Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8)

 

ไม่มีข่าวเรื่องการปล้นธนาคาร หรือแม้แต่ข่าวของตัวประกันทั้งหมดที่อยู่ภายในร้านกาแฟในวันไหนถูกตีพิมพ์ออกไป ซึ่งก็เหมือนกับพล็อตเรื่องดั้งเดิมฉีเซิงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็มีบอสอยู่ที่นั่นเพื่อแก้ไขปัญหาให้อยู่แล้ว เธอจะต้องกลัวทําไมล่ะ?

 

แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือฉีเซิงยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆกลับมาเลยเกี่ยวกับเรื่องผลการคัดเลือกตัวนักแสดงจากละครเรื่อง Xianxiaที่เธอพึ่งจะไปออดิชั่นมา ก่อนถังหยินจะโทรไปสอบถามกับทางทีมงาน ถึงได้รู้ว่าการคัดเลือกจบไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของฉีเซิง เพราะวันนั้นก็เห็นๆกันอยู่ว่าซ่งฮันพอใจกับการแสดงของเธอมาก

 

“ ยังมีบทอื่นที่นอกเหนือจากบทนักแสดงสนับสนุนหญิงอันดับสองนี้เหลืออยู่อีกไหม” ละครเรื่องXianxiaนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอนาคตดังนั้นเธอไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดมือไป

 

ถังหยินส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบเธอ “ ไม่ครับ ทุกบทได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว”

 

ผลงานของซ่งฮันนั้นได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างท่วมท้นตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้กระแสของละครเรื่องนี้ก็เลยเริ่มมีออกมาบ้างแล้ว และผู้คนเองก็เริ่มเดาๆ กันแล้วว่าใครบ้างจะมารับบทในละครของเขา

 

“ คุณพอจะรู้ไหมใครเป็นคนได้บทนักแสดงสนับสนุนหญิงอันดับสองนี้ไป?” ในพล็อตเรื่องดั้งเดิมนักแสดงหญิงคนที่ได้เล่นบทนี้จะโด่งดังขึ้นเป็นอย่างมาก มากขนาดที่สามารถดีดเธอคนนั้นขึ้นไปอยู่อันดับสามของวงการบันเทิงเลยทีเดียวล่ะ

 

“ หลินซานซาน”

 

“ เชี้ย!” เธอนึกว่ายัยนั้นจะกําลังยุ่งๆกับจัดการเรื่องข่าวคาวๆของตัวเองอยู่ซะอีก ทําไมยัยนั้นถึงได้มีเวลามาแย่งบทนี้กับเธอกันล่ะ?”

 

ถังหยินดันแว่นเข้ากรอบหน้าก่อนจะพูด” เธอตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับคุณไปเรียบร้อยแล้ว และผมได้ยินมาว่าผู้สนับสนุนของเธอค่อนข้างเป็นคนใหญ่คนโตอยู่เหมือนกัน”

 

“ผู้สนับสนุนเหรอ ใคร?”ฉีเซิงไม่เคยคิดเลยว่าการมีศัตรูอย่างหลินซานซานนั้นเป็นเรื่องใหญ่แต่ตอนนี้เธอคงต้องคิดใหม่แล้ว ยัยนั้นกับเธอสงสัยจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว!

 

ถังหยินมองเธอก่อนจะตอบ “ ลู่ดาเผิ่ง”

 

ลู่ดาเผิ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากพอสมควรในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ทั้งครอบครัวภรรยาเขาก็รู้จักกับคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหลายคน ดังนั้นแน่นอนว่าภูมิหลังของเขาน่าสนใจอยู่มากเหมือนกัน

 

“ คุณไม่ต้องคิดมากนะยังมีบทอื่นๆที่น่าสนใจให้เลือกอยู่อีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะลองไปคัดเลือกมาให้คุณเลือกใหม่ อ่า….ใช่ วันนี้มีปาร์ตี้ค็อกเทลและทางบริษัทก็ต้องการให้คุณเข้าร่วมด้วย นี่ครับ…พวกเขาส่งชุดราตรีมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ถังหยินพูดพลางยืนกระเป๋ามาให้ฉีเซิง

 

“ทําไมบริษัทถึงอยากให้นักแสดงในสังกัดของพวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลนี้ด้วย แถมยังส่งชุดราตรีพวกนี้ให้อีกด้วย” ฉีเซิงครุ่นคิดและค่อนข้างสับสน

 

“ บริษัทจะจัดการสิ่งเหล่านี้ให้บางครั้ง และตอนงานใกล้เริ่มบริษัทก็จะส่งรถมารับคุณที่นี้ด้วย แต่งานนี้เขาไม่ให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างผมเข้าร่วมด้วย เพราะฉะนั้นตอนอยู่ในงานคุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกถ้าคุณมีอะไรโทรหาผมได้ตลอด”

 

ถังหยินเป็นคนที่มีความตั้งใจสูงมาก ฉีเซิงก็รับรู้ได้ว่าเขาดูแลเธออย่างจริงใจ เธอมองสมุดโน้ตเล็กๆในมือเขาซึ่งจดบันทึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอไว้เต็มไปหมด เขาบอกเธอด้วยเสียงสบายๆไม่รีบเร่งเหมือนกับเสียงลมที่พัดผ่านหูเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ทําให้ฟังยาก

 

ฉีเซิงปล่อยให้เขาพูดไปโดยไม่ได้ขัดจังหวะอะไร พลางคิดตามว่า มิลานไม่เคยที่จะอธิบายสิ่งเหล่านี้กับเจียงหวันบ้างเลย

 

เมื่อฉีเซิงเห็นเซี่ยเหมินในงานปาร์ตี้ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า ในงานนี้น่าจะเป็นตอนที่ซีโม่และเซี่ยเหมินพบกันอีกครั้ง เป็นครั้งที่สองหลังจากเธอกลับมาจากต่างประเทศ

 

ไม่แปลกใจเลยที่บริษัทส่งชุดราตรีพวกนี้มาให้เธอ แต่กลับไม่ได้เตรียมผู้ติดตามใดๆไว้ให้เธอเลย นี่ต้องเป็นฝีมือของซีโม่แน่ๆ!”

 

ฉีเซิงฉวยโอกาสตอนที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตหนีออกจากงาน เธอไม่ต้องการที่จะถูกซิโม่ใช้เธอเป็นโล่หรือว่าเป็นไม้กันหมาของเขา เธอกําลังเดินผ่านคนกลุ่มเล็กๆ แต่ก่อนที่จะถึงประตู เธอก็ได้เผชิญหน้ากับหลินซานซานที่กําลังคล้องแขนผู้ชายคนหนึ่งอยู่ซะก่อน

 

ช่วงจังหวะที่หลินซานซานมองเห็นฉีเซิง เธอมองฉีเซิงด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ครู่หนึ่งก่อนแววตานั้นจะหาย

 

เธอเดินพาผู้ชายคนนั้นมาขวางทางฉีเซิงไว้ก่อนที่จะพูดเจือด้วยรอยยิ้มจางๆว่า“ เฮ้…มิสเจียงไม่ใช่เหรอเนี้ย? ปาร์ตี้พึ่งจะเริ่มเองคุณจะไปไหนซะล่ะ”

 

ฉีเซิงทําหน้าทิ้งๆเล็กน้อยก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ผู้ชายที่หลินซานซานกําลังควงอยู่ ดูรวมๆแล้วก็แค่ผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร เพียงแต่ว่าดูแล้วน่าจะมีอายุหน่อยๆแล้ว นี่ถ้ามีคนบอกว่าเป็นพ่อของหลินซานซาน เธอก็เชื่อนะเนี้ย

 

“ อ่า…มันไม่น่าใช่จะธุระกงการอะไรของคุณนะ ถ้าฉันจะไปไหนมาไหน?”ไหนๆก็เป็นศัตรูกันเต็มตัวแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องไปพูดรักษาน้ำใจอะไรด้วยอีก

 

สีหน้าหลินซานซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าฉีเซิงมาคนเดียวเธอจึงยิ้มก่อนจะด้วยน้ำเสียงล้อเลียนปนเย้ยหยัน “ มิสเจียงมาคนเดียวเหรอคะเนีย? ช่างน่าสมเพช อุ้ย หมายถึงน่าสงสารน่ะ ประธานลู่คะ ทําไมคุณไม่หาคู่ควงให้มิสเจียงสักคนหน่อยล่ะคะ?”

 

หลินซานซานพูดคลอเคลียลู่ดาเผิ่งไปด้วย เรียกได้ว่าตัวติดกันจนแทบจะสิงกันได้อยู่แล้วมั้งนั้น ลู่ดาเผิ่งดูจะถูกใจกับท่าทางของเธอมาก มือหนาค่อยๆลูบไล้ที่เอวของเธอเล็กน้อยพลางพูด “ มิสเจียงกําลังมองหาเพื่อนแบบไหนอยู่ล่ะ? ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีความสามารถอะไรมาก แต่อย่างน้อยผมก็พอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง”

 

เขารู้สึกว่าเจียงหวันนั้นดูดีมากน่ารักแบบใสๆ แต่น่าเสียดายที่เขาชอบแบบผู้ใหญ่ เพราะเวลาอยู่บนเตียงมันแซบกว่า

 

“โอ้…ถ้าอย่างนั้นประธานลู่พอจะมีเพื่อนที่หล่อๆไหมล่ะคะ? คุณก็น่าจะรู้ว่าคนหนุ่มสาวอย่างฉันเนี้ย ชอบคนที่หล่อๆ หุ่นดีๆเพราะว่าถ้าพวกเขาดูขี้เหร่จนเกินไปมันจะมีผลต่อความอยากของพวกเรานะ” ฉีเซิงทําเป็นไปสนใจลู่ดาเผิ่งที่ตอนนี้เริ่มจะหน้าตึงขึ้นเรื่อยๆเธอฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า “ถ้าประธานลู่พอจะรู้จักคนแบบนี้ ช่วยแนะนําพวกเขาให้ฉันที่นะคะ”

 

ลู่ดาเผิ่งไม่ได้โง่เขาเห็นได้ชัดว่าเธอหลอกด่าเขาทางอ้อมว่าแก่แล้วก็น่าเกลียด

 

“ มิสเจียง ผู้ใหญ่ให้ของคุณกล้าไม่รับได้เหรอ” ลู่ดาเผิ่งพูดพลางพยายามระงับเปลวไฟแห่งความโกรธของเขา “ ในเมืองชิงคําพูดของฉันถือเป็นประกาศิต ถ้าเธอยังคิดอยากจะยืนอยู่ในวงการนี้ต่อไป ก็อย่าคิดจะมาลองดี”

 

หลินซานซานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาหยิ่งผยองและเยาะเย้ยเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้าหือกับลู่ดาเผิ่งตรงๆแน่ เธอเลยวางแผนที่หลอกล่อเพื่อจะให้เธอพลาด แต่ที่ไหนได้ ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะโง่และบ้าขนาดไปแหย่ให้ลู่ดาเผิ่งขุนเคืองใจเธอรู้ว่าคนอย่างลู่ดาเผิ่งเกลียดคนที่ว่าเรียกเขาว่าน่าเกลียดหรือแก่แค่ไหน เธออย่างรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

 

” เธอควรจะคิดให้ดีก่อนนะที่มาเป็นศัตรูกับฉัน”

 

“ถ้าเป็นของที่ประธานลู่ให้ มีหรือฉันจะกล้าปฏิเสธ” ฉีเซิงทําเป็นกล่าวด้วยความจริงใจ แต่ประธานลู่คะของที่จะให้ฉันคุณยังไม่บอกเลยว่ามันคืออะไรแล้วถ้าเกิดรับไปแล้วมันไม่ดีจะทําไง ประธานาธิบดีลู่คงไม่คิดจะรังแกฉันเพียงเพราะเห็นว่าฉันเป็นเด็กหรอกใช่ไหมคะ!”

 

“อย่าปากดีให้มันมากนักนะ” ลู่ดาเผิ่งรู้สึกโกรธมากเขาเริ่มหัวเราะก่อนพูดอย่างเลวทรามว่า“ค่อยดูนะวันหนึ่งคุณจะต้องซมซานมาร้องขอความเมตตาจากฉัน”

 

เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับอีแค่เด็กผู้ หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ พวกเด็กใหม่มักมีความเย่อหยิ่งในตัวกันทั้งนั้นแหล่ะ พวกเธอคงคิดว่าวงการนี้มันอยู่ง่ายๆงั้นสิ

 

“อ้าว ลุงรองล์ผู้ยิ่งใหญ่ก็อยู่ที่นี้ด้วยเหรอ?” เสียงดังกัง วานที่เจือไปด้วยหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลังของลู่ดาเผิ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ลู่ดาเผิ่งก็ตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ทําไมฉันถึงได้ยิน … เสียงของคนคนนั้น เป็นไปไม่ได้เขาอยู่ต่างประเทศไม่ใช่หรอ แต่ในเมืองนี้ใครมันจะกล้าใช้น้ำเสียงชวนกระชากวิญญาณแบบนี้มาเรียกฉันได้อีกนอกจากคนคนนั้น

 

ฉีเซิงนั้นหันหน้าเข้าหาประตูอยู่แล้ว แน่นอนว่าเธอ เห็นว่าใครพูดในขณะที่เขากําลังเดินเข้ามาโคมไฟที่ส่องสว่าง ยิ่งทําให้เห็นเขาชัดขึ้น ผู้ชายที่ราวกับพึ่งจะหลุดออกมาจากภาพวาด ดวงตาสีนิลคู่นั้นพี่พร้อมจะดูดกลืนคนที่ได้พบเห็น เข้าไป

 

เขาไม่ได้สวมชุดทักซิโด้แต่เป็นชุดไปรเวทสบาย ๆ แต่ นั้นก็ไม่ได้ทําให้เขาดูขัดกับสถานที่หรูหราแห่งนี้เลย ทุกย่างก้าวของเขาราวกับกําลังเหยียบลงบนหัวใจใครคนห นึ่งจนทําให้มันสั่นสะเทือนไปหมด เขาเหมือนกับพระราชาที่ตอนนี้มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนรอคํานับเขาอยู่

 

ราวกับว่ามีออร่าเปล่งประกายออกมาจากตัวเขา เขาที่สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้โดยไม่จําเป็นต้องพูด แม้แต่คําเดียว

 

ความหวังสุดท้ายของลู่ดาเผิ่งดับลง เมื่อเขาเห็นว่าคนผู้นั้นคือใคร เขารู้สึกเหมือนกับลําคอแห้งผาก ขนหัวลุกวาบ และในขณะเดียวกันหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเรียบร้อยแล้ว ก่อนเขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกร็งๆว่า 4 นายน้อยกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ อย่างน้อยคุณควรแจ้งจะพวกเราบ้าง “

 

ลู่ชิงหยุนยั่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสของเขา รอยยิ้มที่ราวกับว่าดอกไม้หลายพันๆดอกกําลังเบ่งบาน “เดี๋ยวนี้ผมจะต้องรายงานลงรองลู่แล้วหรอ ถ้าจะไปไหนมาไหน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 28 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (8)

 

ไม่มีข่าวเรื่องการปล้นธนาคาร หรือแม้แต่ข่าวของตัวประกันทั้งหมดที่อยู่ภายในร้านกาแฟในวันไหนถูกตีพิมพ์ออกไป ซึ่งก็เหมือนกับพล็อตเรื่องดั้งเดิมฉีเซิงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็มีบอสอยู่ที่นั่นเพื่อแก้ไขปัญหาให้อยู่แล้ว เธอจะต้องกลัวทําไมล่ะ?

 

แต่ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือฉีเซิงยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆกลับมาเลยเกี่ยวกับเรื่องผลการคัดเลือกตัวนักแสดงจากละครเรื่อง Xianxiaที่เธอพึ่งจะไปออดิชั่นมา ก่อนถังหยินจะโทรไปสอบถามกับทางทีมงาน ถึงได้รู้ว่าการคัดเลือกจบไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของฉีเซิง เพราะวันนั้นก็เห็นๆกันอยู่ว่าซ่งฮันพอใจกับการแสดงของเธอมาก

 

“ ยังมีบทอื่นที่นอกเหนือจากบทนักแสดงสนับสนุนหญิงอันดับสองนี้เหลืออยู่อีกไหม” ละครเรื่องXianxiaนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอนาคตดังนั้นเธอไม่ควรปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดมือไป

 

ถังหยินส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตอบเธอ “ ไม่ครับ ทุกบทได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว”

 

ผลงานของซ่งฮันนั้นได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างท่วมท้นตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้กระแสของละครเรื่องนี้ก็เลยเริ่มมีออกมาบ้างแล้ว และผู้คนเองก็เริ่มเดาๆ กันแล้วว่าใครบ้างจะมารับบทในละครของเขา

 

“ คุณพอจะรู้ไหมใครเป็นคนได้บทนักแสดงสนับสนุนหญิงอันดับสองนี้ไป?” ในพล็อตเรื่องดั้งเดิมนักแสดงหญิงคนที่ได้เล่นบทนี้จะโด่งดังขึ้นเป็นอย่างมาก มากขนาดที่สามารถดีดเธอคนนั้นขึ้นไปอยู่อันดับสามของวงการบันเทิงเลยทีเดียวล่ะ

 

“ หลินซานซาน”

 

“ เชี้ย!” เธอนึกว่ายัยนั้นจะกําลังยุ่งๆกับจัดการเรื่องข่าวคาวๆของตัวเองอยู่ซะอีก ทําไมยัยนั้นถึงได้มีเวลามาแย่งบทนี้กับเธอกันล่ะ?”

 

ถังหยินดันแว่นเข้ากรอบหน้าก่อนจะพูด” เธอตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับคุณไปเรียบร้อยแล้ว และผมได้ยินมาว่าผู้สนับสนุนของเธอค่อนข้างเป็นคนใหญ่คนโตอยู่เหมือนกัน”

 

“ผู้สนับสนุนเหรอ ใคร?”ฉีเซิงไม่เคยคิดเลยว่าการมีศัตรูอย่างหลินซานซานนั้นเป็นเรื่องใหญ่แต่ตอนนี้เธอคงต้องคิดใหม่แล้ว ยัยนั้นกับเธอสงสัยจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว!

 

ถังหยินมองเธอก่อนจะตอบ “ ลู่ดาเผิ่ง”

 

ลู่ดาเผิ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากพอสมควรในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ทั้งครอบครัวภรรยาเขาก็รู้จักกับคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหลายคน ดังนั้นแน่นอนว่าภูมิหลังของเขาน่าสนใจอยู่มากเหมือนกัน

 

“ คุณไม่ต้องคิดมากนะยังมีบทอื่นๆที่น่าสนใจให้เลือกอยู่อีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะลองไปคัดเลือกมาให้คุณเลือกใหม่ อ่า….ใช่ วันนี้มีปาร์ตี้ค็อกเทลและทางบริษัทก็ต้องการให้คุณเข้าร่วมด้วย นี่ครับ…พวกเขาส่งชุดราตรีมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ถังหยินพูดพลางยืนกระเป๋ามาให้ฉีเซิง

 

“ทําไมบริษัทถึงอยากให้นักแสดงในสังกัดของพวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลนี้ด้วย แถมยังส่งชุดราตรีพวกนี้ให้อีกด้วย” ฉีเซิงครุ่นคิดและค่อนข้างสับสน

 

“ บริษัทจะจัดการสิ่งเหล่านี้ให้บางครั้ง และตอนงานใกล้เริ่มบริษัทก็จะส่งรถมารับคุณที่นี้ด้วย แต่งานนี้เขาไม่ให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างผมเข้าร่วมด้วย เพราะฉะนั้นตอนอยู่ในงานคุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกถ้าคุณมีอะไรโทรหาผมได้ตลอด”

 

ถังหยินเป็นคนที่มีความตั้งใจสูงมาก ฉีเซิงก็รับรู้ได้ว่าเขาดูแลเธออย่างจริงใจ เธอมองสมุดโน้ตเล็กๆในมือเขาซึ่งจดบันทึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอไว้เต็มไปหมด เขาบอกเธอด้วยเสียงสบายๆไม่รีบเร่งเหมือนกับเสียงลมที่พัดผ่านหูเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ทําให้ฟังยาก

 

ฉีเซิงปล่อยให้เขาพูดไปโดยไม่ได้ขัดจังหวะอะไร พลางคิดตามว่า มิลานไม่เคยที่จะอธิบายสิ่งเหล่านี้กับเจียงหวันบ้างเลย

 

เมื่อฉีเซิงเห็นเซี่ยเหมินในงานปาร์ตี้ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า ในงานนี้น่าจะเป็นตอนที่ซีโม่และเซี่ยเหมินพบกันอีกครั้ง เป็นครั้งที่สองหลังจากเธอกลับมาจากต่างประเทศ

 

ไม่แปลกใจเลยที่บริษัทส่งชุดราตรีพวกนี้มาให้เธอ แต่กลับไม่ได้เตรียมผู้ติดตามใดๆไว้ให้เธอเลย นี่ต้องเป็นฝีมือของซีโม่แน่ๆ!”

 

ฉีเซิงฉวยโอกาสตอนที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตหนีออกจากงาน เธอไม่ต้องการที่จะถูกซิโม่ใช้เธอเป็นโล่หรือว่าเป็นไม้กันหมาของเขา เธอกําลังเดินผ่านคนกลุ่มเล็กๆ แต่ก่อนที่จะถึงประตู เธอก็ได้เผชิญหน้ากับหลินซานซานที่กําลังคล้องแขนผู้ชายคนหนึ่งอยู่ซะก่อน

 

ช่วงจังหวะที่หลินซานซานมองเห็นฉีเซิง เธอมองฉีเซิงด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ครู่หนึ่งก่อนแววตานั้นจะหาย

 

เธอเดินพาผู้ชายคนนั้นมาขวางทางฉีเซิงไว้ก่อนที่จะพูดเจือด้วยรอยยิ้มจางๆว่า“ เฮ้…มิสเจียงไม่ใช่เหรอเนี้ย? ปาร์ตี้พึ่งจะเริ่มเองคุณจะไปไหนซะล่ะ”

 

ฉีเซิงทําหน้าทิ้งๆเล็กน้อยก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ผู้ชายที่หลินซานซานกําลังควงอยู่ ดูรวมๆแล้วก็แค่ผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร เพียงแต่ว่าดูแล้วน่าจะมีอายุหน่อยๆแล้ว นี่ถ้ามีคนบอกว่าเป็นพ่อของหลินซานซาน เธอก็เชื่อนะเนี้ย

 

“ อ่า…มันไม่น่าใช่จะธุระกงการอะไรของคุณนะ ถ้าฉันจะไปไหนมาไหน?”ไหนๆก็เป็นศัตรูกันเต็มตัวแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องไปพูดรักษาน้ำใจอะไรด้วยอีก

 

สีหน้าหลินซานซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าฉีเซิงมาคนเดียวเธอจึงยิ้มก่อนจะด้วยน้ำเสียงล้อเลียนปนเย้ยหยัน “ มิสเจียงมาคนเดียวเหรอคะเนีย? ช่างน่าสมเพช อุ้ย หมายถึงน่าสงสารน่ะ ประธานลู่คะ ทําไมคุณไม่หาคู่ควงให้มิสเจียงสักคนหน่อยล่ะคะ?”

 

หลินซานซานพูดคลอเคลียลู่ดาเผิ่งไปด้วย เรียกได้ว่าตัวติดกันจนแทบจะสิงกันได้อยู่แล้วมั้งนั้น ลู่ดาเผิ่งดูจะถูกใจกับท่าทางของเธอมาก มือหนาค่อยๆลูบไล้ที่เอวของเธอเล็กน้อยพลางพูด “ มิสเจียงกําลังมองหาเพื่อนแบบไหนอยู่ล่ะ? ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีความสามารถอะไรมาก แต่อย่างน้อยผมก็พอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง”

 

เขารู้สึกว่าเจียงหวันนั้นดูดีมากน่ารักแบบใสๆ แต่น่าเสียดายที่เขาชอบแบบผู้ใหญ่ เพราะเวลาอยู่บนเตียงมันแซบกว่า

 

“โอ้…ถ้าอย่างนั้นประธานลู่พอจะมีเพื่อนที่หล่อๆไหมล่ะคะ? คุณก็น่าจะรู้ว่าคนหนุ่มสาวอย่างฉันเนี้ย ชอบคนที่หล่อๆ หุ่นดีๆเพราะว่าถ้าพวกเขาดูขี้เหร่จนเกินไปมันจะมีผลต่อความอยากของพวกเรานะ” ฉีเซิงทําเป็นไปสนใจลู่ดาเผิ่งที่ตอนนี้เริ่มจะหน้าตึงขึ้นเรื่อยๆเธอฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดว่า “ถ้าประธานลู่พอจะรู้จักคนแบบนี้ ช่วยแนะนําพวกเขาให้ฉันที่นะคะ”

 

ลู่ดาเผิ่งไม่ได้โง่เขาเห็นได้ชัดว่าเธอหลอกด่าเขาทางอ้อมว่าแก่แล้วก็น่าเกลียด

 

“ มิสเจียง ผู้ใหญ่ให้ของคุณกล้าไม่รับได้เหรอ” ลู่ดาเผิ่งพูดพลางพยายามระงับเปลวไฟแห่งความโกรธของเขา “ ในเมืองชิงคําพูดของฉันถือเป็นประกาศิต ถ้าเธอยังคิดอยากจะยืนอยู่ในวงการนี้ต่อไป ก็อย่าคิดจะมาลองดี”

 

หลินซานซานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาหยิ่งผยองและเยาะเย้ยเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้าหือกับลู่ดาเผิ่งตรงๆแน่ เธอเลยวางแผนที่หลอกล่อเพื่อจะให้เธอพลาด แต่ที่ไหนได้ ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะโง่และบ้าขนาดไปแหย่ให้ลู่ดาเผิ่งขุนเคืองใจเธอรู้ว่าคนอย่างลู่ดาเผิ่งเกลียดคนที่ว่าเรียกเขาว่าน่าเกลียดหรือแก่แค่ไหน เธออย่างรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

 

” เธอควรจะคิดให้ดีก่อนนะที่มาเป็นศัตรูกับฉัน”

 

“ถ้าเป็นของที่ประธานลู่ให้ มีหรือฉันจะกล้าปฏิเสธ” ฉีเซิงทําเป็นกล่าวด้วยความจริงใจ แต่ประธานลู่คะของที่จะให้ฉันคุณยังไม่บอกเลยว่ามันคืออะไรแล้วถ้าเกิดรับไปแล้วมันไม่ดีจะทําไง ประธานาธิบดีลู่คงไม่คิดจะรังแกฉันเพียงเพราะเห็นว่าฉันเป็นเด็กหรอกใช่ไหมคะ!”

 

“อย่าปากดีให้มันมากนักนะ” ลู่ดาเผิ่งรู้สึกโกรธมากเขาเริ่มหัวเราะก่อนพูดอย่างเลวทรามว่า“ค่อยดูนะวันหนึ่งคุณจะต้องซมซานมาร้องขอความเมตตาจากฉัน”

 

เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับอีแค่เด็กผู้ หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งได้ พวกเด็กใหม่มักมีความเย่อหยิ่งในตัวกันทั้งนั้นแหล่ะ พวกเธอคงคิดว่าวงการนี้มันอยู่ง่ายๆงั้นสิ

 

“อ้าว ลุงรองล์ผู้ยิ่งใหญ่ก็อยู่ที่นี้ด้วยเหรอ?” เสียงดังกัง วานที่เจือไปด้วยหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลังของลู่ดาเผิ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ลู่ดาเผิ่งก็ตัวแข็งทื่อ หน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ทําไมฉันถึงได้ยิน … เสียงของคนคนนั้น เป็นไปไม่ได้เขาอยู่ต่างประเทศไม่ใช่หรอ แต่ในเมืองนี้ใครมันจะกล้าใช้น้ำเสียงชวนกระชากวิญญาณแบบนี้มาเรียกฉันได้อีกนอกจากคนคนนั้น

 

ฉีเซิงนั้นหันหน้าเข้าหาประตูอยู่แล้ว แน่นอนว่าเธอ เห็นว่าใครพูดในขณะที่เขากําลังเดินเข้ามาโคมไฟที่ส่องสว่าง ยิ่งทําให้เห็นเขาชัดขึ้น ผู้ชายที่ราวกับพึ่งจะหลุดออกมาจากภาพวาด ดวงตาสีนิลคู่นั้นพี่พร้อมจะดูดกลืนคนที่ได้พบเห็น เข้าไป

 

เขาไม่ได้สวมชุดทักซิโด้แต่เป็นชุดไปรเวทสบาย ๆ แต่ นั้นก็ไม่ได้ทําให้เขาดูขัดกับสถานที่หรูหราแห่งนี้เลย ทุกย่างก้าวของเขาราวกับกําลังเหยียบลงบนหัวใจใครคนห นึ่งจนทําให้มันสั่นสะเทือนไปหมด เขาเหมือนกับพระราชาที่ตอนนี้มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนรอคํานับเขาอยู่

 

ราวกับว่ามีออร่าเปล่งประกายออกมาจากตัวเขา เขาที่สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกคนได้โดยไม่จําเป็นต้องพูด แม้แต่คําเดียว

 

ความหวังสุดท้ายของลู่ดาเผิ่งดับลง เมื่อเขาเห็นว่าคนผู้นั้นคือใคร เขารู้สึกเหมือนกับลําคอแห้งผาก ขนหัวลุกวาบ และในขณะเดียวกันหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเรียบร้อยแล้ว ก่อนเขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกร็งๆว่า 4 นายน้อยกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ อย่างน้อยคุณควรแจ้งจะพวกเราบ้าง “

 

ลู่ชิงหยุนยั่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสของเขา รอยยิ้มที่ราวกับว่าดอกไม้หลายพันๆดอกกําลังเบ่งบาน “เดี๋ยวนี้ผมจะต้องรายงานลงรองลู่แล้วหรอ ถ้าจะไปไหนมาไหน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+