Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16)

 

แม้ว่าร่างกายอันใหญ่โตของชายร่างยักษ์จะบดบังทัศนะวิสัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง  จนทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ในมือของฉีเซิง  แต่ผู้ช่วยของฉู่ถางกลับเห็น ‘มัน’  ผ่านทางเลนส์ของกล้องวงจรปิดชัดๆ เต็มสองตา ‘มัน’ คือระเบิดมือ  หน้าตาไม่ผิดแผกกับชนิดที่ทางกองทัพใช้งานนัก  แม้ว่าจะมีบางจุดที่ดูแตกต่างอยู่บ้างก็ตาม

 

‘เหี้ยเอ๊ย! ยายบ้านี่เอามันมาจากไหนวะ?!’  ภายในหัวของชายร่างใหญ่มีเพียงคำถามนี้

 

“แกจะยืนบื้ออยู่ทำไมอีก?  รีบเข้าไปมัดเธอซะสิ!” หนานกงจิ่งเอ่ยอย่างหัวเสีย

 

ชายผู้ถูกสั่งเหงื่อแตกพลั่ก จากนั้นจึงรีบเบี่ยงร่างของเขาออกไปทางด้านข้าง   เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนด้านหลังได้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า  ฉีเซิงกำลังถืออะไรอยู่ในมือ

 

‘แหกตาดูซะ!  นั่นมันระเบิดมือเลยนะเว้ย!  ยังคิดว่ากูจะกล้าเข้าไปจับแม่นี่มัดอีกเรอะ?’

 

แม้ว่าหนานกงจิ่งจะดูไม่ออกว่ามันคืออะไรในแวบแรก   แต่หลิงฮ่าวกลับรู้ได้ทันที   สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน จากนั้นเขาจึงรีบดึงซูอี้อี้ออกไปทางประตูในทันที

 

“เธอเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมซวีเฉิงเยว่?”

 

ฉีเซิงเล่นกับของในมือของเธอ   สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม  “โอ้ ดูพวกนายสิ  แค่เจ้านี่ก็ทำให้กลัวกันจนหัวหดขนาดนั้นเชียว   นี่มันก็แค่ของเล่นเอง  ฉันเพิ่งเจอมันในห้องนี้เมื่อกี้เอง”

 

หลิงฮ่าวสังเกตระเบิดในมือของเธออย่างละเอียดอีกครั้ง   แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่านั่นเป็นของจริงหรือของปลอม  แต่หลังจากลองคิดพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว   เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวของตระกูลที่ถือได้ว่าพอจะมีฐานะเท่านั้น เช่นนั้นเธอมีระเบิดมือของจริงได้อย่างไร?

 

ยิ่งไปกว่านั้นเธอย่อมต้องถูกค้นตัวก่อนจะพาตัวมาที่นี่   ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางซ่อนเจ้าสิ่งนี้ติดตัวมากับเธอได้แน่ๆ    บ้านพักตากอากาศหลังนี้เป็นของคุณลุงของเขา   คุณลุงเองก็มีลูกชาย  เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นของเล่นของเด็กๆ  ‘พวกเขาอาจจะทิ้งเอาไว้ตอนมาพักที่นี่ในวันหยุดครั้งที่แล้วล่ะมั้ง?’

 

 

“ซวีเฉิงเยว่  จะตายอยู่แล้วยังมีหน้าจะมาขู่พวกฉันอีก  มัดเธอซะ  ฉันจะสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกซะบ้าง”  หลิงฮ่าวสั่งด้วยใบหน้าทะมึน  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อหันไปมองซูอี้อี้   “ออกไปก่อนเถอะนะอี้อี้”

 

 

ด้วยฉากนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นน่ากลัวจนเกินไป   เขาจึงไม่อยากให้ซูอี้อี้เห็นมัน   ซูอี้อี้เม้มปากแน่นก่อนจะกระตุกชายเสื้อของหนานกงจิ่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร   หนานกงจิ่งจึงใช้สายตาที่โหดเหี้ยมของเขากวาดมองฉีเซิงก่อนเขาจะพาตัวซูอี้อี้ออกไป

 

 

ก่อนก้าวออกจากห้อง  ซูอี้อี้แอบส่งสายตาเย้ยหยันและภาคภูมิในชัยชนะให้กับฉีเซิง  ‘ต่อให้ฉันมีมลทินแล้วยังไง? อย่างไรเสียผู้ชายสองคนนี้ก็ยังเห็นฉันเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขาอยู่ดี!’

 

ชายร่างยักษ์เดินเข้าไปยังฉีเซิงแล้วรีบคว้าระเบิดมือออกจากเธอ   น้ำหนักและสัมผัสละม้ายคล้ายของจริงเป็นอย่างมาก ไม่มีส่วนใดที่ดูเป็นของเล่นเลยแม้แต่น้อย    ชายร่างยักษ์ผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะสำรวจมันให้ละเอียดขึ้นอีกครั้ง   ใช้โอกาสที่เขากำลังถูdระเบิดมือดึงความสนใจไว้    ฉีเซิงก็รีบพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง

 

เธอได้ปลดล็อกกลอนหน้าต่างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว   ดังนั้นเพียงแค่ออกแรงผลักเบาๆ   หน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย   เธอรีบกระโดดข้ามกรอบหน้าต่างก่อนที่ชายร่างยักษ์ผู้นั้นจะตอบสนองได้ทัน   “น่าเสียดายชะมัด  ทั้งๆ ที่ฉันคิดจะกำจัดพวกนายสามคนไปพร้อมๆ กันเลยแท้ๆ”  เธอว่าในขณะที่ร่างของเธอร่วงลงสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก

 

 

ในขณะเดียวกันนั้นเองระเบิดในมือของชายร่างยักษ์ก็ส่งเสียงดัง  ปี๊บบบ…  ก่อนจะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง  บ้านพักตากอากาศทั้งหลังสั่นสะเทือนด้วยแรงระเบิด   กระจกหน้าต่างชั้นสองแตกละเอียดร่วงกราวลงมาพร้อมเศษซีเมนต์และฝุ่นที่ปลิวคุ้งไปทั่วบริเวณ

 

บริเวณเบื้องล่างที่ฉีเซิงกระโดดลงไปคือชานไม้ซึ่งยื่นออกมาจากตัวผนังบ้าน   ด้วยเพราะระเบิดมือลูกนั้นไม่ได้มีรัศมีการทำลายล้างที่สูงนัก   เธอจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากแรงระเบิดที่เกิดขึ้น

 

บอดี้การ์ดของพวกหนานกงจิ่งผู้ซึ่งทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่ในสนามหญ้า   เมื่อได้ยินเสียงระเบิดพวกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองจุดที่เกิดเสียงทันที   เมื่อพวกเขาเห็นฉีเซิงผู้ซึ่งไต่อยู่บนขอบผนัง  พวกเขาจึงรีบปรี่เข้ามาเพื่อที่จะจับตัวเธอทันที

 

ฉีเซิงกระโดดลงไปยังสนามหญ้าเบื้องล่างด้วยความว่องไว   ก่อนจะโยนระเบิดมืออีกลูกไปทางพวกเขา  แรงระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้บอดี้การ์ดไม่สามารถเข้ามาประชิดตัวฉีเซิงได้   เธอจึงรีบใช้โอกาสนี้ในการวิ่งหนีพวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

เพียงสังเกตเห็นฉีเซิงกำลังจะหนีออกมาจากบ้านพักตากอากาศหลังนั้น    ผู้ช่วยของฉู่ถางก็รีบสั่งให้คนเอารถออก  เพื่อไปรับเธอในทันที   เมื่อเห็นรถยนต์คุ้นตาคันหนึ่งจอดเทียบอยู่เบื้องหน้าเธอ   ฉีเซิงจึงลังเลอยู่ชั่วอึดใจ    ในแววตาของเธอส่อประกายครุ่นคิดก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปบนนั่งบนรถคันนั้น   จากนั้นรถคนนี้ก็มุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศหลังสีขาวของฉู่ถางทันที   ในรถมีเพียงผู้ช่วยและคนขับรถของฉู่ถางเท่านั้น  ฉีเซิงจำพวกเข้าได้เพราะเธอเคยพบพวกเขามาก่อน

 

“คุณหนูซวี”   สีหน้าของผู้ช่วยดูไม่จืด  มันเต็มไปด้วยอาการตระหนก ตกใจ สงสัย ‘คุณหนูซวีพก ระเบิดมือไปไหนมาไหนกับเธอในชีวิตประจำวัน…พระเจ้า! น่ากลัวเหลือเกิน! นายท่านฉู่ นับแต่นี้ไปผมจะไม่ใช้คำว่าน่ากลัวกับคุณอีกต่อไปแล้ว!’

 

ฉีเซิงปัดฝุ่นที่อยู่บนร่างของเธอออกพลางมองเขาด้วยสายตาสงบราบเรียบของเธอ “คุณเห็นทุกอย่างเลยหรือ?”

 

ผู้ช่วยพยักหน้าตัวแข็งทื่อ “งั้นดิฉันควรจะปิดปากคุณเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหม?”

 

ผู้ช่วยเคราะห์ร้ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ‘ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า  คุณหนูซวีในตอนนี้เหมือนนายท่านฉู่ตอนที่ต้องกำลังเจรจากับคนที่กล้าล่วงเกินท่านอย่างกับก๊อปปี้มาแปะล่ะ?!’

 

“ผมไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง” ผู้ช่วยรีบเปลี่ยนคำตอบของเขาโดยทันที

 

………………………..

 

ผู้ช่วยรีบเดินนำฉีเซิงเข้าไปภายในบ้านพักตากอากาศของฉู่ถาง  ก่อนจะหนีออกจากรัศมีสายตาของเธอด้วยความเร็วที่สุดในชีวิตที่เขาเคยทำมา  ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขายังรักชีวิตของตัวเองอยู่

 

เมื่อฉีเซิงเปิดประตูเข้าไปสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับฉู่ถาง  ผู้ซึ่งเหยียดกายอยู่บนโซฟา  ขาของเขาวางพาดบนโต๊ะกาแฟตัวเตี้ย  ท่าทางของเขาดูเอื่อยเฉื่อยอย่างที่สุด

 

ได้ยินเสียงผลักเปิดประตู   ฉู่ถางก็เบือนหน้ามามองเธอ รอยยิ้มแฝงความเล่ห์ฉายบนใบหน้าของเขา

 

“คุณทำให้ผมทึ่งมากคุณหนูซวี”

 

จะไม่ทำให้เขาประหลาดใจได้อย่างไรเมื่อเธอถึงกับมีระเบิดมือติดตัว

 

ฉีเซิงก้าวเข้าไปหาฉู่ถาง “ทำให้คุณฉู่ประทับใจได้ เป็นเกียรติของดิฉันจริงๆคะ”

 

ฉู่ถางมองฉีเซิงด้วยความสนใจชั่วขณะ   ก่อนเขาจะโน้มตัวออกมาหันหน้าจอโน้ตบุ๊กเบื้องหน้าให้ไปทางเธอ   บนหน้าจอของมันแสดงภาพเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  หลังจากเกิดการระเบิดในบ้านพักตากอากาศหลังที่ ที่ ฉีเซิงเคยถูกคุมขังอยู่

 

หลิงฮ่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน   เพื่อเข้ารับการรักษา  เขาหมดสติด้วยแรงระเบิดที่เกิดขึ้น ในขณะที่หนานกงจิ่งและซูอี้อี้กำลังยืนอยู่ด้านข้าง   ซูอี้อี้ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ   ส่วนหนานกงจิ่งกำลังปลอบประโลมเธออย่างใจเย็น   ฉีเซิงปรายตามองภาพที่เกิดขึ้นไม่นานนักก่อนจะหมดความสนใจ  จากนั้นเธอก็พับปิดฝาโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นลง

 

สายตาของฉู่ถางมืดครึ้มลงเล็กน้อย   “คุณจะปล่อยพวกเขาไป?”  เขาถามด้วยน้ำเสียงกังวานแฝงไปด้วยกลิ่นไออันตราย

 

“ถ้าเป็นคุณ   คุณจะปล่อยคนที่คิดฆ่าคุณไปไหมล่ะ?”   ฉีเซิงตอบเขาด้วยคำถามย้อนกลับ  และราวกับเขาจะได้คำตอบที่เขาต้องการ  แววอันตรายที่ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของฉู่ถางจึงเลือนหายแทนที่ด้วยรอยขบขัน

 

‘ตะกี๊ไอ้คนวิตถารนี่มันคิดจะฆ่าฉัน?!  ฉันไม่ได้วิตกจริตไปเองแน่ๆ   ลางสังหรณ์ของฉันไม่เคยพลาด!’

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

 

ในคราแรกเธอคิดว่าเขามาที่นี่ด้วยความบังเอิญ   แต่หลังจากที่ผู้ช่วยของเขามารับเธอ  อีกทั้งยังมีภาพวิดีโอเหล่านั้นอีก หากให้เธอคิดว่าบังเอิญอีกก็คงจะเป็นไปไม่ได้

 

“ไม่ลองเดาดูหน่อยหรือ?”

 

‘เดากับผีสิ!’

 

“หรือคุณฉู่จะตกหลุมรักดิฉันเข้าให้แล้ว   คุณก็เลยหึงที่ดิฉันออกมากับหนานกงจิ่งแล้วก็เลยตามดิฉันมาใช่ไหม?”

 

‘เอาสิ! อยากให้ฉันเดาดีนัก ฉันจะทำให้นายขยะแขยงจนตายไปเลย!’

 

“ไม่ทราบว่าคุณหนูซวีเคยได้ยินภาษิตบทนี้ไหม?”

 

“ภาษิตอะไร?” ฉีเซิงถามอย่างระแวดระวัง

 

“ปลาหมอตายเพราะปาก”   ดวงตาคู่สวยของฉู่ถางหรี่ลง รอยยิ้มน้อยๆ เกลื่อนบนใบหน้าของเขา  อย่างไรก็ตามรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปอันตราย   บรรยากาศรอบตัวเขากำจายด้วยกลิ่นอายข่มขู่   กดดันเสียแทบจะทำให้ผู้คนรอบข้างหายใจไม่ออก

 

ฉีเซิงเบนสายตาที่ประสานกับเขาออกคล้ายเป็นการยอมถอยให้เขา   ท่าทางของเธอเปลี่ยนเป็น ‘โหมดเลียแข้งเลียขา’ ในทันที “หือ? ตายจริง   วันนี้ดิฉันลืมกินยามาซะด้วยสิ   ถ้าอย่างไร  กรุณาอย่าถือสาคนไม่ได้รับยาอย่างดิฉันเลย”

 

“คุณป่วยเป็นโรคอะไร?”

 

“ดิฉันป่วยเป็นโรคที่มีชื่อว่า ‘ตกหลุมรักคุณฉู่ซินโดรม’ นะคะ ส่วนยารักษาโรคนี้ก็คือคุณฉู่” ฉีเซิงตอบด้วยท่าทางเหนียมอาย

 

ฉู่ถาง “………….”

 

อาจจะถือได้ว่าการพยายามจีบของฉีเซิงสำเร็จผล   หากสายตาของฉู่ถางไม่ได้ฉายแววบางอย่างที่ดูไม่ค่อยจะถูกต้องนัก

 

ผู้ช่วยและเหล่าบอดี้การ์ดผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างพากันหวาดผวา  ‘คุณหนูซวีช่างใจกล้าถึงขนาด   กล้าใช้มุกเสี่ยวกับนายท่าน!  พวกเราขอชื่นชมคุณจากใจจริง!   ไม่สิ ไม่ แค่ชื่นชมยังไม่พอ คุณหนูซวี!  ได้โปรดรับการคารวะจากพวกเราด้วย!!’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 16 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (16)

 

แม้ว่าร่างกายอันใหญ่โตของชายร่างยักษ์จะบดบังทัศนะวิสัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง  จนทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ในมือของฉีเซิง  แต่ผู้ช่วยของฉู่ถางกลับเห็น ‘มัน’  ผ่านทางเลนส์ของกล้องวงจรปิดชัดๆ เต็มสองตา ‘มัน’ คือระเบิดมือ  หน้าตาไม่ผิดแผกกับชนิดที่ทางกองทัพใช้งานนัก  แม้ว่าจะมีบางจุดที่ดูแตกต่างอยู่บ้างก็ตาม

 

‘เหี้ยเอ๊ย! ยายบ้านี่เอามันมาจากไหนวะ?!’  ภายในหัวของชายร่างใหญ่มีเพียงคำถามนี้

 

“แกจะยืนบื้ออยู่ทำไมอีก?  รีบเข้าไปมัดเธอซะสิ!” หนานกงจิ่งเอ่ยอย่างหัวเสีย

 

ชายผู้ถูกสั่งเหงื่อแตกพลั่ก จากนั้นจึงรีบเบี่ยงร่างของเขาออกไปทางด้านข้าง   เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนด้านหลังได้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า  ฉีเซิงกำลังถืออะไรอยู่ในมือ

 

‘แหกตาดูซะ!  นั่นมันระเบิดมือเลยนะเว้ย!  ยังคิดว่ากูจะกล้าเข้าไปจับแม่นี่มัดอีกเรอะ?’

 

แม้ว่าหนานกงจิ่งจะดูไม่ออกว่ามันคืออะไรในแวบแรก   แต่หลิงฮ่าวกลับรู้ได้ทันที   สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน จากนั้นเขาจึงรีบดึงซูอี้อี้ออกไปทางประตูในทันที

 

“เธอเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมซวีเฉิงเยว่?”

 

ฉีเซิงเล่นกับของในมือของเธอ   สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม  “โอ้ ดูพวกนายสิ  แค่เจ้านี่ก็ทำให้กลัวกันจนหัวหดขนาดนั้นเชียว   นี่มันก็แค่ของเล่นเอง  ฉันเพิ่งเจอมันในห้องนี้เมื่อกี้เอง”

 

หลิงฮ่าวสังเกตระเบิดในมือของเธออย่างละเอียดอีกครั้ง   แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่านั่นเป็นของจริงหรือของปลอม  แต่หลังจากลองคิดพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว   เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นเพียงลูกสาวของตระกูลที่ถือได้ว่าพอจะมีฐานะเท่านั้น เช่นนั้นเธอมีระเบิดมือของจริงได้อย่างไร?

 

ยิ่งไปกว่านั้นเธอย่อมต้องถูกค้นตัวก่อนจะพาตัวมาที่นี่   ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางซ่อนเจ้าสิ่งนี้ติดตัวมากับเธอได้แน่ๆ    บ้านพักตากอากาศหลังนี้เป็นของคุณลุงของเขา   คุณลุงเองก็มีลูกชาย  เป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นของเล่นของเด็กๆ  ‘พวกเขาอาจจะทิ้งเอาไว้ตอนมาพักที่นี่ในวันหยุดครั้งที่แล้วล่ะมั้ง?’

 

 

“ซวีเฉิงเยว่  จะตายอยู่แล้วยังมีหน้าจะมาขู่พวกฉันอีก  มัดเธอซะ  ฉันจะสั่งสอนให้เธอรู้สำนึกซะบ้าง”  หลิงฮ่าวสั่งด้วยใบหน้าทะมึน  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเมื่อหันไปมองซูอี้อี้   “ออกไปก่อนเถอะนะอี้อี้”

 

 

ด้วยฉากนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นน่ากลัวจนเกินไป   เขาจึงไม่อยากให้ซูอี้อี้เห็นมัน   ซูอี้อี้เม้มปากแน่นก่อนจะกระตุกชายเสื้อของหนานกงจิ่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร   หนานกงจิ่งจึงใช้สายตาที่โหดเหี้ยมของเขากวาดมองฉีเซิงก่อนเขาจะพาตัวซูอี้อี้ออกไป

 

 

ก่อนก้าวออกจากห้อง  ซูอี้อี้แอบส่งสายตาเย้ยหยันและภาคภูมิในชัยชนะให้กับฉีเซิง  ‘ต่อให้ฉันมีมลทินแล้วยังไง? อย่างไรเสียผู้ชายสองคนนี้ก็ยังเห็นฉันเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขาอยู่ดี!’

 

ชายร่างยักษ์เดินเข้าไปยังฉีเซิงแล้วรีบคว้าระเบิดมือออกจากเธอ   น้ำหนักและสัมผัสละม้ายคล้ายของจริงเป็นอย่างมาก ไม่มีส่วนใดที่ดูเป็นของเล่นเลยแม้แต่น้อย    ชายร่างยักษ์ผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะสำรวจมันให้ละเอียดขึ้นอีกครั้ง   ใช้โอกาสที่เขากำลังถูdระเบิดมือดึงความสนใจไว้    ฉีเซิงก็รีบพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง

 

เธอได้ปลดล็อกกลอนหน้าต่างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว   ดังนั้นเพียงแค่ออกแรงผลักเบาๆ   หน้าต่างบานนั้นก็เปิดออกอย่างง่ายดาย   เธอรีบกระโดดข้ามกรอบหน้าต่างก่อนที่ชายร่างยักษ์ผู้นั้นจะตอบสนองได้ทัน   “น่าเสียดายชะมัด  ทั้งๆ ที่ฉันคิดจะกำจัดพวกนายสามคนไปพร้อมๆ กันเลยแท้ๆ”  เธอว่าในขณะที่ร่างของเธอร่วงลงสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก

 

 

ในขณะเดียวกันนั้นเองระเบิดในมือของชายร่างยักษ์ก็ส่งเสียงดัง  ปี๊บบบ…  ก่อนจะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง  บ้านพักตากอากาศทั้งหลังสั่นสะเทือนด้วยแรงระเบิด   กระจกหน้าต่างชั้นสองแตกละเอียดร่วงกราวลงมาพร้อมเศษซีเมนต์และฝุ่นที่ปลิวคุ้งไปทั่วบริเวณ

 

บริเวณเบื้องล่างที่ฉีเซิงกระโดดลงไปคือชานไม้ซึ่งยื่นออกมาจากตัวผนังบ้าน   ด้วยเพราะระเบิดมือลูกนั้นไม่ได้มีรัศมีการทำลายล้างที่สูงนัก   เธอจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากแรงระเบิดที่เกิดขึ้น

 

บอดี้การ์ดของพวกหนานกงจิ่งผู้ซึ่งทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่ในสนามหญ้า   เมื่อได้ยินเสียงระเบิดพวกเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองจุดที่เกิดเสียงทันที   เมื่อพวกเขาเห็นฉีเซิงผู้ซึ่งไต่อยู่บนขอบผนัง  พวกเขาจึงรีบปรี่เข้ามาเพื่อที่จะจับตัวเธอทันที

 

ฉีเซิงกระโดดลงไปยังสนามหญ้าเบื้องล่างด้วยความว่องไว   ก่อนจะโยนระเบิดมืออีกลูกไปทางพวกเขา  แรงระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้บอดี้การ์ดไม่สามารถเข้ามาประชิดตัวฉีเซิงได้   เธอจึงรีบใช้โอกาสนี้ในการวิ่งหนีพวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

เพียงสังเกตเห็นฉีเซิงกำลังจะหนีออกมาจากบ้านพักตากอากาศหลังนั้น    ผู้ช่วยของฉู่ถางก็รีบสั่งให้คนเอารถออก  เพื่อไปรับเธอในทันที   เมื่อเห็นรถยนต์คุ้นตาคันหนึ่งจอดเทียบอยู่เบื้องหน้าเธอ   ฉีเซิงจึงลังเลอยู่ชั่วอึดใจ    ในแววตาของเธอส่อประกายครุ่นคิดก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปบนนั่งบนรถคันนั้น   จากนั้นรถคนนี้ก็มุ่งหน้าสู่บ้านพักตากอากาศหลังสีขาวของฉู่ถางทันที   ในรถมีเพียงผู้ช่วยและคนขับรถของฉู่ถางเท่านั้น  ฉีเซิงจำพวกเข้าได้เพราะเธอเคยพบพวกเขามาก่อน

 

“คุณหนูซวี”   สีหน้าของผู้ช่วยดูไม่จืด  มันเต็มไปด้วยอาการตระหนก ตกใจ สงสัย ‘คุณหนูซวีพก ระเบิดมือไปไหนมาไหนกับเธอในชีวิตประจำวัน…พระเจ้า! น่ากลัวเหลือเกิน! นายท่านฉู่ นับแต่นี้ไปผมจะไม่ใช้คำว่าน่ากลัวกับคุณอีกต่อไปแล้ว!’

 

ฉีเซิงปัดฝุ่นที่อยู่บนร่างของเธอออกพลางมองเขาด้วยสายตาสงบราบเรียบของเธอ “คุณเห็นทุกอย่างเลยหรือ?”

 

ผู้ช่วยพยักหน้าตัวแข็งทื่อ “งั้นดิฉันควรจะปิดปากคุณเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหม?”

 

ผู้ช่วยเคราะห์ร้ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ‘ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า  คุณหนูซวีในตอนนี้เหมือนนายท่านฉู่ตอนที่ต้องกำลังเจรจากับคนที่กล้าล่วงเกินท่านอย่างกับก๊อปปี้มาแปะล่ะ?!’

 

“ผมไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง” ผู้ช่วยรีบเปลี่ยนคำตอบของเขาโดยทันที

 

………………………..

 

ผู้ช่วยรีบเดินนำฉีเซิงเข้าไปภายในบ้านพักตากอากาศของฉู่ถาง  ก่อนจะหนีออกจากรัศมีสายตาของเธอด้วยความเร็วที่สุดในชีวิตที่เขาเคยทำมา  ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขายังรักชีวิตของตัวเองอยู่

 

เมื่อฉีเซิงเปิดประตูเข้าไปสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับฉู่ถาง  ผู้ซึ่งเหยียดกายอยู่บนโซฟา  ขาของเขาวางพาดบนโต๊ะกาแฟตัวเตี้ย  ท่าทางของเขาดูเอื่อยเฉื่อยอย่างที่สุด

 

ได้ยินเสียงผลักเปิดประตู   ฉู่ถางก็เบือนหน้ามามองเธอ รอยยิ้มแฝงความเล่ห์ฉายบนใบหน้าของเขา

 

“คุณทำให้ผมทึ่งมากคุณหนูซวี”

 

จะไม่ทำให้เขาประหลาดใจได้อย่างไรเมื่อเธอถึงกับมีระเบิดมือติดตัว

 

ฉีเซิงก้าวเข้าไปหาฉู่ถาง “ทำให้คุณฉู่ประทับใจได้ เป็นเกียรติของดิฉันจริงๆคะ”

 

ฉู่ถางมองฉีเซิงด้วยความสนใจชั่วขณะ   ก่อนเขาจะโน้มตัวออกมาหันหน้าจอโน้ตบุ๊กเบื้องหน้าให้ไปทางเธอ   บนหน้าจอของมันแสดงภาพเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  หลังจากเกิดการระเบิดในบ้านพักตากอากาศหลังที่ ที่ ฉีเซิงเคยถูกคุมขังอยู่

 

หลิงฮ่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน   เพื่อเข้ารับการรักษา  เขาหมดสติด้วยแรงระเบิดที่เกิดขึ้น ในขณะที่หนานกงจิ่งและซูอี้อี้กำลังยืนอยู่ด้านข้าง   ซูอี้อี้ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ   ส่วนหนานกงจิ่งกำลังปลอบประโลมเธออย่างใจเย็น   ฉีเซิงปรายตามองภาพที่เกิดขึ้นไม่นานนักก่อนจะหมดความสนใจ  จากนั้นเธอก็พับปิดฝาโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นลง

 

สายตาของฉู่ถางมืดครึ้มลงเล็กน้อย   “คุณจะปล่อยพวกเขาไป?”  เขาถามด้วยน้ำเสียงกังวานแฝงไปด้วยกลิ่นไออันตราย

 

“ถ้าเป็นคุณ   คุณจะปล่อยคนที่คิดฆ่าคุณไปไหมล่ะ?”   ฉีเซิงตอบเขาด้วยคำถามย้อนกลับ  และราวกับเขาจะได้คำตอบที่เขาต้องการ  แววอันตรายที่ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของฉู่ถางจึงเลือนหายแทนที่ด้วยรอยขบขัน

 

‘ตะกี๊ไอ้คนวิตถารนี่มันคิดจะฆ่าฉัน?!  ฉันไม่ได้วิตกจริตไปเองแน่ๆ   ลางสังหรณ์ของฉันไม่เคยพลาด!’

 

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

 

ในคราแรกเธอคิดว่าเขามาที่นี่ด้วยความบังเอิญ   แต่หลังจากที่ผู้ช่วยของเขามารับเธอ  อีกทั้งยังมีภาพวิดีโอเหล่านั้นอีก หากให้เธอคิดว่าบังเอิญอีกก็คงจะเป็นไปไม่ได้

 

“ไม่ลองเดาดูหน่อยหรือ?”

 

‘เดากับผีสิ!’

 

“หรือคุณฉู่จะตกหลุมรักดิฉันเข้าให้แล้ว   คุณก็เลยหึงที่ดิฉันออกมากับหนานกงจิ่งแล้วก็เลยตามดิฉันมาใช่ไหม?”

 

‘เอาสิ! อยากให้ฉันเดาดีนัก ฉันจะทำให้นายขยะแขยงจนตายไปเลย!’

 

“ไม่ทราบว่าคุณหนูซวีเคยได้ยินภาษิตบทนี้ไหม?”

 

“ภาษิตอะไร?” ฉีเซิงถามอย่างระแวดระวัง

 

“ปลาหมอตายเพราะปาก”   ดวงตาคู่สวยของฉู่ถางหรี่ลง รอยยิ้มน้อยๆ เกลื่อนบนใบหน้าของเขา  อย่างไรก็ตามรอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปอันตราย   บรรยากาศรอบตัวเขากำจายด้วยกลิ่นอายข่มขู่   กดดันเสียแทบจะทำให้ผู้คนรอบข้างหายใจไม่ออก

 

ฉีเซิงเบนสายตาที่ประสานกับเขาออกคล้ายเป็นการยอมถอยให้เขา   ท่าทางของเธอเปลี่ยนเป็น ‘โหมดเลียแข้งเลียขา’ ในทันที “หือ? ตายจริง   วันนี้ดิฉันลืมกินยามาซะด้วยสิ   ถ้าอย่างไร  กรุณาอย่าถือสาคนไม่ได้รับยาอย่างดิฉันเลย”

 

“คุณป่วยเป็นโรคอะไร?”

 

“ดิฉันป่วยเป็นโรคที่มีชื่อว่า ‘ตกหลุมรักคุณฉู่ซินโดรม’ นะคะ ส่วนยารักษาโรคนี้ก็คือคุณฉู่” ฉีเซิงตอบด้วยท่าทางเหนียมอาย

 

ฉู่ถาง “………….”

 

อาจจะถือได้ว่าการพยายามจีบของฉีเซิงสำเร็จผล   หากสายตาของฉู่ถางไม่ได้ฉายแววบางอย่างที่ดูไม่ค่อยจะถูกต้องนัก

 

ผู้ช่วยและเหล่าบอดี้การ์ดผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างพากันหวาดผวา  ‘คุณหนูซวีช่างใจกล้าถึงขนาด   กล้าใช้มุกเสี่ยวกับนายท่าน!  พวกเราขอชื่นชมคุณจากใจจริง!   ไม่สิ ไม่ แค่ชื่นชมยังไม่พอ คุณหนูซวี!  ได้โปรดรับการคารวะจากพวกเราด้วย!!’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+