Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 968

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 968 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 968 ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ

แปลโดย iPAT 

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อถอนหายใจ “เจตจำนงสวรรค์ไม่มีร่างกายภาพ มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้เจ้าจะทำลายเจตจำนงสวรรค์บางส่วน มันก็จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างไม่รู้จบสิ้น”

 

ผู้อมตะหนุ่มมึนงง “เช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?”

 

“สิ่งที่เรากำลังทำคือการท้าทายสวรรค์ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของเรา หลังจากเตรียมตัวมานับแสนปี เราจะระเบิดพลังออกมาในที่สุด แต่ตอนนี้เราต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและไม่ให้เวลาสวรรค์ได้เตรียมตัว นี่จะทำให้เราได้รับชัยชนะ”

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อชี้นิ้วออกไป “ค่ายกลวิญญาณผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสองที่เราสร้างขึ้นปิดผนึกผู้อมตะภาคใต้เอาไว้ภายใน แต่สิ่งนี้จะอยู่ได้ไม่นาน”

 

“ต่อไปข้ากับผู้อมตะคนอื่นๆจะสังเวยชีวิตของตนเพื่อสนับสนุนค่ายกลวิญญาณ ด้วยวิธีนี้ค่ายกลวิญญาณจะสามารถแสดงพลังอำนาจได้เก้าสิบส่วน ในขั้นตอนสุดท้าย ผู้อมตะภาคใต้จะไม่มีโอกาสหลบหนี”

 

“ทรงพลังนัก!” ผู้อมตะหนุ่มจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อข้าจากไป เจ้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเรา เจ้าจงจำเอาไว้ว่าเจ้าถือกำเนิดขึ้นในอาณาจักรแห่งความฝันและมีอายุขัยเพียงสิบแปดชั่วโมง ทุกๆสองชั่วโมงการบ่มเพาะของเจ้าจะสูงขึ้นหนึ่งระดับ ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับเจ็ด เจ้าเหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมง ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าใด เจ้าก็เข้าใกล้ความตายมากเท่านั้น เมื่อเจ้าบรรลุระดับเก้า จะไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านเจ้า”

 

“ระดับเก้าทรงพลังถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?” ผู้อมตะวัยเยาว์กล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมย

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหัวเราะเบาๆ “แน่นอน ระดับเก้าคือขีดจำกัด มันอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ไม่มีระดับสิบ ดังนั้นผู้อมตะระดับเก้าก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด”

 

“ข้ามีชีวิตเหลืออีกเพียงสี่ชั่วโมง มันสั่นเกินไปหรือไม่? หลังจากสี่ชั่วโมงข้าจะตายงั้นหรือ? แล้วความตายคือสิ่งใด?” ผู้อมตะวัยเยาว์ถาม

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่ออธิบายอย่างอดทน “ทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้ว สี่ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แม้แผนการของเราจะล้มเหลว แต่เส้นทางชีวิตของเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง”

 

“สำหรับความตาย…”

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหยุดก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้ง “ความตายคือจุดเริ่มต้นของชีวิต”

 

ผู้อมตะวัยเยาว์เกาศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อสูดหายใจลึกก่อนจะมองไปยังสถานที่ที่ห่างออกไป

 

ดวงตาของเขากลายเป็นสีดำมืดและไม่มีส่วนสีขาวเหลืออยู่

 

ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาคือ ฟางหยวน ไป่หนิงปิง ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ ผู้อมตะวังสวรรค์ ผู้อมตะภาคใต้ ภูเขาอี้เทียน สนามรบแห่งความโกลาหล และอื่นๆ

 

“ถึงเวลาแล้ว” ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อกล่าว “แต่ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าจะใช้อายุขัยที่เหลืออยู่อนุมานสิ่งที่จะเกิดขึ้น เจ้าจงจดจำเอาไว้ให้ดี”

 

หลังกล่าวจบคำ พลังชีวิตของเขาก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความสับสน งุนงง และหวาดกลัว

 

เขาหันหน้าไปทางผู้อมตะวัยเยาว์อย่างยากลำบากด้วยดวงตาที่ซับซ้อน

 

ริมฝีปากของเขากระตุกสองสามครั้งและพยายามกล่าวบางคำ “หนึ่งใน…พวกเรา…ระวัง…ล้มเหลว…”

 

เขาเปิดเผยความลับสวรรค์ขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มสูญสลายกลายเป็นฝุ่นผงปลิวไปตามสายลม

 

ดวงวิญญาณของเขาถูกดูดซับเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอย่างสมบูรณ์

 

ไม่เพียงผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อแต่ผู้อมตะชุดคลุมดำอีกหลายคนก็สละชีวิตไปพร้อมกัน

 

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบปลดปล่อยพลังอำนาจเก้าสิบส่วนออกมาทันที

 

รัศมีแสงปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

กระทั่งภัยพิบัติสวรรค์พิภพก็ยังดูอ่อนแรงลง

 

เผชิญหน้ากับรัศมีแสงสุดขั้ว กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ต้องปิดเปลือกตาลงอย่างช่วยไม่ได้

 

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้จึงสามารถเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

 

พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยพลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณ

 

ผู้อมตะสิบคนยืนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศและปิดล้อมกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เอาไว้ทุกด้าน

 

เก้าในสิบผู้อมตะอยู่ในชุดคลุมดำขณะที่คนสุดท้ายคือผู้อมตะวัยเยาว์ อิงอู๋เซี่ย

 

เขาพึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบสี่ชั่วโมงก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“ค่ายกลวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นงั้นหรือ?”

 

ก่อนหน้านี้ภายใต้สายฝนแห่งภัยพิบัติ ค่ายกลวิญญาณเกิดการสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ตอนนี้มันกลับแข็งแกร่งและมั่งคงราวกับขุนเขา

 

ตระหนักถึงสิ่งนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของผู้อมตะภาคใต้จะจมดิ่งลง

 

ผู้อมตะระดับแปดเหรินไห่หยางหยุดปกป้องผู้อมตะระดับหกและตัดสินใจโจมตีค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ

 

“ตาย!” เขาคำรามและส่งคลื่นน้ำพุ่งออกจากความว่างเปล่าเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือด

 

“ปกป้องเขา!” ผู้อมตะระดับแปดอีกสามคนพยายามสกัดกั้นภัยพิบัติที่ร่วงหล่นลงมาเหนือศีรษะเหรินไห่หยาง

 

เหรินไห่หยางหัวเราะและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอีกครั้ง

 

คลื่นยักษ์พุ่งออกไปราวกับสัตว์ร้ายที่อ้าปากและกำลังจะกลืนกินสวรรค์พิภพเข้าไป

 

อิงอู๋เซี่ยต้องการเผชิญหน้าแต่ถูกหยุดไว้โดยผู้อมตะชุดคลุมดำที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าอยู่ที่นี่ อย่าเคลื่อนไหวโดยประมาท เขาสามารถจัดการมัน”

 

ผู้อมตะชุดคลุมดำผู้หนึ่งส่งเปลวเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

คลื่นน้ำที่ซัดสาดเข้ามาระเหยกลายเป็นไอน้ำทันที

 

“พลังชนิดนี้…ข้าแทบไม่สามารถต่อต้านมัน” ผู้อมตะชุดคลุมดำรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

ด้วยการปะทะเดือด ชุดคลุมสีดำจึงถูกทำลายและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของผู้อมตะลึกลับผู้นี้

 

รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง เขาจำคนผู้นี้ได้!

 

ผู้อมตะภาคใต้อุทานด้วยความประหลาดใจ “ผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์!”

 

ตัวตนของคนผู้นี้ก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ที่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้ร้อยวันในหุบเขาเหล่าโป หลังจากถูกจับกุมโดยปีศาจอมตะเซี่ยหู นางมารผลาญสวรรค์และผีดิบอมตะคนอื่นๆจึงถูกส่งตัวไปที่ภาคเหนือเพื่อช่วยเหลือเขา

 

ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่

 

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มคนที่ต่อต้านผู้อมตะภาคใต้ก็คือกองกำลังพันธมิตรผีดิบ ไม่! เป็นไปไม่ได้! หากเป็นกองกำลังพันธมิตรผีดิบ นางมารผลาญสวรรค์จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? บางที…’

 

นิกายเงา!

 

คำนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนทันที

 

ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น สถานการณ์เลวร้ายมาก กล่าวได้ว่าสถานการณ์ของเขาไม่ต่างจากผู้อมตะภาคใต้ที่ติดอยู่ที่นี่

 

การโจมตีของเหรินไห่หยางล้มเหลว เขาทำได้เพียงถอนหายใจและล่าถอยเท่านั้น

 

ภัยพิบัติที่ร่วงหล่นลงมายังไม่หยุด พวกเขาไม่แม้แต่จะมีเวลาพักและฟื้นฟูความแข็งแกร่ง

 

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้อมตะระดับหกเสียชีวิตไปหลายคน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังแทบไม่สามารถดูแลตนเอง

 

ผู้อมตะระดับหกที่เย่อหยิ่งและยืนอยู่บนที่สูงกลับไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติ พวกเขาไม่ต่างจากลูกไก่ที่อยู่ในกำมือของสวรรค์

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของตนเอง หากประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาอาจถูกหายนะกลืนกินเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบกลับสามารถอดทนต่อภัยพิบัติเหล่านี้ได้โดยไม่สั่นไหว

 

ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ผู้อมตะทั้งหมดยอมละทิ้งความเกลียดชังก่อนเก่าและทำงานร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ

 

ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักถึงทางออกสุดท้าย

 

นั่นก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล!

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มีพลังป้องกันที่ไม่ธรรมดา มันสามารถต่อต้านภัยพิบัติและปกป้องกลุ่มผู้อมตะทั้งหมด

 

กล่าวได้ว่ามันคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่!

 

แม้เขตต้องข้ามจะกีดขวางผู้อมตะภาคใต้แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณอมตะมากนัก อย่างน้อยพวกมันก็ยังเหนือกว่าวิญญาณระดับมนุษย์

 

“ร่วมมือกันทำลายภูเขาอี้เทียนและยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล!” ผู้อมตะเจียอี้ตะโกน

 

อย่างไรก็ตามบุคคลที่ยังมีพลังเหลือยู่มีเพียงผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่เท่านั้น

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดอยู่ในสภาพที่น่าอนาถและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

ผู้อมตะระดับแปดร่วมมือกันโจมตีภูเขาอี้เทียน แต่ภูเขาอี้เทียนกลับไม่ได้รับผลกระทบ

 

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบสามารถป้องกันการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์

 

ความพยายามของผู้อมตะระดับแปดกลายเป็นไร้ประโยชน์

 

ดวงตาของพวกเขาส่องประกายดุร้ายและยังพยายามโจมตีต่อเนื่อง

 

แต่บนภูเขาอี้เทียนยังเป็นฉากที่เงียบสงบ

 

มนุษย์ทุกคนถูกขังไว้ในที่มืดโดยไม่รู้สิ่งใดเลย

 

ฟางหยวนจ้องมองท้องฟ้าด้วยการแสดงออกที่หนักหน่วง

 

‘ในชีวิตก่อนหน้าของข้ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่? ไม่มีผู้ใดรู้ว่าความตายอยู่เหนือศีรษะของพวกเรา ใจเย็น ข้าต้องใจเย็น’

 

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและปัดเป่าความกังวลออกไปก่อนที่จะเริ่มไตร่ตรองเรื่องต่างๆอย่างลึกซึ้ง

 

‘แม้ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานจะสามารถเข้าร่วม แต่ค่ายกลวิญญาณนี้ตัดขาดโลกภายนอกและภายใน มันกระทั่งปิดกั้นวิธีการสื่อสารทุกชนิดของข้า!’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด