Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน 977

Now you are reading Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน Chapter 977 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 977 วิญญาณทาสอมตะ

แปลโดย iPAT 

 

ท้องฟ้าส่องประกายสีเขียวอ่อน สายลมพัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา

 

เมืองขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ

 

นี่คือบ้านของเผ่ามนุษย์วิหค เมืองบนท้องฟ้าที่ถูกเรียกว่าเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ธงสีรุ้งถูกแขวนไว้ทั่วเมือง เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

มนุษย์วิหครวมตัวกันอยู่ในสนามประลองแห่งหนึ่งและกำลังเฝ้าชมการแข่งขันที่สำคัญ

 

ราชามนุษย์วิหคคนก่อนหน้าเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะคัดเลือกราชาองค์ต่อไปผ่านการต่อสู้

 

แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันต้องได้รับการยอมรับจากมนุษย์วิหคทั้งหมด

 

มนุษย์วิหคไม่ต้องการราชาที่โหดร้ายแต่ต้องการวีรบุรุษที่มีเมตตา

 

ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันจึงต้องเป็นคนดีและเคยสร้างคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ในประวัติศาสตร์ มีราชามนุษย์วิหคที่โหดร้ายอยู่น้อยมาก อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุร้ายใดขึ้น เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ยังมีผู้อมตะสามคนคอยดูแลอยู่

 

ผู้ชมหลายหมื่นคนกำลังเฝ้ามองเด็กหนุ่มสองคนต่อสู้กันอยู่บนลานประลอง

 

“หยูเฟย ยอมแพ้ซะ ข้าเป็นองค์ชายของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะสืบทอดบัลลังก์และปกป้องเกียรติยศของตระกูลตัน!” มนุษย์วิหควัยเยาว์ที่มีปีกสีทองตะโกน

 

นี่เป็นการต่อสู้รอบสุดท้าย

 

ผู้ชนะจะได้เป็นราชาองค์ใหม่

 

จากสถานการณ์ปัจจุบัน องค์ชายรูปงามเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ตอนนี้เขาบินอยู่บนท้องฟ้าและใช้การโจมตีระยะใกล้

 

คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเด็กหนุ่มปีกสีดำ เขาวิ่งอยู่บนพื้นและพยายามหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

 

“ตันหยู! ตันหยู!” ผู้ชมส่งเสียงให้กำลังใจองค์ชายรูปงามดังขึ้นเรื่อยๆ

 

สถานการณ์ชัดเจนมาก

 

หยูเฟยอยู่ในสภาพที่น่าอนาถขณะที่องค์ชายตันหยูใช้ยุทธวิธีที่หลากหลายและทรงพลัง

 

“เจ้าต้องการให้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ ข้าจะเป็นราชาคนใหม่!” หยูเฟยตะโกนก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกศร

 

“อันใด? เจ้ายังมีพลังเหลืออยู่งั้นหรือ?” ตันหยูตกใจและเร่งล่าถอยออกไปแต่หยูเฟยกลับร่วงลงจากอากาศโดยไม่สามารถเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้

 

“หยูเฟย ปีกของเจ้าถูกข้าตัดออกไปแล้ว เจ้ายังคิดต่อต้านอีกงั้นหรือ?” ตันหยูเย้ยหยัน

 

หยูเฟยเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาส่องประกาย “มันยังไม่จบ ดูท่าไม้ตายของข้า บอลลอยฟ้า!”

 

หยูเฟยอ้าปากดูดอากาศจำนวนมากเข้าไปทำให้ร่างกายพองโตราวกับบอลลูนและเริ่มลอยขึ้น

 

ผู้ชมเงียบกริบก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

ร่างบอลลูนของหยูเฟยน่าขันเกินไป

 

กระทั่งตันหยูก็ยังตกตะลึงก่อนจะรู้สึกผ่อนคลายลง “สมกับเป็นท่าไม้ตายของเจ้า แต่การเป็นตัวตลกไม่สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นราชา รับท่าไม้ตายของข้า พายุดาบ!”

 

ตันหยูสะบัดมือทั้งสองข้างส่งดาบสายลมออกไปขณะที่หยูเฟยยังลอยขึ้นอย่างช้าๆ

 

ผู้ชมรู้สึกตกใจ พวกเขาเข้าใจพลังอำนาจของพายุดาบเป็นอย่างดี หากหยูเฟยถูกโจมตี เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งเสียชีวิต

 

แต่ในจังหวะนี้ดวงตาของหยูเฟยกลับส่องประกายขึ้น เขาพบโอกาสพลิกสถานการณ์ในที่สุด

 

หยูเฟยหันหลังแบะอ้าปากพ่นลำแสงสีเงินออกมาเพื่อผลักดันให้ร่างของเขาพุ่งเข้าหาตันหยูด้วยความเร็วสูง

 

“นี่…” ตันหยูตะลึง

 

ร่างกายของหยูเฟยหดเล็กลงและสามารถหลบดาบสายลมที่พุ่งเข้ามา

 

ตันหยูต้องการล่าถอยแต่มันสายเกินไปแล้ว

 

“เจ้ากำลังจะไปที่ใด หากเป็นลูกผู้ชายก็มาสู้กับข้าด้วยหมัดของเจ้า!” หยูเฟยตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าจับขาของตันหยูเอาไว้

 

ท่าไม้ตายโซ่เถาวัลย์!

 

ขาของหยูเฟยกลายเป็นอ่อนนิ่มราวกับเถาวัลย์รัดรอบเอวของตันหยู

 

ตันหยูไม่สามารถหลบหนี เขาทำได้เพียงป้องกันตัวเท่านั้น

 

ท่าไม้ตายคอกระเรียน!

 

ศีรษะของหยูเฟยเปลี่ยนเป็นศีรษะนกกระเรียน ลำคอนกกระเรียนพุ่งเข้ารัดพันลำคอของตันหยูเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

จงอยปากนกระเรียนจิกไปที่ศีรษะของตันหยูและส่งเสียงดังราวกับเหล็กปะทะกัน

 

แม้ตันหยูจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่การปะทะครั้งนี้ยังทำให้รู้สึกมึนงง

 

ท่าไม้ตายกังหันลมหกเก้า!

 

ร่างทั้งสองเกี่ยวพันกันราวกับกังหันลมที่กำลังพุ่งลงสู่พื้น

 

ผู้ชมอุทานด้วยความตกใจ

 

ตันหยูรู้สึกวิงเวียนศีรษะและไม่สามารถตอบสนอง

 

ขณะที่พวกเขากำลังจะปะทะพื้น หยูเฟยกลับถอนตัวออกไปและเหลือเพียงตันหยูที่พุ่งกระแทกพื้นอย่างแรง

 

เสียงดังขึ้นพร้อมกับเศษหินเศษดินที่ระเบิดออกไปรอบๆ ตันหยูนอนหมดสติอยู่บนพื้น

 

เงียบกริบ!

 

ทุกคนตกใจกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดนี้จนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา

 

มีเพียงเสียงหอบหายใจของหยูเฟยเท่านั้นที่ดังขึ้น

 

หลังจากไม่นานผู้อาวุโสผู้ดูแลการแข่งขันจึงประกาศด้วยความอึดอัดใจ “ผู้ชนะคือหยูเฟย เขาคือราชาองค์ใหมของพวกเรา!”

 

“ในที่สุดข้าก็ทำได้!” หยูเฟยชูหมัดขึ้นกลางอากาศด้วยความตื่นเต้น

 

เสียงตะโกนเรียกชื่อหยูเฟยดังขึ้นทันที

 

“หยูเฟย หยูเฟย หยูเฟย…”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หยูเฟยหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข

 

อีกด้านหนึ่งตันหยูถูกนำตัวออกจากสนามประลองเพื่อเข้ารับการรักษา

 

ในส่วนลึกของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะสามคนลอบสื่อสารกัน

 

“ราชาของยุคนี้ค่อนข้างพิเศษ เขาแตกต่างจากราชาคนอื่นๆ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาค่อนข้างน่าสนใจ”

 

“ดูเหมือนเขาจะมีความทะเยอทะยาน เขาต้องการขยายอาณาจักรของเรา แต่หลังจากเขากลายเป็นราชา เขาจะเติบโตขึ้น”

 

หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หยูเฟยจะเป็นราชาของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหลายร้อยปี

 

แต่ในเวลาต่อมาอุบัติเหตุครั้งใหญ่กลับปะทุขึ้น

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดขึ้นในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์อย่างกะทันหัน

 

“อา…” หยูเฟยเสียหลักล้มลงบนพื้น

 

“ดูนั่น นี่…นี่คือ…” บางคนพบสิ่งผิดปกติและชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

เมื่อทุกคนเงยศีรษะขึ้น พวกเขาจึงพบกับรอยแยกของห้วงมิติที่ปรากฎขึ้นกลางอากาศ

 

จากรอยแตก เงาร่างหลายสายบินออกมา

 

ผู้อมตะทั้งสามของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ตอบสนองโดยการบินมาเผชิญหน้ากับศัตรูทันที

 

“ศัตรูบุก!”

 

“ส่งเสียงเตือนภัย ปกป้องบ้านของพวกเรา!”

 

“ผู้ใช้วิญญาณไปรวมตัวกันที่ศูนย์กลางค่ายกลวิญญาณและเปิดใช้กำแพงป้องกันเมือง”

 

ทั้งเมืองตกสู่ความโกลาหล

 

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์สงบสุขมานาน พวกเขาตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ นี่จึงทำให้การป้องกันของพวกเขาหละหลวม ขณะเดียวกันราชาองค์ใหม่ก็พึ่งถูกแต่งตั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสั่งการกองกำลังทหารและจัดการได้อย่างเหมาะสม

 

“เหตุใดพวกเจ้าจึงบุกมาที่นี่?”

 

“โปรดออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

“พวกเรารักความสงบและไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกแต่พวกเรายังมีความแข็งแกร่ง”

 

ผู้อมตะทั้งสามแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

 

กลุ่มผู้บุกรุกไม่สนใจพวกเขาแต่รอรับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่ม

 

หัวหน้ากลุ่มผู้บุกรุกเป็นผู้อมตะชราที่มีร่างกายซูบผอม เขาคาดศีรษะด้วยผ้าสีขาวและสวมชุดสีขาว

 

“โจมตี!” ผู้อมตะชราออกคำสั่ง

 

“รับทราบ ท่านจ้าวสมุทรขาว” ผู้อมตะคนอื่นๆ ตอบรับ

 

การต่อสู้ปะทุขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคสามคน สองคนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและอีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหก แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านศัตรูจากภายนอก

 

กลุ่มของจ้าวสมุทรขาวโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยท่าไม้ตายทุกประเภท

 

ชัดเจนว่าพวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 

มนุษย์วิหคอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขมาอย่างยาวนาน ตอนนี้เมื่อพวกเขาถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ผู้อมตะทั้งสามก็เช่นกัน พวกเขาสูญเสียโอกาสหลบหนีที่ดีที่สุดไปแล้ว

 

สองวันต่อมา

 

“บึม!”

 

สายฟ้าฟาดลงมายังกำแพงเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

กำแพงเมืองพังทลายลงทันที วิญญาณจำนวนมากบินกระจัดกระจายกันออกไป

 

ผู้ใช้วิญญาณที่ปกป้องกำแพงเมืองไม่สามารถต่อต้านและล้มลงเสียชีวิตอยู่บนพื้น

 

แสงสีเขียวพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มฝุ่นควัน

 

“บัดซบ!” หลังจากการต่อสู้ดำเนินมาสองวันสองคืน ดวงตาของผู้อมตะมนุษย์วิหค จ้าวจง กลายเป็นแดงก่ำ

 

เห็นกำแพงเมืองถูกทำลาย เขาจึงรีบมาที่นี่เพื่อปกป้องมัน

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน กำแพงเมืองที่พังทลายลงหมายถึงวิญญาณจำนวนมากถูกทำลายและทำให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะเกิดรูช่วงโหว่

 

หากศัตรูโจมตีมาที่จุดอ่อนนี้ คฤหาสน์วิญญาณอมตะอาจพังทลายลงในที่สุด

 

แม้รูช่วงโหว่จะมีขนาดเล็กแต่มันก็ไม่สามารถถูกเพิกเฉย จ้าวจงเข้ามาปกป้องมันเพื่อซื้อเวลาให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะซ่อมแซมตัวเอง

 

อย่างไรก็ตามเมื่อจ้าวจงมาถึง เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าขนลุก “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตกลงสู่หลุมพรางแล้ว”

 

ทันใดนั้นสองร่างพลันปรากฏขึ้นและยืนอยู่ในสองทิศทางโดยมีจ้าวจงอยู่ตรงกลาง

 

รูช่วงโหว่ทำให้ผู้อมตะสามารถแทรกซึมเข้ามาภายใน

 

“ไร้ยางอาย!” จ้าวจงคำรามด้วยความโกรธหลังจากถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะทั้งสองและได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“ผนึก!” เสียงของผู้อมตะบางคนดังมาจากนอกเมือง

 

หลังจากนั้นจ้าวจงรู้สึกราวกับถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกที่มองไม่เห็น

 

ผู้อมตะสองคนที่อยู่ด้านข้างหัวเราะและโจมตีจ้าวจงทันที

 

จ้าวจงพ่นเลือดคำโตออกมาขณะพุ่งถอยหลังไปราวกับลูกปืนใหญ่ เขากระแทบสิ่งปลูกสร้างมากมายก่อนจะล้มลงและนอนนิ่งอยู่บนซากปรักหักพัง

 

เขาพยายามดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมด แต่ด้วยผลกระทบของท่าไม้ตายปิดผนึกของฝ่ายตรงข้าม เขาจึงไม่สามารถขยับเขยื้อน

 

จ้าวจงรู้สึกสูญสิ้นความหวังเมื่อศัตรูเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

“จ้าวจง อดทนไว้ ข้ามาแล้ว!” ในช่วงเวลาสำคัญ ร่างกำยำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์!

 

แม้ผู้บุกรุกทั้งสองจะร่วมมือกันแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งผู้นี้

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด ตอนนี้เขาโจมตีด้วยความโกรธ พลังอำนาจของมันจึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

ผู้บุกรุกทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกบังคับให้ล่าถอย

 

“เจิ้งหลิง ทำได้ดี!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งตะโกน

 

ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ซ่อมแซมตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผู้บุกรุกทั้งสองจึงติดอยู่ภายใน

 

แต่ในจังหวะที่ผู้บุกรุกทั้งสองกำลังจะถูกสังหารโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง พวกเขากลับเผยรอยยิ้มราวกับแผนการของพวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว

 

ในเวลาเดียวกันผู้บุกรุกอีกสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นล้อมกรอบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเอาไว้

 

“เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือเจ้า! ตาย!” ผู้นำกลุ่มคนเหล่านี้ก็คือจ้าวสมุทรขาว

 

กลิ่นอายระดับแปดของเขาปะทุออกมา

 

ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเผ่ามนุษย์วิหคกลายเป็นซีดเผือด เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยไม่คาดคิด

 

“บัดซบ!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคระดับเจ็ด เจิ้งหลิง ที่กำลังบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะรู้สึกกังวลและปลดปล่อยพลังอำนาจของมันออกมาทันที

 

ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้ที่ร้อนแรง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่หยูเฟยเดินเข้าไปหาจ้าวจงที่นอนอยู่บนพื้นและตะโกน “ท่านบรรพชน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“ราชาคนใหม่ที่พึ่งสวมมงกุฎ…” จ้าวจงถอนหายใจขณะมองไปที่หยูเฟย

 

เขาตะโกนต่อ “ถอยออกไป การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถเข้าร่วม!”

 

แต่หยูเฟยกลับไม่สนใจและยังมุ่งหน้าเข้าไปหาจ้าวจงพร้อมกับกระตุ้นใช้วิญญาณ “ท่านบรรพชน ให้ข้าช่วนท่าน!”

 

จ้าวจงรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของหยูเฟยและไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีก

 

แต่บาดแผลบนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า แล้วพวกมันจะถูกรักษาโดยผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ได้อย่างไร

 

“หือ?” จ้าวจงรู้สึกผิดปกติ

 

“เจ้าไม่ใช่หยูเฟย! เจ้า…” จ้าวจงต้องการขัดขืนแต่เขายังไม่สามารถขยับเขยื้อน

 

ก่อนที่เขาจะสามารถขอความช่วยเหลือ ฟางหยวนก็ปิดผนึกเสียงของเขาเรียบร้อยแล้ว

 

ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะลอบเข้ามาในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ

 

เนื่องจากพลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก มันจึงไม่สามารถตรวจจับการคงอยู่ของเขา

 

ฟางหยวนรอคอยโอกาสที่ดีที่สุดและปลอมตัวเป็นหยูเฟยเพื่อเข้าประชิดตัวจ้าวจง

 

ตอนนี้เขากำลังกระตุ้นใช้วิญญาณทาสอมตะอย่างเงียบๆ!

 

จ้าวจงพยายามต่อต้านแต่หลังจากไม่นานเขาก็กลายเป็นทาสของฟางหยวน

 

‘ข้าประสบความสำเร็จ!’ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นและเหนื่อยล้าในเวลาเดียวกัน

 

เขาออกคำสั่งแรกกับจ้าวจง “ไปควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะแทนเจิ้งหลิง”

 

“รับทราบ” จ้าวจงนำร่างที่ได้รับบาดเจ็บของตนค่อยๆบินเข้าสู่ใจกลางเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

“ท่านเจิ้งหลิง โปรดไปช่วยผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเอง” จ้าวจงเรียกร้อง

 

เจิ้งหลิงรู้สึกมีความสุข เขาเห็นด้วยกับความคิดนี้ แม้เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ศัตรูมากมายได้เข้ามาแล้ว ขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจของมันได้อย่างเต็มที่

 

ดังนั้นแทนที่จะใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะดีกว่าหากเขาเข้าสู่การต่อสู้และเป็นกำลังเสริมให้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง

 

“อาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นแล้วง้้นหรือ?” เจิ้งหลิงเริ่มเคลื่อนไหวแต่ยังลังเล

 

“ไปเร็ว! แม้ข้าจะตาย ข้าก็จะปกป้องคฤหาสน์วิญญาณอมตะจนถึงที่สุด!” จ้าวจงตะโกนด้วยร่างกายที่อาบย้อมไปด้วยเลือด

 

“เอาล่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ อดทนไว้!” เจิ้งหลิงพยักหน้าก่อนจะทะยานร่างออกไปราวกับสายฟ้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด