Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4)

 

ด้วยตัวซวีเฉิงเยว่คนก่อนค่อนข้างจะคุ้นเคยกับแผนผังของคฤหาสน์ตระกูลหนานกงเป็นอย่างดี  ดังนั้นฉีเซิงจึงสามารถเดินนำทางฉู่ถางไปยังห้องนอนของหนานกงจิ่งบนชั้นสามของคฤหาสน์ได้อย่างง่ายดาย

 

“เฉิงเยว่…เอ๊ะ…นั่นใครน่ะ?”  หลานเสวี่ยที่บังเอิญเดินลงมาจากชั้นสาม ถามถึงชายหนุ่มที่เดินมาพร้อมกับฉีเซิงอย่างประหลาดใจ

 

‘พระเจ้าช่วย!  ผู้ชายคนนี้ดีดูดีมาก  หล่อกว่าหนานกงจิ่งด้วยซ้ำ! หล่อขนาดนี้ทำไมฉันไม่เห็นเขาในงานตั้งแรกแรกนะ?’

 

เมื่อสังเกตเห็นว่าหลานเสวี่ยตกหลุมเสน่ห์ ‘ความฮอตทะลุปรอท’ ของเขา ฉู่ถางจึงยกยิ้มอันรายกาจแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ให้กับเจ้าหล่อน  เพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถทำให้คนหลงใหลคลั่งไคล้จนยากจะลืมเลือน

 

เป็นเพราะว่าฉีเซิงยืนอยู่ข้างหน้าของฉู่เซิง เธอจึงไม่เห็นสีหน้าและรอยยิ้มนั้นของเขา  หากว่าเธอเห็นรอยยิ้มนั่นเข้าเธอคงจะตะโกนตอกหน้าเขาว่า ‘ไอ้หน้าม่อ!’

 

“ฉันไม่เห็นหนานกงจิ่งข้างล่างเลยกะว่าจะเดินขึ้นไปหาเขาข้างบน  เธอจะไปด้วยกันไหม?”  มากคนมากพยาน!

 

เมื่อมีโอกาสได้ร่วมทางไปกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างฉู่ถาง มีเหรอหลานเสวี่ยจะปฏิเสธ

 

“เอ่อ…สวัสดีค่ะ  ดิ..ดิฉันชื่อ หลานเสวี่ยคะ”

 

ณ  จุดๆนี้  ถ้าฉีเซิงยังไม่เข้าใจอีกว่าหลานเสวี่ยกำลังทำอะไร  เธอก็คงจะเป็นคนโง่แห่งปี ตัวเธอแข็งทื่อ ‘โอ้วว…  แม่สาวน้อย !! เธอช่างใจกล้าเสียยิ่งกระไร ที่จะตกไอ้จอมวายร้ายหมายเลขหนึ่งข้างหลังเธอเนี่ย..!  นับถือๆ !

 

หากฉู่ถางได้ยินความคิดของฉีเซิง  เขาคงอดที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองไม่ได้ ‘คำก็หน้าม่อ   สองคำก็จอมวายร้าย  นี่ฉันทำผิดอะไร?!’

 

ละความสนใจจากสองคนด้านหลัง  ฉีเซิงก็รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องของหนานกงจิ่ง  หลังจากยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบานใหญ่ชั่วขณะ เธอก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเคาะขออนุญาตก่อน  โชคดีของเธอเมื่อหนานกงจิ่งลืมล็อคประตู

 

“อาจิ่ง  ฉะ….”  ฉีเฉิงหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากประตูที่เพิ่งเปิดแง้ม  หนานกงจิ่งและซูอี้อี้หยุด ‘กิจกรรม’  ทันทีที่เห็นฉีเซิงโผล่เข้ามา  ไม่นานหลังจากนั้นซูอี้อี้ก็ได้สติ  หล่อนกรีดร้องเสียงดังและผลักหนานกงจิ่งออกจากตัว

 

“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนอนของฉัน?  ไม่มีใครสั่งใครสอนมารยาทที่ดีให้เธอรึไงว่าควรเคาะประตูก่อนเปิด? หนานกงจิ่งรีบเอาผ้าห่มคลุมลงบนตัวของซูอี้อี้

 

มือของฉีเซิงค่อยๆหลุดออกจากลูกบิดประตู  และค่อยๆปลดปล่อยอารมณ์ ภาพเบื้องหน้าของทุกคนจึงปรากฏให้เห็นภาพของหญิงสาวผู้โศกเศร้าและหัวใจที่แตกสลาย เมื่อจับได้ว่าคู่หมั้นของเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอ

 

“ฉันจะออกไปรอข้างนอก” ฉีเซิงพูดก่อนจะปิดประตู  “หลานเสวี่ยเธอช่วงลงไปตามคุณพ่อและคุณลุงคุณป้าให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

 

หลานเสวี่ยซึ่งกำลังสติหลุดพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบร้อนเดินลงบันไดไป ฉู่ถางเอนหลังไปพิงกับผนัง  รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา  เขามาอยู่ตรงนี้เพราะจะรอดูละครน้ำเน่าฉากหนึ่งเท่านั้น

 

“อีกสักพัก  ฉันคงต้องรบกวนให้คุณช่วยเป็นพยานให้”  ฉีเซิงมองไปยังฉู่ถาง ซึ่งเขาก็โคลงหัวตอบรับเป็นเชิงว่าตกลง

 

ราวห้านาทีหลังจากนั้น  หลานเสวี่ยก็เดินนำกลุ่มคนขึ้นมา  สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนพิงผนัง  ในขณะที่เด็กสาวท่าทางเศร้าสร้อยอีกคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของหนานกงจิ่ง

 

“คุณพ่อคะ”  เมื่อสังเกตเห็นพ่อของเธอ  เฉิงเซิงก็สวมบทบาทของเธอทันที  เธอโผเข้าไปในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อเสมือนนกปีกหัก

 

“ท่านประธานฉู่  ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะครับ?”  หัวใจของหนานกงเจิ้งแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนผิงผนังอยู่เป็นใคร น้ำเสียงที่เขากล่าวออกมาเต็มไปด้วยความเครารพนอบน้อมแม้ว่าชายคนนี้จะอายุน้อยกว่าเค้ากว่าเค้าก็ตาม  แสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่ชื่อ ฉู่ถางคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน

 

แม้ว่าหลานเสวี่ยจะยังไม่ได้อธิบายเหตุผล ที่เธอตามพวกเขาขึ้นมาบนนี้  แต่พวกเขาล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ย่อมพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างลางๆ  จากน้ำเสียงของหลานเสวี่ย และยิ่งสังเกตเห็นท่าทางของฉีเซิง ก็ยิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้น่าจะถูกต้อง  แต่สิ่งที่หนานกงเจิ้งสงสัยมากที่สุดก็คือ ‘ฉู่ถางมาทำอะไรที่นี่ ?’

 

แทนที่จะตอบคำถามของหนานกงเจิ้ง  ฉู่ถางกลับมองไปที่ฉีเซิงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่  หนานกงเจิ้งจึงไปได้ย้ายสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล มองไปที่เธอด้วยเช่นกัน

 

“หนูเฉิงเยว่….เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ”  แม้ว่าคุณนายหนานกงจะพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่เธอก็ยังคาดหวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

 

“อย่าร้องไห้เลยนะคนเก่งของพ่อ  พ่ออยู่นี่แล้ว   บอกพ่อหน่อยได้ไหม หนูร้องไห้ทำไม?”  ผู้เป็นพ่อปลอบประโลมลูกสาวด้วยท่าทางที่หัวใจสลาย

 

ฉีเซิงยกนิ้วอันสั่นเทาของเธอชี้ไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทพลางสะอื้น

 

“อาจิ่ง…อาจิ่งขะ…เขามีคนอื่น  พะ…พวกเขา..”  ราวกับว่าเธอไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่านี้  เสียงสะอื้นก็กลบคำพูดที่เธอกำลังจะพูดจนหมด

 

ทันใดนั้นเองประตูที่ปิดสนิทก็พลันเปิดออก  เมื่อเห็นลูกชายของเธอและเด็กสาวแปลกหน้า  ความหวังสุดท้ายของคุณนายหนานกงก็หายวับไปกับตา  เมื่อสังเกตเห็นกลุ่มคนตรงหน้าห้อง ซูอี้อี้ก็รีบหลบเข้าไปบนแผ่นหลังของหนานกงจิ่งด้วยความอับอายใบหน้าของเธอแดงซ่าน  ในขณะที่ใบหน้าของคุณพ่อซวีดำทะมึนราวกับเฆฆฝนก่อนที่พายุจะเกิด “ฉันต้องการคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้!”

 

ผู้ชายที่เริ่มต้นก็นอกใจตั้งแต่เป็นคู่หมั้น  ถ้าแต่งงานกันไปผู้ชายคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตที่แย่ขนาดไหน!

 

พ่อของซวีเฉิงเยว่รักแม่ของซวีเฉิงเยว่มาก  ในชีวิตนี้ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดจะนอกใจเธอ  แม้ในบางครั้งที่งานของเขาจำเป็นจะต้องติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น  เขาก็สนใจทำแค่งาน ไม่เคยให้ใครเข้ามาแทรกกลางระหว่างความรักของเขาและภรรยา  นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังว่า เมื่อลูกสาวของเขาแต่งงานกับผู้ชายที่รัก ผู้ชายคนนั้นจะเหมือนกับเขาที่รักภรรยาสุดหัวใจ

 

“หนานกงจิ่ง!  ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”  ด้วยเพราะยังติดใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซวีเฉิงเยว่และฉู่ถาง  หนานกงเจิ้งจึงเลือกทางที่ปลอดภัย  ด้วยการตะคอกถามลูกชายของตนแทน

 

หนานกงจิ่งดึงซูอี้อี้เข้ามาสวมกอดก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจราวกับจะให้คำสัตย์ว่า “อี้อี้คือคนรักของผม  ผมจะไม่แต่งงานกับใครก็ตามที่ไม่ใช่อี้อี้!”

 

“เจ้าลูกโง่คนนี้นิ! นี่ลูกกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้วหรือไง?”  คุณนายหนานกงเป็นคนออกหน้าในครั้งนี้  แต่หนานกงจิ่งกลับพูดขัดขึ้น “คุณแม่ครับ   ถ้าแค่การที่ผมจะเลือกผู้หญิงที่ผมต้องการจะอยู่ไปด้วยตลอดชีวิตผมยังทำไม่ได้  แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม?”

 

“จิ่ง….”  ซูอี้อี้กระตุกแขนของหนานกงจิ่งพลางส่ายหน้ารัวๆ  เธอแสดงสีหน้าราวกับว่ามีคำว่า ‘สงสารฉันสิ!’  แปะอยู่บนใบหน้าของเธอ

 

“ไม่ต้องกลัวนะอี้อี้  ไม่ว่ายังไงฉันก็จะแต่งงานกับเธอ”  หนานกงจิ่งกอดซูอี้อี้แน่นขึ้น

 

พ่อของซวีเฉิงเยว่ยังคงนิ่งเงียบ  ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับรูปสลัก แม้ว่าครั้งนี้เขาจะยอมทำตามความต้องการของลูกสาวที่รัก  แต่แน่นอนว่าเขาขึ้นบัญชีดำหนานกงจิ่งเอาไว้แล้ว

 

ฉีเซิงเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบๆตัว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “คุณพ่อ…คุณลุง….คุณป้า…  ในเมื่ออาจิ่งเขามีคนรักอยู่แล้ว  การหมั้นหมายระหว่างหนูกับเขาก็ยกเลิกเถอะคะ  ถ้าถอนหมั้นกันไปซะ ก็คงจะดีกับทุกๆฝ่ายมากกว่า”

 

นอกจากฉู่ถางผู้ซึ่งทำหน้าที่ผู้ชมที่ดี  ทุกคนต่างตกใจกับการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้  ซวีเฉิงเยว่ที่พวกเขารู้จักคือเด็กสาวผู้หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวของหนานกงจิ่ง จนแทบโงหัวไม่ขึ้น  แล้วเด็กสาวคลั่งรักคนนั้นเนี่ยน่ะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น?

 

ฝ่ายหนานกงจิ่งเองก็อดจะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้  ที่ซวีเฉิงเยว่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอถอนหมั้นกับเขาก่อน  ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองด้วยซ้ำ  คุณนายหนานกงรีบเข้าไปปลอบประโลมฉีเซิง “เฉิงเยว่.. ไม่เอาสิจ๊ะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระอย่างนั้น ป้าจะจัดการให้หนูเอง ป้ารับรองว่าเจ้าลูกโง่คนนี้จะไม่ทำให้หนูเสียใจอีก”

 

“คุณป้าคะ  ผลแตงที่ถูกบังคับเก็บยังไงก็ไม่มีวันหวานหรอกนะคะ  ในเมื่ออาจิ่งไม่ได้รักหนู  สุดท้ายคนที่ทรมานที่สุดก็ต้องเป็นหนูอยู่ดี  หลายปีที่ผ่านมาหนูคิดว่าความจริงใจของหนูจะทำให้อาจิ่งหันมาสนใจหนูบ้าง  แต่สุดท้ายความจริงตรงหน้าก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหนูคิดผิด  หากเวลา2-3 ปี ที่ผ่านมาที่หนูทุ่มเทให้เขา ไม่สามารถเปลี่ยนใจให้เขามาสนใจหนูได้  นั่นก็หมายความว่าต่อให้หนูพยายามต่อไปอีก ทั้งชีวิตก็ไม่แน่ว่าจะได้ใจของเขาครอง”

 

ซวีเฉิงเยว่หลงรักหนานกงจิ่งตั้งแต่ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกับเขา  แม้ว่าเขาจะไม่เคยสนใจไยดีเธอเลยก็ตาม  วิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างกับที่เจ้านายกระทำต่อสัตว์เลี้ยงเลย  เจ้านายผู้คอยสั่งให้สัตว์เลี้ยงทำตามความต้องการของเขาอย่างเคร่งครัด ‘ซวีเฉิงเยว่  เธอช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้!  ต้องเสียเวลาชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์กับไอ้คู่หมั้นเฮงซวยนี่ตั้งหลายปี!!’

 

“ลูกรัก  หนู….”  แม้แต่พ่อของซวีเฉิงเยว่ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ‘เฉิงเยว่อยากถอนหมั้นจริงๆ หรือแค่โกรธ?  ถ้าเป็นเรื่องจริงแน่นอนว่าต้องฉลอง!  หึ!   ลูกสาวของเขาทั้งสวยและแสนดีขนาดนี้  จะไปง้อผู้ชายเฮงซวยพรรคนั้นทำไมกัน?’

 

“คุณพ่อค่ะ  หนูคิดดีแล้วจริงๆคะ”  ฉีเซิงชะงักก่อนจะเผยความอ่อนล้าให้เห็น “หนูคิดเรื่องนี้มา ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วคะ  อีกอย่าง…หนูยอมแพ้แล้ว”

 

“เฉิงเยว่  เจ้าลูกโง่ของป้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ  หนูอย่าเพิ่งคิดอะไร  ใจเย็นๆ ทำใจให้สบายๆ  แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งดีกว่าไหมจ๊ะ?”  คุณนายหนานกงชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ของเธอมาก ถึงแม้ว่าตระกูลซวีจะร่ำรวยไม่เท่าตระกูลหนานกง  แต่ตัวของซวีเฉิงเยว่เองก็ถือว่าเพียบพร้อมในทุกๆด้าน  และอีกอย่างการที่ตระกูลซวีมีฐานะที่ด้อยกว่าตระกูลหนานกงนั้นย่อมส่งผลให้เธอควบคุมซวีเฉิงเยว่ได้ง่ายขึ้นด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 4 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (4)

 

ด้วยตัวซวีเฉิงเยว่คนก่อนค่อนข้างจะคุ้นเคยกับแผนผังของคฤหาสน์ตระกูลหนานกงเป็นอย่างดี  ดังนั้นฉีเซิงจึงสามารถเดินนำทางฉู่ถางไปยังห้องนอนของหนานกงจิ่งบนชั้นสามของคฤหาสน์ได้อย่างง่ายดาย

 

“เฉิงเยว่…เอ๊ะ…นั่นใครน่ะ?”  หลานเสวี่ยที่บังเอิญเดินลงมาจากชั้นสาม ถามถึงชายหนุ่มที่เดินมาพร้อมกับฉีเซิงอย่างประหลาดใจ

 

‘พระเจ้าช่วย!  ผู้ชายคนนี้ดีดูดีมาก  หล่อกว่าหนานกงจิ่งด้วยซ้ำ! หล่อขนาดนี้ทำไมฉันไม่เห็นเขาในงานตั้งแรกแรกนะ?’

 

เมื่อสังเกตเห็นว่าหลานเสวี่ยตกหลุมเสน่ห์ ‘ความฮอตทะลุปรอท’ ของเขา ฉู่ถางจึงยกยิ้มอันรายกาจแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ให้กับเจ้าหล่อน  เพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถทำให้คนหลงใหลคลั่งไคล้จนยากจะลืมเลือน

 

เป็นเพราะว่าฉีเซิงยืนอยู่ข้างหน้าของฉู่เซิง เธอจึงไม่เห็นสีหน้าและรอยยิ้มนั้นของเขา  หากว่าเธอเห็นรอยยิ้มนั่นเข้าเธอคงจะตะโกนตอกหน้าเขาว่า ‘ไอ้หน้าม่อ!’

 

“ฉันไม่เห็นหนานกงจิ่งข้างล่างเลยกะว่าจะเดินขึ้นไปหาเขาข้างบน  เธอจะไปด้วยกันไหม?”  มากคนมากพยาน!

 

เมื่อมีโอกาสได้ร่วมทางไปกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างฉู่ถาง มีเหรอหลานเสวี่ยจะปฏิเสธ

 

“เอ่อ…สวัสดีค่ะ  ดิ..ดิฉันชื่อ หลานเสวี่ยคะ”

 

ณ  จุดๆนี้  ถ้าฉีเซิงยังไม่เข้าใจอีกว่าหลานเสวี่ยกำลังทำอะไร  เธอก็คงจะเป็นคนโง่แห่งปี ตัวเธอแข็งทื่อ ‘โอ้วว…  แม่สาวน้อย !! เธอช่างใจกล้าเสียยิ่งกระไร ที่จะตกไอ้จอมวายร้ายหมายเลขหนึ่งข้างหลังเธอเนี่ย..!  นับถือๆ !

 

หากฉู่ถางได้ยินความคิดของฉีเซิง  เขาคงอดที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองไม่ได้ ‘คำก็หน้าม่อ   สองคำก็จอมวายร้าย  นี่ฉันทำผิดอะไร?!’

 

ละความสนใจจากสองคนด้านหลัง  ฉีเซิงก็รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องของหนานกงจิ่ง  หลังจากยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบานใหญ่ชั่วขณะ เธอก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเคาะขออนุญาตก่อน  โชคดีของเธอเมื่อหนานกงจิ่งลืมล็อคประตู

 

“อาจิ่ง  ฉะ….”  ฉีเฉิงหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากประตูที่เพิ่งเปิดแง้ม  หนานกงจิ่งและซูอี้อี้หยุด ‘กิจกรรม’  ทันทีที่เห็นฉีเซิงโผล่เข้ามา  ไม่นานหลังจากนั้นซูอี้อี้ก็ได้สติ  หล่อนกรีดร้องเสียงดังและผลักหนานกงจิ่งออกจากตัว

 

“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนอนของฉัน?  ไม่มีใครสั่งใครสอนมารยาทที่ดีให้เธอรึไงว่าควรเคาะประตูก่อนเปิด? หนานกงจิ่งรีบเอาผ้าห่มคลุมลงบนตัวของซูอี้อี้

 

มือของฉีเซิงค่อยๆหลุดออกจากลูกบิดประตู  และค่อยๆปลดปล่อยอารมณ์ ภาพเบื้องหน้าของทุกคนจึงปรากฏให้เห็นภาพของหญิงสาวผู้โศกเศร้าและหัวใจที่แตกสลาย เมื่อจับได้ว่าคู่หมั้นของเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอ

 

“ฉันจะออกไปรอข้างนอก” ฉีเซิงพูดก่อนจะปิดประตู  “หลานเสวี่ยเธอช่วงลงไปตามคุณพ่อและคุณลุงคุณป้าให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

 

หลานเสวี่ยซึ่งกำลังสติหลุดพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบร้อนเดินลงบันไดไป ฉู่ถางเอนหลังไปพิงกับผนัง  รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา  เขามาอยู่ตรงนี้เพราะจะรอดูละครน้ำเน่าฉากหนึ่งเท่านั้น

 

“อีกสักพัก  ฉันคงต้องรบกวนให้คุณช่วยเป็นพยานให้”  ฉีเซิงมองไปยังฉู่ถาง ซึ่งเขาก็โคลงหัวตอบรับเป็นเชิงว่าตกลง

 

ราวห้านาทีหลังจากนั้น  หลานเสวี่ยก็เดินนำกลุ่มคนขึ้นมา  สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนพิงผนัง  ในขณะที่เด็กสาวท่าทางเศร้าสร้อยอีกคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของหนานกงจิ่ง

 

“คุณพ่อคะ”  เมื่อสังเกตเห็นพ่อของเธอ  เฉิงเซิงก็สวมบทบาทของเธอทันที  เธอโผเข้าไปในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อเสมือนนกปีกหัก

 

“ท่านประธานฉู่  ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะครับ?”  หัวใจของหนานกงเจิ้งแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนผิงผนังอยู่เป็นใคร น้ำเสียงที่เขากล่าวออกมาเต็มไปด้วยความเครารพนอบน้อมแม้ว่าชายคนนี้จะอายุน้อยกว่าเค้ากว่าเค้าก็ตาม  แสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่ชื่อ ฉู่ถางคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน

 

แม้ว่าหลานเสวี่ยจะยังไม่ได้อธิบายเหตุผล ที่เธอตามพวกเขาขึ้นมาบนนี้  แต่พวกเขาล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ย่อมพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างลางๆ  จากน้ำเสียงของหลานเสวี่ย และยิ่งสังเกตเห็นท่าทางของฉีเซิง ก็ยิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้น่าจะถูกต้อง  แต่สิ่งที่หนานกงเจิ้งสงสัยมากที่สุดก็คือ ‘ฉู่ถางมาทำอะไรที่นี่ ?’

 

แทนที่จะตอบคำถามของหนานกงเจิ้ง  ฉู่ถางกลับมองไปที่ฉีเซิงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่  หนานกงเจิ้งจึงไปได้ย้ายสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล มองไปที่เธอด้วยเช่นกัน

 

“หนูเฉิงเยว่….เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ”  แม้ว่าคุณนายหนานกงจะพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่เธอก็ยังคาดหวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

 

“อย่าร้องไห้เลยนะคนเก่งของพ่อ  พ่ออยู่นี่แล้ว   บอกพ่อหน่อยได้ไหม หนูร้องไห้ทำไม?”  ผู้เป็นพ่อปลอบประโลมลูกสาวด้วยท่าทางที่หัวใจสลาย

 

ฉีเซิงยกนิ้วอันสั่นเทาของเธอชี้ไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทพลางสะอื้น

 

“อาจิ่ง…อาจิ่งขะ…เขามีคนอื่น  พะ…พวกเขา..”  ราวกับว่าเธอไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่านี้  เสียงสะอื้นก็กลบคำพูดที่เธอกำลังจะพูดจนหมด

 

ทันใดนั้นเองประตูที่ปิดสนิทก็พลันเปิดออก  เมื่อเห็นลูกชายของเธอและเด็กสาวแปลกหน้า  ความหวังสุดท้ายของคุณนายหนานกงก็หายวับไปกับตา  เมื่อสังเกตเห็นกลุ่มคนตรงหน้าห้อง ซูอี้อี้ก็รีบหลบเข้าไปบนแผ่นหลังของหนานกงจิ่งด้วยความอับอายใบหน้าของเธอแดงซ่าน  ในขณะที่ใบหน้าของคุณพ่อซวีดำทะมึนราวกับเฆฆฝนก่อนที่พายุจะเกิด “ฉันต้องการคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้!”

 

ผู้ชายที่เริ่มต้นก็นอกใจตั้งแต่เป็นคู่หมั้น  ถ้าแต่งงานกันไปผู้ชายคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตที่แย่ขนาดไหน!

 

พ่อของซวีเฉิงเยว่รักแม่ของซวีเฉิงเยว่มาก  ในชีวิตนี้ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดจะนอกใจเธอ  แม้ในบางครั้งที่งานของเขาจำเป็นจะต้องติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น  เขาก็สนใจทำแค่งาน ไม่เคยให้ใครเข้ามาแทรกกลางระหว่างความรักของเขาและภรรยา  นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังว่า เมื่อลูกสาวของเขาแต่งงานกับผู้ชายที่รัก ผู้ชายคนนั้นจะเหมือนกับเขาที่รักภรรยาสุดหัวใจ

 

“หนานกงจิ่ง!  ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”  ด้วยเพราะยังติดใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างซวีเฉิงเยว่และฉู่ถาง  หนานกงเจิ้งจึงเลือกทางที่ปลอดภัย  ด้วยการตะคอกถามลูกชายของตนแทน

 

หนานกงจิ่งดึงซูอี้อี้เข้ามาสวมกอดก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจราวกับจะให้คำสัตย์ว่า “อี้อี้คือคนรักของผม  ผมจะไม่แต่งงานกับใครก็ตามที่ไม่ใช่อี้อี้!”

 

“เจ้าลูกโง่คนนี้นิ! นี่ลูกกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้วหรือไง?”  คุณนายหนานกงเป็นคนออกหน้าในครั้งนี้  แต่หนานกงจิ่งกลับพูดขัดขึ้น “คุณแม่ครับ   ถ้าแค่การที่ผมจะเลือกผู้หญิงที่ผมต้องการจะอยู่ไปด้วยตลอดชีวิตผมยังทำไม่ได้  แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม?”

 

“จิ่ง….”  ซูอี้อี้กระตุกแขนของหนานกงจิ่งพลางส่ายหน้ารัวๆ  เธอแสดงสีหน้าราวกับว่ามีคำว่า ‘สงสารฉันสิ!’  แปะอยู่บนใบหน้าของเธอ

 

“ไม่ต้องกลัวนะอี้อี้  ไม่ว่ายังไงฉันก็จะแต่งงานกับเธอ”  หนานกงจิ่งกอดซูอี้อี้แน่นขึ้น

 

พ่อของซวีเฉิงเยว่ยังคงนิ่งเงียบ  ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับรูปสลัก แม้ว่าครั้งนี้เขาจะยอมทำตามความต้องการของลูกสาวที่รัก  แต่แน่นอนว่าเขาขึ้นบัญชีดำหนานกงจิ่งเอาไว้แล้ว

 

ฉีเซิงเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบๆตัว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “คุณพ่อ…คุณลุง….คุณป้า…  ในเมื่ออาจิ่งเขามีคนรักอยู่แล้ว  การหมั้นหมายระหว่างหนูกับเขาก็ยกเลิกเถอะคะ  ถ้าถอนหมั้นกันไปซะ ก็คงจะดีกับทุกๆฝ่ายมากกว่า”

 

นอกจากฉู่ถางผู้ซึ่งทำหน้าที่ผู้ชมที่ดี  ทุกคนต่างตกใจกับการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้  ซวีเฉิงเยว่ที่พวกเขารู้จักคือเด็กสาวผู้หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวของหนานกงจิ่ง จนแทบโงหัวไม่ขึ้น  แล้วเด็กสาวคลั่งรักคนนั้นเนี่ยน่ะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น?

 

ฝ่ายหนานกงจิ่งเองก็อดจะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้  ที่ซวีเฉิงเยว่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอถอนหมั้นกับเขาก่อน  ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองด้วยซ้ำ  คุณนายหนานกงรีบเข้าไปปลอบประโลมฉีเซิง “เฉิงเยว่.. ไม่เอาสิจ๊ะ อย่าพูดเรื่องไร้สาระอย่างนั้น ป้าจะจัดการให้หนูเอง ป้ารับรองว่าเจ้าลูกโง่คนนี้จะไม่ทำให้หนูเสียใจอีก”

 

“คุณป้าคะ  ผลแตงที่ถูกบังคับเก็บยังไงก็ไม่มีวันหวานหรอกนะคะ  ในเมื่ออาจิ่งไม่ได้รักหนู  สุดท้ายคนที่ทรมานที่สุดก็ต้องเป็นหนูอยู่ดี  หลายปีที่ผ่านมาหนูคิดว่าความจริงใจของหนูจะทำให้อาจิ่งหันมาสนใจหนูบ้าง  แต่สุดท้ายความจริงตรงหน้าก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหนูคิดผิด  หากเวลา2-3 ปี ที่ผ่านมาที่หนูทุ่มเทให้เขา ไม่สามารถเปลี่ยนใจให้เขามาสนใจหนูได้  นั่นก็หมายความว่าต่อให้หนูพยายามต่อไปอีก ทั้งชีวิตก็ไม่แน่ว่าจะได้ใจของเขาครอง”

 

ซวีเฉิงเยว่หลงรักหนานกงจิ่งตั้งแต่ก่อนที่จะได้หมั้นหมายกับเขา  แม้ว่าเขาจะไม่เคยสนใจไยดีเธอเลยก็ตาม  วิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างกับที่เจ้านายกระทำต่อสัตว์เลี้ยงเลย  เจ้านายผู้คอยสั่งให้สัตว์เลี้ยงทำตามความต้องการของเขาอย่างเคร่งครัด ‘ซวีเฉิงเยว่  เธอช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้!  ต้องเสียเวลาชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์กับไอ้คู่หมั้นเฮงซวยนี่ตั้งหลายปี!!’

 

“ลูกรัก  หนู….”  แม้แต่พ่อของซวีเฉิงเยว่ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ‘เฉิงเยว่อยากถอนหมั้นจริงๆ หรือแค่โกรธ?  ถ้าเป็นเรื่องจริงแน่นอนว่าต้องฉลอง!  หึ!   ลูกสาวของเขาทั้งสวยและแสนดีขนาดนี้  จะไปง้อผู้ชายเฮงซวยพรรคนั้นทำไมกัน?’

 

“คุณพ่อค่ะ  หนูคิดดีแล้วจริงๆคะ”  ฉีเซิงชะงักก่อนจะเผยความอ่อนล้าให้เห็น “หนูคิดเรื่องนี้มา ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วคะ  อีกอย่าง…หนูยอมแพ้แล้ว”

 

“เฉิงเยว่  เจ้าลูกโง่ของป้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ  หนูอย่าเพิ่งคิดอะไร  ใจเย็นๆ ทำใจให้สบายๆ  แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งดีกว่าไหมจ๊ะ?”  คุณนายหนานกงชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ของเธอมาก ถึงแม้ว่าตระกูลซวีจะร่ำรวยไม่เท่าตระกูลหนานกง  แต่ตัวของซวีเฉิงเยว่เองก็ถือว่าเพียบพร้อมในทุกๆด้าน  และอีกอย่างการที่ตระกูลซวีมีฐานะที่ด้อยกว่าตระกูลหนานกงนั้นย่อมส่งผลให้เธอควบคุมซวีเฉิงเยว่ได้ง่ายขึ้นด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+