Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย(7)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย(7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (7)

 

ดูเหมือนว่าพวกโจรและตํารวจจะเจรจาต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์น่าจะกําลังคลี่คลาย แต่จู่ๆก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ชายรูปร่างผอมกะหร่องคนหนึ่งซึ่งถ้าเธอจําไม่ผิดน่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาตัวประกันเหมือนกับเธอฉวยโอกาสตอนที่โจรไม่ทันระวังตัว กระโดดเข้าไปงับคอโจรซะอย่างนั้น

 

” อ๊าก!!” โจรผู้เคราะห์ร้ายร้องเสียงดังลั่นด้วยความ เจ็บปวด

 

“อ้าว… นี่จากนิยายแนวบันเทิงเริงใจ กลายเป็นนิยายเกี่ยวกับซอมบี้ไปแล้วเรอะ? แบบนี้ก็ได้หรอ?”

 

โจรที่พึ่งโดนกัดไปเดือดดาลเป็นอย่างมาก มันหันไปเตะชายผอมกะหร่องคนนั้นอย่างเต็มแรง จนร่างผอมลอยละลิ่วกระเด็นไปติดกําแพง ชายคนนั้นร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น จู่ๆชายคนเดิมก็ลุกขึ้นพลางกระโจนเข้าใส่โจรอีกครั้ง พร้อมทั้งตะโกนไปด้วยอย่างบ้าคลั่ง “ขยะสังคมอย่างพวกแกมันสมควรตาย! ไปตายซะไป! ฉันคนนี้จะผดุงความยุติธรรมให้โลกนี้เอง! เพราะฉันคือฮีโร่ผู้กอบกู้โลก! ฮีโร่มาแล้ววว…”

 

“อ้าวเห้ย! ไอ้นี่มันบ้านี่หว่า รีบพาตัวมันไปสิวะ!” โจรคนที่โดนทําร้าย ตวาดใส่เพื่อนโจรที่อยู่ข้างๆดังลั่นก่อนพวกโจรจะกรูเข้าหาชายคนนั้นเพื่อล็อกตัวเขาไว้ แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาดีดราวกับพึ่งโดีปยามาก็ไม่ปาน เขาพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับพวกโจร ทั้งถีบเตะต่อยล่าสุดวิ่งไล่งับแขนของโจรแล้วจ้า…เรียกได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

 

เมื่อเห็นว่าโจรกําลังวุ่นวายอยู่กับคนบ้า ก็มีคนใจกล้าบางส่วนใช้ช่วงชุลมุนนี้วิ่งไปที่หน้าประตูเพื่อช่วยเพื่อนตัวประกันด้วยกัน

 

ปัง! เสียงปืนดังขึ้น ชายร่างผอมกระตุกเฮือก เบิกตากว้างเริ่มถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากร่างกายของเขา ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่งราวกับว่ามีใครบางคนกดปุ่มหยุดชั่วค ราวไว้

 

“ใครสั่งให้แกยิง !” โจรที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งคํารามลั่น

 

“อ๊า! พวกเขากําลังจะฆ่าคนช่วยฉันด้วย !!!”

 

“ ฉัน – ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังมีพ่อแม่แก่ๆและลูกที่ยังเล็กอยู่ที่บ้านให้ดูแลได้โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถอะ…”

 

“ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ ปล่อยฉัน!”

 

ด้วยความตื่นตระหนก ผู้คนที่ก่อนหน้าเคยนั่งยองๆกันอยู่ก็พากันลุกฮือขึ้นมา ก่อนจะพากันวิ่งกรูไปที่หน้าร้านเพื่อหาทางออก พวกโจรเองก็ยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพวกมันเองก็ไม่ได้มีแผนที่จะฆ่าใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไวกว่าความคิดผู้คนในร้านก็กรูเข้ามา พวกมันเลยทําได้แค่เอาตัวบังทางออกไว้เพื่อไม่ให้มีใครหนีออกไปได้ก่อน

 

และบางทีพวกตัวประกันเองก็คงจะเดาได้ว่าพวกโจรไม่ได้กะจะฆ่าพวกเขาจริงๆ พวกเขาจึงมีความกล้ามากขึ้น บางคนใจกล้าถึงขนาดไปแย่งปืนกับโจรเลยทีเดียว ในช่วงที่กําลังโกลาหลมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เดินไปทางที่ฉีเซิงยืนอยู่ เนื่องจากการหนีออกไปทางหน้าต่างที่ตอนนี้กระจกแตกไปหมดแล้วน่าจะเร็วกว่าการออกทางประตูมาก

 

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที และในที่สุดเซี่ยเหมินก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง เธอกําลังจะเดินไปที่หน้าต่างแตกๆบานหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากเธอไปไม่ไกลนัก แต่อาจจะด้วยความกลัวและความเครียดที่สะสมมาก่อนหน้านี้ ทําให้ตอนที่เธอกําลังจะก้าวเดินอยู่ๆก็เหมือนขาจะไม่ค่อยมีแรง ก่อนเธอจะล้มพับลงไปกับพื้น

 

ปัง!! เสียงปืนอีกนัดดังขึ้น ฉีเซิงจับแขนของลู่ชิงหยุนแน่นด้วยความตกใจ ก่อนเสียงปืนอีกหลายนัดจะตามมา ใช่…พวกเขาเปิดฉากต่อสู้กันแล้ว เมื่อเริ่มตั้งสติได้ จังหวะนั้นเองฉีเพิ่งรีบดึงมือลู่ชิงหยุนให้ไปหลบอยู่ด้านข้าง ก่อนจะผลักเซี่ยเหมินออกไปอีกทางเพื่อหลบกระสุน แต่ถึงอย่างนั้นกระสุนก็ยังเฉียดไปโดนไหล่ของเธออยู่ดี

 

“ ออกไปทางนี้ได้!” ฉีเซิงชี้ไปที่ยังหน้าต่างที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเธอจะหันกลับมามองผู้ชายข้างๆที่แม้ว่าตอนนี้จะกําลังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายและอันตรายแค่ไหน แต่กลับยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มซึ่งทําให้คนที่กําลังกลัวๆอยู่หายกลัวได้เป็นปลิดทิ้งเชียวล่ะ

 

ฉีเพิ่งรีบส่ายหัวไล่ความคิด ก่อนจะดึงมือลู่ชิงหยุนและรีบวิ่งไปที่หน้าต่างบานนั้น และเมื่อถึงที่ทั้งสองคนก็กระโดดข้ามขอบหน้าต่างออกไปก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังไล่หลังมา ตํารวจประมาณสองสามนายรีบเข้ามาพยุงพวกเขา ก่อนจะพาเข้าไปหลบยังที่ปลอดภัย

 

“คุณเพิ่งจะช่วยชีวิตเธอ” คู่ชิงหยุนพูดพลางยืนพิงรถตํารวจด้วยท่าทางสบายๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองหญิงสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้ลงไปนั่งแหมะกับพื้นโดยไม่สนภาพลักษณ์อะไรแล้ว

 

ฉีเซิงหัวเราะเบาๆพลางเกลี้ยหน้าม้าของตัวเองให้เขาที่ก่อนจะตอบว่า “ก็การช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีกนะ”

 

ในเนื้อเรื่องเดิมเซี่ยเหมินคือคนที่จะช่วยชีวิตลู่ชิงหยุนจากการถูกยิงในครั้งนี้ และแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ลู่ชิงหยุนก็ถือว่าเธอได้ช่วยเขา และนั้นก็เป็นช่วงที่เขาได้เริ่มเข้าไปทําความรู้จักเธอ และถึงแม้ว่าการที่เขาเข้าไปตีสนิทกับเธอจะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ช่วยผลักดันให้เซี่ยเหมินได้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการ

 

ลู่ชิงหยุนยังคงรู้สึกงุนงง เพราะเขายังจําได้อยู่เลยว่าก่อนหน้านี้เธอพึ่งจะยุให้เขาลองไปฆ่าเซี่ยเหมินเพื่อพิสูจน์อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาพูดทํานองว่า การช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น? อะไรของเธอเนี้ย

 

เขามองไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้กําลังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่กลัวอะไรบ้างเลยเหรอเนี่ย? ขณะนั้นในดวงตามืดมนของเขาราวกับว่ามีดอกไม้จํานวนนับไม่ถ้วนกําลังเบ่งบานระลอกคลื่นในใจเริ่มก่อตัวขึ้น มุมปากของเขาค่อยๆยกขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ตํารวจที่อยู่รอบๆมองไปที่เขาด้วยความสงสัย “อะไรถึงสามารถสร้างให้คนๆหนึ่งงดงามได้ขนาดนี้กันนะ?

 

พวกโจรถูกตํารวจจัดการเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว ตัวประกันทั้งหมดที่อยู่ในร้านกาแฟยกเว้นคนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกพาตัวไปยังสถานีตํารวจเพื่อสอบปากคํา และเมื่อฉีเซิงออกมาจากสถานีตํารวจฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว

 

ถังหยินกําลังยืนพิงรถพร้อมสูบบุหรี่ไปด้วยขณะที่รอเธออยู่หน้าโรงพัก แต่เมื่อเห็นว่าเธอกําลังเดินออกมาแล้วเขาถึงดับบุหรี่ในมือลง ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย ก่อนเขาจะถามเธอด้วยน้ำที่ไม่เร่งเร่าเหมือนเคย เพียงแต่ครั้งนี้ดูจะซีเรียสขึ้นมาหน่อย “คุณเพิ่งจะทําเรื่องอึกทึกครึกโครมไปเมื่อตอนบ่าย”

 

“นักข่าวรู้เรื่องไหม?” ฉีเซิงกระพริบตาปริบๆ “ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันเป็นแค่เด็กสาวไร้เดียงสาเข้าใจมั้ย?”

 

“ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว” ถังหยินถอนหายใจ ทีมสนับสนุนชั้นยอดไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นไม้ประดับ คุณเองก็น่าจะรู้

 

ขณะที่พวกเขากําลังจะกลับ ฉีเซิงก็มองไปเห็นว่าลู่ชิงหยุนกําลังเดินออกมาจากสถานีตํารวจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขาพลางถามด้วยน้ำเสียงสดใส“คุณลู่ คุณอยากให้ฉันไปส่งคุณไหม?”

 

ลู่ชิงหยุนมองไปที่ฉีเซิง ก่อนจะยิ้มและพูดอย่างชัดเจนว่า “ไม่เป็นไร”

 

หลังจากนั้นเขาก็เดินผ่านหน้าฉีเพิ่งไปอย่างหน้าตา เฉย….

 

ใช่ เขาไปแล้ว…..

 

“เอาจริงดิ๊ ไอ้บ้านั่นปฏิเสธเธอ?”

 

“คุณเจียง คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าผู้ชายที่เพิ่งจะเดินผ่านไปเมื่อกี้เป็นใคร?” ถังหยินผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฉีเซิงเอ่ยถามขึ้น

 

ตอนที่ทั้งคู่คุยกัน ถังหยินอยู่ห่างจากพวกเขาพอสมควร และด้วยแสงไฟที่ไม่ค่อยสว่างมากนักเลยทําให้เขามองเห็นไม่ชัดว่าฉีเซิงกําลังคุยอยู่กับใคร พอมองออกเพียงแค่ว่าเป็นผู้ชาย และอีกอย่างตอนที่เขาเดินผ่านหน้าฉีเพิ่งไป เขาเดินไปคนละด้านกับที่ถังหยินยืนอยู่ ทําให้เขามองไม่เห็นหน้าของผู้ชายคนนั้น

 

“ผู้อุปถัมภ์!” ฉีเซิงตอบกลับอย่างทันควัน

 

“อะไรนะ?” “ผู้อุปถัมภ์? ดาราในความดูแลของเขามีผู้อุปถัมภ์?”

 

ฉีเซิงส่ายหัวเหมือนจะปฏิเสธสิ่งที่พูดไปก่อนหน้า

 

ถังหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องธรรมดาในแวดวงนี้แต่มันก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อนักแสดงในท้ายที่สุดอย่างไรก็ตามเขาโล่งอกได้แค่ชั่วครู่เดียว ก่อนเขาจะได้ยินเธอพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ เขายังไม่ใช่ผู้อุปถัมภ์ของฉันในตอนนี้หรอก แต่เขาจะเป็นผู้อุปถัมภ์ในอนาคตของฉัน!”

 

ฟิ้ววววว~

 

ถังหยินเกือบจะกระอักเลือด “ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อทรมานเขาใช่มั้ย?”

 

ตอนนี้ “ผู้อุปถัมภ์ในอนาคต” ลู่ชิงหยุนกําลังนั่งเอนกายพิงพนักพิงในรถดวงตาของเขากําลังยิ้มและดูเหมือนว่าเขากําลังมีความสุขมาก

 

ผู้ชายที่กําลังขับรถอยู่เหลือบมองไปที่เขาราวๆสองสามครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น” ลู่ชิงหยุน นายยิ้มทําไม? นี่มันดึกมากแล้วนะ นายกําลังพยายามจะทําให้ฉันตกใจกลัวตายหรือไง?”

 

อย่างไรก็ตามไม่มีเสียงตอบกลับจากลู่ชิงหยุน ในรถมีเพียงเสียงเพลงคลอเบาๆ ชายคนนั้นราวกับจะคุ้นเคยกับการที่ไม่ได้รับคําตอบจากเขา ก่อนเขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นายเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศแต่ดันได้ไปเที่ยวเล่นที่สถานีตํารวจซะแล้ว ฉันเคยบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าสร้างบัญหาให้ฉันเนี้ย ที่นี้ไม่เหมือนกับต่างประเทศนะ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปประกันตัวนายได้ตลอดน เพราะฉะนั้นห้ามก่อเรื่องอีกเข้าใจไหม ”

 

“ เรื่องนี้ก็ต้องโทษนาย ใครใช้ให้นายมาช้าวันนี้ฉันเลยต้องเสียเวลารออยู่นั้นตั้งนาน”

 

ชายผู้นั้นนิ่งงันกับคําพูดของลู่ชิงหยุนอยู่ครู่หนึ่ง เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าลู่ชิงหยุนจะโชคร้ายขนาดนี้ ที่ต้องโดนโจรปล้นธนาคารจับไปเป็นตัวประกัน นี่มันเป็นคราวเคราะห์ หรือ เพราะอะไร ?

 

“นายพอจะรู้ไหมว่าผู้หญิงที่อยู่กับฉันวันนี้เป็นใคร?” ลู่ชิงหยุนหันมาถามเขา ดวงตาที่กําลังมองมาคู่นั้นราวกับเป็นชิ้นหยกสีนิลที่สวยที่สุดในโลก ในยามเมื่อพวกมันส่องแสงเปล่งประกายออกมา

 

“คนไหน?” ชายคนนั้นตอบแบบไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะหันไปจ้องลู่ชิงหยุนด้วยความประหลาดใจ “ เดี๋ยวนะ นี่นายกําลังถามฉันถึงเรื่องผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ? นี่ฉันคิดว่านายเป็นเกย์ไปแล้วนะเนี้ยจนตอนนี้ฉันเริ่มจะทําใจให้ยอมรับมันแล้วถ้านายยังไม่แต่งงานภายในปีหรือสองปีนี้ แต่ที่นายถามเมื่อกี้นี้คือ? นายเริ่มจะสนใจเพศตรงข้ามขึ้นมาแล้วใช่ไหมเนี้ย?”

 

“รายได้ต่อปีของบริษัทจะแปรผกผันกับจํานวนเรื่องไร้สาระที่นายพูด”

 

“ ลู่ชิงหยุน นายจะดูเหมือนคนปกติมากกว่าถ้านายไม่เอ่ยปากพูด” ชายคนนั้นพูดเสียงลอดไรฟันขณะที่จ้องมองลู่ชิงหยุน เจ้านี่มันน่าโมโหจริงๆ แต่ติดที่มันดันหน้าตาดี

 

“เมื่อนายพูดนายก็เหมือนกับ” ลู่ชิงหยุนหยุดพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ “ -เป็นบ้าคนบ้า”

 

เขาทุบไปที่อกเบาๆเพื่อระงับความโกรธ “ฮึ่ม…รู้งี้น่าจะปล่อยมันไว้คนเดียวซะก็ดี ไม่น่าไปรับมันเล้ยยยย…..นี่คือสิ่งที่เขาต้องเจอเพราะเขาไม่คิดให้ดีๆก่อนใช่ไหมเนี่ย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย(7)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย(7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 27 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (7)

 

ดูเหมือนว่าพวกโจรและตํารวจจะเจรจาต่อรองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์น่าจะกําลังคลี่คลาย แต่จู่ๆก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ชายรูปร่างผอมกะหร่องคนหนึ่งซึ่งถ้าเธอจําไม่ผิดน่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาตัวประกันเหมือนกับเธอฉวยโอกาสตอนที่โจรไม่ทันระวังตัว กระโดดเข้าไปงับคอโจรซะอย่างนั้น

 

” อ๊าก!!” โจรผู้เคราะห์ร้ายร้องเสียงดังลั่นด้วยความ เจ็บปวด

 

“อ้าว… นี่จากนิยายแนวบันเทิงเริงใจ กลายเป็นนิยายเกี่ยวกับซอมบี้ไปแล้วเรอะ? แบบนี้ก็ได้หรอ?”

 

โจรที่พึ่งโดนกัดไปเดือดดาลเป็นอย่างมาก มันหันไปเตะชายผอมกะหร่องคนนั้นอย่างเต็มแรง จนร่างผอมลอยละลิ่วกระเด็นไปติดกําแพง ชายคนนั้นร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น จู่ๆชายคนเดิมก็ลุกขึ้นพลางกระโจนเข้าใส่โจรอีกครั้ง พร้อมทั้งตะโกนไปด้วยอย่างบ้าคลั่ง “ขยะสังคมอย่างพวกแกมันสมควรตาย! ไปตายซะไป! ฉันคนนี้จะผดุงความยุติธรรมให้โลกนี้เอง! เพราะฉันคือฮีโร่ผู้กอบกู้โลก! ฮีโร่มาแล้ววว…”

 

“อ้าวเห้ย! ไอ้นี่มันบ้านี่หว่า รีบพาตัวมันไปสิวะ!” โจรคนที่โดนทําร้าย ตวาดใส่เพื่อนโจรที่อยู่ข้างๆดังลั่นก่อนพวกโจรจะกรูเข้าหาชายคนนั้นเพื่อล็อกตัวเขาไว้ แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาดีดราวกับพึ่งโดีปยามาก็ไม่ปาน เขาพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับพวกโจร ทั้งถีบเตะต่อยล่าสุดวิ่งไล่งับแขนของโจรแล้วจ้า…เรียกได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

 

เมื่อเห็นว่าโจรกําลังวุ่นวายอยู่กับคนบ้า ก็มีคนใจกล้าบางส่วนใช้ช่วงชุลมุนนี้วิ่งไปที่หน้าประตูเพื่อช่วยเพื่อนตัวประกันด้วยกัน

 

ปัง! เสียงปืนดังขึ้น ชายร่างผอมกระตุกเฮือก เบิกตากว้างเริ่มถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากร่างกายของเขา ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่งราวกับว่ามีใครบางคนกดปุ่มหยุดชั่วค ราวไว้

 

“ใครสั่งให้แกยิง !” โจรที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งคํารามลั่น

 

“อ๊า! พวกเขากําลังจะฆ่าคนช่วยฉันด้วย !!!”

 

“ ฉัน – ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังมีพ่อแม่แก่ๆและลูกที่ยังเล็กอยู่ที่บ้านให้ดูแลได้โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถอะ…”

 

“ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ ปล่อยฉัน!”

 

ด้วยความตื่นตระหนก ผู้คนที่ก่อนหน้าเคยนั่งยองๆกันอยู่ก็พากันลุกฮือขึ้นมา ก่อนจะพากันวิ่งกรูไปที่หน้าร้านเพื่อหาทางออก พวกโจรเองก็ยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพวกมันเองก็ไม่ได้มีแผนที่จะฆ่าใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไวกว่าความคิดผู้คนในร้านก็กรูเข้ามา พวกมันเลยทําได้แค่เอาตัวบังทางออกไว้เพื่อไม่ให้มีใครหนีออกไปได้ก่อน

 

และบางทีพวกตัวประกันเองก็คงจะเดาได้ว่าพวกโจรไม่ได้กะจะฆ่าพวกเขาจริงๆ พวกเขาจึงมีความกล้ามากขึ้น บางคนใจกล้าถึงขนาดไปแย่งปืนกับโจรเลยทีเดียว ในช่วงที่กําลังโกลาหลมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เดินไปทางที่ฉีเซิงยืนอยู่ เนื่องจากการหนีออกไปทางหน้าต่างที่ตอนนี้กระจกแตกไปหมดแล้วน่าจะเร็วกว่าการออกทางประตูมาก

 

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที และในที่สุดเซี่ยเหมินก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง เธอกําลังจะเดินไปที่หน้าต่างแตกๆบานหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากเธอไปไม่ไกลนัก แต่อาจจะด้วยความกลัวและความเครียดที่สะสมมาก่อนหน้านี้ ทําให้ตอนที่เธอกําลังจะก้าวเดินอยู่ๆก็เหมือนขาจะไม่ค่อยมีแรง ก่อนเธอจะล้มพับลงไปกับพื้น

 

ปัง!! เสียงปืนอีกนัดดังขึ้น ฉีเซิงจับแขนของลู่ชิงหยุนแน่นด้วยความตกใจ ก่อนเสียงปืนอีกหลายนัดจะตามมา ใช่…พวกเขาเปิดฉากต่อสู้กันแล้ว เมื่อเริ่มตั้งสติได้ จังหวะนั้นเองฉีเพิ่งรีบดึงมือลู่ชิงหยุนให้ไปหลบอยู่ด้านข้าง ก่อนจะผลักเซี่ยเหมินออกไปอีกทางเพื่อหลบกระสุน แต่ถึงอย่างนั้นกระสุนก็ยังเฉียดไปโดนไหล่ของเธออยู่ดี

 

“ ออกไปทางนี้ได้!” ฉีเซิงชี้ไปที่ยังหน้าต่างที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนเธอจะหันกลับมามองผู้ชายข้างๆที่แม้ว่าตอนนี้จะกําลังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายและอันตรายแค่ไหน แต่กลับยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มซึ่งทําให้คนที่กําลังกลัวๆอยู่หายกลัวได้เป็นปลิดทิ้งเชียวล่ะ

 

ฉีเพิ่งรีบส่ายหัวไล่ความคิด ก่อนจะดึงมือลู่ชิงหยุนและรีบวิ่งไปที่หน้าต่างบานนั้น และเมื่อถึงที่ทั้งสองคนก็กระโดดข้ามขอบหน้าต่างออกไปก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังไล่หลังมา ตํารวจประมาณสองสามนายรีบเข้ามาพยุงพวกเขา ก่อนจะพาเข้าไปหลบยังที่ปลอดภัย

 

“คุณเพิ่งจะช่วยชีวิตเธอ” คู่ชิงหยุนพูดพลางยืนพิงรถตํารวจด้วยท่าทางสบายๆ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองหญิงสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้ลงไปนั่งแหมะกับพื้นโดยไม่สนภาพลักษณ์อะไรแล้ว

 

ฉีเซิงหัวเราะเบาๆพลางเกลี้ยหน้าม้าของตัวเองให้เขาที่ก่อนจะตอบว่า “ก็การช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีกนะ”

 

ในเนื้อเรื่องเดิมเซี่ยเหมินคือคนที่จะช่วยชีวิตลู่ชิงหยุนจากการถูกยิงในครั้งนี้ และแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ลู่ชิงหยุนก็ถือว่าเธอได้ช่วยเขา และนั้นก็เป็นช่วงที่เขาได้เริ่มเข้าไปทําความรู้จักเธอ และถึงแม้ว่าการที่เขาเข้าไปตีสนิทกับเธอจะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ช่วยผลักดันให้เซี่ยเหมินได้ขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการ

 

ลู่ชิงหยุนยังคงรู้สึกงุนงง เพราะเขายังจําได้อยู่เลยว่าก่อนหน้านี้เธอพึ่งจะยุให้เขาลองไปฆ่าเซี่ยเหมินเพื่อพิสูจน์อยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาพูดทํานองว่า การช่วยชีวิตคนได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น? อะไรของเธอเนี้ย

 

เขามองไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้กําลังเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่กลัวอะไรบ้างเลยเหรอเนี่ย? ขณะนั้นในดวงตามืดมนของเขาราวกับว่ามีดอกไม้จํานวนนับไม่ถ้วนกําลังเบ่งบานระลอกคลื่นในใจเริ่มก่อตัวขึ้น มุมปากของเขาค่อยๆยกขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ตํารวจที่อยู่รอบๆมองไปที่เขาด้วยความสงสัย “อะไรถึงสามารถสร้างให้คนๆหนึ่งงดงามได้ขนาดนี้กันนะ?

 

พวกโจรถูกตํารวจจัดการเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว ตัวประกันทั้งหมดที่อยู่ในร้านกาแฟยกเว้นคนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกพาตัวไปยังสถานีตํารวจเพื่อสอบปากคํา และเมื่อฉีเซิงออกมาจากสถานีตํารวจฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว

 

ถังหยินกําลังยืนพิงรถพร้อมสูบบุหรี่ไปด้วยขณะที่รอเธออยู่หน้าโรงพัก แต่เมื่อเห็นว่าเธอกําลังเดินออกมาแล้วเขาถึงดับบุหรี่ในมือลง ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย ก่อนเขาจะถามเธอด้วยน้ำที่ไม่เร่งเร่าเหมือนเคย เพียงแต่ครั้งนี้ดูจะซีเรียสขึ้นมาหน่อย “คุณเพิ่งจะทําเรื่องอึกทึกครึกโครมไปเมื่อตอนบ่าย”

 

“นักข่าวรู้เรื่องไหม?” ฉีเซิงกระพริบตาปริบๆ “ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันเป็นแค่เด็กสาวไร้เดียงสาเข้าใจมั้ย?”

 

“ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว” ถังหยินถอนหายใจ ทีมสนับสนุนชั้นยอดไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นไม้ประดับ คุณเองก็น่าจะรู้

 

ขณะที่พวกเขากําลังจะกลับ ฉีเซิงก็มองไปเห็นว่าลู่ชิงหยุนกําลังเดินออกมาจากสถานีตํารวจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขาพลางถามด้วยน้ำเสียงสดใส“คุณลู่ คุณอยากให้ฉันไปส่งคุณไหม?”

 

ลู่ชิงหยุนมองไปที่ฉีเซิง ก่อนจะยิ้มและพูดอย่างชัดเจนว่า “ไม่เป็นไร”

 

หลังจากนั้นเขาก็เดินผ่านหน้าฉีเพิ่งไปอย่างหน้าตา เฉย….

 

ใช่ เขาไปแล้ว…..

 

“เอาจริงดิ๊ ไอ้บ้านั่นปฏิเสธเธอ?”

 

“คุณเจียง คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าผู้ชายที่เพิ่งจะเดินผ่านไปเมื่อกี้เป็นใคร?” ถังหยินผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฉีเซิงเอ่ยถามขึ้น

 

ตอนที่ทั้งคู่คุยกัน ถังหยินอยู่ห่างจากพวกเขาพอสมควร และด้วยแสงไฟที่ไม่ค่อยสว่างมากนักเลยทําให้เขามองเห็นไม่ชัดว่าฉีเซิงกําลังคุยอยู่กับใคร พอมองออกเพียงแค่ว่าเป็นผู้ชาย และอีกอย่างตอนที่เขาเดินผ่านหน้าฉีเพิ่งไป เขาเดินไปคนละด้านกับที่ถังหยินยืนอยู่ ทําให้เขามองไม่เห็นหน้าของผู้ชายคนนั้น

 

“ผู้อุปถัมภ์!” ฉีเซิงตอบกลับอย่างทันควัน

 

“อะไรนะ?” “ผู้อุปถัมภ์? ดาราในความดูแลของเขามีผู้อุปถัมภ์?”

 

ฉีเซิงส่ายหัวเหมือนจะปฏิเสธสิ่งที่พูดไปก่อนหน้า

 

ถังหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องธรรมดาในแวดวงนี้แต่มันก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อนักแสดงในท้ายที่สุดอย่างไรก็ตามเขาโล่งอกได้แค่ชั่วครู่เดียว ก่อนเขาจะได้ยินเธอพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ เขายังไม่ใช่ผู้อุปถัมภ์ของฉันในตอนนี้หรอก แต่เขาจะเป็นผู้อุปถัมภ์ในอนาคตของฉัน!”

 

ฟิ้ววววว~

 

ถังหยินเกือบจะกระอักเลือด “ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อทรมานเขาใช่มั้ย?”

 

ตอนนี้ “ผู้อุปถัมภ์ในอนาคต” ลู่ชิงหยุนกําลังนั่งเอนกายพิงพนักพิงในรถดวงตาของเขากําลังยิ้มและดูเหมือนว่าเขากําลังมีความสุขมาก

 

ผู้ชายที่กําลังขับรถอยู่เหลือบมองไปที่เขาราวๆสองสามครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น” ลู่ชิงหยุน นายยิ้มทําไม? นี่มันดึกมากแล้วนะ นายกําลังพยายามจะทําให้ฉันตกใจกลัวตายหรือไง?”

 

อย่างไรก็ตามไม่มีเสียงตอบกลับจากลู่ชิงหยุน ในรถมีเพียงเสียงเพลงคลอเบาๆ ชายคนนั้นราวกับจะคุ้นเคยกับการที่ไม่ได้รับคําตอบจากเขา ก่อนเขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นายเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศแต่ดันได้ไปเที่ยวเล่นที่สถานีตํารวจซะแล้ว ฉันเคยบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าสร้างบัญหาให้ฉันเนี้ย ที่นี้ไม่เหมือนกับต่างประเทศนะ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปประกันตัวนายได้ตลอดน เพราะฉะนั้นห้ามก่อเรื่องอีกเข้าใจไหม ”

 

“ เรื่องนี้ก็ต้องโทษนาย ใครใช้ให้นายมาช้าวันนี้ฉันเลยต้องเสียเวลารออยู่นั้นตั้งนาน”

 

ชายผู้นั้นนิ่งงันกับคําพูดของลู่ชิงหยุนอยู่ครู่หนึ่ง เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าลู่ชิงหยุนจะโชคร้ายขนาดนี้ ที่ต้องโดนโจรปล้นธนาคารจับไปเป็นตัวประกัน นี่มันเป็นคราวเคราะห์ หรือ เพราะอะไร ?

 

“นายพอจะรู้ไหมว่าผู้หญิงที่อยู่กับฉันวันนี้เป็นใคร?” ลู่ชิงหยุนหันมาถามเขา ดวงตาที่กําลังมองมาคู่นั้นราวกับเป็นชิ้นหยกสีนิลที่สวยที่สุดในโลก ในยามเมื่อพวกมันส่องแสงเปล่งประกายออกมา

 

“คนไหน?” ชายคนนั้นตอบแบบไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะหันไปจ้องลู่ชิงหยุนด้วยความประหลาดใจ “ เดี๋ยวนะ นี่นายกําลังถามฉันถึงเรื่องผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ? นี่ฉันคิดว่านายเป็นเกย์ไปแล้วนะเนี้ยจนตอนนี้ฉันเริ่มจะทําใจให้ยอมรับมันแล้วถ้านายยังไม่แต่งงานภายในปีหรือสองปีนี้ แต่ที่นายถามเมื่อกี้นี้คือ? นายเริ่มจะสนใจเพศตรงข้ามขึ้นมาแล้วใช่ไหมเนี้ย?”

 

“รายได้ต่อปีของบริษัทจะแปรผกผันกับจํานวนเรื่องไร้สาระที่นายพูด”

 

“ ลู่ชิงหยุน นายจะดูเหมือนคนปกติมากกว่าถ้านายไม่เอ่ยปากพูด” ชายคนนั้นพูดเสียงลอดไรฟันขณะที่จ้องมองลู่ชิงหยุน เจ้านี่มันน่าโมโหจริงๆ แต่ติดที่มันดันหน้าตาดี

 

“เมื่อนายพูดนายก็เหมือนกับ” ลู่ชิงหยุนหยุดพูดชั่วคราวก่อนพูดต่อ “ -เป็นบ้าคนบ้า”

 

เขาทุบไปที่อกเบาๆเพื่อระงับความโกรธ “ฮึ่ม…รู้งี้น่าจะปล่อยมันไว้คนเดียวซะก็ดี ไม่น่าไปรับมันเล้ยยยย…..นี่คือสิ่งที่เขาต้องเจอเพราะเขาไม่คิดให้ดีๆก่อนใช่ไหมเนี่ย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+