Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 640 ภัยพิบัติ หายนะหุบเขาทรงพลัง

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 640 ภัยพิบัติ หายนะหุบเขาทรงพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 640 ภัยพิบัติ หายนะหุบเขาทรงพลัง

ภูเขาห่างจากหุบเขาทรงพลังระยะหนึ่ง

ซุนฉีหมิงขี่อสูรเหว มุ่งหน้าไปยังหุบเขาทรงพลัง และแล้ว เมื่อเขาเข้าใกล้หุบเขาทรงพลัง สีหน้าของซุนฉีหมิงยิ่งตกใจมากขึ้น!!!

เพราะว่า ในตอนที่กำลังจะถึงหุบเขาทรงพลังแห่งนั้น ซุนฉีหมิงเห็นศพกองใหญ่!!!

ศพของกลุ่มเสือดาว!!!

ซุนฉีหมิงเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ กลุ่มเสือดาวที่หายไปจากที่เดิม กลับอยู่ที่นี่หมด กลายเป็นศพหมด!!!

ที่สำคัญที่สุดคือ ร่องรอยการต่อสู้ที่อยู่ในภูเขานี้ เห็นได้ชัดว่า เป็นพลังของระดับราชัน!!!

“เป็นไปได้อย่างไร!!! เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!” ซุนฉีหมิงอึ้งอย่างมาก พลังของกลุ่มเสือดาวทั้งหมดแข็งแกร่งอย่างมาก ทำไมถึงถูกกำจัดไปได้!!!

ชนเผ่าถูกฆ่าตายหมด ต่อให้ราชันเสือดาวยังไม่ตาย จะต้องหนีไปแล้วแน่นอน

ตอนแรกซุนฉีหมิงคิดว่า ใครบางคนได้ใช้แผนหลอกเสือดาวพวกนี้ไป นำแหล่งวิญญาณทั้งหมดไป ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ นี่กลับกำจัดกลุ่มเสือดาวทั้งหมด

ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ผู้แข็งแกร่งที่ปกป้องสามหมื่นคนในหุบเขาทรงพลัง คือผู้แข็งแกร่งที่มีระดับราชัน!!!

ซุนฉีหมิงสะเทือนใจยิ่ง ถ้ามีดวงวิญญาณระดับราชัน เขาซุนฉีหมิงคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร อย่างไรเขาเองก็มีเพียงเทียบเท่าราชันตัวเดียว!

ซุนฉีหมิงรู้ดี ผู้คุมดวงวิญญาณที่มีเทียบเท่าราชัน ดวงวิญญาณตัวอื่นจะต้องอยู่ในระดับจักรพรรดิชั้นยอดแน่นอน ซุนฉีหมิงในตอนนี้แทบไม่รู้ว่า ความสามารถของผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชาวบ้านที่ตกอยู่ในหายนะพวกนั้นเป็นอย่างไร เขาจะกล้ามุ่งหน้าไปได้อย่างไร!

“ไม่ได้ จำต้องไปตามหลัวเฮมา ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าตายแน่นอน” ซุนฉีหมิงไม่โง่ คนที่กำจัดชนเผ่ากลุ่มเสือดาวกับราชันเสือดาวได้ จะต้องเป็นราชันวิญญาณที่มีเทียบเท่าราชันตัวหนึ่งเป็นอย่างน้อย

ซุนฉีหมิงกวาดตามองไปยังหุบเขาทรงพลัง ในตอนนี้ไม่ลังเลใดๆ ขี่อสูรเหวหันหลังจากไปทันที

หุบเขาทรงพลัง

หายนะที่กำลังจะมาถึง มาอย่างกะทันหันและดุร้ายมาก!

โรคระบาดอันน่ากลัว!!!

แม้ชู่เทียนหลิงได้ทำการกลบศพในหุบเขาทรงพลังแล้ว แต่อากาศของหุบเขาแห่งนี้ถ่ายเทได้แย่มาก น้ำก็พัดช้ามาก สุดท้ายทำให้เกิดโรคระบาด มีหลายร้อยคนเป็นโรคนี้ อีกทั้งเกิดการระบาดมากขึ้นทุกวัน

สำหรับกลุ่มหนึ่งแล้ว โรคระบาดเหมือนสารพิษของยมทูต หลังจากกระจายออกแล้ว จะฆ่าคนทั้งหมดจนตาย

โรคระบาดครั้งนี้ทำให้หมอยาตระกูลชู่ไร้หนทางใดๆ มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โรคระบาดหายไปได้ มีเพียงออกจากหุบเขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นศพนี้

“จะทำอย่างไรดี!” ชู่เทียนเหิงปวดหัว ผมหงอกหลายเส้นแล้ว

สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลชู่เป็นผู้คุมดวงวิญญาณ ภูมิต้านทานจะดีหน่อย แต่ว่าโรคระบาดนี้ไร้เสียงไร้กลิ่น ใครก็ไม่กล้ารับรองว่า ผู้คุมดวงวิญญาณจะไม่ติดโรคนี้

ชู่มู่ยืนอยู่ในเต็นท์ ตอนที่ได้ข่าวนี้ชู่มู่ก็ไม่มีวิธีใดๆ อย่างไร ความสามารถของเขาแข็งแกร่งจริง กลับฆ่าดวงวิญญาณโรคระบาดได้

ดวงวิญญาณโรคระบาด ความจริงคือสิ่งมีชีวิตที่เล็กจนมองไม่เห็น บางครั้งไฟอาจทำลายดวงวิญญาณโรคระบาดได้ แต่ทันทีที่ดวงวิญญาณโรคระบาดแข็งแกร่งขึ้น นอกจากจะกำจัดคนที่ติดโรคแล้ว แม้แต่ดวงวิญญาณระดับราชันก็ไม่อาจรอดไปได้

ตลอดที่ผ่านมา ชู่มู่ไม่เคยสนใจหายนะแบบนี้ รอถึงตอนที่ปรากฏขึ้นมาอย่างแท้จริง ถึงรู้ว่าโรคระบาดน่ากลัวมากเพียงใด

“ชิงจืออยู่ที่นี่คงดี…” ชู่มู่พูดอย่างหมดหนทาง

โรคระบาดแบบนี้ มีเพียงนักวิญญาณที่จะรับมือได้

เดินอยู่ด้านนอก เห็นคนติดโรคมากขึ้นเรื่อยๆ คนหายใจหอบในเต็นท์มากขึ้นเรื่อยๆ หลับด้วยสีหน้าซีดขาว ชู่มู่เองก็รู้สึกรุกรน กำลังคิดวิธีจัดการ…

เมืองตะวันตก

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดของเมืองตะวันตกถูกจัดการไปแล้ว ด้านในเรือนเจ้าเมืองที่ผุพัง หลัวเฮมองไปยังซุนฉีหมิงด้วยใบหน้าโกรธเคือง

“เจ้าบอกว่า มีคนแย่งแหล่งวิญญาณของพวกเราไปแล้ว! อีกทั้งคนนี้ยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถราชัน!!!” หลัวเฮตึงเครียด อยู่ในภาวะพร้อมระเบิดทุกเมื่อ

“อืม การต่อสู้กับชนเผ่ากลุ่มเสือดาบในหุบเขา คนของเมืองเจ็ดสียังมีชีวิตอยู่ในหุบเขาทรงพลัง จะต้องเกี่ยวกับคนนั้นแน่นอน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังอยู่ในผู้ลี้ภัยเหล่านั้นไหม” ซุนฉีหมิงบอก

“เจ้าคนที่นามสกุลชิวนั่นละ” หลัวเฮถามขึ้น

“เขามุ่งหน้าไปบ่อน้ำตะวันตกแล้ว ถ้าสู้ขึ้นมาจริงละก็ จะไม่กลับมาในสิบวันแน่นอน” ซุนฉีหมิงบอก

“พวกเรามุ่งหน้าไปยังหุบเขาทรงพลังเถอะ ไปพาคนคนนั้นออกมา” หลัวเฮพูดอย่างเยือกเย็น

“แต่ถ้าความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราสองคนรวมกันละ” ซุนฉีหมิงถามเสียงเบา

“หึ ถ้าอย่างนั้นเขาจะพาสามหมื่นคนนั้นของเมืองเจ็ดสีออกไปตั้งนานแล้ว ไม่จำต้องหลบอยู่ในหุบเขาทรงพลัง ใช้ประโยชน์จากหุบเขานั้น อย่างมากเขาก็มีเทียบเท่าราชันแค่ตัวเดียว!” หลัวเฮบอก

หลัวเฮกับซุนฉีหมิงอยู่ในขั้นราชันวิญญาณ หลังจากที่หลัวเฮมอบเรื่องการกำจัดบ่อน้ำตะวันตกให้คนอื่นจัดการแล้ว ตัวเขากับซุนฉีหมิงกลับก้าวข้ามเขตป้องกันของบ่อน้ำตะวันตก มุ่งหน้าไปยังหุบเขาทรงพลังไป

“ศพพวกนี้รวมกันแล้ว น่าจะประมาณกลุ่มขั้นเก้าสองอัน ต่อให้บวกกับราชันเสือดาว ข้าหรือเจ้าคนใดคนหนึ่งก็จัดการได้”หลัวเฮยืนอยู่กลางเขา กวาดตามองไปยังศพทั้งหมดนี้

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปในหุบเขาตอนนี้ คนของเมืองเจ็ดสีจะจัดการอย่างไร” ซุนฉีหมิงถามขึ้น

“ใครจะไปรู้ว่า ในบรรดาพวกเขาจะมีคนอื่นที่รู้ความลับของแหล่งวิญญาณอยู่หรือไม่…” หลัวเฮพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

ทันใดนั้น หลัวเฮฉีกยิ้มออกมา เหมือนจะนึกแผนการที่ไม่แย่ออกมาได้

ด้านในเต็นท์ใหญ่ของหุบเขาทรงพลัง

“หัวหน้า หัวหน้า ด้านนอกหุบเขามีผู้แข็งแกร่งสองคน คนหนึ่งบอกว่า เป็นเจ้าโลกหลัว อีกคนบอกว่าเป็นท่านซุนองค์กรการค้า พวกเขาบอกว่า ได้ข่าวจากดวงวิญญาณส่งสารของพวกเรา มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเราออกไป” สมาชิกตระกูลชู่ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามา พูดกับชู่เทียนเหิงอย่างตื่นเต้น

ชู่เทียนเหิงกำลังเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เรื่องโรคระบาดทำให้เขาไปคิดเรื่องอื่นมากไม่ได้ และแล้วข่าวที่มาจากสมาชิกคนนี้ กลับทำให้ชู่เทียนเหิงลุกขึ้นทันที !!!

โลกภายนอกรับรู้เรื่องที่มีสามหมื่นคนถูกขังไว้ที่นี่ และได้กระจายไปที่เจ้าโลก เจ้าโลกเขากลับลงมือเอง มาช่วยคนทั้งหมดของเมืองเจ็ดสี!!!

“รีบ…รีบเชิญพวกเขาเข้ามา!” ชู่เทียนเหิงรีบบอก

“ขอรับ ขอรับ!!!”

ไม่สามารถกำจัดโรคระบาดได้ วิธีเดียวคือออกจากหุบเขาแห่งนี้

เจ้าโลกคนนี้กับท่านซุนมาได้เวลาจริงๆ ทำให้คนทั้งหมดรอดจากกองไฟได้!

“ช้าก่อน…” ทันใดนั้น ชู่เทียนเหิงเรียกสมาชิกคนนั้น

“หัวหน้า มีอะไรอีกขอรับ”

ชู่เทียนเหิงมองไปยังชู่เชียนที่อยู่ด้านข้าง พูดขึ้นว่า “ไปเรียกชู่มู่มา”

ชู่เชียนอึ้งเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ชู่มู่…ชู่มู่เขาจากไปแล้ว….”

“จากไปงั้นหรือ เขาไปไหน ทำไมจู่ๆ เขาถึงจากไป!” ชู่เทียนเหิงรีบถามขึ้น

ชู่เทียนเหิงเชื่อว่า ชู่มู่จะอยู่ที่นี่คอยปกป้องคนทั้งหมด จนถึงคนทั้งหมดปลอดภัย ไม่กี่วันก่อนเพิ่งเกิดโรคระบาดขึ้น ทำให้คนทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เป็นช่วงที่หุบเขาทั้งแห่งอ่อนแอที่สุด ทำไมชู่มู่ถึงจากไปโดยไม่บอก หรือว่าเขาจะทิ้งคนที่นี่แล้วหนีไปงั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้ ชู่เทียนเหิงไม่เชื่อว่า ชู่มู่จะทิ้งตระกูลของตัวเองไว้ที่นี่

“รีบพูด เกิดอะไรขึ้น !” ชู่เทียนเหิงถามขึ้น

“ท่านพ่อ ท่านพ่ออย่าเพิ่งตื่นเต้น เรื่องเป็นแบบนี้ ระดับโรคระบาดครั้งนี้ไม่เบา ถ้าไม่เจอวิธีช่วยเหลือหรือรักษาในสิบวัน เกรงว่าคนเกินครึ่งจะต้องตายลง ดังนั้น ชู่มู่จึงคิดจะไปวังมารนิรย ตามหายาที่ควบคุมโรคระบาดได้ เขากังวลว่าหลังจากที่ตัวเขาจากไป ทุกคนจะแตกตื่น ไม่มีความมั่นใจ จึงไม่บอกคนอื่น เขายังให้ปีศาจนักรบไม้ของตัวเองคอยปกป้องพวกเราที่นี่” ชู่เชียนพูดเสียงเบา

ชู่เทียนเหิงถอนหายใจ ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมชู่มู่ถึงทำแบบนี้

เป็นเรื่องจริง ถ้ารออยู่ที่นี่ต่อไปละก็ จะทำให้คนทั้งหมดแตกสลายและหวาดกลัวต่อโรค จำต้องหาวิธีจัดการให้ได้ ชู่มู่ทำแบบนี้ถูกแล้ว

“ไปช้าหน่อยก็ได้ รวมกับพลังของเจ้าโลกและท่านซุนคนนั้น น่าจะปกป้องพวกเราจากไปได้ ทว่า ทำไมเขาไม่ไปเมืองโลกตะวันตก แต่กลับไปวังมารนิรย” ชู่เทียนเหิงถามขึ้น

“เรื่องนี้ ข้าไม่รู้มากเท่าไร” ชู่เชียนส่ายหัว

“ช่างเถอะ พวกเราไปต้อนรับเจ้าโลกก่อนเถอะ” ชู่เทียนเหิงไม่คิดไรมาก ออกจากเต็นท์อย่างรวดเร็ว

แม้หลัวเฮกับซุนฉีหมิงจะอยู่ด้านนอกหุบเขา แต่คนทั้งสองเป็นบุคคลระดับไหน จะให้รอได้อย่างไร หลังจากบอกกับคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกหุบเขา พวกเขาได้เข้าไปในหุบเขาทันที

ดังนั้น ชู่เทียนเหิงเดินออกจากเต็นท์ไม่นาน ก็เห็นเจ้าโลกหลัวเฮกับซุนฉีหมิงที่มีตำแหน่งสูงกว่าตัวเองเดินเข้ามา

ชู่เทียนเหิงยังไม่เคยเห็นใบหน้าของเจ้าโลกมาก่อน แต่คิดว่าในตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าละเลย เชิญทั้งสองคนเข้ามาในเต็นท์อย่างนอบน้อม

หลัวเฮเดินเข้าเต็นท์อย่างไม่เกรงใจ นั่งบนตำแหน่งประธาน เขากวาดตามองไปยังคนทั้งหมดของตระกูลชู่ สายตาเย่อหยิ่งอย่างมาก

ซุนฉีหมิงเองก็ขี้เกียจจะทำหน้าดีให้คนธรรมดาพวกนี้ นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่พูดไม่จาอะไร

ตระกูลชู่เห็นท่านทั้งสองไม่พูดอะไร ไม่กล้าพูดขึ้นก่อน

ที่นั่งอยู่เป็นเจ้าโลกตะวันตก คนที่มีอำนาจที่สุดของทั้งโลกตะวันตก ไม่ว่าใครก็จะต้องนอบน้อม ดังนั้น พวกเขาทำท่าทีแบบนี้ก็ไม่กล้ามีใครว่าอะไรได้

ทว่า ตอนที่ชู่เทียนเหิงโค้งคำนับ กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกว่า ท่าทีของสองคนนี้แปลกๆ ไม่ได้รู้สึกดีใจที่ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับมีสีหน้ามัวหมอง

“ผู้แข็งแกร่งที่ช่วยให้พวกเจ้ามาถึงที่นี่ แล้วยังจัดการกลุ่มเสือดาวคือใคร” หลัวเฮถามขึ้น เขาเองก็ไม่พูดเยอะ เข้าเรื่องทันที!

พูดถึงผู้แข็งแกร่งคนนั้น ตระกูลชู่ฉีกยิ้มอย่างภูมิใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงความสามารถ ชู่มู่คงเทียบกับเจ้าโลกได้แล้ว

“ชู่มู่ เขาคือวีรบุรุษของพวกข้า” ในไม่ช้า มีคนตอบขึ้นมา

“ใช่ เขาคนเดียวก็จัดการกลุ่มเสือดาวส่วนใหญ่แล้ว!!!”

“อ่อ ชู่มู่งั้นหรือ” หลัวเฮมองไปยังซุนฉีหมิง

ซุนฉีหมิงส่ายหัว เป็นการบอกว่าไม่เคยได้ยินคนนี้มาก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด