Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1887 งานเลี้ยงเลิกลา

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1887 งานเลี้ยงเลิกลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1887 งานเลี้ยงเลิกลา

 

ทะเลตะวันออก

 

คลื่นกระทบโขดหิน ฟองสีขาวระเบิดออกไปรอบๆ

 

สามลมกรรโชกแรง ท้องฟ้ามืดครึม

 

เกาะที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งในทะเลตะวันออกมีผู้อมตะสี่คนซ่อนตัวอยู่

 

ผู้อมตะทั้งสี่ต่างได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นนอนหมดสติอยู่บนพื้นขณะที่อีกสามคนพยายามรักษา

 

ครู่ต่อมา บางคนก็ฟนเลือดออกมาจากปาก

 

“นายท่าน!” ผู้อมตะอีกสองคนหยุดการรักษาและรับเข้าไปดูอาการของคนผู้นี้

 

คนที่กระอักเลือกออกมาคือเสี่ยวหมิงเฉิน

 

เสี่ยวหมิงเฉินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขามีวิธีขยายพื้นที่ในมิติช่องว่าง เขาช่วยผู้อมตะของทะเลตะวันออกจํานวนมากในเรื่องนี้

 

เสี่ยวหมิงเฉินไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม เขาดูธรรมดา มีเพียงจมูกที่แบนและกว้างเท่านั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

 

ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาค่อยข้างธรรมดา แต่เขาเป็นคนทะเยอทะยาน เขามีเครือข่ายที่กว้างขวางและมีความสามารถทางสังคมที่โดดเด่น

 

เขาเป็นผู้นํากลุ่มสี่คนซึ่งประกอบด้วยผู้อมตะหญิงฮวา เฟิงเจียง และกุ้ยฉีเย่

 

แต่ตอนนี้ร่างกายของกุ้ยฉีเย่เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากพิษบางอย่าง เขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

 

เสี่ยวหมิงเฉินเช็ดเลือดออกจากใบหน้าและกล่าวด้วยเสียงอ่อนล้า “อาการบาดเจ็บของข้า…แค่ก แค่ก…ไม่ใช่ปัญหา! อาการบาดเจ็บของกุ้ยฉีเย่รุนแรงกว่า”

 

“กุ้ยฉีเย่ถูกปลาดาวพิษน้ําแข็งโจมตี เราไม่มีวิธีรักษาเขา” ฮวาตี้กล่าวด้วยความกังวล

 

เฟิงเจียงกล่าวต่อ “ปลาดาวพิษน้ําแข็งอาจมีพิษร้ายแรง แต่ขาได้ยินมาว่าซูเฉินและเทพธิดาจิ๋วอว์สามารถรักษามัน”

 

เสี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะและถอนหายใจ “เทพธิดาจิ๋วอวี๋มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเหรินซิ่วผิงขณะที่ซูเฉินอยู่ในงานเลี้ยงทะเลปราณ เราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนและความลับของเรา เราต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ข้าตั้งใจที่จะใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับน้ําเหลืองใต้พิภพเพื่อกําจัดพิษของปลาดาวพิษน้ําแข็ง”

 

“นายท่าน…” หัวใจของฮวาตี้และเฟิงเจียงสั่นไหว

 

เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะ “มันเป็นเพียงทรัพยากรอมตะระดับแปด แต่ข้าจะปล่อยให้กุ้ยฉีเย่ตายได้อย่างไร? กล่าวถึงเรื่องนี้เราต้องขอบคุณฟางหยวน หากเขาไม่เอาชนะวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่กว้านซื้อทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในสวรรค์สีเหลือง”

 

ฮวาตี้พยักหน้าและถอนหายใจ “ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปแล้ว เขาสามารถควบคุมเกาะบัวหิน วังสวรรค์พบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ การสูญเสียของพวกเขารุนแรมาก”

 

เฟิงเจียงกล่าวด้วยความกังวล “ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป วังสวรรค์ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง พลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้น โลกทั้งใบกําลังถูกคุกคามโดยเขา”

 

ฮวาตี้ยิ้ม “เฟิงเจียง เจ้ากังวลมากเกินไป โลกนี้กว้างใหญ่ พวกเราจะพบเขาได้อย่างไร? แม้สวรรค์จะถล่มแผ่นดินจะพังทลาย พวกเราเพียงเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆเท่านั้น”

 

ครั้งนี้ฟางหยวนใช้เกาะบัวหินสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับวังสวรรค์ แน่นอนว่าเขาไม่พลาดโอกาสที่จะปล่อยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวรรค์สีเหลืองเพื่อให้ผู้คนทั้งโลกรับรู้

 

ด้วยวิธีนี้ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้งขณะที่ชื่อเสียงของวังสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

เป็นธรรมดาที่ฮวาตี้และเฟิงเจียงจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้

 

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือฟางหยวนปลอมตัวเป็นชูอิงเข้าใกล้พวกเขามานานแล้ว เขายังเคยช่วยชีวิตคนทั้งสองเอาไว้

 

เสี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจ เขาเก็บซ่อนความทะเยอทะยานเอาไว้ในใจมาตลอด เขาไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตธรรมดา มิฉะนั้นเขาจะไม่สร้างเครือข่ายมากมายเช่นนี้

 

ในฐานะผู้อมตะที่มีความทะเยอทะยาน เขารู้สึกซับซ้อนเมื่อได้ยินว่าความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มขึ้น

 

เมี่ยวหมิงเฉินบ่มเพาะมานานเท่าใด?

 

หลายร้อยปี!

 

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมี่ยวหมิงเฉินเฝ้ามองการเติบโตของฟางหยวนราวกับละครที่แสดงต่อหน้าเขา

 

เว้นเพียงเขาไม่ใช่ตัวละครหลัก

 

เขากับฟางหยวนต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ฟางหยวนมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดและสามารถควบคุมเกาะบัวหิน สุดท้ายเขาสามารถเอาชนะวังสวรรค์

 

แล้วเมี่ยวหมิงเฉินมีสิ่งใด?

 

เขามองตัวเองและรู้สึกสมเพช!

 

ตอนนี้เขาได้รับเจ็บสาหัส กุ้ยฉีเย่กําลังจะตาย เพิ่งเจียงและฮวาตี้ต่างได้รับบาดเจ็บ ต้นเหตุของเรื่องนี้คือเหรินซิ่วผิง ศัตรูตัวฉกาจของเขา

 

เมี่ยวหมิงเฉินยังตั้งคําถามกับตนเองว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่พยายามขยายเครือข่ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากเขาคิดไม่ผิด เหตุใดเขาจึงจบลงในสภาพนี้?

 

จากนั้นเขาก็นึกถึงบรรพชนทะเลปราณ

 

บรรพชนทะเลปราณจัดงานเลี้ยงทะเลปราณและเชิญผู้อมตะทั้งหมดของทะเลตะวันออก ในความเป็นจริง เสี่ยวหมิงเฉินต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นกันแต่เขาถูกซุ่มโจมตีโดยเหรินซิ่วผิงและสูญเสียโอกาสนั้นไป

 

เสี่ยวหมิงเฉินรู้สึกชื่นชมและอิจฉาบรรพชนทะเลปราณ

 

“หากข้าทําตามบรรพชนทะเลปราณและบ่มเพาะอย่างสันโดษ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่? ข้าจะสามารถหลีกเลี่ยงอุบายของเหรินซิ่วผิงหรือไม่?”

 

เสี่ยวหมิงเฉินกัดฟันและรีบขจัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไป

 

เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนกล่าว “ฟางหยวนมีชีวิตที่ดี เขาได้รับมรดกของเทพหลายคนและไม่ขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะ เขายังเป็นปีศาจต่างโลกและมีวิญญาณกาลเวลา”

 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตามเขาอยู่ห่างไกลจากเรา ตอนนี้เราต้องช่วยกุ้ยฉีเย่เป็นอันดับแรก”

 

เฟิงเจียงและฮวาตี้พยักหน้าเห็นด้วย

 

เมี่ยวหมิงเฉินเชื่อมต่กับสวรรค์สีเหลืองและใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับน้ําเหลืองใต้พิภพ

 

ธุรกรรมดําเนินไปอย่างราบรื่น

 

ครั้งนี้วังสวรรค์พบความสูญเสียครั้งใหญ่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมากเพื่อสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขึ้นมาอีกครั้ง กล่าวได้ว่าความต้องการของพวกเขายิ่งมากกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

ด้วยเหตุนี้เสี่ยวหมิงเฉินจึงได้รับน้ําเหลืองใต้พิภพมาอย่างรวดเร็ว

 

แน่นอนว่าเขาไม่รู้สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง

 

จากนั้นเลี้ยวหมิงเฉินก็ใช้น้ําเหลืองใต้พิภพกําจัดพิษออกจากร่างของกุ้ยฉีเย่

 

กุ้ยฉีเย่ค่อยๆตื่นขึ้นและขอบคุณเมื่ยวหมิงเฉิน

 

เสี่ยวหมิงเฉินกล่าวให้กําลังใจขณะที่ดวงตาของกุ้ยฉีเย่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความซาบซึ้ง

 

หลังจากพักหายใจ ทั้งสี่ก็เริ่มคิดว่าพวกเขาจะรอดจากสถานการณ์นี้และจัดการกับเหรินซิ่วผิงได้อย่างไร

 

แต่พวกเขาเพียงสี่คนยังไม่พอ

 

เหรินซิ่วผิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งทาส เขาสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากได้ด้วยตัวเขาเพียงลำพัง เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่ากลุ่มของเมี่ยวหมิงเฉิน

 

กุ้ยฉีเย่คิดก่อนกล่าว “เหตุผลที่เหรินซิ่วผิงโจมตีพวกเราเพราะนายท่านมีวิธีเข้าสู่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เราควรใช้ความลับนี้เพื่อเชิญพันธมิตรเข้าไปสํารวจ หากเราล่าช้าเหรินซิ่วผิงจะกระจายข่าวออกไป ผู้คนจะหันมาหาพวกเรา”

 

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้าเห็นด้วย

 

แม้เขาจะไม่ชอบวิธีนี้แต่เขาไม่มีทางเลือก

 

เกี่ยวกับความลับของวาฬมังกรฟ้า ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใดมันก็ยิ่งดีเท่านั้น น่าเสียดายที่เหรินซิ่วผิงรู้ความลับนี้ และวางแผนต่อต้านเดี่ยวหมิงเฉิน

 

ตามวิธีการของกุ้ยฉีเย่ ไม่เพียงเมี่ยวหมิงเฉินจะได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรในการต่อสู้กับเหรินซิ่วผิง พวกเขายังสามารถร่วมมือกันสํารวจวาฬมังกรฟ้าและอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่าง

 

ในสถานการณ์นี้เมี่ยวหมิงเฉินต้องละทิ้งผลประโยชน์บางส่วนและแบ่งปันความลับกับบางคน

 

คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า หลังจากพูดคุย พวกเขาตัดสินใจเลือกพันธมิตรรวมถึงชอิง

 

ฟางหยวนได้รับคําเชิญขณะที่เขาอยู่ในงานเลี้ยงทะเลปราณ

 

ในช่วงเวลานี้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่มีชื่อเสียงยังเดินทางมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

 

หนึ่งในนั้นคือผู้อมตะเต่ามังกรซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะลตะวันออก

 

บุคคลที่มีชื่อเสียงทุกประเภทปรากฏตัวขึ้น จวินเฉินกวงลอบเก็บข้อมูลอย่างลับๆ ในความเป็นจริงภาคใต้ ภาคเหนือ ทะเลทรายตะวันตกก็ส่งสายลับมาเก็บรวบรวมข้อมูลเช่นกัน

 

แม้นจะเป็นงานเลี้ยงทะเลปราณครั้งแรกแต่มันก็ส่งอิทธิพลต่อทั้งห้าภูมิภาคเรียบร้อยแล้ว

 

ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยทรัพยากร ดังนั้นวิญญาณอมตะจึงถูกนําออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

 

การแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะจะทําให้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกแข็งแกร่งขึ้น นี่ทําให้จวินเฉินกวงและ สายลับจากภูมิภาคอื่นรู้สึกถึงแรงกดดัน

 

หากฟางหยวนต้องการวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรอมตะ เขาจะให้จางหยินออกหน้า

 

เขานิ่งเฉยและทําตัวเหมือนฉากหลัง แต่มันเป็นฉากหลังที่ไม่มีผู้ใดสามารถเพิกเฉย

 

“ถึงเวลาแล้ว งานเลี้ยงทะเลปราณจะจบลงตรงนี้” ฟางหยวนเปิดปากกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

 

กลุ่มผู้อมตะรู้สึกสับสน เหตุใดมันจึงจบลงอย่างกะทันหัน?

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “หากเราทําธุรกรรมทั้งหมด มันจะใช้เวลานานเท่าใด ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่มีเรื่องสําคัญรออยู่ เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไป ข้าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณขึ้นทุกปี แล้วเราจะพบกันอีก”

 

ความจริงก็คือเขามีสิ่งสําคัญที่ต้องทํา คนเหล่านี้ควรหลีกทางให้เขา

 

แม้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะไม่มีความสุข แต่พวกเขาไม่กล้าต่อต้านบรรพชนทะเลปราณ

 

ทุกคนลุกขึ้นและเริ่มกล่าวลา

 

ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆจากไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นํากองกําลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ พวกเขามีงานมากมายที่ต้องดูแล ในความเป็นจริงคํากล่าวของฟางหยวนเหมือนเสียงสวรรค์สําหรับพวกเขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 1887 งานเลี้ยงเลิกลา

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 1887 งานเลี้ยงเลิกลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1887 งานเลี้ยงเลิกลา

 

ทะเลตะวันออก

 

คลื่นกระทบโขดหิน ฟองสีขาวระเบิดออกไปรอบๆ

 

สามลมกรรโชกแรง ท้องฟ้ามืดครึม

 

เกาะที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งในทะเลตะวันออกมีผู้อมตะสี่คนซ่อนตัวอยู่

 

ผู้อมตะทั้งสี่ต่างได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นนอนหมดสติอยู่บนพื้นขณะที่อีกสามคนพยายามรักษา

 

ครู่ต่อมา บางคนก็ฟนเลือดออกมาจากปาก

 

“นายท่าน!” ผู้อมตะอีกสองคนหยุดการรักษาและรับเข้าไปดูอาการของคนผู้นี้

 

คนที่กระอักเลือกออกมาคือเสี่ยวหมิงเฉิน

 

เสี่ยวหมิงเฉินเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เขามีวิธีขยายพื้นที่ในมิติช่องว่าง เขาช่วยผู้อมตะของทะเลตะวันออกจํานวนมากในเรื่องนี้

 

เสี่ยวหมิงเฉินไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม เขาดูธรรมดา มีเพียงจมูกที่แบนและกว้างเท่านั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

 

ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาค่อยข้างธรรมดา แต่เขาเป็นคนทะเยอทะยาน เขามีเครือข่ายที่กว้างขวางและมีความสามารถทางสังคมที่โดดเด่น

 

เขาเป็นผู้นํากลุ่มสี่คนซึ่งประกอบด้วยผู้อมตะหญิงฮวา เฟิงเจียง และกุ้ยฉีเย่

 

แต่ตอนนี้ร่างกายของกุ้ยฉีเย่เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากพิษบางอย่าง เขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

 

เสี่ยวหมิงเฉินเช็ดเลือดออกจากใบหน้าและกล่าวด้วยเสียงอ่อนล้า “อาการบาดเจ็บของข้า…แค่ก แค่ก…ไม่ใช่ปัญหา! อาการบาดเจ็บของกุ้ยฉีเย่รุนแรงกว่า”

 

“กุ้ยฉีเย่ถูกปลาดาวพิษน้ําแข็งโจมตี เราไม่มีวิธีรักษาเขา” ฮวาตี้กล่าวด้วยความกังวล

 

เฟิงเจียงกล่าวต่อ “ปลาดาวพิษน้ําแข็งอาจมีพิษร้ายแรง แต่ขาได้ยินมาว่าซูเฉินและเทพธิดาจิ๋วอว์สามารถรักษามัน”

 

เสี่ยวหมิงเฉินสายศีรษะและถอนหายใจ “เทพธิดาจิ๋วอวี๋มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเหรินซิ่วผิงขณะที่ซูเฉินอยู่ในงานเลี้ยงทะเลปราณ เราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนและความลับของเรา เราต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ข้าตั้งใจที่จะใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับน้ําเหลืองใต้พิภพเพื่อกําจัดพิษของปลาดาวพิษน้ําแข็ง”

 

“นายท่าน…” หัวใจของฮวาตี้และเฟิงเจียงสั่นไหว

 

เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะ “มันเป็นเพียงทรัพยากรอมตะระดับแปด แต่ข้าจะปล่อยให้กุ้ยฉีเย่ตายได้อย่างไร? กล่าวถึงเรื่องนี้เราต้องขอบคุณฟางหยวน หากเขาไม่เอาชนะวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่กว้านซื้อทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาในสวรรค์สีเหลือง”

 

ฮวาตี้พยักหน้าและถอนหายใจ “ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงไปแล้ว เขาสามารถควบคุมเกาะบัวหิน วังสวรรค์พบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ การสูญเสียของพวกเขารุนแรมาก”

 

เฟิงเจียงกล่าวด้วยความกังวล “ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป วังสวรรค์ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง พลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้น โลกทั้งใบกําลังถูกคุกคามโดยเขา”

 

ฮวาตี้ยิ้ม “เฟิงเจียง เจ้ากังวลมากเกินไป โลกนี้กว้างใหญ่ พวกเราจะพบเขาได้อย่างไร? แม้สวรรค์จะถล่มแผ่นดินจะพังทลาย พวกเราเพียงเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆเท่านั้น”

 

ครั้งนี้ฟางหยวนใช้เกาะบัวหินสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับวังสวรรค์ แน่นอนว่าเขาไม่พลาดโอกาสที่จะปล่อยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวรรค์สีเหลืองเพื่อให้ผู้คนทั้งโลกรับรู้

 

ด้วยวิธีนี้ชื่อเสียงของฟางหยวนจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้งขณะที่ชื่อเสียงของวังสวรรค์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

เป็นธรรมดาที่ฮวาตี้และเฟิงเจียงจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้

 

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือฟางหยวนปลอมตัวเป็นชูอิงเข้าใกล้พวกเขามานานแล้ว เขายังเคยช่วยชีวิตคนทั้งสองเอาไว้

 

เสี่ยวหมิงเฉินถอนหายใจ เขาเก็บซ่อนความทะเยอทะยานเอาไว้ในใจมาตลอด เขาไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตธรรมดา มิฉะนั้นเขาจะไม่สร้างเครือข่ายมากมายเช่นนี้

 

ในฐานะผู้อมตะที่มีความทะเยอทะยาน เขารู้สึกซับซ้อนเมื่อได้ยินว่าความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มขึ้น

 

เมี่ยวหมิงเฉินบ่มเพาะมานานเท่าใด?

 

หลายร้อยปี!

 

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมี่ยวหมิงเฉินเฝ้ามองการเติบโตของฟางหยวนราวกับละครที่แสดงต่อหน้าเขา

 

เว้นเพียงเขาไม่ใช่ตัวละครหลัก

 

เขากับฟางหยวนต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ฟางหยวนมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดและสามารถควบคุมเกาะบัวหิน สุดท้ายเขาสามารถเอาชนะวังสวรรค์

 

แล้วเมี่ยวหมิงเฉินมีสิ่งใด?

 

เขามองตัวเองและรู้สึกสมเพช!

 

ตอนนี้เขาได้รับเจ็บสาหัส กุ้ยฉีเย่กําลังจะตาย เพิ่งเจียงและฮวาตี้ต่างได้รับบาดเจ็บ ต้นเหตุของเรื่องนี้คือเหรินซิ่วผิง ศัตรูตัวฉกาจของเขา

 

เมี่ยวหมิงเฉินยังตั้งคําถามกับตนเองว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่พยายามขยายเครือข่ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากเขาคิดไม่ผิด เหตุใดเขาจึงจบลงในสภาพนี้?

 

จากนั้นเขาก็นึกถึงบรรพชนทะเลปราณ

 

บรรพชนทะเลปราณจัดงานเลี้ยงทะเลปราณและเชิญผู้อมตะทั้งหมดของทะเลตะวันออก ในความเป็นจริง เสี่ยวหมิงเฉินต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นกันแต่เขาถูกซุ่มโจมตีโดยเหรินซิ่วผิงและสูญเสียโอกาสนั้นไป

 

เสี่ยวหมิงเฉินรู้สึกชื่นชมและอิจฉาบรรพชนทะเลปราณ

 

“หากข้าทําตามบรรพชนทะเลปราณและบ่มเพาะอย่างสันโดษ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่? ข้าจะสามารถหลีกเลี่ยงอุบายของเหรินซิ่วผิงหรือไม่?”

 

เสี่ยวหมิงเฉินกัดฟันและรีบขจัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไป

 

เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนกล่าว “ฟางหยวนมีชีวิตที่ดี เขาได้รับมรดกของเทพหลายคนและไม่ขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะ เขายังเป็นปีศาจต่างโลกและมีวิญญาณกาลเวลา”

 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตามเขาอยู่ห่างไกลจากเรา ตอนนี้เราต้องช่วยกุ้ยฉีเย่เป็นอันดับแรก”

 

เฟิงเจียงและฮวาตี้พยักหน้าเห็นด้วย

 

เมี่ยวหมิงเฉินเชื่อมต่กับสวรรค์สีเหลืองและใช้เข็มเวลาสุดขั้วแลกเปลี่ยนกับน้ําเหลืองใต้พิภพ

 

ธุรกรรมดําเนินไปอย่างราบรื่น

 

ครั้งนี้วังสวรรค์พบความสูญเสียครั้งใหญ่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมากเพื่อสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขึ้นมาอีกครั้ง กล่าวได้ว่าความต้องการของพวกเขายิ่งมากกว่าชีวิตก่อนหน้า

 

ด้วยเหตุนี้เสี่ยวหมิงเฉินจึงได้รับน้ําเหลืองใต้พิภพมาอย่างรวดเร็ว

 

แน่นอนว่าเขาไม่รู้สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง

 

จากนั้นเลี้ยวหมิงเฉินก็ใช้น้ําเหลืองใต้พิภพกําจัดพิษออกจากร่างของกุ้ยฉีเย่

 

กุ้ยฉีเย่ค่อยๆตื่นขึ้นและขอบคุณเมื่ยวหมิงเฉิน

 

เสี่ยวหมิงเฉินกล่าวให้กําลังใจขณะที่ดวงตาของกุ้ยฉีเย่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความซาบซึ้ง

 

หลังจากพักหายใจ ทั้งสี่ก็เริ่มคิดว่าพวกเขาจะรอดจากสถานการณ์นี้และจัดการกับเหรินซิ่วผิงได้อย่างไร

 

แต่พวกเขาเพียงสี่คนยังไม่พอ

 

เหรินซิ่วผิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งทาส เขาสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากได้ด้วยตัวเขาเพียงลำพัง เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่ากลุ่มของเมี่ยวหมิงเฉิน

 

กุ้ยฉีเย่คิดก่อนกล่าว “เหตุผลที่เหรินซิ่วผิงโจมตีพวกเราเพราะนายท่านมีวิธีเข้าสู่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เราควรใช้ความลับนี้เพื่อเชิญพันธมิตรเข้าไปสํารวจ หากเราล่าช้าเหรินซิ่วผิงจะกระจายข่าวออกไป ผู้คนจะหันมาหาพวกเรา”

 

เมี่ยวหมิงเฉินพยักหน้าเห็นด้วย

 

แม้เขาจะไม่ชอบวิธีนี้แต่เขาไม่มีทางเลือก

 

เกี่ยวกับความลับของวาฬมังกรฟ้า ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใดมันก็ยิ่งดีเท่านั้น น่าเสียดายที่เหรินซิ่วผิงรู้ความลับนี้ และวางแผนต่อต้านเดี่ยวหมิงเฉิน

 

ตามวิธีการของกุ้ยฉีเย่ ไม่เพียงเมี่ยวหมิงเฉินจะได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรในการต่อสู้กับเหรินซิ่วผิง พวกเขายังสามารถร่วมมือกันสํารวจวาฬมังกรฟ้าและอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่าง

 

ในสถานการณ์นี้เมี่ยวหมิงเฉินต้องละทิ้งผลประโยชน์บางส่วนและแบ่งปันความลับกับบางคน

 

คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า หลังจากพูดคุย พวกเขาตัดสินใจเลือกพันธมิตรรวมถึงชอิง

 

ฟางหยวนได้รับคําเชิญขณะที่เขาอยู่ในงานเลี้ยงทะเลปราณ

 

ในช่วงเวลานี้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่มีชื่อเสียงยังเดินทางมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง

 

หนึ่งในนั้นคือผู้อมตะเต่ามังกรซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะลตะวันออก

 

บุคคลที่มีชื่อเสียงทุกประเภทปรากฏตัวขึ้น จวินเฉินกวงลอบเก็บข้อมูลอย่างลับๆ ในความเป็นจริงภาคใต้ ภาคเหนือ ทะเลทรายตะวันตกก็ส่งสายลับมาเก็บรวบรวมข้อมูลเช่นกัน

 

แม้นจะเป็นงานเลี้ยงทะเลปราณครั้งแรกแต่มันก็ส่งอิทธิพลต่อทั้งห้าภูมิภาคเรียบร้อยแล้ว

 

ทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยทรัพยากร ดังนั้นวิญญาณอมตะจึงถูกนําออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

 

การแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะจะทําให้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกแข็งแกร่งขึ้น นี่ทําให้จวินเฉินกวงและ สายลับจากภูมิภาคอื่นรู้สึกถึงแรงกดดัน

 

หากฟางหยวนต้องการวิญญาณอมตะหรือทรัพยากรอมตะ เขาจะให้จางหยินออกหน้า

 

เขานิ่งเฉยและทําตัวเหมือนฉากหลัง แต่มันเป็นฉากหลังที่ไม่มีผู้ใดสามารถเพิกเฉย

 

“ถึงเวลาแล้ว งานเลี้ยงทะเลปราณจะจบลงตรงนี้” ฟางหยวนเปิดปากกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน

 

กลุ่มผู้อมตะรู้สึกสับสน เหตุใดมันจึงจบลงอย่างกะทันหัน?

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “หากเราทําธุรกรรมทั้งหมด มันจะใช้เวลานานเท่าใด ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่มีเรื่องสําคัญรออยู่ เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไป ข้าจะจัดงานเลี้ยงทะเลปราณขึ้นทุกปี แล้วเราจะพบกันอีก”

 

ความจริงก็คือเขามีสิ่งสําคัญที่ต้องทํา คนเหล่านี้ควรหลีกทางให้เขา

 

แม้ผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะไม่มีความสุข แต่พวกเขาไม่กล้าต่อต้านบรรพชนทะเลปราณ

 

ทุกคนลุกขึ้นและเริ่มกล่าวลา

 

ซ่งฉีหยวนและคนอื่นๆจากไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นํากองกําลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ พวกเขามีงานมากมายที่ต้องดูแล ในความเป็นจริงคํากล่าวของฟางหยวนเหมือนเสียงสวรรค์สําหรับพวกเขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+