Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 35คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก..ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

บทที่ 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

 

“ท่านประธานครับ ผมได้รับข้อมูลมาว่าคุณเซี่ยเหมินเพิ่งจะก่อตั้งบริษัทใหม่ครับอีกทั้งในบริษัทก็มีคุณเจียงหวันและถังหยินทํา งานอยู่ด้วยครับ”ผู้ช่วยของซิโม่เข้ามารายงานผลการตรวจสอบให้เขาฟัง

“บริษัท?” นัยน์ตาของซิโม่ฉายแววเย็นชา “เธอไปเอาเงินทุนมาจากไหน?”

“เป็นเงินมรดกที่คุณเซี่ยเหมินได้รับจากแม่เธอและ”

 

“หึ! เดี๋ยวนี้เธอช่างใจกล้าเสียจริง” ซีโม่พูดประชด “เธอก็ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด คิดอะไรขึ้นๆเธอคิดว่าการเปิดบริษัทมันจะง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของหรือยังไง?”

“ฉันไม่ต้องการเห็นบริษัทนี้อีกไปจัดการซะ! เข้าใจไหม?” เขาต้องการให้เซี่ยเหมินได้รู้ว่าในโลกนี้คนที่จะปกป้องดูแลเธอได้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น!

ผู้ช่วยเริ่มแสดงสีหน้าแปลกๆแถมดูอีกอักๆ ก่อนเขาเบ้หน้าเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ท่านประธานครับ สํานักงานใหญ่บริษัทคุณเซี่ยเหมินตั้งอยู่ในเหมืองหลวงครับ…”

 

ซีโม่จ้องหน้าผู้ช่วยด้วยสายตาพิฆาต นี่ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้ผู้ช่วยคนนี้ก็คงจะตายไปแล้วแน่ๆ ผู้ช่วยเริ่มตัวสั่นเทาอีกทั้งหน้าก็ซีดเซียวจนแทบไม่มีสีเลือดแถมเหงื่อของเขาก็ไหลออกมาท่วมตัวอย่างกับเขื่อนแตก

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหมินจะใจกล้าถึงขนาดที่ไปเปิดบริษัทในเมืองหลวงและแม้ว่าในเมืองชิงตระกูลซีนั้นจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลเป็นอันดับต้นๆของเมือง แต่ทว่าอิทธิพลเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงในเมืองหลวงด้วย เพราะที่เมืองหลวงนั้นมีตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากๆอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเมืองหลวงก็เป็นเหมือ นกับดงเสือสิงห์กระทิงแรดดีๆนี่เอง ถ้าไม่แน่จริงไม่มีทางอยู่ได้แน่“ฉันคงไม่ต้องจัดการอะไรต่อแล้วสินะ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะพ่ายแพ้แล้วก็ซมซานกลับมาแทบเท้าฉันเอง

ในขณะที่ผู้ช่วยมองดูรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าของเจ้านายเขาก็เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมา หัวใจเองก็เต้นแรงราวกับว่าจะหลุดออกมาอีกทั้งหายใจก็ยังไม่ทั่วท้อง ท่านประธานทําไม ทําหน้าแบบน้าน..ผมกลัว

 

มีเพียงฉีเซิงกับเซี่ยเหมินที่รู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะเปิดบริษัทที่เมื่องหลวง ดังนั้นพวกเธอเลยไม่ค่อยกลัวอิทธิพลของซิโม่และเซี่ยนยวนนักเพราะถึงแม้ว่าตระกูลซีและตระกูลเซียจะมีอิทธิพ ลมากในเมืองชิงแต่ในเมืองหลวงนั้นพวกเขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรข นาดนั้น

ย้อนกลับไปในตอนนั้นเซี่ยเหมินเองก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนักเรื่องที่จะมาตั้งบริษัทในเมืองหลวง แต่ด้วยความ “เชื่อมั่น” ในตัวฉีเชิงเธอก็เลยไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนเรื่องทําเลที่ตั้งของบริษัทฉีเซิงก็เป็นคนจัดการเองทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนัก

และนี่คือการตอบสนองจากเซี่ยเหมินและถังหยิน เมื่อพวกเขากําลังยืนอยู่ในอาคารสํานักงานแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

 

ถังหยิน “ งหลวงหรอ?!”

บริษัทของเรามีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เมือ

เซี่ยเหมิน “ มเนี้ย?!”

และมันยังตั้งอยู่ในทําเลทองด้วยใช่ไห

 

“เจ๊ใหญ่ทั้งสองของผมคร้าบผมรู้ว่าพวกคุณมีเงินเยอะแต่พวกคุณจําเป็นต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้เลยหรอ?”

 

หลังจากนั้นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของบริษัทก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ตอนแรกพวกเธอตั้งใจว่าจะให้ถังหยินขึ้นเป็นซีอีโอของบริษัทเพราะทั้งฉีเซิงแล้วก็เซี่ยเหมินไม่ต้องการขึ้นเป็นซีอีโอเองแต่ทว่าบังคับให้ตายยังไงถึงหยินก็ไม่ยอมรับตําแหน่งนี้เขาบอกว่าขอเป็นแค่หัวหน้าผู้จัดการที่คอยดูแลดาราแล้วก็ศิลปินในบริษัทเท่านั้นเพราะฉะนั้นพวกเธอเลยเหลือแค่ทางเลือกเดียวคือ..จ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมารับตําแหน่งนี้

 

และถังหยินก็ได้ทําหน้าที่ตามที่ขอสมใจ เขาเริ่มเป็นแมวมองคอยหาคนที่มีพรสวรรค์มาเข้าร่วมกับบริษัท ส่วนเซี่ยเหมินกับฉีเซิงก็เริ่มหาลู่ทางในวงการบันเทิงและฉีเซิงยังมีอีกหนึ่งภารกิจที่เธอต้องทําด้วย

 

สิ่งเดียวที่ฉีเพิ่งทําเวลามีการประชุมที่บริษัทคือการหาเงินเข้าบริษัทการหาเงินเข้าบริษัทแล้วก็การหาเงินเข้าบริษัท!

 

ซีอีโอมืออาชีพที่ถูกจ้างมาถึงกับตกตะลึง “ทํางานกับเจ้านายแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสามโลก บราโว่ ตบมือรัวๆ เจ้านายผมเก่งที่สุด”

 

ถังหยินนั้นคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนี้ของเธอแล้วและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีเงินอยู่เท่าไหร่ แต่ที่เขารู้แน่ๆคือบริษัทไม่เคยขาดแคลนเงินทุนในการใช้สอยเลย

อยากแสดงเรื่องไหนอะหรอ?ง่ายๆเก็จ่ายเงินซื้อสิ!!

อยากเป็นนางเอก?ไม่ยาก! ก็เป็นสปอนเซอร์เองเลยสิจบๆ!!

แม้ว่าบริษัทจะมีเงินทุนหมุนเวียนมากแต่กฎของบริษัทก็ค่อนข้างที่จะเข้มงวดดาราและศิลปินที่ทํางานให้บริษัทต้องมีวินัยในตัวเองและรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดีไม่ก่อเรื่องเดือดร้อนให้กับบริษัทและอีกอย่างที่สําคัญมากคือห้ามมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเองเด็ดขาด!ถ้าพวกเขาสามารถทําตามกฎของบริษัทได้ ก็มั่นใจ ได้เลยว่าบริษัทจะให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่แน่นอน

 

สัญญาที่ทางบริษัททําขึ้นได้มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ของตัวดาราและศิลปินเป็นหลัก พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติและการสนับสนุนจากทางบริษัทอย่างเท่าเทียมกันทุกคน และด้วยผลของสัญญาและกฏต่างๆที่ตั้งขึ้นมา ทําให้ในบริษัทแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งของดาราและศิลปินเลย ซึ่งทั้งฉีเซิงและเซี่ยเหมิน เองก็ปฏิบัติตามกฎพวกนี้อย่างเคร่งครัดเหมือนกับนักแสดงคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน

แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าฉีเชิงน่าจะเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าคนที่เคยได้ร่วมงานกับเธอจริงๆแล้วจะรู้เลยว่าไม่ใช่เลยเธอเป็นเหมือนกับต้นตะบองเพชรที่มีหนามอยู่ทั่วตัวถ้าหากว่าคุณทําให้เธอไม่มีความสุขเธอก็พร้อมที่จะทําให้คุณไม่มีความสุ ขด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกคุณไม่ได้ไปกระตุ้นหรือทําอะไรเธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกคุณจะต้องกลัวหนาม ของเธอที่มแทง

 

และเนื่องด้วยว่าเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงคนแรกๆที่เข้ามาใน ริษัทอีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีชื่อเสียงอยู่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศและรอแค่เพียงโอกาสที่จะทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 เท่านั้น ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยมีใครกล้ามีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับเธอ

บางครั้งบริษัทก็ให้เธอพานักแสดงคนอื่นๆไปทํางานด้วยและ ม้ว่าทุกครั้งเธอจะทําหน้าตาไม่เต็มใจอยู่เสมอแต่เมื่อมีใครกล้าเข้ามารังแกพวกเขา เธอก็จะกางปีกปกป้องพวกเขาในทันที ด้วยเหตุนี้เลยไม่ค่อยมีใครกล้ามาแหยมกับเธอนัก

ซึ่งเรื่องราวของเธอนั้นแตกต่างจากเซี่ยเหมินอย่างชัดเจนราวกับหนังคนละม้วนกัน ในบริษัทเซี่ยเหมินนั้นถือว่าป๊อปมากเธอเปรียบเสมือนกับเทพธิดาตัวน้อยที่แสนใจดีของบริษัทเลยก็ว่าได้ใครๆก็ชอบเธอทั้งนั้น “พี่เหมินวันนี้เข้าบริษัทด้วยหรอคะ? วันนี้ถ่ายเสร็จหมดแล้วหรอคะ?” ทันทีที่เข้ามาในบริษัท เซี่ยเหมินก็ถูกล้อ มรอบไปด้วยพวกดาราสาวๆในบริษัททันที ซึ่งเป็นภาพที่เกิดขึ้นเป็นประจําอยู่แล้ว

 

“พี่เหมินคะ เมื่อวันก่อนฉันไปเยี่ยมพี่ที่กองถ่ายด้วยแต่พี่ไม่อยู่”

 

“พี่เหมิน ฉันเพิ่งได้รับบทใหม่มายากมากๆ เมื่อไหร่พี่ถึงจะพอมีเวลาว่างมาชี้แนะฉันบ้างคะ?”

 

ฉีเพิ่งมาถึงบริษัทหลังจากเซี่ยเหมินไม่กี่นาที สิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อมาถึงคือเซี่ยเหมินกําลังถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรดาดาราสาวพวกเธอกําลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบๆตัวเซี่ยเหมินอย่างสนุกสนานแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้นเด็กผู้หญิงพวกนั้นก็พาเงียบกริบราวกับโดนกดปุ่มปิดสวิตซ์ซะอย่างนั้น

เซี่ยเหมินหันไปหาฉีเซิงผู้ซึ่งกําลังปล่อยกลิ่นอายของมาเฟียสาวออกมาอย่างเข้มข้น เธอสวมเสื้อขนสัตว์สีดําพร้อมกับแว่นกันแดดซึ่งเข้ากันได้ดีกับทรงผมสั้นสุดเก๋ ส่งผลให้เธอดูสง่างามแล้วก็เย็นชาไปพร้อมๆกันอย่างน่าประหลาดใจ

 

เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ล้วนตกใจกับออร่ารอบๆตัวของเธอ!

แต่วินาทีต่อมาเมื่อฉีเชิงถอดแว่นกันแดดออกออร่ารอบๆตัวของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ก่อนเธอจะเอ่ยถามเซี่ยเหมินขึ้นด้วยน้ํา เสียงเหยียดๆ“เธอก็กลับมาด้วยหรอ?”

 

เซี่ยเหมินคุ้นเคยกับอารมณ์ที่แปรปรวนของฉีเชิงนานแล้วเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับการสวิตซ์อารมณ์ไปมาของเธอแต่นั่นมันไม่ใช่กับพวกดาราสาวที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ตอนนี้คุณคงนึกภาพออกไหมว่าชั่วขณะหนึ่งที่คุณมองเห็นเทพธิดานางฟ้าแสนงาม แล้วหลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีจากนางฟ้าก็ดันกลายร่างเป็นนางมารไปซะได้?

“พี่ยังเรียกให้กลับมานะ” เซี่ยเหมินยักไหล่ “ขึ้นไปข้างบนกันเถอะส่วนพวกเธอก็ตั้งใจทํางานกันนะ สู้ๆ”

ประโยคแรกนั้นเธอพูดกับฉีเชิง ในขณะที่ประโยคที่สองนั้นเธอพูดกับกลุ่มเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆตัวเธอ

เด็กผู้หญิงพวกนั้นก็พยักหน้ารับรัวๆยังกับไก่ที่กําลังจิกข้าวเปลีอก เสียงความปลาบปลื้มชื่นชมดังก้องอยู่ในใจของเด็กสาวพวกนั้น “พี่เหมินดีที่สุด!พี่เหมินทั้งสวยแถมยังใจดีอีก! พี่เหมินให้กําลังใจพวกเราพวกเราต้องทํางานให้หนัก! ไม่ให้พี่เหมินต้องผิดหวัง

 

ถังหยินกับซีอีโอรอพวกเธออยู่สักพักแล้วและเมื่อฉีเพิ่งเข้าไปถึงออฟฟิศ เธอก็เดินตรงดิ่งไปที่คอมของซีอีโอและกดใช้งานอย่างคล่องแคล่วทันทีถังหยินกับเซี่ยเหมินมองหน้ากันอย่าเอือมระอา“นอกจากหาเงินแล้วเธอยังจะทําอะไรได้อีก?

….โอเค บางทีนั่นอาจจะเป็นงานที่เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว “

 

ถังหยินกับเซี่ยเหมินรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทในช่วงนี้อย่างละเอียด พร้อมกับเสนอแนวทางในการพัฒนาว่าบริษัทควรจะดําเนินไปในทิศทางไหนดีในช่วงนี้ ก่อนสุดท้ายพวกเขาจะหันไปถามความคิดเห็นของฉีเชิง

“พวกนักแสดงหน้าใหม่ที่บริษัทเพิ่งจะรับเข้ามาตอนนี้ก็น่าจะพร้อมพอที่จะส่งลงสนามได้แล้ว เสี่ยวหวัน..ได้ยินมาว่าเธอพึ่งจะได้รับเชิญให้ไปออกรายการเรียลลิตี้แล้วพวกเขาก็ให้พาแขกรับเชิญไปได้ด้วยนิใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นจะเป็นอะไรไหมถ้าพวกเราจะขอให้เธอพาพวกเด็กๆไปออกงานเพื่อเปิดตัวพร้อมกับเธอด้วย”

 

“ฉันอีกแล้วหรอ? พวกเธอไม่รู้หรือไงว่ารายการนั้นมันโหดหินแค่ไหนอยากจะให้พวกดอกตูมพวกนั้นร่วงลงมาตายก่อนที่จะได้เบ่งบานหรือไง?”

 

ถังหยิน “

” “คุณช่วยมองโลกในแง่ดีบ้างได้ไหม?”

ซีอีโอ “ จริงจริง

” ฉันละไม่เข้าใจเจ้านายของฉันคนนี้เลย

“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่าเสี่ยวหวัน รายการนั้นมันเรทติ้งดีมากๆเลยนะพวกเราแค่ขอให้เธอพาพวกเขาไปโชว์ตัวนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองไม่ได้ให้ไปเข้าร่วมตลอดรายการซะหน่อย” เซี่ยเหมินพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น

 

“ไม่แฟร์เลย” ฉีเซิงโพล่งออกมา ทําไมฉันต้องไปเป็นเจ๊ดันให้พวกเขาได้แจ้งเกิดด้วย? เอาแบบนี้สฉันเพิ่งได้ยินมาว่ารายการเขากําลังหาสปอนเซอร์อยู่พอดี

“เอ่อ.. เซี่ยเหมินหนังเรื่องใหม่ที่เธอกําลังถ่ายทําอยู่เป็นยังไงบ้าง?”ถังหยินรีบแทรกขึ้นเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็วถ้าหากเขาขืนปล่อยให้เธอพูดต่อจนจบ มีหวังเธอได้เอาเงินบริษัทไปละเลงอีกแน่ๆ แล้วคนที่ซวยที่สุดก็น่าจะเป็นพวกเขาที่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในไม่ช้านี้ เขากล้าฟันธงเลย!

“กําลังไปได้สวยเลยค่ะ อีกไม่นานก็จะน่าจะถ่ายทําเสร็จแล้ว”เซี่ยเหมินรู้นิสัยของฉีเชิงดี ดังนั้นเมื่อถึงหยินโยนไม้มาเธอก็เลยรีบให้ความร่วมมือกับเขาในทันที ในขณะเดียวกันซีอีโอผู้น่าสงสารก็กําลังกุมขมับด้วยความงุนงงอยู่เงียบๆคนเดียว “เฮ้ออ…ให้ตายสิผมก็ยังคงไม่เข้าใจบอสอยู่เลยจริงๆนะเนี่ย”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 35คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก..ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

บทที่ 35 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (15)

 

“ท่านประธานครับ ผมได้รับข้อมูลมาว่าคุณเซี่ยเหมินเพิ่งจะก่อตั้งบริษัทใหม่ครับอีกทั้งในบริษัทก็มีคุณเจียงหวันและถังหยินทํา งานอยู่ด้วยครับ”ผู้ช่วยของซิโม่เข้ามารายงานผลการตรวจสอบให้เขาฟัง

“บริษัท?” นัยน์ตาของซิโม่ฉายแววเย็นชา “เธอไปเอาเงินทุนมาจากไหน?”

“เป็นเงินมรดกที่คุณเซี่ยเหมินได้รับจากแม่เธอและ”

 

“หึ! เดี๋ยวนี้เธอช่างใจกล้าเสียจริง” ซีโม่พูดประชด “เธอก็ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด คิดอะไรขึ้นๆเธอคิดว่าการเปิดบริษัทมันจะง่ายเหมือนเด็กเล่นขายของหรือยังไง?”

“ฉันไม่ต้องการเห็นบริษัทนี้อีกไปจัดการซะ! เข้าใจไหม?” เขาต้องการให้เซี่ยเหมินได้รู้ว่าในโลกนี้คนที่จะปกป้องดูแลเธอได้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น!

ผู้ช่วยเริ่มแสดงสีหน้าแปลกๆแถมดูอีกอักๆ ก่อนเขาเบ้หน้าเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “ท่านประธานครับ สํานักงานใหญ่บริษัทคุณเซี่ยเหมินตั้งอยู่ในเหมืองหลวงครับ…”

 

ซีโม่จ้องหน้าผู้ช่วยด้วยสายตาพิฆาต นี่ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้ผู้ช่วยคนนี้ก็คงจะตายไปแล้วแน่ๆ ผู้ช่วยเริ่มตัวสั่นเทาอีกทั้งหน้าก็ซีดเซียวจนแทบไม่มีสีเลือดแถมเหงื่อของเขาก็ไหลออกมาท่วมตัวอย่างกับเขื่อนแตก

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหมินจะใจกล้าถึงขนาดที่ไปเปิดบริษัทในเมืองหลวงและแม้ว่าในเมืองชิงตระกูลซีนั้นจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลเป็นอันดับต้นๆของเมือง แต่ทว่าอิทธิพลเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงในเมืองหลวงด้วย เพราะที่เมืองหลวงนั้นมีตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากๆอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเมืองหลวงก็เป็นเหมือ นกับดงเสือสิงห์กระทิงแรดดีๆนี่เอง ถ้าไม่แน่จริงไม่มีทางอยู่ได้แน่“ฉันคงไม่ต้องจัดการอะไรต่อแล้วสินะ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะพ่ายแพ้แล้วก็ซมซานกลับมาแทบเท้าฉันเอง

ในขณะที่ผู้ช่วยมองดูรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวบนใบหน้าของเจ้านายเขาก็เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมา หัวใจเองก็เต้นแรงราวกับว่าจะหลุดออกมาอีกทั้งหายใจก็ยังไม่ทั่วท้อง ท่านประธานทําไม ทําหน้าแบบน้าน..ผมกลัว

 

มีเพียงฉีเซิงกับเซี่ยเหมินที่รู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะเปิดบริษัทที่เมื่องหลวง ดังนั้นพวกเธอเลยไม่ค่อยกลัวอิทธิพลของซิโม่และเซี่ยนยวนนักเพราะถึงแม้ว่าตระกูลซีและตระกูลเซียจะมีอิทธิพ ลมากในเมืองชิงแต่ในเมืองหลวงนั้นพวกเขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรข นาดนั้น

ย้อนกลับไปในตอนนั้นเซี่ยเหมินเองก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนักเรื่องที่จะมาตั้งบริษัทในเมืองหลวง แต่ด้วยความ “เชื่อมั่น” ในตัวฉีเชิงเธอก็เลยไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนเรื่องทําเลที่ตั้งของบริษัทฉีเซิงก็เป็นคนจัดการเองทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนัก

และนี่คือการตอบสนองจากเซี่ยเหมินและถังหยิน เมื่อพวกเขากําลังยืนอยู่ในอาคารสํานักงานแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

 

ถังหยิน “ งหลวงหรอ?!”

บริษัทของเรามีสํานักงานใหญ่อยู่ที่เมือ

เซี่ยเหมิน “ มเนี้ย?!”

และมันยังตั้งอยู่ในทําเลทองด้วยใช่ไห

 

“เจ๊ใหญ่ทั้งสองของผมคร้าบผมรู้ว่าพวกคุณมีเงินเยอะแต่พวกคุณจําเป็นต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้เลยหรอ?”

 

หลังจากนั้นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของบริษัทก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ตอนแรกพวกเธอตั้งใจว่าจะให้ถังหยินขึ้นเป็นซีอีโอของบริษัทเพราะทั้งฉีเซิงแล้วก็เซี่ยเหมินไม่ต้องการขึ้นเป็นซีอีโอเองแต่ทว่าบังคับให้ตายยังไงถึงหยินก็ไม่ยอมรับตําแหน่งนี้เขาบอกว่าขอเป็นแค่หัวหน้าผู้จัดการที่คอยดูแลดาราแล้วก็ศิลปินในบริษัทเท่านั้นเพราะฉะนั้นพวกเธอเลยเหลือแค่ทางเลือกเดียวคือ..จ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมารับตําแหน่งนี้

 

และถังหยินก็ได้ทําหน้าที่ตามที่ขอสมใจ เขาเริ่มเป็นแมวมองคอยหาคนที่มีพรสวรรค์มาเข้าร่วมกับบริษัท ส่วนเซี่ยเหมินกับฉีเซิงก็เริ่มหาลู่ทางในวงการบันเทิงและฉีเซิงยังมีอีกหนึ่งภารกิจที่เธอต้องทําด้วย

 

สิ่งเดียวที่ฉีเพิ่งทําเวลามีการประชุมที่บริษัทคือการหาเงินเข้าบริษัทการหาเงินเข้าบริษัทแล้วก็การหาเงินเข้าบริษัท!

 

ซีอีโอมืออาชีพที่ถูกจ้างมาถึงกับตกตะลึง “ทํางานกับเจ้านายแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสามโลก บราโว่ ตบมือรัวๆ เจ้านายผมเก่งที่สุด”

 

ถังหยินนั้นคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนี้ของเธอแล้วและถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอมีเงินอยู่เท่าไหร่ แต่ที่เขารู้แน่ๆคือบริษัทไม่เคยขาดแคลนเงินทุนในการใช้สอยเลย

อยากแสดงเรื่องไหนอะหรอ?ง่ายๆเก็จ่ายเงินซื้อสิ!!

อยากเป็นนางเอก?ไม่ยาก! ก็เป็นสปอนเซอร์เองเลยสิจบๆ!!

แม้ว่าบริษัทจะมีเงินทุนหมุนเวียนมากแต่กฎของบริษัทก็ค่อนข้างที่จะเข้มงวดดาราและศิลปินที่ทํางานให้บริษัทต้องมีวินัยในตัวเองและรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดีไม่ก่อเรื่องเดือดร้อนให้กับบริษัทและอีกอย่างที่สําคัญมากคือห้ามมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเองเด็ดขาด!ถ้าพวกเขาสามารถทําตามกฎของบริษัทได้ ก็มั่นใจ ได้เลยว่าบริษัทจะให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่แน่นอน

 

สัญญาที่ทางบริษัททําขึ้นได้มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ของตัวดาราและศิลปินเป็นหลัก พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติและการสนับสนุนจากทางบริษัทอย่างเท่าเทียมกันทุกคน และด้วยผลของสัญญาและกฏต่างๆที่ตั้งขึ้นมา ทําให้ในบริษัทแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งของดาราและศิลปินเลย ซึ่งทั้งฉีเซิงและเซี่ยเหมิน เองก็ปฏิบัติตามกฎพวกนี้อย่างเคร่งครัดเหมือนกับนักแสดงคนอื่นๆด้วยเหมือนกัน

แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าฉีเชิงน่าจะเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าคนที่เคยได้ร่วมงานกับเธอจริงๆแล้วจะรู้เลยว่าไม่ใช่เลยเธอเป็นเหมือนกับต้นตะบองเพชรที่มีหนามอยู่ทั่วตัวถ้าหากว่าคุณทําให้เธอไม่มีความสุขเธอก็พร้อมที่จะทําให้คุณไม่มีความสุ ขด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกคุณไม่ได้ไปกระตุ้นหรือทําอะไรเธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกคุณจะต้องกลัวหนาม ของเธอที่มแทง

 

และเนื่องด้วยว่าเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงคนแรกๆที่เข้ามาใน ริษัทอีกทั้งตอนนี้ก็ยังมีชื่อเสียงอยู่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศและรอแค่เพียงโอกาสที่จะทะยานขึ้นสู่อันดับ 2 เท่านั้น ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยมีใครกล้ามีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับเธอ

บางครั้งบริษัทก็ให้เธอพานักแสดงคนอื่นๆไปทํางานด้วยและ ม้ว่าทุกครั้งเธอจะทําหน้าตาไม่เต็มใจอยู่เสมอแต่เมื่อมีใครกล้าเข้ามารังแกพวกเขา เธอก็จะกางปีกปกป้องพวกเขาในทันที ด้วยเหตุนี้เลยไม่ค่อยมีใครกล้ามาแหยมกับเธอนัก

ซึ่งเรื่องราวของเธอนั้นแตกต่างจากเซี่ยเหมินอย่างชัดเจนราวกับหนังคนละม้วนกัน ในบริษัทเซี่ยเหมินนั้นถือว่าป๊อปมากเธอเปรียบเสมือนกับเทพธิดาตัวน้อยที่แสนใจดีของบริษัทเลยก็ว่าได้ใครๆก็ชอบเธอทั้งนั้น “พี่เหมินวันนี้เข้าบริษัทด้วยหรอคะ? วันนี้ถ่ายเสร็จหมดแล้วหรอคะ?” ทันทีที่เข้ามาในบริษัท เซี่ยเหมินก็ถูกล้อ มรอบไปด้วยพวกดาราสาวๆในบริษัททันที ซึ่งเป็นภาพที่เกิดขึ้นเป็นประจําอยู่แล้ว

 

“พี่เหมินคะ เมื่อวันก่อนฉันไปเยี่ยมพี่ที่กองถ่ายด้วยแต่พี่ไม่อยู่”

 

“พี่เหมิน ฉันเพิ่งได้รับบทใหม่มายากมากๆ เมื่อไหร่พี่ถึงจะพอมีเวลาว่างมาชี้แนะฉันบ้างคะ?”

 

ฉีเพิ่งมาถึงบริษัทหลังจากเซี่ยเหมินไม่กี่นาที สิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อมาถึงคือเซี่ยเหมินกําลังถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรดาดาราสาวพวกเธอกําลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวรอบๆตัวเซี่ยเหมินอย่างสนุกสนานแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้นเด็กผู้หญิงพวกนั้นก็พาเงียบกริบราวกับโดนกดปุ่มปิดสวิตซ์ซะอย่างนั้น

เซี่ยเหมินหันไปหาฉีเซิงผู้ซึ่งกําลังปล่อยกลิ่นอายของมาเฟียสาวออกมาอย่างเข้มข้น เธอสวมเสื้อขนสัตว์สีดําพร้อมกับแว่นกันแดดซึ่งเข้ากันได้ดีกับทรงผมสั้นสุดเก๋ ส่งผลให้เธอดูสง่างามแล้วก็เย็นชาไปพร้อมๆกันอย่างน่าประหลาดใจ

 

เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ล้วนตกใจกับออร่ารอบๆตัวของเธอ!

แต่วินาทีต่อมาเมื่อฉีเชิงถอดแว่นกันแดดออกออร่ารอบๆตัวของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ก่อนเธอจะเอ่ยถามเซี่ยเหมินขึ้นด้วยน้ํา เสียงเหยียดๆ“เธอก็กลับมาด้วยหรอ?”

 

เซี่ยเหมินคุ้นเคยกับอารมณ์ที่แปรปรวนของฉีเชิงนานแล้วเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับการสวิตซ์อารมณ์ไปมาของเธอแต่นั่นมันไม่ใช่กับพวกดาราสาวที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ตอนนี้คุณคงนึกภาพออกไหมว่าชั่วขณะหนึ่งที่คุณมองเห็นเทพธิดานางฟ้าแสนงาม แล้วหลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีจากนางฟ้าก็ดันกลายร่างเป็นนางมารไปซะได้?

“พี่ยังเรียกให้กลับมานะ” เซี่ยเหมินยักไหล่ “ขึ้นไปข้างบนกันเถอะส่วนพวกเธอก็ตั้งใจทํางานกันนะ สู้ๆ”

ประโยคแรกนั้นเธอพูดกับฉีเชิง ในขณะที่ประโยคที่สองนั้นเธอพูดกับกลุ่มเด็กผู้หญิงที่อยู่รอบๆตัวเธอ

เด็กผู้หญิงพวกนั้นก็พยักหน้ารับรัวๆยังกับไก่ที่กําลังจิกข้าวเปลีอก เสียงความปลาบปลื้มชื่นชมดังก้องอยู่ในใจของเด็กสาวพวกนั้น “พี่เหมินดีที่สุด!พี่เหมินทั้งสวยแถมยังใจดีอีก! พี่เหมินให้กําลังใจพวกเราพวกเราต้องทํางานให้หนัก! ไม่ให้พี่เหมินต้องผิดหวัง

 

ถังหยินกับซีอีโอรอพวกเธออยู่สักพักแล้วและเมื่อฉีเพิ่งเข้าไปถึงออฟฟิศ เธอก็เดินตรงดิ่งไปที่คอมของซีอีโอและกดใช้งานอย่างคล่องแคล่วทันทีถังหยินกับเซี่ยเหมินมองหน้ากันอย่าเอือมระอา“นอกจากหาเงินแล้วเธอยังจะทําอะไรได้อีก?

….โอเค บางทีนั่นอาจจะเป็นงานที่เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว “

 

ถังหยินกับเซี่ยเหมินรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทในช่วงนี้อย่างละเอียด พร้อมกับเสนอแนวทางในการพัฒนาว่าบริษัทควรจะดําเนินไปในทิศทางไหนดีในช่วงนี้ ก่อนสุดท้ายพวกเขาจะหันไปถามความคิดเห็นของฉีเชิง

“พวกนักแสดงหน้าใหม่ที่บริษัทเพิ่งจะรับเข้ามาตอนนี้ก็น่าจะพร้อมพอที่จะส่งลงสนามได้แล้ว เสี่ยวหวัน..ได้ยินมาว่าเธอพึ่งจะได้รับเชิญให้ไปออกรายการเรียลลิตี้แล้วพวกเขาก็ให้พาแขกรับเชิญไปได้ด้วยนิใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นจะเป็นอะไรไหมถ้าพวกเราจะขอให้เธอพาพวกเด็กๆไปออกงานเพื่อเปิดตัวพร้อมกับเธอด้วย”

 

“ฉันอีกแล้วหรอ? พวกเธอไม่รู้หรือไงว่ารายการนั้นมันโหดหินแค่ไหนอยากจะให้พวกดอกตูมพวกนั้นร่วงลงมาตายก่อนที่จะได้เบ่งบานหรือไง?”

 

ถังหยิน “

” “คุณช่วยมองโลกในแง่ดีบ้างได้ไหม?”

ซีอีโอ “ จริงจริง

” ฉันละไม่เข้าใจเจ้านายของฉันคนนี้เลย

“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่าเสี่ยวหวัน รายการนั้นมันเรทติ้งดีมากๆเลยนะพวกเราแค่ขอให้เธอพาพวกเขาไปโชว์ตัวนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองไม่ได้ให้ไปเข้าร่วมตลอดรายการซะหน่อย” เซี่ยเหมินพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น

 

“ไม่แฟร์เลย” ฉีเซิงโพล่งออกมา ทําไมฉันต้องไปเป็นเจ๊ดันให้พวกเขาได้แจ้งเกิดด้วย? เอาแบบนี้สฉันเพิ่งได้ยินมาว่ารายการเขากําลังหาสปอนเซอร์อยู่พอดี

“เอ่อ.. เซี่ยเหมินหนังเรื่องใหม่ที่เธอกําลังถ่ายทําอยู่เป็นยังไงบ้าง?”ถังหยินรีบแทรกขึ้นเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็วถ้าหากเขาขืนปล่อยให้เธอพูดต่อจนจบ มีหวังเธอได้เอาเงินบริษัทไปละเลงอีกแน่ๆ แล้วคนที่ซวยที่สุดก็น่าจะเป็นพวกเขาที่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในไม่ช้านี้ เขากล้าฟันธงเลย!

“กําลังไปได้สวยเลยค่ะ อีกไม่นานก็จะน่าจะถ่ายทําเสร็จแล้ว”เซี่ยเหมินรู้นิสัยของฉีเชิงดี ดังนั้นเมื่อถึงหยินโยนไม้มาเธอก็เลยรีบให้ความร่วมมือกับเขาในทันที ในขณะเดียวกันซีอีโอผู้น่าสงสารก็กําลังกุมขมับด้วยความงุนงงอยู่เงียบๆคนเดียว “เฮ้ออ…ให้ตายสิผมก็ยังคงไม่เข้าใจบอสอยู่เลยจริงๆนะเนี่ย”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+