Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (2)

 

บทที่ 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย

 

ในระหว่างการถ่ายทําหลินซานซานพยายามหาโอกาสที่จะตบเธออีกครั้ง แต่ฉีเซิงก็เบี่ยงหลบได้ทุกครั้งทําให้หลินซานซานได้ตบเพียงอากาศผ่านไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบผู้กํากับเริ่มแผดเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทําของทั้งคู่ ทั้งหลินซานซานและฉีเซิงต่างก็ถูกตําหนิไปตามๆกัน แต่ฉีเซิงกลับไม่ได้รู้สึกกลัวหรือสนใจคําด่าทอพวกนั้นเลยเธอทําราวกับว่าคําตําหนิพวกนั้นเป็นแค่เสียงผายลมก็เท่านั้น

 

“ พวกคุณยังต้องการถ่ายทํากันต่อไหม! ถ้ายังเป็นกันอยู่แบบนี้ต่อให้ถ่ายต่อจนถึงพรุ่งนี้ก็คงไม่เสร็จ!!”

 

เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นยิ่งลุกโชนขึ้นในใจของหลินซานซานเจียงหวัน แกจะต้องชดใช้!

 

ในที่สุดการถ่ายทําฉากนี้ก็ผ่านไปด้วยความทุลักทุเล หลินซานซานมองเห็นหลังของฉีเซิงไวๆเดินไปทางห้องน้ําเธอรีบสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็วเมื่อถึงตัวเป้าหมายเธอก็ออกแรงผลักฉีเซิงจากทางด้านหลังอย่างแรงในทันที

 

“เจียงหวัน นี่แกตั้งใจใช่ไหม?!”

 

ดีที่ฉีเซิงจับขอบอ่างล้างหน้าไว้ทันก่อนที่เธอจะล้มหน้าคะเพราะแรงผลักเมื่อตั้งหลักได้เธอรีบหันหลังกลับพร้อมฟาดมือเรียวเข้าใส่ที่หน้าของหลินซานซานทันทีเธอมองหลินซานซานด้วยสายตาที่ดุดันและแข็งกระด้างก่อนที่จะพูดเย้ยๆว่า“ตบครั้งนี้ ฉันคืนให้เธอ!”

 

แรงตบประกอบกับคําพูดของฉีเพิ่งทําให้หลินซานซานนี่งตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบพุ่งเข้าหาฉีเซิงหมายกระชากหัวของเธอทันที

 

ด้านฉีเซิงเองเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับอยู่นานแล้วเธอเบี่ยงตัวหลบมือของหลินซานซานอย่างคล่องแคล่วแล้วเอี้ยวตัวหลบไปอยู่ทางด้านหลังของหลินซานซานแทนก่อนจะออกแรงผลักเธอออกไปจากห้องน้ำด้วยความว่าตรงประตูทางเข้าไม่ได้มีที่กําบังพอที่จะบดบังสายตาจากผู้คนภายนอกได้ ทําให้หลินซานซานที่โดนผลักกระเด็นออกไปไม่กล้าที่จะแสดงกริยาเกรี้ยวกราดแบบเมื่อกี้นี้มากนัก เพราะเธอยังต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดี ผิดกับฉีเซิงที่ทําตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

หลินซานซานพยายามสงบสติอารมณ์อย่างถึงที่สุดถึงแม้ภายในใจเธออยากจะระเบิดฉีเซิงให้แหลกเป็นจุนเมื่อหันกลับไปมองหน้าฉีเซิง

 

หลินซานซานรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วเจียงหวันเป็นคนขี้ขลาดแถมไม่สู้คน เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยรังแกเจียงหวันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยตอบโต้กลับ แล้วทําไมวันนี้จู่ๆเธอถึงลุกขึ้นมาตอบโต้ซะงั้นล่ะ?

 

หลังจากตบตีกับหลินซานซานเสร็จ ฉีเซิงก็รีบชิ่งหนีจากกองถ่ายทันที โดยไม่แม้แต่จะแจ้งใครในกองไว้เลยด้วยซ้ำ ก็ถ้าหากอีตาผู้กํากับเกิดฉุนขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ ก็ให้เขาไปเคลียร์กับตัวแทนของซีโม่เองละกันเธอไม่โง่อยู่ต่อให้คนด่าหรอก! ในเมื่อซีโม่ต้องการจะใช้งานเธอถ้าอย่างนั้นเธอก็จะใช้งานเขากลับเหมือนกัน เพราะเธอไม่ได้เหมือนกับยัยเจียงหวันจอมซื่อบื้อหรอกนะ ที่จะให้คนมาหลอกใช้ฟรีๆ!”

 

ฉีเซิงเริ่มสํารวจดูของในกระเป๋าของเจียงหวันก่อนจะพบสมุดบัญชีธนาคารเล่มหนึ่งวางอยู่ในนั้น เมื่อเช็คดูเห็นว่าไม่ได้มีการปรับบัญชีมาสักพักแล้ว เธอจึงตรงดิ่งไปที่ธนาคารเพื่อเช็คยอดเงินคงเหลือให้แน่ใจ และก็เป็นไปตามคาดเจียงหวันไม่ได้มีเงินเก็บมากนัก เธอมีเงินสะสมอยู่ในบัญชีเพียงแค่ 30,000 หยวนเท่านั้น ซึ่งนี่ถือว่าน้อยมากสําหรับคนที่ทํางานอยู่ในวงการบันเทิง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับฉีเซิงที่จะตั้งตัวด้วยทุนแค่ 30,000 อืม…เงินนี้ดูเหมือนจะน้อยไปหน่อยแฮะฉันคงต้องหาเงินมาเพิ่มสักหน่อยล่ะ?

 

ขณะที่ฉีเซิงกําลังคิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดีจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ฉีเซิงหยิบมือถือขึ้นมาเช็คก่อนจะกดตัดสายไปอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

 

ผู้จัดการของเธอยังคงโทรเข้ามาอีกประมาณสองสามสายก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบอร์ผู้ช่วยของเธอโทรมาแทนแต่ก็นั้นแหล่ะฉีเซิงก็โนสนโนแคร์เธอก็ยังคงกดตัดสายทุกครั้งอยู่ร่ำไป!

 

ทิ้งช่วงไปสักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งฉีเซิงกดตัดสายโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เธอจะได้เห็นว่าชื่อของคนที่โทรหาเธอในรอบนี้คือใครเธอจ้องมองโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะเริ่มพิมพ์ข้อความและส่งกลับ “เลิกบงการชีวิตฉันสักที!แล้วก็สังให้คนของคุณหยุดมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันด้วย!”

 

หลังจากส่งข้อความเสร็จฉีเซิงก็ปิดมือถือและยัดมันเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิมเธอต้องการที่จะเอาเรื่องทุกอย่างออกจากสมองและเริ่มวางแผนว่าจะเอายังไงกับชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ดีคิดได้ดังนั้นเธอก็มุ่งหน้ากลับยังอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอยู่ทัน

 

อพาร์ตเมนต์นี้บริษัทเป็นคนจัดการให้ก่อนหน้านี้เธอเองก็อาศัยอยู่รวมกับนักแสดงคนอื่นๆ แต่เมื่อเธอได้ตกลงที่จะเป็นแฟนกํามะลอให้ซีโม่แล้วเธอก็เลยได้อภิสิทธิ์ย้ายมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ส่วนตัวนี้แทนฉีเซิงค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องและเธอก็ไม่แปลกใจเลยที่เห็นว่ามีใครบางคนกําลังนั่งรอเธออยู่เธอคิดเอาไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนมาสิแปลก!

 

คนที่นั่งอยู่ในห้องคือมิลาน ผู้จัดการส่วนตัวของฉันเองเธอเป็นสาวมั่นอายุราวๆ 30 ปี ผมสั้นประบ่าที่ถูกเซ็ตมาแบบเนี้ยบเป๊ะรับกับชุดสูทยี่ห้อดังที่เธอใส่ยิ่งทําให้เธอดูเป็นมืออาชีพ

 

“นึกว่าคุณจะไม่รู้ทางกลับห้องซะอีก?” มิลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ข่มความโกรธไว้เต็มที่ “คุณรู้ไหมว่าวันนี้ฉันโทรหาคุณไปกี่ครั้ง?”

 

“อ่า…แล้วยังไงเหรอ?” ฉีเซิงตอบกลับด้วยท่าทางยียวน

 

จริงๆแล้วมิลานเป็นถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถพอตัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เธอไม่เคยใช้สิ่งที่มีผลักดันเจียงหวันให้ก้าวหน้าในวงการบันเทิงอย่างแท้จริงเลยเธอเอาแต่ดูถูกเจียงหวันด้วยซ้ำไม่งั้นเธอคงไม่เลือกบทละครที่น่าสมเพศนี้ให้เจียงหวันหรอก

 

ยกตัวอย่างเรื่องที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆเลย จริงๆแล้ววันนี้มิลานจะต้องไปดูแลเจียงหวันที่กองถ่าย แต่เธอกลับอ้างว่ามีธุระต้องไปดูแลนักแสดงคนอื่นและปล่อยให้เธอไปคนเดียว 

 

ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวของมิลานในตอนนี้คือ“ทําไมเจียงหวันผิดแปลกไปจากที่เคยเป็นก่อนหน้านี้นัก” เธอขมวดคิ้วและเริ่มพิจารณาเจียงหวันอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยอาชีพของเธอทําให้เธอสามารถที่จําแนกบุคลิกของแต่ละคนได้แม้ว่าเจียงหวันจะเป็นเด็กสาวรูปร่างดี หน้าตาสะสวยแต่กลับเป็นคนขี้ขลาดและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยทําให้เธอถูกคนรอบๆตัวดูถูกและรังแกเป็นประจํา

 

แต่เจียงหวันที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอกําลังอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางประดุจนางพญาทั้งออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเธอราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด แววตาที่ดูมุ่งมั่นและสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่นใดๆ

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ยังเหมือนเดิมของเจียงหวันเธอคงไม่มีทางเชื่อแน่ๆว่านี่คือเจียงหวัน

 

“ ฉันจะไม่แสดงเรื่อง ( City-Topping) ต่อแล้วนะช่วยจัดการยกเลิกให้ฉันด้วย” ฉีเซิงเอ่ยปากพูดก่อนเมื่อเธอสังเกตเห็นว่ามิลานกําลังจ้องเธออยู่อย่างเงียบๆ( City-Toppling) คือชื่อของละครโทรทัศน์แนวย้อนยุคที่เธอเพิ่งเข้าฉากมา

 

มิลานหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนเอ่ยถามเธอด้วยใบหน้าที่งงงวยว่า “ทําไมล่ะทําไมคุณถึงจะไม่แสดงต่อ?

 

“ ก็ฉันไม่ชอบ” ละครห่วยๆแบบนี้เล่นไปก็คงเปลืองตัวรายได้ก็ไม่เท่าไหร่ สู้ไปถ่ายพวกภาพยนตร์ดีกว่า เงินค่าจ้างก็หนากว่าด้วย อีกทั้งหนึ่งในความปรารถนาของเจียงหวันคือการได้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นก็ตัดละครห่วยๆเรื่องนี้ไปเลย เดี๋ยวจะมาเป็นรอยด่างพร้อยซะเปล่าๆ

 

มิลานทําท่าราวกับว่าเธอเพิ่งจะได้ฟังเรื่องตลกๆมา “เจียงหวันคุณคิดว่าคุณเป็นใคร? แค่เพราะคุณบอกว่าไม่ชอบแล้วก็จะไปยกเลิกเขาง่ายๆแบบนี้ได้เหรอ? คุณคิดว่าพ่อแม่คุณเป็นเจ้าของละครเรื่องนี้หรือยังไง?!”

 

“ไม่มีสิ่งไหนในโลกนี้ที่หรอกนะที่แค่เธอพูดว่า “ฉันไม่ชอบ” แล้วเธอก็ไม่ต้องทํามันหรอกนะ! ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะมาดูแลเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ทําไงได้เมื่อมันเป็นคําสั่งจากเบื้องบนที่ฉันขัดไม่ได้ “

 

“ ก็ไม่รู้สินะ นั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องจัดการแต่ที่แน่ๆฉันจะไม่ไปที่กองถ่ายอีกแล้ว”

 

“ เจียงหวัน !!” มิลานแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธที่กลั้นไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยชอบเลยที่ต้องได้มาดูแลแม่ดาราสมองนิ่มคนนี้ แถมตอนนี้หล่อนยังไม่เชื่อฟังเธออีก

 

ฉีเซิงลูบติ่งหูของตัวเองเล่นเบาๆ พรางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า “ นี่พี่มิลานคนสวย ฉันว่าพี่เอาเวลาที่มาตะโกนด่าฉันไปคิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

 

มิลานพยายามข่มใจตัวเองและเริ่มพูดกับฉีเซิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมาหน่อย “เจียงหวันคุณก็รู้ว่า (CityToppling) ถ่ายทํามาได้จวนจะกลางเรื่องแล้วคุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าทางเราขอถอนตัวตอนนี้จะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจํานวนมากแค่ไหนแล้วคุณเองก็พึ่งจะเข้ามาทํางานในบริษัทได้ไม่นานคุณจะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจํานวนมากขนาดนั้นได้เหรอ?แถมเรื่องนี้อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของคุณก็ได้นะคุณต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะทําอะไรลงไปนี่ก็เพื่ออนาคตของคุณเอง”

 

“ ฉันไม่ถ่าย”

 

“ เจียงหวันคุณยังถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการถ้าคุณยังยืนยันที่จะทําแบบนี้ บริษทก็คงจะต้องพิจารณาใหม่เช่นกันเรื่องการสนับสนุนและผลักดันคุณ!”

 

“ ยังไงฉันก็ไม่ถ่าย”

 

ไม่ว่ามิลานจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอยังไงฉีเซิงก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจ เธอยังตอบแต่คําเดิมๆซ้ำๆ จนทําให้มีลานโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และหลังจากที่มิลานออกไปจากห้องได้ไม่นานซีโม่ก็โทรเข้ามา ฉีเซิงปลายตามองและปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่ครู่นึงประมาณ 30 วินาที ก่อนที่เธอจะกดรับสาย

 

ทําไมคุณถึงไม่อยากแสดงต่อล่ะ?” เสียงหยาบค่อนข้างแหบของซีโม่เอ่ยถามเธอน้ำเสียงของเขาราวกับมีมนตร์วิเศษ ที่หากใครได้ยินก็คงทําให้หลงใหลเขาได้ไม่ยาก

 

“ ก็แค่ไม่ชอบ เลยไม่อยากเล่นต่อ” ฉีเซิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ขณะที่ปลายสายเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงเซ็งแซ่เหมือนกับว่าเขากําลังยุ่งอยู่

 

“อ๊า… ดูเหมือนว่าคนเห็นแก่ตัวคนนี้จะคิดว่า “โล่” ของเขานั้นสําคัญมากทีเดียวถึงขั้นที่ต้องปลีกตัวจากงานที่แสนยุ่ง แล้วรีบโทรมาถามเธอด้วยตัวเอง! ฉีเซิงยิ้มย่องในใจก่อนโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงนอนและเอื้อมหยิบโน้ตบุ๊คที่หัวเตียงของเจียงหวัน

 

ฉีเซิงค้นชื่อของเจียงหวันในอินเตอร์เน็ตแต่ก็ไม่ได้เจอข่าวใหญ่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเธอมากนัก จากนั้นเธอก็คลิกเข้าไปดูละครเรื่องหนึ่งที่เจียงหวันเคยแสดงไว้จากที่ดูทักษะการแสดงของเจียงหวันก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวแต่เพราะเป็นละครแนววัยรุ่น ดังนั้นทักษะการแสดงจึงไม่สําคัญเท่าไหร่ เพราะเน้นเรื่องหน้าตามากกว่า

 

จากนั้นเธอก็ค้นหา “ตงฟงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์” และ “ซีโม่” เพื่อให้เธอทําความรู้จักและมีข้อมูลในคลังเกี่ยวกับเขามากขึ้น

 

ฉีเซิงเหมือนจะจําได้ว่าเจียงหวันเองมีบัญชีเว่ยป๋อ เธอพยายามนึกข้อมูลในหัวของเธอครู่หนึ่งก่อนที่ล็อกอินเข้าสู่ระบบเมื่อเธอเข้าสู่ระบบสําเร็จ หน้าจอของเธอก็เป็นอันต้องค้างไปชั่วขณะ เนื่องจากมีแจ้งเตือนนับพันรายการต่างเด้งขึ้นมาอีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในตอนที่เธอกําลังดูอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (2)

 

บทที่ 22 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย

 

ในระหว่างการถ่ายทําหลินซานซานพยายามหาโอกาสที่จะตบเธออีกครั้ง แต่ฉีเซิงก็เบี่ยงหลบได้ทุกครั้งทําให้หลินซานซานได้ตบเพียงอากาศผ่านไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบผู้กํากับเริ่มแผดเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทําของทั้งคู่ ทั้งหลินซานซานและฉีเซิงต่างก็ถูกตําหนิไปตามๆกัน แต่ฉีเซิงกลับไม่ได้รู้สึกกลัวหรือสนใจคําด่าทอพวกนั้นเลยเธอทําราวกับว่าคําตําหนิพวกนั้นเป็นแค่เสียงผายลมก็เท่านั้น

 

“ พวกคุณยังต้องการถ่ายทํากันต่อไหม! ถ้ายังเป็นกันอยู่แบบนี้ต่อให้ถ่ายต่อจนถึงพรุ่งนี้ก็คงไม่เสร็จ!!”

 

เปลวไฟแห่งความโกรธแค้นยิ่งลุกโชนขึ้นในใจของหลินซานซานเจียงหวัน แกจะต้องชดใช้!

 

ในที่สุดการถ่ายทําฉากนี้ก็ผ่านไปด้วยความทุลักทุเล หลินซานซานมองเห็นหลังของฉีเซิงไวๆเดินไปทางห้องน้ําเธอรีบสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็วเมื่อถึงตัวเป้าหมายเธอก็ออกแรงผลักฉีเซิงจากทางด้านหลังอย่างแรงในทันที

 

“เจียงหวัน นี่แกตั้งใจใช่ไหม?!”

 

ดีที่ฉีเซิงจับขอบอ่างล้างหน้าไว้ทันก่อนที่เธอจะล้มหน้าคะเพราะแรงผลักเมื่อตั้งหลักได้เธอรีบหันหลังกลับพร้อมฟาดมือเรียวเข้าใส่ที่หน้าของหลินซานซานทันทีเธอมองหลินซานซานด้วยสายตาที่ดุดันและแข็งกระด้างก่อนที่จะพูดเย้ยๆว่า“ตบครั้งนี้ ฉันคืนให้เธอ!”

 

แรงตบประกอบกับคําพูดของฉีเพิ่งทําให้หลินซานซานนี่งตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบพุ่งเข้าหาฉีเซิงหมายกระชากหัวของเธอทันที

 

ด้านฉีเซิงเองเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับอยู่นานแล้วเธอเบี่ยงตัวหลบมือของหลินซานซานอย่างคล่องแคล่วแล้วเอี้ยวตัวหลบไปอยู่ทางด้านหลังของหลินซานซานแทนก่อนจะออกแรงผลักเธอออกไปจากห้องน้ำด้วยความว่าตรงประตูทางเข้าไม่ได้มีที่กําบังพอที่จะบดบังสายตาจากผู้คนภายนอกได้ ทําให้หลินซานซานที่โดนผลักกระเด็นออกไปไม่กล้าที่จะแสดงกริยาเกรี้ยวกราดแบบเมื่อกี้นี้มากนัก เพราะเธอยังต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดี ผิดกับฉีเซิงที่ทําตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

หลินซานซานพยายามสงบสติอารมณ์อย่างถึงที่สุดถึงแม้ภายในใจเธออยากจะระเบิดฉีเซิงให้แหลกเป็นจุนเมื่อหันกลับไปมองหน้าฉีเซิง

 

หลินซานซานรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วเจียงหวันเป็นคนขี้ขลาดแถมไม่สู้คน เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยรังแกเจียงหวันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยตอบโต้กลับ แล้วทําไมวันนี้จู่ๆเธอถึงลุกขึ้นมาตอบโต้ซะงั้นล่ะ?

 

หลังจากตบตีกับหลินซานซานเสร็จ ฉีเซิงก็รีบชิ่งหนีจากกองถ่ายทันที โดยไม่แม้แต่จะแจ้งใครในกองไว้เลยด้วยซ้ำ ก็ถ้าหากอีตาผู้กํากับเกิดฉุนขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ ก็ให้เขาไปเคลียร์กับตัวแทนของซีโม่เองละกันเธอไม่โง่อยู่ต่อให้คนด่าหรอก! ในเมื่อซีโม่ต้องการจะใช้งานเธอถ้าอย่างนั้นเธอก็จะใช้งานเขากลับเหมือนกัน เพราะเธอไม่ได้เหมือนกับยัยเจียงหวันจอมซื่อบื้อหรอกนะ ที่จะให้คนมาหลอกใช้ฟรีๆ!”

 

ฉีเซิงเริ่มสํารวจดูของในกระเป๋าของเจียงหวันก่อนจะพบสมุดบัญชีธนาคารเล่มหนึ่งวางอยู่ในนั้น เมื่อเช็คดูเห็นว่าไม่ได้มีการปรับบัญชีมาสักพักแล้ว เธอจึงตรงดิ่งไปที่ธนาคารเพื่อเช็คยอดเงินคงเหลือให้แน่ใจ และก็เป็นไปตามคาดเจียงหวันไม่ได้มีเงินเก็บมากนัก เธอมีเงินสะสมอยู่ในบัญชีเพียงแค่ 30,000 หยวนเท่านั้น ซึ่งนี่ถือว่าน้อยมากสําหรับคนที่ทํางานอยู่ในวงการบันเทิง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับฉีเซิงที่จะตั้งตัวด้วยทุนแค่ 30,000 อืม…เงินนี้ดูเหมือนจะน้อยไปหน่อยแฮะฉันคงต้องหาเงินมาเพิ่มสักหน่อยล่ะ?

 

ขณะที่ฉีเซิงกําลังคิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดีจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ฉีเซิงหยิบมือถือขึ้นมาเช็คก่อนจะกดตัดสายไปอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ผู้จัดการส่วนตัวของเธอ

 

ผู้จัดการของเธอยังคงโทรเข้ามาอีกประมาณสองสามสายก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบอร์ผู้ช่วยของเธอโทรมาแทนแต่ก็นั้นแหล่ะฉีเซิงก็โนสนโนแคร์เธอก็ยังคงกดตัดสายทุกครั้งอยู่ร่ำไป!

 

ทิ้งช่วงไปสักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งฉีเซิงกดตัดสายโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เธอจะได้เห็นว่าชื่อของคนที่โทรหาเธอในรอบนี้คือใครเธอจ้องมองโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะเริ่มพิมพ์ข้อความและส่งกลับ “เลิกบงการชีวิตฉันสักที!แล้วก็สังให้คนของคุณหยุดมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันด้วย!”

 

หลังจากส่งข้อความเสร็จฉีเซิงก็ปิดมือถือและยัดมันเก็บเข้ากระเป๋าตามเดิมเธอต้องการที่จะเอาเรื่องทุกอย่างออกจากสมองและเริ่มวางแผนว่าจะเอายังไงกับชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ดีคิดได้ดังนั้นเธอก็มุ่งหน้ากลับยังอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอยู่ทัน

 

อพาร์ตเมนต์นี้บริษัทเป็นคนจัดการให้ก่อนหน้านี้เธอเองก็อาศัยอยู่รวมกับนักแสดงคนอื่นๆ แต่เมื่อเธอได้ตกลงที่จะเป็นแฟนกํามะลอให้ซีโม่แล้วเธอก็เลยได้อภิสิทธิ์ย้ายมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ส่วนตัวนี้แทนฉีเซิงค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องและเธอก็ไม่แปลกใจเลยที่เห็นว่ามีใครบางคนกําลังนั่งรอเธออยู่เธอคิดเอาไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนมาสิแปลก!

 

คนที่นั่งอยู่ในห้องคือมิลาน ผู้จัดการส่วนตัวของฉันเองเธอเป็นสาวมั่นอายุราวๆ 30 ปี ผมสั้นประบ่าที่ถูกเซ็ตมาแบบเนี้ยบเป๊ะรับกับชุดสูทยี่ห้อดังที่เธอใส่ยิ่งทําให้เธอดูเป็นมืออาชีพ

 

“นึกว่าคุณจะไม่รู้ทางกลับห้องซะอีก?” มิลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ข่มความโกรธไว้เต็มที่ “คุณรู้ไหมว่าวันนี้ฉันโทรหาคุณไปกี่ครั้ง?”

 

“อ่า…แล้วยังไงเหรอ?” ฉีเซิงตอบกลับด้วยท่าทางยียวน

 

จริงๆแล้วมิลานเป็นถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถพอตัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เธอไม่เคยใช้สิ่งที่มีผลักดันเจียงหวันให้ก้าวหน้าในวงการบันเทิงอย่างแท้จริงเลยเธอเอาแต่ดูถูกเจียงหวันด้วยซ้ำไม่งั้นเธอคงไม่เลือกบทละครที่น่าสมเพศนี้ให้เจียงหวันหรอก

 

ยกตัวอย่างเรื่องที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆเลย จริงๆแล้ววันนี้มิลานจะต้องไปดูแลเจียงหวันที่กองถ่าย แต่เธอกลับอ้างว่ามีธุระต้องไปดูแลนักแสดงคนอื่นและปล่อยให้เธอไปคนเดียว 

 

ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวของมิลานในตอนนี้คือ“ทําไมเจียงหวันผิดแปลกไปจากที่เคยเป็นก่อนหน้านี้นัก” เธอขมวดคิ้วและเริ่มพิจารณาเจียงหวันอย่างละเอียดอีกครั้งด้วยอาชีพของเธอทําให้เธอสามารถที่จําแนกบุคลิกของแต่ละคนได้แม้ว่าเจียงหวันจะเป็นเด็กสาวรูปร่างดี หน้าตาสะสวยแต่กลับเป็นคนขี้ขลาดและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยทําให้เธอถูกคนรอบๆตัวดูถูกและรังแกเป็นประจํา

 

แต่เจียงหวันที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอกําลังอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางประดุจนางพญาทั้งออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเธอราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด แววตาที่ดูมุ่งมั่นและสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่นใดๆ

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ยังเหมือนเดิมของเจียงหวันเธอคงไม่มีทางเชื่อแน่ๆว่านี่คือเจียงหวัน

 

“ ฉันจะไม่แสดงเรื่อง ( City-Topping) ต่อแล้วนะช่วยจัดการยกเลิกให้ฉันด้วย” ฉีเซิงเอ่ยปากพูดก่อนเมื่อเธอสังเกตเห็นว่ามิลานกําลังจ้องเธออยู่อย่างเงียบๆ( City-Toppling) คือชื่อของละครโทรทัศน์แนวย้อนยุคที่เธอเพิ่งเข้าฉากมา

 

มิลานหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนเอ่ยถามเธอด้วยใบหน้าที่งงงวยว่า “ทําไมล่ะทําไมคุณถึงจะไม่แสดงต่อ?

 

“ ก็ฉันไม่ชอบ” ละครห่วยๆแบบนี้เล่นไปก็คงเปลืองตัวรายได้ก็ไม่เท่าไหร่ สู้ไปถ่ายพวกภาพยนตร์ดีกว่า เงินค่าจ้างก็หนากว่าด้วย อีกทั้งหนึ่งในความปรารถนาของเจียงหวันคือการได้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นก็ตัดละครห่วยๆเรื่องนี้ไปเลย เดี๋ยวจะมาเป็นรอยด่างพร้อยซะเปล่าๆ

 

มิลานทําท่าราวกับว่าเธอเพิ่งจะได้ฟังเรื่องตลกๆมา “เจียงหวันคุณคิดว่าคุณเป็นใคร? แค่เพราะคุณบอกว่าไม่ชอบแล้วก็จะไปยกเลิกเขาง่ายๆแบบนี้ได้เหรอ? คุณคิดว่าพ่อแม่คุณเป็นเจ้าของละครเรื่องนี้หรือยังไง?!”

 

“ไม่มีสิ่งไหนในโลกนี้ที่หรอกนะที่แค่เธอพูดว่า “ฉันไม่ชอบ” แล้วเธอก็ไม่ต้องทํามันหรอกนะ! ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะมาดูแลเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ทําไงได้เมื่อมันเป็นคําสั่งจากเบื้องบนที่ฉันขัดไม่ได้ “

 

“ ก็ไม่รู้สินะ นั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องจัดการแต่ที่แน่ๆฉันจะไม่ไปที่กองถ่ายอีกแล้ว”

 

“ เจียงหวัน !!” มิลานแผดเสียงลั่นด้วยความโกรธที่กลั้นไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยชอบเลยที่ต้องได้มาดูแลแม่ดาราสมองนิ่มคนนี้ แถมตอนนี้หล่อนยังไม่เชื่อฟังเธออีก

 

ฉีเซิงลูบติ่งหูของตัวเองเล่นเบาๆ พรางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า “ นี่พี่มิลานคนสวย ฉันว่าพี่เอาเวลาที่มาตะโกนด่าฉันไปคิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

 

มิลานพยายามข่มใจตัวเองและเริ่มพูดกับฉีเซิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมาหน่อย “เจียงหวันคุณก็รู้ว่า (CityToppling) ถ่ายทํามาได้จวนจะกลางเรื่องแล้วคุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าทางเราขอถอนตัวตอนนี้จะต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจํานวนมากแค่ไหนแล้วคุณเองก็พึ่งจะเข้ามาทํางานในบริษัทได้ไม่นานคุณจะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจํานวนมากขนาดนั้นได้เหรอ?แถมเรื่องนี้อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของคุณก็ได้นะคุณต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะทําอะไรลงไปนี่ก็เพื่ออนาคตของคุณเอง”

 

“ ฉันไม่ถ่าย”

 

“ เจียงหวันคุณยังถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการถ้าคุณยังยืนยันที่จะทําแบบนี้ บริษทก็คงจะต้องพิจารณาใหม่เช่นกันเรื่องการสนับสนุนและผลักดันคุณ!”

 

“ ยังไงฉันก็ไม่ถ่าย”

 

ไม่ว่ามิลานจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอยังไงฉีเซิงก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจ เธอยังตอบแต่คําเดิมๆซ้ำๆ จนทําให้มีลานโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และหลังจากที่มิลานออกไปจากห้องได้ไม่นานซีโม่ก็โทรเข้ามา ฉีเซิงปลายตามองและปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่ครู่นึงประมาณ 30 วินาที ก่อนที่เธอจะกดรับสาย

 

ทําไมคุณถึงไม่อยากแสดงต่อล่ะ?” เสียงหยาบค่อนข้างแหบของซีโม่เอ่ยถามเธอน้ำเสียงของเขาราวกับมีมนตร์วิเศษ ที่หากใครได้ยินก็คงทําให้หลงใหลเขาได้ไม่ยาก

 

“ ก็แค่ไม่ชอบ เลยไม่อยากเล่นต่อ” ฉีเซิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ขณะที่ปลายสายเงียบไปชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงเซ็งแซ่เหมือนกับว่าเขากําลังยุ่งอยู่

 

“อ๊า… ดูเหมือนว่าคนเห็นแก่ตัวคนนี้จะคิดว่า “โล่” ของเขานั้นสําคัญมากทีเดียวถึงขั้นที่ต้องปลีกตัวจากงานที่แสนยุ่ง แล้วรีบโทรมาถามเธอด้วยตัวเอง! ฉีเซิงยิ้มย่องในใจก่อนโยนโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงนอนและเอื้อมหยิบโน้ตบุ๊คที่หัวเตียงของเจียงหวัน

 

ฉีเซิงค้นชื่อของเจียงหวันในอินเตอร์เน็ตแต่ก็ไม่ได้เจอข่าวใหญ่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเธอมากนัก จากนั้นเธอก็คลิกเข้าไปดูละครเรื่องหนึ่งที่เจียงหวันเคยแสดงไว้จากที่ดูทักษะการแสดงของเจียงหวันก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวแต่เพราะเป็นละครแนววัยรุ่น ดังนั้นทักษะการแสดงจึงไม่สําคัญเท่าไหร่ เพราะเน้นเรื่องหน้าตามากกว่า

 

จากนั้นเธอก็ค้นหา “ตงฟงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์” และ “ซีโม่” เพื่อให้เธอทําความรู้จักและมีข้อมูลในคลังเกี่ยวกับเขามากขึ้น

 

ฉีเซิงเหมือนจะจําได้ว่าเจียงหวันเองมีบัญชีเว่ยป๋อ เธอพยายามนึกข้อมูลในหัวของเธอครู่หนึ่งก่อนที่ล็อกอินเข้าสู่ระบบเมื่อเธอเข้าสู่ระบบสําเร็จ หน้าจอของเธอก็เป็นอันต้องค้างไปชั่วขณะ เนื่องจากมีแจ้งเตือนนับพันรายการต่างเด้งขึ้นมาอีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในตอนที่เธอกําลังดูอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+