Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1886 หอพิพากษาปีศาจ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1886 หอพิพากษาปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1886 หอพิพากษาปีศาจ

 

จางหยินเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆจึงต้องถอย

 

ไม่เพียงพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งพวกเขาจะทําได้ แต่พวกเจ้าก็จะสร้างความขุ่นเคืองต่อผู้อมตะระดับแปด

 

แม้จางหยินจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่บางครั้งผู้บ่มเพาะสันโดษยังน่ากลัวกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกผูกมัดโดยกฎเกณฑ์ใดๆ

 

เหตุผลที่จางหยินสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต คนอื่นๆไม่สามารถสอบถาม

 

ในฐานะตัวแทนของวังสวรรค์ จวินเฉินกงเฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความกังวล

 

บรรพชนทะเลปราณเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงครั้งนี้ซึ่งมีการทําธุรกรรมแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะในที่สาธารณะ มันเป็นการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

หลังจากงานเลี้ยงครั้งนี้จบลง พลังการต่อสู้โดยรวมของผู้อมตะทะเลตะวันออกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นข่าวดีสําหรับทะเลตะวันออกแต่เป็นข่าวร้ายสําหรับวังสวรรค์

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรพชนทะเลปราณประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณขึ้นทุกปี นี่ทําให้จวินเฉินกวงอดคิดไม่ได้ว่าบรรพชนทะลปราณผู้นี้ว่างมากเกินไปหรือไม่ เขาต้องการจัดงานเลี้ยงทุกปี เขาไม่เหนื่อยงั้น หรือ นอกจากนั้นเขายังไม่เก็บค่าธรรมเนียม แล้วหลังจากนี้เขาต้องการทําสิ่งใดต่อไป?

 

ดูเหมือนบรรพชนทะเลปราณจะไม่ได้ไร้ความทะเยอทะยาน เขาพยายามยกระดับชื่อเสียงของตนโดยใช้งานเลี้ยงทะเลปราณเพื่อรักษาอิทธิพลและชื่อเสียงของเขา ในอนาคตไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรืออยู่ในทะเลตะวันออก เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

‘ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนทะเลปราณมีลูกหลานมากมายอยู่ในมิติช่องว่างของเขา ในอนาคตเมื่อคนเหล่านี้ท่องเที่ยวไปในทะเลตะวันออกภายใต้ชื่อของบรรพชนทะเลปราณ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากทุกกองกําลัง’

 

ในฐานะผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ จวินเฉินกวงสามารถมองเห็นแผนการที่ซ่อนอยู่

 

ข้อมูลนี้ถูกส่งกลับไปยังวังสวรรค์ทันที

 

เทพธิดาจื่อเว่ยบอกให้จวินเฉินกวงประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จวินเฉินกวงขมวดคิ้วแต่เขาไม่สงสัยว่าเหตุใดวังสวรรค์จึงต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดความจริงก็คือวังสวรรค์ลอบค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมาตลอดและมีความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

จวินเฉินกวงรู้สึกลําบากใจขณะลอบตอบกลับเทพธิดาจื่อเว่ย “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้จางหยินเข้าสู่การประมูลและเสนอราคาค่อนข้างสูง”

 

วังสวรรค์ให้ความสําคัญอย่างมากกับงานเลี้ยงทะเลปราณ พวกเขาส่งจวินเฉินกวงมาร่วมงานอย่างเปิดเผยขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังมีสายลับแฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเช่นกัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบังเอิญนัก ข้าสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตเช่นกัน” หยางจุนกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

 

หยางจุนเป็นผู้อมตะระดับแปด นี่ทําให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

 

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึง กระทั้งฟางหยวนยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

ในชีวิตก่อนหน้า หยางจุนเข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อวังมังกร

 

เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่เรียกว่ารถมาสมบัติ ในช่วงเวลาที่เขาไล่ล่าวังมังกร เขาพบร่องรอยของฟางหยวน

 

หลังจากนั้นหยางจุนยังช่วยราชันมังกรปราบปรามวังมังกรก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ระหว่างการต่อสู้เพื่อกอบกู้วิญญาณชะตากรรม หยางจุนไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อช่วยวังสวรรค์

 

ในการต่อสู้ที่ดุเดือด วังสวรรค์ต้องใช้กําลังรบทั้งหมด แต่หยางจุนไม่ปรากฏตัว นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์ เขาน่าจะมีข้อตกลงบางอย่างกับวังสวรรค์และต้องทําเพื่อพวกเขาหนึ่งครั้ง

 

“ตอนนี้เขากําลังทํางานให้กับวังสวรรค์หรือไม่?” ฟางหยวนคิด

 

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอนุมาน

 

แม้ฟางหยวนจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาขาดเบาะแสและหลักฐาน เขาไม่แน่ใจ

 

แต่ฟางหยวนยังออกค่าสั่งให้จางหยินเพิ่มข้อเสนอในการประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จางหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หยางจุน ข้าต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้จริงๆ หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น เราคงต้องต่อสู้ตัดสิน”

 

หยางจุนขมวดคิ้วและคิด จางหยินต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้แม้จะต้องต่อสู้งั้นหรือ? บรรพชนทะเลปราณ สามารถเอาชนะเขาได้ในการเคลื่อนไหวเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจางหยินอ่อนแอ!

 

“เห้อ…ข้าควรทําเพื่อวังสวรรค์ต่อไปหรือไม่?”

 

หยางจุนลังเล

 

เขาเคยติดหนี้บุญคุณวังสวรรค์และต้องตอบแทนพวกเขาหนึ่งครั้ง แต่เรื่องนี้ทําให้หยางจุนรู้สึกกังวล

 

หยางจุนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะตัดสินใจช่าระหนี้ให้แก่วังสวรรค์

 

“นี่เป็นโอกาสที่ดี หากข้าไม่ทํามันที่นี่ ในสงครามห้าภูมิภาค วังสวรรค์จะขอให้ข้าจัดการผู้อมตะของทะเลตะวันออก เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่สามารถปฏิเสธพวกเขา”

 

โชคดีที่ข้ารู้สถานการณ์ของนักประดาน้ํา

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางจุนก็เผยรอยยิ้ม “จางหยิน อย่าใจร้อน ไม่จําเป็นต้องทะเลาะวิวาท วิญญาณอมตะ หัวใจโลหิตเป็นของนักประดาน้ํา ข้ามั่นใจว่าวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีของข้าจะตอบสนองความพึงพอใจของเขา”

 

หลังกล่าวจบคํา หยางจุนก็น่าวิญญาณอมตะออกมา

 

นักประดาน้ําเห็นและมีความสุขมาก เขารีบตะโกน “ตกลง ข้าจะแลกเปลี่ยนกับมัน”

 

จางหยินตกตะลึง

 

เขาไม่สามารถทําสิ่งใดในสถานการณ์นี้ กระทั่งบรรพชนทะเลปราณก็ไม่สามารถหยุดมัน

 

พวกเขาต้องเล่นไปตามบทบาทของตนเอง

 

หยางจุนลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ ณ จุดนั้น

 

กลุ่มผู้อมตะมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน

 

หยางจุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เหตุใดเขาต้องทําเช่นนี้? เขาจริงจังเกินไปหรือไม่?

 

หยางจุนสูดหายใจลึกและผ่อนคลายลง เขาส่งวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตไปยังสวรรค์สีเหลืองทันที

 

การซื้อขายวิญญาณอมตะในสวรรค์สีเหลืองมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่วังสวรรค์ไม่สนใจ พวกเขาร่ํารวยมาก

 

เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตและมอบให้บางคนอย่างรวดเร็ว

 

คนผู้นี้บ่มเพาะอยู่ในหอพิพากษาปีศาจตลอดเวลา หลังจากได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต เขาดีใจมาก “ความสําเร็จมาเยือนแล้ว!”

 

เขาออกจากหอพิพากษาปีศาจและปลดปล่อยกลีบดอกไม่โลหิตออกไปรอบๆ

 

เขาเป็นชายร่างสูงที่มีหน้าตาหล่อเหลาและมีผ้าคาดหน้าผากสีแดงเลือด

 

บันไดโปร่งแสงก่อตั้งขึ้นกลางอากาศขณะที่เขาเดินลงมาอย่างช้าๆ

 

ฟางเจิ้งกําลังฝึกฝนอยู่ด้านหน้าหอพิพากษาปีศาจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาเร่งคุกเข่าลง “ฟางเลิ้งคารวะท่านอาจารย์!”

 

“ลุกขึ้น ศิษย์ของข้า ข้าได้รับวิญญาณอมตะที่สําคัญมาแล้ว มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะที่ข้าพยายามคิดค้นมาตลอดชีวิต หลังจากอยู่ในหอพิพากษาปีศาจมานานหลายร้อยปี ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่ข้าจะจากไป”

 

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้กล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น เขาผายมือและส่งพลังงานอันไร้รูปลักษณ์ออกไปช่วยประคองฟางเจิ้งให้ลุกขึ้นยืน

 

ฟางเจิ้งป้องหมัดอีกครั้ง “ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์”

 

หลังจากราชันมังกรนําฟางเพิ่งกลับมาจากทะเลตะวันออก ฉันติงหลิงสังเกตโชคของเขาและแนะนําเทพธิดาจื่อเว่ยว่าฟางเจิ้งควรเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป

 

เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรยอมรับข้อเสนอนี้

 

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงถูกส่งมาฝึกฝนที่หอพิพากษาปีศาจและกลายเป็นศิษย์ของผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบัน

 

หอพิพากษาปีศาจเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เมื่อบรรพชนบ่อเลือดสร้างความโกลาหลขึ้นในห้าภูมิภาค วังสวรรค์ตระหนักถึงอันตราย ขณะที่เจตจํานงสวรรค์ช่วยให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือดที่เหมาะสมและสามารถสร้างหอพิพากษาปีศาจ คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้สามารถค้นหาทุกคนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า

 

วังสวรรค์ใช้ข้อมูลที่ได้รับจากหอพิพากษาปีศาจเพื่อจัดการกับผู้คนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด พวกเขายังส่งมันไปยังอีกสี่ภูมิภาคและทําให้กองกําาลังฝ่ายธรรมะของภูมิภาคอื่นสามารถจัดการผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

กล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งเลือดถูกหยุดโดยหอพิพากษาปีศาจหลังนี้

 

ตั้งแต่บรรพชนบ่อเลือดสร้างเส้นทางแห่งเลือดขึ้นมา วังสวรรค์ก็เริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับมันแล้ว พวกเขาเป็นกองกําลังที่มีความสําเร็จมากที่สุดเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือด

 

ผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบันคือนักพเนจรหัวใจสีชาติ เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาร่วมมือกับวังสวรรค์ค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมานานหลายปี

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เทพธิดาเก้าวิญญาณปรากฏตัวขึ้น “นักพเนจรหัวใจสชาติ ข้าถูกสั่งให้มาที่นี่และรวมกลุ่มกับเจ้าเพื่อไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตก”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะออกคําสั่งฟางเจิ้ง “หอพิพากษาปีศาจต้องมีผู้ดูแล ศิษย์ของข้า เจ้าจะรับช่วงต่อจากข้าและเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป มรดกของข้ารวมถึงประสบการณ์การบ่มเพาะของผู้ดูแลรุ่นก่อนถูกเก็บไว้ภายใน จากนี้ไปเจ้าสามารถฝึกฝนอยู่ในหอพิพากษาปีศาจ นี่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะทํางานอย่างหนัก อย่าทําให้โชคลาภครั้งนี้สูญเปล่า”

 

“ทราบแล้ว ข้าจะจดจําค่าสอนของท่านอาจารย์เอาไว้” ฟางเจิ้งเร่งตอบรับ

 

“อืม” นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะจากไป

 

เขากับฟางเพิ่งมีความสัมพันธ์ที่ตื้นเขินมาก หากไม่ใช่เพราะคําสั่งของเทพธิดาจอเว่ย เขาจะไม่รับฟางเจิ้งเป็นศิษย์

 

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ช่วยนักพเนตรหัวใจสีชาติได้มาก

 

“โชคเป็นสิ่งลึกลับอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉินติงหลิงบอกให้ข้ารับฟางเจิ้งเป็นศิษย์ เมื่อเรากลายเป็นอาจารย์กับศิษย์ แม้เพียงในนาม ข้าก็ยังจะได้รับโชคจากเขา”

 

“ผู้ใดจะคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆข้าจะได้รับโชคลาภครั้งใหญ่ ก่อนจากไปข้าควรไปเยี่ยมผู้อาวุโสฉินติงหลิง” นักพเนจรหัวใจสีชาติกล่าว

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณพยักหน้า

 

พวกเขาไม่รีบร้อน

 

ทั้งสองไปพบฉินติงหลิงที่วังสวรรค์ ฉินติงหลิงยังตรวจสอบโชคของพวกเขาและบอกพวกเขาว่าตราบเท่าที่ พวกเขาทําตามแผน มันจะเป็นการเดินทางที่ราบรื่น

 

หลังจากทั้งสองบอกลาฉินติงหลิง พวกเขาก็บินขึ้นสู่บนท้องฟ้าและเห็นผู้อมตะผู้หนึ่งขึ้นอยู่ที่หอเย็บปักถักร้อย

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณถอนหายใจ “เขาคือฟงจิวเก้อ หลังจากพ่ายแพ้ในสายธารแห่งกาลเวลา เขากลายเป็นคนสิ้นหวัง”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติสายศีรษะและแสดงออกอย่างจริงจัง “ตอนนี้เขาก่าลังทําความเข้าใจเตของตนเอง เขาเหมือนขาก่อนหน้านี้ เราไม่ควรขัดจังหวะเขา”

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณประหลาดใจ “โอ้ ไม่แปลกใจเลยที่เทพธิดาจื่อเว่ยปล่อยให้เขาทําสิ่งที่เขาต้องการ ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าได้รับมรดกเก้าวิญญาณและฝึกฝนมันโดยไม่เคยดัดแปลง ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติปลอบโยน “มรดกเก้าวิญญาณของเจ้าเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงสวรรค์ มันอยู่ในจุดที่เกือบสมบูรณ์แบบและไม่สามารถพัฒนาได้อีก”

 

แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่เขายังมีความอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณยิ้ม “ย้อนกลับไปเมื่ออาจารย์มอบมรดกนี้ให้ข้า เขาบอกว่าพรสวรรค์ของข้าไม่เพียงพอ เมื่อพบอัจฉริยะเช่นเจ้า ข้าทําได้เพียงชื่นชมและอิจฉาเท่านั้น”

 

ผู้อมตะทั้งสองพูดคุยและหัวเราะขณะเดินทางออกจากประตูสวรรค์กลาง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1886 หอพิพากษาปีศาจ

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1886 หอพิพากษาปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1886 หอพิพากษาปีศาจ

 

จางหยินเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆจึงต้องถอย

 

ไม่เพียงพวกเขาจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งพวกเขาจะทําได้ แต่พวกเจ้าก็จะสร้างความขุ่นเคืองต่อผู้อมตะระดับแปด

 

แม้จางหยินจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่บางครั้งผู้บ่มเพาะสันโดษยังน่ากลัวกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกผูกมัดโดยกฎเกณฑ์ใดๆ

 

เหตุผลที่จางหยินสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต คนอื่นๆไม่สามารถสอบถาม

 

ในฐานะตัวแทนของวังสวรรค์ จวินเฉินกงเฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความกังวล

 

บรรพชนทะเลปราณเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงครั้งนี้ซึ่งมีการทําธุรกรรมแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะและทรัพยากรอมตะในที่สาธารณะ มันเป็นการตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออก

 

หลังจากงานเลี้ยงครั้งนี้จบลง พลังการต่อสู้โดยรวมของผู้อมตะทะเลตะวันออกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นข่าวดีสําหรับทะเลตะวันออกแต่เป็นข่าวร้ายสําหรับวังสวรรค์

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรพชนทะเลปราณประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณขึ้นทุกปี นี่ทําให้จวินเฉินกวงอดคิดไม่ได้ว่าบรรพชนทะลปราณผู้นี้ว่างมากเกินไปหรือไม่ เขาต้องการจัดงานเลี้ยงทุกปี เขาไม่เหนื่อยงั้น หรือ นอกจากนั้นเขายังไม่เก็บค่าธรรมเนียม แล้วหลังจากนี้เขาต้องการทําสิ่งใดต่อไป?

 

ดูเหมือนบรรพชนทะเลปราณจะไม่ได้ไร้ความทะเยอทะยาน เขาพยายามยกระดับชื่อเสียงของตนโดยใช้งานเลี้ยงทะเลปราณเพื่อรักษาอิทธิพลและชื่อเสียงของเขา ในอนาคตไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมกับวังสวรรค์หรืออยู่ในทะเลตะวันออก เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

‘ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนทะเลปราณมีลูกหลานมากมายอยู่ในมิติช่องว่างของเขา ในอนาคตเมื่อคนเหล่านี้ท่องเที่ยวไปในทะเลตะวันออกภายใต้ชื่อของบรรพชนทะเลปราณ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากทุกกองกําลัง’

 

ในฐานะผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ จวินเฉินกวงสามารถมองเห็นแผนการที่ซ่อนอยู่

 

ข้อมูลนี้ถูกส่งกลับไปยังวังสวรรค์ทันที

 

เทพธิดาจื่อเว่ยบอกให้จวินเฉินกวงประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จวินเฉินกวงขมวดคิ้วแต่เขาไม่สงสัยว่าเหตุใดวังสวรรค์จึงต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดความจริงก็คือวังสวรรค์ลอบค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมาตลอดและมีความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

จวินเฉินกวงรู้สึกลําบากใจขณะลอบตอบกลับเทพธิดาจื่อเว่ย “สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้จางหยินเข้าสู่การประมูลและเสนอราคาค่อนข้างสูง”

 

วังสวรรค์ให้ความสําคัญอย่างมากกับงานเลี้ยงทะเลปราณ พวกเขาส่งจวินเฉินกวงมาร่วมงานอย่างเปิดเผยขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังมีสายลับแฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเช่นกัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างบังเอิญนัก ข้าสนใจวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตเช่นกัน” หยางจุนกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

 

หยางจุนเป็นผู้อมตะระดับแปด นี่ทําให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

 

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึง กระทั้งฟางหยวนยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

ในชีวิตก่อนหน้า หยางจุนเข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อวังมังกร

 

เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่เรียกว่ารถมาสมบัติ ในช่วงเวลาที่เขาไล่ล่าวังมังกร เขาพบร่องรอยของฟางหยวน

 

หลังจากนั้นหยางจุนยังช่วยราชันมังกรปราบปรามวังมังกรก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ระหว่างการต่อสู้เพื่อกอบกู้วิญญาณชะตากรรม หยางจุนไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อช่วยวังสวรรค์

 

ในการต่อสู้ที่ดุเดือด วังสวรรค์ต้องใช้กําลังรบทั้งหมด แต่หยางจุนไม่ปรากฏตัว นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์ เขาน่าจะมีข้อตกลงบางอย่างกับวังสวรรค์และต้องทําเพื่อพวกเขาหนึ่งครั้ง

 

“ตอนนี้เขากําลังทํางานให้กับวังสวรรค์หรือไม่?” ฟางหยวนคิด

 

นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอนุมาน

 

แม้ฟางหยวนจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาขาดเบาะแสและหลักฐาน เขาไม่แน่ใจ

 

แต่ฟางหยวนยังออกค่าสั่งให้จางหยินเพิ่มข้อเสนอในการประมูลวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต

 

จางหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หยางจุน ข้าต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้จริงๆ หากเจ้ายืนยันเช่นนั้น เราคงต้องต่อสู้ตัดสิน”

 

หยางจุนขมวดคิ้วและคิด จางหยินต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้แม้จะต้องต่อสู้งั้นหรือ? บรรพชนทะเลปราณ สามารถเอาชนะเขาได้ในการเคลื่อนไหวเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจางหยินอ่อนแอ!

 

“เห้อ…ข้าควรทําเพื่อวังสวรรค์ต่อไปหรือไม่?”

 

หยางจุนลังเล

 

เขาเคยติดหนี้บุญคุณวังสวรรค์และต้องตอบแทนพวกเขาหนึ่งครั้ง แต่เรื่องนี้ทําให้หยางจุนรู้สึกกังวล

 

หยางจุนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะตัดสินใจช่าระหนี้ให้แก่วังสวรรค์

 

“นี่เป็นโอกาสที่ดี หากข้าไม่ทํามันที่นี่ ในสงครามห้าภูมิภาค วังสวรรค์จะขอให้ข้าจัดการผู้อมตะของทะเลตะวันออก เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไม่สามารถปฏิเสธพวกเขา”

 

โชคดีที่ข้ารู้สถานการณ์ของนักประดาน้ํา

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางจุนก็เผยรอยยิ้ม “จางหยิน อย่าใจร้อน ไม่จําเป็นต้องทะเลาะวิวาท วิญญาณอมตะ หัวใจโลหิตเป็นของนักประดาน้ํา ข้ามั่นใจว่าวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีของข้าจะตอบสนองความพึงพอใจของเขา”

 

หลังกล่าวจบคํา หยางจุนก็น่าวิญญาณอมตะออกมา

 

นักประดาน้ําเห็นและมีความสุขมาก เขารีบตะโกน “ตกลง ข้าจะแลกเปลี่ยนกับมัน”

 

จางหยินตกตะลึง

 

เขาไม่สามารถทําสิ่งใดในสถานการณ์นี้ กระทั่งบรรพชนทะเลปราณก็ไม่สามารถหยุดมัน

 

พวกเขาต้องเล่นไปตามบทบาทของตนเอง

 

หยางจุนลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ ณ จุดนั้น

 

กลุ่มผู้อมตะมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน

 

หยางจุนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เหตุใดเขาต้องทําเช่นนี้? เขาจริงจังเกินไปหรือไม่?

 

หยางจุนสูดหายใจลึกและผ่อนคลายลง เขาส่งวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตไปยังสวรรค์สีเหลืองทันที

 

การซื้อขายวิญญาณอมตะในสวรรค์สีเหลืองมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่วังสวรรค์ไม่สนใจ พวกเขาร่ํารวยมาก

 

เทพธิดาจื่อเว่ยได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิตและมอบให้บางคนอย่างรวดเร็ว

 

คนผู้นี้บ่มเพาะอยู่ในหอพิพากษาปีศาจตลอดเวลา หลังจากได้รับวิญญาณอมตะหัวใจโลหิต เขาดีใจมาก “ความสําเร็จมาเยือนแล้ว!”

 

เขาออกจากหอพิพากษาปีศาจและปลดปล่อยกลีบดอกไม่โลหิตออกไปรอบๆ

 

เขาเป็นชายร่างสูงที่มีหน้าตาหล่อเหลาและมีผ้าคาดหน้าผากสีแดงเลือด

 

บันไดโปร่งแสงก่อตั้งขึ้นกลางอากาศขณะที่เขาเดินลงมาอย่างช้าๆ

 

ฟางเจิ้งกําลังฝึกฝนอยู่ด้านหน้าหอพิพากษาปีศาจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาเร่งคุกเข่าลง “ฟางเลิ้งคารวะท่านอาจารย์!”

 

“ลุกขึ้น ศิษย์ของข้า ข้าได้รับวิญญาณอมตะที่สําคัญมาแล้ว มันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะที่ข้าพยายามคิดค้นมาตลอดชีวิต หลังจากอยู่ในหอพิพากษาปีศาจมานานหลายร้อยปี ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่ข้าจะจากไป”

 

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้กล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น เขาผายมือและส่งพลังงานอันไร้รูปลักษณ์ออกไปช่วยประคองฟางเจิ้งให้ลุกขึ้นยืน

 

ฟางเจิ้งป้องหมัดอีกครั้ง “ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์”

 

หลังจากราชันมังกรนําฟางเพิ่งกลับมาจากทะเลตะวันออก ฉันติงหลิงสังเกตโชคของเขาและแนะนําเทพธิดาจื่อเว่ยว่าฟางเจิ้งควรเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป

 

เทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรยอมรับข้อเสนอนี้

 

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงถูกส่งมาฝึกฝนที่หอพิพากษาปีศาจและกลายเป็นศิษย์ของผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบัน

 

หอพิพากษาปีศาจเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เมื่อบรรพชนบ่อเลือดสร้างความโกลาหลขึ้นในห้าภูมิภาค วังสวรรค์ตระหนักถึงอันตราย ขณะที่เจตจํานงสวรรค์ช่วยให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือดที่เหมาะสมและสามารถสร้างหอพิพากษาปีศาจ คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้สามารถค้นหาทุกคนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้า

 

วังสวรรค์ใช้ข้อมูลที่ได้รับจากหอพิพากษาปีศาจเพื่อจัดการกับผู้คนที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด พวกเขายังส่งมันไปยังอีกสี่ภูมิภาคและทําให้กองกําาลังฝ่ายธรรมะของภูมิภาคอื่นสามารถจัดการผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

กล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งเลือดถูกหยุดโดยหอพิพากษาปีศาจหลังนี้

 

ตั้งแต่บรรพชนบ่อเลือดสร้างเส้นทางแห่งเลือดขึ้นมา วังสวรรค์ก็เริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับมันแล้ว พวกเขาเป็นกองกําลังที่มีความสําเร็จมากที่สุดเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือด

 

ผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนปัจจุบันคือนักพเนจรหัวใจสีชาติ เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาร่วมมือกับวังสวรรค์ค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมานานหลายปี

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เทพธิดาเก้าวิญญาณปรากฏตัวขึ้น “นักพเนจรหัวใจสชาติ ข้าถูกสั่งให้มาที่นี่และรวมกลุ่มกับเจ้าเพื่อไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลฟางของทะเลทรายตะวันตก”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะออกคําสั่งฟางเจิ้ง “หอพิพากษาปีศาจต้องมีผู้ดูแล ศิษย์ของข้า เจ้าจะรับช่วงต่อจากข้าและเป็นผู้ดูแลหอพิพากษาปีศาจคนต่อไป มรดกของข้ารวมถึงประสบการณ์การบ่มเพาะของผู้ดูแลรุ่นก่อนถูกเก็บไว้ภายใน จากนี้ไปเจ้าสามารถฝึกฝนอยู่ในหอพิพากษาปีศาจ นี่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะทํางานอย่างหนัก อย่าทําให้โชคลาภครั้งนี้สูญเปล่า”

 

“ทราบแล้ว ข้าจะจดจําค่าสอนของท่านอาจารย์เอาไว้” ฟางเจิ้งเร่งตอบรับ

 

“อืม” นักพเนจรหัวใจสีชาติพยักหน้าก่อนจะจากไป

 

เขากับฟางเพิ่งมีความสัมพันธ์ที่ตื้นเขินมาก หากไม่ใช่เพราะคําสั่งของเทพธิดาจอเว่ย เขาจะไม่รับฟางเจิ้งเป็นศิษย์

 

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ช่วยนักพเนตรหัวใจสีชาติได้มาก

 

“โชคเป็นสิ่งลึกลับอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉินติงหลิงบอกให้ข้ารับฟางเจิ้งเป็นศิษย์ เมื่อเรากลายเป็นอาจารย์กับศิษย์ แม้เพียงในนาม ข้าก็ยังจะได้รับโชคจากเขา”

 

“ผู้ใดจะคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆข้าจะได้รับโชคลาภครั้งใหญ่ ก่อนจากไปข้าควรไปเยี่ยมผู้อาวุโสฉินติงหลิง” นักพเนจรหัวใจสีชาติกล่าว

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณพยักหน้า

 

พวกเขาไม่รีบร้อน

 

ทั้งสองไปพบฉินติงหลิงที่วังสวรรค์ ฉินติงหลิงยังตรวจสอบโชคของพวกเขาและบอกพวกเขาว่าตราบเท่าที่ พวกเขาทําตามแผน มันจะเป็นการเดินทางที่ราบรื่น

 

หลังจากทั้งสองบอกลาฉินติงหลิง พวกเขาก็บินขึ้นสู่บนท้องฟ้าและเห็นผู้อมตะผู้หนึ่งขึ้นอยู่ที่หอเย็บปักถักร้อย

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณถอนหายใจ “เขาคือฟงจิวเก้อ หลังจากพ่ายแพ้ในสายธารแห่งกาลเวลา เขากลายเป็นคนสิ้นหวัง”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติสายศีรษะและแสดงออกอย่างจริงจัง “ตอนนี้เขาก่าลังทําความเข้าใจเตของตนเอง เขาเหมือนขาก่อนหน้านี้ เราไม่ควรขัดจังหวะเขา”

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณประหลาดใจ “โอ้ ไม่แปลกใจเลยที่เทพธิดาจื่อเว่ยปล่อยให้เขาทําสิ่งที่เขาต้องการ ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าได้รับมรดกเก้าวิญญาณและฝึกฝนมันโดยไม่เคยดัดแปลง ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย”

 

นักพเนจรหัวใจสีชาติปลอบโยน “มรดกเก้าวิญญาณของเจ้าเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงสวรรค์ มันอยู่ในจุดที่เกือบสมบูรณ์แบบและไม่สามารถพัฒนาได้อีก”

 

แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่เขายังมีความอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

 

เทพธิดาเก้าวิญญาณยิ้ม “ย้อนกลับไปเมื่ออาจารย์มอบมรดกนี้ให้ข้า เขาบอกว่าพรสวรรค์ของข้าไม่เพียงพอ เมื่อพบอัจฉริยะเช่นเจ้า ข้าทําได้เพียงชื่นชมและอิจฉาเท่านั้น”

 

ผู้อมตะทั้งสองพูดคุยและหัวเราะขณะเดินทางออกจากประตูสวรรค์กลาง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+