มออกมาและทําให้ดาบสีเงินอ่อนกําลังลงอย่างต่อเนื่อง

 

อีกด้านหนึ่งฉลามล่องคลื่นยิ่งคลื่นน้ําแข็งออกไปทําให้สายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่รอบๆเรือรบหมื่นปีกลายเป็นน้ําแข็ง

 

ฟางหยวนก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน

 

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นน้ําไหลเชี่ยว!

 

เรือรบหมื่นปีพุ่งทะยานเข้าไปหาค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินราวกับอุกกาบาต

 

“บึม!”

 

โรงละครแห่งความทรงจําเร่งเข้ามากีดขวางเรือรบหมื่นปี คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสองหลังพุ่งชนกันโดยตรง

 

โรงละครแห่งความทรงจําได้รับความเสียหายเล็กน้อยขณะที่เรือรบหมื่นปีถูกบังคับให้หยุดเคลื่อนที่

 

ในจังหวะนี้รังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลามล่องคลื่นรบตามเข้ามาปิดล้อมเรือรบหมื่นปี

 

วังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกล้ํา พวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 

เรือรบหมื่นปีเข้าสู่การต่อสู้มาหลายครั้ง วิธีการของมันถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้มันไม่สามารถทําสิ่งใดได้มากนัก

 

หลังจากชั่วครู่คฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลังก็ตามเข้ามาเสริมกําลังให้กับฝ่ายของวังสวรรค์

 

หนึ่งคือนาวานิรันดร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของซิงเย่หวัง อีกหนึ่งคือวิหารสุริยันจันทราที่อยู่ในการควบคุมของเทพธิดาเก่าวิญญาณ

 

กําลังเสริมของวังสวรรค์มาถึงแล้ว!

 

ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลัง ขวัญกําลังใจของผู้อมตะวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นทันที

 

ทะเลตะวันออก

 

ในงานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณ สุราและอาหารเลิศรสมากมายถูกนําออกมา

 

ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่บรรพชนทะเลปราณต้องยกถ้วยสุราของเขาขึ้นและประกาศเริ่มต้นงานเลี้ยง

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้น “เจ้าสมุทรจิตวิญญาณสีดําขอท้าประลองกับบรรพชนทะเลปราณ!”

 

ต่อมากลิ่นอายระดับแปดก็แผ่พุ่งเข้ามาปกคลุมพื้นที่จัดงานเลี้ยงเอาไว้ทั้งหมด

 

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกตะลึงก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะระดับแปดบางคนของทะเลตะวันออกกําลังท้าทายบรรพชนทะเลปราณ!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1882 ท้าทาย

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1882 ท้าทาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1882 ท้าทาย

 

“ค่ายกลส่วนที่สามเรียบร้อยแล้ว” กลุ่มผู้อมตะทํางานของพวกเขาเสร็จสิ้นและนั่งลงพักผ่อนอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

ผู้อมตะกลุ่มที่สองเข้าแทนที่และเพิ่มวิญญาณอมตะกําหราบระดับแปดเข้าไป

 

ที่นี่คือสายธารแห่งกาลเวลา มันไม่ง่ายที่จะใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ แต่วิญญาณอมตะกําหราบระดับแปดเป็นหนึ่งในแกนกลางสําคัญของมันที่ไม่สามารถขาดหาย

 

ผู้อมตะกลุ่มที่สองทํางานสักพักก่อนที่กลุ่มแรกจะกลับมาทํางานในขั้นตอนต่อไป

 

“ดี หลังจากนี้พวกเราจะจัดตั้งค่ายกลเพลิงซีด” กลุ่มที่สามเข้ามารับช่วงต่อ

 

ผู้อมตะกลุ่มแรกที่หมดแรงรีบกลับไปพักผ่อน

 

“หลังจากค่ายกลเพลิงซีด เราจะสร้างค่ายกลกรุงกระดาษ ไปกันเถอะ” ผู้อมตะกลุ่มที่สองกลับมาประจาตำแหน่ง

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินประกอบด้วยค่ายกลวิญญาณย่อยสามสิบแปดค่ายกล

 

“ระวัง มีบางสิ่งเกิดขึ้นในสายธารแห่งกาลเวลา คลื่นยักษ์กําลังพุ่งเข้ามาหาพวกเรา!” บางคนเตือน

 

ตอนนี้ผู้อมตะกลุ่มแรกกําลังพักผ่อน กลุ่มที่สองและสามกําลังยุ่งอยู่กับการจัดตั้งค่ายกล กลุ่มที่สี่พยายามควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

เพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน ผู้อมตะของวังสวรรค์แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มเพื่อรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ

 

กลุ่มที่สี่เร่งท่าลายคลื่นยักษ์

 

กลุ่มที่สองและกลุ่มที่สามถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากตรวจสอบและพบว่าค่ายกลวิญญาณอมตะไม่ได้รับความเสียหาย พวกขาจึงดําเนินการขั้นตอนต่อไป

 

กู้หลิวรู่และฟงจิวเก้อประจําการอยู่ในโรงละครแห่งความทรงจําและวิหารอดีตปัจจุบันตามลําดับ

 

เราพบเกาะบัวหินแล้ว มีความโกลาหลเกิดขึ้นเล็กน้อยขณะที่พวกเราพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ ตอนนี้ฟางหยวนอาจได้รับข้อมูลแล้ว

 

เขาจะมาที่นี้อย่างแน่นอน

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินยังไม่เสร็จ ตอนนี้เราอยู่ในจุดอ่อนไหวที่สุด ฟางหยวนอาจโจมตีพวกเราในจังหวะนี้

 

“นี่เป็นภารกิจสําคัญ ข้าต้องลบล้างความผิดของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยให้ฟางหยวนประสบความสําเร็จ!”

 

กู้หลิวรู่คิดขณะที่แสงสีเงินปรากฏขึ้นจากระยะไกลและทําให้เขารู้สึกตึงเครียดทันที

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลาดล่องคลื่นเปลี่ยนเร่งทิศทาง ทั้งสองพยายามขัดขวางผู้บุกรุก

 

มันคือเรือรบหมื่นปี!

 

“หลิวรู่ วังสวรรค์ของเจ้าต้องการฉกชิงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปจากใต้จมูกของข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ฝันไปเถอะ!” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นจากเรือรบหมื่นปี

 

กู้หลิวรู่ก่นเสียงเย็น เสียงของเขาดังไปทั่วสนามรบ “ฟางหยวน เจ้าเป็นเพียงผู้แพ้ที่น่าสมเพช บทเรียนที่เจ็บปวดครั้งก่อนยังไม่เพียงพอสําหรับเจ้างั้นหรือ?”

 

กู้หลิวรู่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในสายธารแห่งกาลเวลา เขาเหมือนปลาในน้ํา หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่น พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อถ่ายทอดเสียงของพวกเขาไปทั่วสนามรบ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าจะสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ” ก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบ เรือรบหมื่นปีก็ปล่อยแสงสีเงินออกมาแล้ว

 

แสงสีเงินควบรวมเป็นดาบจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินที่ไม่สมบูรณ์

 

การแสดงออกของหลิวรู่กลายเป็นมืดครึ้ม เขารู้สึกปวดหัว ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวังสวรรค์ในเวลานี้

 

ฟางหยวนโจมตีจุดอ่อนของศัตรูอย่างโหดเหี้ยม วังสวรรค์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปกป้องมัน

 

ครั้งล่าสุดเมื่อฟางหยวนโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน วังสวรรค์สามารถรื้อถอนมันได้สําเร็จ แต่ครั้งนี้การคงอยู่ของเกาะบัวหินทําให้พวกเขาไม่สามารถเก็บมัน พวกเขาต้องรักษามันไว้แม้ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลก็ตาม

 

“บึม บึม บึม!”

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงมาถึงก่อน มันต่อสู้กับเรือรบหมื่นปีและทําให้สายธารแห่งกาลเวลาเกิดความปั่นป่วน

 

ฉลามล่องคลื่นตามมาหลังจากไม่นาน

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดในสายธารแห่งกาลเวลา ขณะที่ทะเลตะวันออกเป็นฉากที่สนุกสนานและสงบสุข

 

หลังจากฮัวช่ายหยุน ผู้อมตะของกองกําลังใหญ่อื่นๆก็ตามมาไม่ว่าจะเป็นตระกูลซ่ง ตระกูลช่ายหรือตระกูลซู

 

คนจากตระกูลซ่งคือซ่งฉีหยวน เขามาร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับซ่งอี้ซื่อ

 

“นี่คือหลานสาวของข้า ซ่งอี้ซื่อ หลังจากได้ยินเรื่องราวของผู้อาวุโส นางรู้สึกตื่นเต้นมาก นางขอให้ข้าพานางมาที่นี่เพื่อพบกับผู้อาวุโส” ซ่งฉีหยวนแนะน่าหลานสาวของเขา

 

ซ่งอี้ซื่อสูญเสียบิดาไปนานแล้ว ในฐานะปู่ ซึ่งฉีหยวนจึงทุ่มเทความรักให้กับนาง สําหรับงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาพานางมาเพื่อให้นางสร้างความประทับให้กับผู้คน

 

“ผู้เยาว์คารวะบรรพชนทะเลปราณ” ซ่งอี้ซื่อทําความเคารพด้วยท่าทางอ่อนน้อม

 

นางมีผิวสีขาวราวหิมะ ดวงตาส่องประกายสดใส นางสวมชุดสีฟ้าขาวและดูไร้เดียงสา นางเป็นหนึ่งในหก เทพธิดาที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออก

 

คล้ายกับฮัวช่ายหยุน ซ่งฉีหยวนนําของขวัญมาด้วย มันเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ตระกูลซ่ง รวบรวมไว้ในคลังสมบัติของพวกเขามานานแล้ว มันมาจากผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ หลังจากฟางหยวนมองมัน เขาพบว่ามันค่อนข้างพิเศษและมีค่าไม่น้อย

 

ฟางหยวนมองซ่งอี้ซื่อด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลซึ่งมีทายาทที่ดี เด็กน้อย นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ข้าจะไม่ให้เจ้ากลับไปมือเปล่า”

 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็นําทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวารออกมาและส่งมันให้กับซ่งอี้ซื่อ

 

ซ่งอี้ซื่อได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี นางรับของขวัญเอาไว้และเร่งขอบคุณอย่างรวดเร็ว

 

“เชิญนั่ง” ฟางหยวนโบกมือสร้างเก้าอี้เมฆขึ้นด้านข้างทางซ้ายมือของเขา

 

ซ่งฉีหยวนเห็นตําแหน่งนี้และรู้สึกมีความสุขมาก เขารีบพาซ่งอี้ซื่อไปยังเก้าอี้เมฆและนั่งลงทันที

 

ซ่งอี้ซื่อเก็บทรัพยากรอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งวารีไว้ในมิติช่องว่างของนาง การแสดงออกของนาง ทั้งสุภาพและสง่างามคู่ควรกับตําแหน่งหญิงงามของทะเลตะวันออก

 

ฮัวช่วยหยุนหัวเราะ “ซ่งฉีหยวน นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่บรรพชนทะเลปราณมอบให้ หากข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจ พาหลานชายของข้ามาด้วย”

 

นางมาถึงเป็นคนแรก นางพูดคุยกับฟางหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ซึ่งฉีหยวนหัวเราะ เขาลอบภูมิใจกับเรื่องนี้ การนําซ่งอี้ซื่อมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดจริงๆ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่งอี้ซื่อได้พบบรรพชนทะเลปราณ นางคิด ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นตัวตนอันดับหนึ่งของทะเลตะวันออกอย่างแท้จริง เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม การแสดงออกและกลิ่นอายของเขายิ่งใหญ่และทรงพลังมาก

 

หากนางรู้ว่าคนผู้นี้คือฟางหยวนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นซิงเซียงชื่อที่ลอบมองนางอาบน้ํา นางจะคิดอย่างไร

 

“ชิงเย่อันคารวะบรรพชนทะเลปราณ” ชิงเย่อันเป็นผู้อมตะระดับแปดคนที่สามของทะเลตะวันออกที่มาถึง

 

“ผู้เยาว์ชิงเจอเฉิงคารวะบรรพชนทะเลปราณ” เด็กหนุ่มในชุดสีเขียวที่ดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลาติดตามมาด้านหลังซึ่งเย่อัน

 

“ดี” ฟางหยวนชมเชยและประเมินชิงเจอเฉิง “ผู้เยาว์ที่ดีอีกคน ข้ามีของขวัญให้เจ้าเช่นกัน”

 

เขามอบทรัพยากรอมตะระดับแปดให้ชิงเงื่อเฉิงเช่นเดียวกับซ่งอี้ซื่อ

 

ฮัวช่ายหยุนเห็นเหตุการณ์นี้และคิดกับตนเอง บรรพชนทะเลปราณผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสุขกับการสนับสนุนผู้เยาว์ที่มีความสามารถ เขามีบุคลิกของผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะของตระกูลหนานกงมาถึง การแสดงออกของฮัวช่วยหยุนมืดครึ้มลงทันที

 

นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลหนานกงน่าฮัวอันมาด้วย

 

ฮัวอันเคยเป็นผู้อมตะของตระกูลฮัว แต่เขาทรยศตระกูลฮัวและเข้าร่วมกับตระกูลหนานกง เขาป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก

 

มีคํากล่าวที่ว่าเจียต้นนั่งอยู่บนหน้าผา ฮัวอันซ่อนหัวอยู่ในหนานกง เต่ามังกรอาศัยอยู่ในทะเลคลั่ง

 

แม้ฮัวช่ายหยุนจะไม่มีความสุข แต่นางก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา นี่คืองานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณ นางต้องการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของทะเลตะวันออกผู้นี้ ดังนั้นนางจึงต้องอดทน

 

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกมาถึงทีละคน

 

คนสุดท้ายที่มาคือผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์

 

ฟางหยวนกล่าวทักทายขณะที่เขาจัดให้นางนั่งในตําแหน่งสุดท้าย

 

หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์นั่งลง นางลอบถอนหายใจกับตนเอง แม้นจะเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับบรรพชนทะเลปราณ แต่ทัศนคติของเขาที่มีต่อมนุษย์เงือกค่อนข้างดีนี่เป็นเรื่องปกติ

 

มนุษย์เงือกร่วมมือกับมนุษย์มังกร พวกเขาย่อมเป็นพันธมิตรของฟางหยวนโดยธรรมชาติ

 

ฟางหยวนจะไม่ทําให้นางพบกับความยากลำบาก

 

เมื่อเห็นทัศนคติของบรรพชนทะเลปราณที่มีต่อผู้อาวุโสสูงสุดของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลตะวันออกต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

 

สายธารแห่งกาลเวลา

 

ท่าไม้ตายอมตะดาบรุ่งอรุณ!

 

ดาบแสงสีเงินราวกับกองทัพอสรพิษพุ่งผ่านสนามรบและโจมตีรังกระเรียนใบไม้ร่วง

 

รังกระเรียนใบไม้ร่วงปลดปล่อยแสงสีส้มออกมาและทําให้ดาบสีเงินอ่อนกําลังลงอย่างต่อเนื่อง

 

อีกด้านหนึ่งฉลามล่องคลื่นยิ่งคลื่นน้ําแข็งออกไปทําให้สายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่รอบๆเรือรบหมื่นปีกลายเป็นน้ําแข็ง

 

ฟางหยวนก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน

 

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นน้ําไหลเชี่ยว!

 

เรือรบหมื่นปีพุ่งทะยานเข้าไปหาค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินราวกับอุกกาบาต

 

“บึม!”

 

โรงละครแห่งความทรงจําเร่งเข้ามากีดขวางเรือรบหมื่นปี คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสองหลังพุ่งชนกันโดยตรง

 

โรงละครแห่งความทรงจําได้รับความเสียหายเล็กน้อยขณะที่เรือรบหมื่นปีถูกบังคับให้หยุดเคลื่อนที่

 

ในจังหวะนี้รังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลามล่องคลื่นรบตามเข้ามาปิดล้อมเรือรบหมื่นปี

 

วังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกล้ํา พวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 

เรือรบหมื่นปีเข้าสู่การต่อสู้มาหลายครั้ง วิธีการของมันถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้มันไม่สามารถทําสิ่งใดได้มากนัก

 

หลังจากชั่วครู่คฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลังก็ตามเข้ามาเสริมกําลังให้กับฝ่ายของวังสวรรค์

 

หนึ่งคือนาวานิรันดร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของซิงเย่หวัง อีกหนึ่งคือวิหารสุริยันจันทราที่อยู่ในการควบคุมของเทพธิดาเก่าวิญญาณ

 

กําลังเสริมของวังสวรรค์มาถึงแล้ว!

 

ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลัง ขวัญกําลังใจของผู้อมตะวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นทันที

 

ทะเลตะวันออก

 

ในงานเลี้ยงของบรรพชนทะเลปราณ สุราและอาหารเลิศรสมากมายถูกนําออกมา

 

ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่บรรพชนทะเลปราณต้องยกถ้วยสุราของเขาขึ้นและประกาศเริ่มต้นงานเลี้ยง

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้น “เจ้าสมุทรจิตวิญญาณสีดําขอท้าประลองกับบรรพชนทะเลปราณ!”

 

ต่อมากลิ่นอายระดับแปดก็แผ่พุ่งเข้ามาปกคลุมพื้นที่จัดงานเลี้ยงเอาไว้ทั้งหมด

 

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกตะลึงก่อนที่ดวงตาของพวกเขาจะส่องประกายขึ้น

 

ผู้อมตะระดับแปดบางคนของทะเลตะวันออกกําลังท้าทายบรรพชนทะเลปราณ!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+