Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 10 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 10 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10)

 

ซวีเฉิงเยว่กำลังเรียนอยู่ในคณะบริหาร  ด้วยว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซวี  แน่นอนว่าเธอย่อมเป็นทายาทผู้สืบทอดบริษัทของตระกูลซซีทั้งหมดโดยชอบธรรม   ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงจำเป็นสำหรับเธอเป็นอย่างมาก

 

อาจจะเป็นเพราะว่าเธอได้รับพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจมาจากคุณพ่อซวี  เกรดของซวีเฉิงเยว่จึงจัดว่าอยู่ในระดับหัวกระทิของชั้นเรียน  แม้ว่าเธอจะเอาเวลาส่วนใหญ่ไปไล่ตามตื้อหนานกงจิ่ง แต่เกรดของเธอนั้นกลับไม่ตกลงสักนิด

 

เนื่องจากเป็นวันแรกของการเปิดเทอมใหม่  การเรียนการสอนในวันนั้นจึงมีแค่ไม่กี่รายวิชา  ดังนั้นฉีเซิงจึงเริ่มต้นหาหอพักใหม่ของเธอในทันที  แต่อย่างไรก็ตามเธอพบว่าหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยล้วนถูกเช่าไปหมดแล้ว และถ้าหากหอพักอยู่ไกลจนเกินไป  ไม่แน่ว่าเธออาจจะย้ายกลับไปอยู่บ้านก็ได้  เนื่องจากยังหาตัวเลือกที่ถูกใจไม่ได้  เธอจึงทำได้แค่พับแผนการของเธอลงไว้ชั่วคราว

 

ในวันว่างเธอทำได้แค่นอนอ่านหนังสือตลอดทั้งวัน  พวกคนที่รู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องการถอนหมั้นของเธอ  ต่างวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ  พวกเขาคิดว่าเธอคงจะสะเทือนใจอย่างรุนแรง จึงแสดงออกด้วยการตั้งเรียนอย่างบ้าคลั่งเพื่อดับความฟุ้งซ่านของเธอ

 

อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ฉีเซิงที่รู้ว่าเธอไม่ได้อ่านหนังสือเรียนอยู่  แต่เธอนอนอ่านนิยายวายทั้งวัน

 

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นเซี่ยหนิงและอันอัน ก็ถูกกันออกไปจากวงโคจรของเธอเพิ่มมากขึ้น และอาจจะเป็นเพราะการชักนำอย่างไม่ได้ตั้งใจ(?)  ของซูอี้อี้ด้วย  ภาพลักษณ์ของฉีเซิงในสายตาของพวกเธอจึงตกต่ำลงกลายเป็นเพียงแค่อีหนูหิวเงิน

 

“อี้อี้  เธอจะไปงานบอลสุดสัปดาห์นี้ไหม?”  อันอันถามขึ้นหลังจากที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก  เมื่อสังเกตเห็นว่าฉีเซิงอยู่ในห้องด้วยเธอก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบน

 

“อื้อ…รุ่นพี่หลิงชวนฉันไปน่ะ”  ซูอี้อี้ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

 

แม้ว่าหลิงฮ่าวจะเข้าทำงานที่บริษัทของเขาแล้ว  แต่เขาเป็นเพียงพนักงานฝึกงาน ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงอยู่ที่มหาลัยมากกว่า  ยิ่งมีซูอี้อี้อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว  องค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์อย่างเขาย่อมไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหมล่ะ?

 

ทุกๆปีเมื่อเปิดเทอมใหม่  จะมีงานราตรีสองงานถูกจัดขึ้นพร้อมกันโดยทางมหาวิทยาลัย  งานแรกเป็นงานที่ใครก็เข้าร่วมได้  ในขณะที่อีกงานจะเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อได้รับบัตรเชิญเท่านั้น

 

อนุมานอย่างง่ายๆคือ งานแรกจัดขึ้นเพื่อให้นิสิตนักศึกษาที่มีฐานะทางครอบครัวธรรมดาทั่วไป  คล้ายๆกับงานปฐมนิเทศขอทางมหาวิทยาลัย  ในขณะที่อีกอย่างหนึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อนิสิตนักศึกษาที่เป็นทายาทของตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย  ดังนั้นจึงต้องเป็นผู้ที่ได้รับบัตรเชิญหรือเป็นคู่ควงของคนที่ได้รับบัตรเชิญเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมงานได้

 

“ถ้างั้นเธอก็ไม่ได้ไปงานที่หอประชุมฝั่งทิศใต้  พร้อมฉันกับเซี่ยงหนิงใช่ไหม?” สายตาของอันอันส่อแววอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อทั้งเธอและเซี่ยหนิงสามารถเข้าร่วมได้แค่งานเลี้ยงธรรมดาในหอประชุมฝั่งทิศใต้เท่านั้น

 

ซูอี้อี้ยิ้มเจื่อน “รุ่นพี่หลิงเขาชวนฉัน  ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้  ก็เลย………”

 

อันอันโบกมือของเธอ  “รุ่นพี่หลิงเป็นคนดี  อี้อี้เธอต้องจับเขาไว้ให้แน่นๆนะ  ฉันได้ยินมาว่าฐานะทางครอบครัวของรุ่นพี่ไม่เลวเลยในแวดวงสังคมชนชั้นสูง”

 

ใบหน้าของซูอี้อี้แดงก่ำขณะที่เธอพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ออก

 

‘เฮ้!  คุณนางเอก  ทำไมหน้าของเธอถึงแดงขนาดนั้นละห๊ะ?  เธอยังจำรักแท้ของเธอได้ไหม?  เธอยังจำคุณพระเอกได้หรือเปล่าเนี่ย?’

 

ฉีเซิงพลิกหน้าหนังสือนิยายวายในมือของเธออย่างเงียบๆ

 

“อี้อี้  มีของส่งมาถึงเธอด้วยล่ะ”  เซียหนิงเปิดประตูก่อนจะนำกล่องมาวางลงบนเตียงของซูอี้อี้

 

“กล่องใหญ่มากเลย   เธอสั่งซื้ออะไรมาหรอ?”

 

ซูอี้อี้ส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “ฉันไม่ได้สั่งซื้ออะไรเลยน่ะ”

 

“เปิดดูกันเถอะ” อันอันกระตุ้นซูอี้อี้  ซูอี้อี้ทำได้เพียงแค่เปิดกล่องออกต่อหน้าพวกเธอ

 

“สวรรค์!  เป็นชุดราตรีที่สวยอะไรอย่างนี้!”  อันอันอ้าปากค้างกอ่นจะยกมันออกมาจากกล่อง

 

ชุดราตรีสีขาวล้วน มีลายปักสีแดงสะดุดตาตรงกระโปรง และยังมีเข็มขัดอีกเส้นหนึ่งถูกนำออกมาจากกล่อง

 

“รุ่นพี่หลิงเป็นคนส่งมาให้เธอใช่ไหม?  ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเป็นชายในฝันที่ใครๆ  ก็อยากแต่งงานด้วย  อ๊า! ฉันอิจฉาเธอจังเลยอี้อี้……”

 

ซู้อี้อี้ยกยิ้ม  เธอเก็บความภาคภูมิใจในแววตาแทบไม่มิด  เธอส่งสายตาเยาะไปที่ฉีเซิง  ชุดราตรีชุดนี้ไม่ได้ถูกส่งมาหลิงฮ่าวอย่างแน่นอน  เพราะเมื่อคืนเขาเพิ่งให้ชุดราตรีเธอมาชุดหนึ่ง  และตอนนี้มันก็แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอเรียบร้อยแล้ว

 

 

“ซวีเฉิงเยว่  ไม่ใช่ว่าเธอชอบนั่งรถหรูไปไหนมาไหนบ่อยๆไม่ใช่เหรอ?  งานบอลสุดสัปดาห์นี้เธอจะไปไหมล่ะ?”  เมื่ออันอันแสดงออกถึงความอิจฉาต่อซูอี้อี้แล้ว  เธอก็อดจะระบายอารมณ์กับฉีเซิงไม่ได้

 

เห็นเห็นฉีเซิงไม่สนใจ อันอันก็เริ่มพูดถากถางต่อ “อะไรน่ะ?  ไม่มีใครอยากชวนเธอไปงานหรอ?  อย่าไปอิจฉาอี้อี้เลยนะ  คนอย่างเธอคงไม่มีวาสนาที่จะได้ไปร่วมงานเลี้ยงที่หอทางทิศตะวันตกเหมือนกับอี้อี้เขาหรอก”

 

“อันอัน  อย่าพูดอย่างนั้นสิ เฉิงเยว่ต้องได้ไปแน่ๆ”

 

เนื่องจากซวีเฉิงเยว่ไม่เคยเข้าร่วมงานบอลเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา  ดังนั้นซูอี้อี้เลยไม่แน่ใจว่า ซวีเฉิงเยว่ได้รับบัตรเชิญด้วยหรือเปล่า  ดังนั้นเธอจึงต้องปรามอันอันไว้ก่อน

 

“เชอะ   ตราบใดก็ตามที่แม่นี่ไม่ได้เล่นสกปรก  หล่อนไม่มีทางได้ไปหรอก”

 

“ขอโทษนะคะ  ที่ห้องนี้มีคนชื่อซวีเฉิงเยว่อยู่ไหมคะ?”  เด็กสาวคนหนึ่งเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

 

“มีเรื่องอะไร?”  ฉีเซิงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินสาวเท้าไปที่เธอ  เด็กสาวคนนั้นจ้องมองราวกับจะสำรวจว่านี่เป็นตัวจริงหรือเปล่า

 

เมื่อเธอจ้องจนพอใจแล้ว  เธอจึงยื่นถุงใบหนึ่งมาให้ฉีเซิง “พี่เสี่ยวเหว่ยบอกให้ฉันเอานี่มาให้คุณค่ะ”

 

ฉีเซิงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับทันที  เธอขมวดคิ้วพลางถามว่า “เสี่ยวเหว่ยน่ะเหรอ?”

 

 

เด็กสาวคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง  เธอตัวแข็งทื่อก่อนจะรีบพูด “ฉันเอาของมาให้คุณแล้ว  ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ” พูดจบเธอก็รีบวางถุงนั้นลงตรงหน้าของฉีเซิง  แล้วรีบเดินหนีไปทันที

 

ฉีเซิงก้มลงไปเก็บถุงนั้นขึ้นมา  เป็นเวลาเดียวกันกับที่อันอันกระโจนเข้าใส่ฉีเซิงด้วยความโกรธ  ก่อนจะปัดถุงในมือของฉีเซิงกระเด็นออกไป “เธอเป็นพวกเดียวกับเสี่ยวเหว่ย!”

 

เมื่อถุงตกลงพื้น  ปากถุงก็เปิดออก  เผยให้เห็นของที่อยู่ภายใน  นั่นกลับกลายเป็นว่าของที่อยู่ในถุงนั้นเป็นชุดราตรีที่มีหน้าตาคล้ายกับของซูอี้อี้อย่างกับแกะ  อันอันรีบดึงมันขึ้นมาดู  นอกจากไซส์แล้วไม่มีจุดไหนเลยที่ต่างกับชุดของซูอี้อี้

 

“ซวีเฉิงเยว่   อี้อี้ไปทำอะไรให้เธอ  ทำไมเธอต้องไปร่วมมือกับเสี่ยวเหว่ยมาแกล้งอี้อี้ด้วย?”

 

“เฉิงเย่ว….นี่เธอกับเสี่ยวเหว่ย….”  สีหน้าของซูอี้อี้เต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับว่าเธอค้นพบความลับที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

“จินตนาการบรรเจิดกันขนาดนี้  ฉันว่าพวกเธอน่าจะลองไปแต่งนิยายกันดูนะ”  เสี่ยวเหว่ยน่าจะไปรู้มาจากที่ไหนสักที่ว่าซูอี้อี้กำลังจะได้รับชุดแบบไหน  เจ้าหล่อนเลยส่งชุดบ้าๆนี่มาให้เธอ  เพื่อกลั่นแกล้งและข่มขู่ซูอี้อี้  ส่วนซูอี้อี้จะกลัวขนาดไหนก็สุดแล้วแต่จินตนาการของเธอเอง

 

“ซวีเฉิงเยว่  เธอวางแผนจะทำอะไรกันแน่? ถ้าเธอไม่ยอมอธิบายมาให้ชัดเจน  เธอต้องออกไปจากห้องนี้!!”  อันอันประกาศกร้าวใส่หน้าของฉีเซิง  ก่อนจะหันกลับไปปลอบใจซูอี้อี้ “ไม่ต้องกลัวน่ะอี้อี้  ฉันจะปกต้องเธอเอง”

 

เมื่อพบว่ามันดูเป็นเรื่องตลก  ฉีเซิงจึงมองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาราวกับมองคนโง่สองคนกำลังคุยกัน

 

“เธอหัวเราะอะไร?  ฉันจะบอกเธอไว้ตรงนี้เลยนะ  ที่นี่คือมหาวิทยาลัย  อย่าคิดว่าเธอเป็นอีหนูของพวกเสี่ยๆนั่นแล้ว  จะทำให้เธอมีอำนาจจะทำอะไรที่นี่ก็ได้  เธอมันก็แค่ของใช้รอวันทิ้ง!”

 

เพียะ !!!!

 

อันอันตกตะลึงเมื่อเธอโดนตบหน้าโดยที่ไม่คาดฝัน  เวลาผ่านไปสักพักกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบรับ

 

“เธอกล้าตบฉัน!!!”  ครอบครัวของเธอถือได้ว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดีพอสมควร  พ่อแม่ของเธอไม่เคยตีเธอเลยสักแปะ  แต่นังโสเภณีชั้นต่ำคนนี้กลับกล้าตบเธอ

 

“ล้างปากโสโครกของเธอซะบ้างน่ะ   ซูอี้อี้ล่ามคนของเธอไว้ให้ดีๆ  อย่าปล่อยให้ออกไปกัดคนอื่นเขามั่วซั่ว”  ฉีเซิงสะบัดมือของเธอ

 

“ล่าม….ให้ดี?  นังคนชั้นต่ำนี่มันหาว่าเธอเป็นหมา?!”

 

“ซวีเฉิงเยว่  นังโสเภณี! ฉันจะฆ่าแก!”

 

อันอันสถบด่าในขณะที่กระโจนเข้าใส่ฉีเซิง  แต่เธอกระโดดหลบและขัดขาของอันอันจนทำให้อันอันเสียหลัก  อันอันจึงเซไปชนเข้ากลับซูอี้อี้ที่กำลังตั้งท่าว่าจะเข้ามาห้ามการทะเลาะกันระหว่างอันอันและฉีเซิง  หน้าผากของซูอี้อี้จึงชนเข้ากลับขาโต๊ะอย่างจัง

 

ซูอี้อี้สูดหายใจเข้าลึกด้วยความเจ็บปวด  การกระแทกอย่างแรงส่งผลให้เธอรู้สึกมึนหัว

 

อันอันรีบประคองซูอี้อี้ขึ้น “อี้อี้  อี้อี้  เธอโอเคไหม?”

 

เซี่ยหนิงผู้ซึ่งหลบมองอยู่ข้างๆ  รีบปรี่เข้ามาทันที “หน้าผากของเธอเลือดออก  เร็วเข้า  อันอันรีบผยุงอี้อี้ขึ้นเร็ว”

 

ด้วยเพราะพวกเธอยังไม่ได้ปิดประตู  จึงทำให้มีคนไปเรียกอาจารย์มาที่นี่   อาจารย์ผู้หญิงคนนั้นเดินนำนักศึกษามาอีกสองคน  จึงทำให้ห้องที่เคยกว้างดูแออัดขึ้นมาถนัดตา

 

“พวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร?”  อาจารย์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มาทะเลาะกันในหอพักนักศึกษาทำไม?”

 

“อาจารย์คะ  พวกหนูไม่ได้เป็นฝ่ายทะเลาะกับเขานะคะ  ซวีเฉิงเยว่ต่างหากละคะ  ที่ตั้งใจผลักอี้อี้จนทำให้อี้อี้ได้รับบาดเจ็บ”  อันอันรีบพูดสวนขึ้นมาทันที “ดูสิค่ะอาจารย์  หัวของอี้อี้แตกเลยคะ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 10 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 10 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (10)

 

ซวีเฉิงเยว่กำลังเรียนอยู่ในคณะบริหาร  ด้วยว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซวี  แน่นอนว่าเธอย่อมเป็นทายาทผู้สืบทอดบริษัทของตระกูลซซีทั้งหมดโดยชอบธรรม   ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงจำเป็นสำหรับเธอเป็นอย่างมาก

 

อาจจะเป็นเพราะว่าเธอได้รับพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจมาจากคุณพ่อซวี  เกรดของซวีเฉิงเยว่จึงจัดว่าอยู่ในระดับหัวกระทิของชั้นเรียน  แม้ว่าเธอจะเอาเวลาส่วนใหญ่ไปไล่ตามตื้อหนานกงจิ่ง แต่เกรดของเธอนั้นกลับไม่ตกลงสักนิด

 

เนื่องจากเป็นวันแรกของการเปิดเทอมใหม่  การเรียนการสอนในวันนั้นจึงมีแค่ไม่กี่รายวิชา  ดังนั้นฉีเซิงจึงเริ่มต้นหาหอพักใหม่ของเธอในทันที  แต่อย่างไรก็ตามเธอพบว่าหอพักที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยล้วนถูกเช่าไปหมดแล้ว และถ้าหากหอพักอยู่ไกลจนเกินไป  ไม่แน่ว่าเธออาจจะย้ายกลับไปอยู่บ้านก็ได้  เนื่องจากยังหาตัวเลือกที่ถูกใจไม่ได้  เธอจึงทำได้แค่พับแผนการของเธอลงไว้ชั่วคราว

 

ในวันว่างเธอทำได้แค่นอนอ่านหนังสือตลอดทั้งวัน  พวกคนที่รู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องการถอนหมั้นของเธอ  ต่างวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ  พวกเขาคิดว่าเธอคงจะสะเทือนใจอย่างรุนแรง จึงแสดงออกด้วยการตั้งเรียนอย่างบ้าคลั่งเพื่อดับความฟุ้งซ่านของเธอ

 

อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ฉีเซิงที่รู้ว่าเธอไม่ได้อ่านหนังสือเรียนอยู่  แต่เธอนอนอ่านนิยายวายทั้งวัน

 

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นเซี่ยหนิงและอันอัน ก็ถูกกันออกไปจากวงโคจรของเธอเพิ่มมากขึ้น และอาจจะเป็นเพราะการชักนำอย่างไม่ได้ตั้งใจ(?)  ของซูอี้อี้ด้วย  ภาพลักษณ์ของฉีเซิงในสายตาของพวกเธอจึงตกต่ำลงกลายเป็นเพียงแค่อีหนูหิวเงิน

 

“อี้อี้  เธอจะไปงานบอลสุดสัปดาห์นี้ไหม?”  อันอันถามขึ้นหลังจากที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก  เมื่อสังเกตเห็นว่าฉีเซิงอยู่ในห้องด้วยเธอก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบน

 

“อื้อ…รุ่นพี่หลิงชวนฉันไปน่ะ”  ซูอี้อี้ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

 

แม้ว่าหลิงฮ่าวจะเข้าทำงานที่บริษัทของเขาแล้ว  แต่เขาเป็นเพียงพนักงานฝึกงาน ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงอยู่ที่มหาลัยมากกว่า  ยิ่งมีซูอี้อี้อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว  องค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์อย่างเขาย่อมไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหมล่ะ?

 

ทุกๆปีเมื่อเปิดเทอมใหม่  จะมีงานราตรีสองงานถูกจัดขึ้นพร้อมกันโดยทางมหาวิทยาลัย  งานแรกเป็นงานที่ใครก็เข้าร่วมได้  ในขณะที่อีกงานจะเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อได้รับบัตรเชิญเท่านั้น

 

อนุมานอย่างง่ายๆคือ งานแรกจัดขึ้นเพื่อให้นิสิตนักศึกษาที่มีฐานะทางครอบครัวธรรมดาทั่วไป  คล้ายๆกับงานปฐมนิเทศขอทางมหาวิทยาลัย  ในขณะที่อีกอย่างหนึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อนิสิตนักศึกษาที่เป็นทายาทของตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย  ดังนั้นจึงต้องเป็นผู้ที่ได้รับบัตรเชิญหรือเป็นคู่ควงของคนที่ได้รับบัตรเชิญเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมงานได้

 

“ถ้างั้นเธอก็ไม่ได้ไปงานที่หอประชุมฝั่งทิศใต้  พร้อมฉันกับเซี่ยงหนิงใช่ไหม?” สายตาของอันอันส่อแววอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อทั้งเธอและเซี่ยหนิงสามารถเข้าร่วมได้แค่งานเลี้ยงธรรมดาในหอประชุมฝั่งทิศใต้เท่านั้น

 

ซูอี้อี้ยิ้มเจื่อน “รุ่นพี่หลิงเขาชวนฉัน  ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้  ก็เลย………”

 

อันอันโบกมือของเธอ  “รุ่นพี่หลิงเป็นคนดี  อี้อี้เธอต้องจับเขาไว้ให้แน่นๆนะ  ฉันได้ยินมาว่าฐานะทางครอบครัวของรุ่นพี่ไม่เลวเลยในแวดวงสังคมชนชั้นสูง”

 

ใบหน้าของซูอี้อี้แดงก่ำขณะที่เธอพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ออก

 

‘เฮ้!  คุณนางเอก  ทำไมหน้าของเธอถึงแดงขนาดนั้นละห๊ะ?  เธอยังจำรักแท้ของเธอได้ไหม?  เธอยังจำคุณพระเอกได้หรือเปล่าเนี่ย?’

 

ฉีเซิงพลิกหน้าหนังสือนิยายวายในมือของเธออย่างเงียบๆ

 

“อี้อี้  มีของส่งมาถึงเธอด้วยล่ะ”  เซียหนิงเปิดประตูก่อนจะนำกล่องมาวางลงบนเตียงของซูอี้อี้

 

“กล่องใหญ่มากเลย   เธอสั่งซื้ออะไรมาหรอ?”

 

ซูอี้อี้ส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “ฉันไม่ได้สั่งซื้ออะไรเลยน่ะ”

 

“เปิดดูกันเถอะ” อันอันกระตุ้นซูอี้อี้  ซูอี้อี้ทำได้เพียงแค่เปิดกล่องออกต่อหน้าพวกเธอ

 

“สวรรค์!  เป็นชุดราตรีที่สวยอะไรอย่างนี้!”  อันอันอ้าปากค้างกอ่นจะยกมันออกมาจากกล่อง

 

ชุดราตรีสีขาวล้วน มีลายปักสีแดงสะดุดตาตรงกระโปรง และยังมีเข็มขัดอีกเส้นหนึ่งถูกนำออกมาจากกล่อง

 

“รุ่นพี่หลิงเป็นคนส่งมาให้เธอใช่ไหม?  ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเป็นชายในฝันที่ใครๆ  ก็อยากแต่งงานด้วย  อ๊า! ฉันอิจฉาเธอจังเลยอี้อี้……”

 

ซู้อี้อี้ยกยิ้ม  เธอเก็บความภาคภูมิใจในแววตาแทบไม่มิด  เธอส่งสายตาเยาะไปที่ฉีเซิง  ชุดราตรีชุดนี้ไม่ได้ถูกส่งมาหลิงฮ่าวอย่างแน่นอน  เพราะเมื่อคืนเขาเพิ่งให้ชุดราตรีเธอมาชุดหนึ่ง  และตอนนี้มันก็แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอเรียบร้อยแล้ว

 

 

“ซวีเฉิงเยว่  ไม่ใช่ว่าเธอชอบนั่งรถหรูไปไหนมาไหนบ่อยๆไม่ใช่เหรอ?  งานบอลสุดสัปดาห์นี้เธอจะไปไหมล่ะ?”  เมื่ออันอันแสดงออกถึงความอิจฉาต่อซูอี้อี้แล้ว  เธอก็อดจะระบายอารมณ์กับฉีเซิงไม่ได้

 

เห็นเห็นฉีเซิงไม่สนใจ อันอันก็เริ่มพูดถากถางต่อ “อะไรน่ะ?  ไม่มีใครอยากชวนเธอไปงานหรอ?  อย่าไปอิจฉาอี้อี้เลยนะ  คนอย่างเธอคงไม่มีวาสนาที่จะได้ไปร่วมงานเลี้ยงที่หอทางทิศตะวันตกเหมือนกับอี้อี้เขาหรอก”

 

“อันอัน  อย่าพูดอย่างนั้นสิ เฉิงเยว่ต้องได้ไปแน่ๆ”

 

เนื่องจากซวีเฉิงเยว่ไม่เคยเข้าร่วมงานบอลเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา  ดังนั้นซูอี้อี้เลยไม่แน่ใจว่า ซวีเฉิงเยว่ได้รับบัตรเชิญด้วยหรือเปล่า  ดังนั้นเธอจึงต้องปรามอันอันไว้ก่อน

 

“เชอะ   ตราบใดก็ตามที่แม่นี่ไม่ได้เล่นสกปรก  หล่อนไม่มีทางได้ไปหรอก”

 

“ขอโทษนะคะ  ที่ห้องนี้มีคนชื่อซวีเฉิงเยว่อยู่ไหมคะ?”  เด็กสาวคนหนึ่งเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

 

“มีเรื่องอะไร?”  ฉีเซิงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินสาวเท้าไปที่เธอ  เด็กสาวคนนั้นจ้องมองราวกับจะสำรวจว่านี่เป็นตัวจริงหรือเปล่า

 

เมื่อเธอจ้องจนพอใจแล้ว  เธอจึงยื่นถุงใบหนึ่งมาให้ฉีเซิง “พี่เสี่ยวเหว่ยบอกให้ฉันเอานี่มาให้คุณค่ะ”

 

ฉีเซิงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับทันที  เธอขมวดคิ้วพลางถามว่า “เสี่ยวเหว่ยน่ะเหรอ?”

 

 

เด็กสาวคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง  เธอตัวแข็งทื่อก่อนจะรีบพูด “ฉันเอาของมาให้คุณแล้ว  ฉันคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ” พูดจบเธอก็รีบวางถุงนั้นลงตรงหน้าของฉีเซิง  แล้วรีบเดินหนีไปทันที

 

ฉีเซิงก้มลงไปเก็บถุงนั้นขึ้นมา  เป็นเวลาเดียวกันกับที่อันอันกระโจนเข้าใส่ฉีเซิงด้วยความโกรธ  ก่อนจะปัดถุงในมือของฉีเซิงกระเด็นออกไป “เธอเป็นพวกเดียวกับเสี่ยวเหว่ย!”

 

เมื่อถุงตกลงพื้น  ปากถุงก็เปิดออก  เผยให้เห็นของที่อยู่ภายใน  นั่นกลับกลายเป็นว่าของที่อยู่ในถุงนั้นเป็นชุดราตรีที่มีหน้าตาคล้ายกับของซูอี้อี้อย่างกับแกะ  อันอันรีบดึงมันขึ้นมาดู  นอกจากไซส์แล้วไม่มีจุดไหนเลยที่ต่างกับชุดของซูอี้อี้

 

“ซวีเฉิงเยว่   อี้อี้ไปทำอะไรให้เธอ  ทำไมเธอต้องไปร่วมมือกับเสี่ยวเหว่ยมาแกล้งอี้อี้ด้วย?”

 

“เฉิงเย่ว….นี่เธอกับเสี่ยวเหว่ย….”  สีหน้าของซูอี้อี้เต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับว่าเธอค้นพบความลับที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

“จินตนาการบรรเจิดกันขนาดนี้  ฉันว่าพวกเธอน่าจะลองไปแต่งนิยายกันดูนะ”  เสี่ยวเหว่ยน่าจะไปรู้มาจากที่ไหนสักที่ว่าซูอี้อี้กำลังจะได้รับชุดแบบไหน  เจ้าหล่อนเลยส่งชุดบ้าๆนี่มาให้เธอ  เพื่อกลั่นแกล้งและข่มขู่ซูอี้อี้  ส่วนซูอี้อี้จะกลัวขนาดไหนก็สุดแล้วแต่จินตนาการของเธอเอง

 

“ซวีเฉิงเยว่  เธอวางแผนจะทำอะไรกันแน่? ถ้าเธอไม่ยอมอธิบายมาให้ชัดเจน  เธอต้องออกไปจากห้องนี้!!”  อันอันประกาศกร้าวใส่หน้าของฉีเซิง  ก่อนจะหันกลับไปปลอบใจซูอี้อี้ “ไม่ต้องกลัวน่ะอี้อี้  ฉันจะปกต้องเธอเอง”

 

เมื่อพบว่ามันดูเป็นเรื่องตลก  ฉีเซิงจึงมองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาราวกับมองคนโง่สองคนกำลังคุยกัน

 

“เธอหัวเราะอะไร?  ฉันจะบอกเธอไว้ตรงนี้เลยนะ  ที่นี่คือมหาวิทยาลัย  อย่าคิดว่าเธอเป็นอีหนูของพวกเสี่ยๆนั่นแล้ว  จะทำให้เธอมีอำนาจจะทำอะไรที่นี่ก็ได้  เธอมันก็แค่ของใช้รอวันทิ้ง!”

 

เพียะ !!!!

 

อันอันตกตะลึงเมื่อเธอโดนตบหน้าโดยที่ไม่คาดฝัน  เวลาผ่านไปสักพักกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบรับ

 

“เธอกล้าตบฉัน!!!”  ครอบครัวของเธอถือได้ว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดีพอสมควร  พ่อแม่ของเธอไม่เคยตีเธอเลยสักแปะ  แต่นังโสเภณีชั้นต่ำคนนี้กลับกล้าตบเธอ

 

“ล้างปากโสโครกของเธอซะบ้างน่ะ   ซูอี้อี้ล่ามคนของเธอไว้ให้ดีๆ  อย่าปล่อยให้ออกไปกัดคนอื่นเขามั่วซั่ว”  ฉีเซิงสะบัดมือของเธอ

 

“ล่าม….ให้ดี?  นังคนชั้นต่ำนี่มันหาว่าเธอเป็นหมา?!”

 

“ซวีเฉิงเยว่  นังโสเภณี! ฉันจะฆ่าแก!”

 

อันอันสถบด่าในขณะที่กระโจนเข้าใส่ฉีเซิง  แต่เธอกระโดดหลบและขัดขาของอันอันจนทำให้อันอันเสียหลัก  อันอันจึงเซไปชนเข้ากลับซูอี้อี้ที่กำลังตั้งท่าว่าจะเข้ามาห้ามการทะเลาะกันระหว่างอันอันและฉีเซิง  หน้าผากของซูอี้อี้จึงชนเข้ากลับขาโต๊ะอย่างจัง

 

ซูอี้อี้สูดหายใจเข้าลึกด้วยความเจ็บปวด  การกระแทกอย่างแรงส่งผลให้เธอรู้สึกมึนหัว

 

อันอันรีบประคองซูอี้อี้ขึ้น “อี้อี้  อี้อี้  เธอโอเคไหม?”

 

เซี่ยหนิงผู้ซึ่งหลบมองอยู่ข้างๆ  รีบปรี่เข้ามาทันที “หน้าผากของเธอเลือดออก  เร็วเข้า  อันอันรีบผยุงอี้อี้ขึ้นเร็ว”

 

ด้วยเพราะพวกเธอยังไม่ได้ปิดประตู  จึงทำให้มีคนไปเรียกอาจารย์มาที่นี่   อาจารย์ผู้หญิงคนนั้นเดินนำนักศึกษามาอีกสองคน  จึงทำให้ห้องที่เคยกว้างดูแออัดขึ้นมาถนัดตา

 

“พวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร?”  อาจารย์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มาทะเลาะกันในหอพักนักศึกษาทำไม?”

 

“อาจารย์คะ  พวกหนูไม่ได้เป็นฝ่ายทะเลาะกับเขานะคะ  ซวีเฉิงเยว่ต่างหากละคะ  ที่ตั้งใจผลักอี้อี้จนทำให้อี้อี้ได้รับบาดเจ็บ”  อันอันรีบพูดสวนขึ้นมาทันที “ดูสิค่ะอาจารย์  หัวของอี้อี้แตกเลยคะ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+